บทที่ 37-38
บทที่ 37
อาหารที่ไหม้จนดำเป็นตอตะโก
มู่ซูเสียนได้ยินก็แสดงสีหน้าตกใจมาก เธอยืนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเอื้อมมือไปแตะหน้าผากถังซือซือ
“ซือซือลูกแม่ ไม่สบายรึเปล่า?”
“โถลูกรัก แม่รู้นะว่าการที่ลูกไม่เคยมีแฟนสักคนมานานอาจทำให้ลูกกลายเป็นคนเพ้อฝันแบบนี้ได้ แต่ไม่คิดว่าลูกจะอาการหนักขนาดนี้ โอเค! เดี๋ยวแม่เอากระจกมาให้! เผื่อลูกจะได้สติ!”
เชื่อเลย! รู้สึกเจ็บแปลบไม่ต่างจากโดนแม่แท้ ๆ ด่า
นี่ขนาดคนเป็นแม่ยังดูถูกลูกสาวตัวเองเลยเหรอเนี่ย?
เฮ้อ! เธอเป็นแม่แท้ ๆ ของร่างนี้เลยนะ! เป็นห่วงความรู้สึกกันหน่อยได้ไหม ให้ตายสิ!
ในฐานะที่มู่ซูเสียนเป็นแม่ เธอจึงพยายามให้เหตุผล แล้วพูดต่อไปว่า
“คุณเซียวและคุณกู่เป็นศิษย์เก่าหนานซานจริงเหรอ? แม่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าพวกเขาต้องไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป! อย่าโกหกแม่เลยว่าลูกคบกับคุณเซียว ถ้าเป็นเรื่องจริงแม่คงช็อกตายไปแล้ว! จะมีสักกี่คนเชียวที่ยอมรับลูกได้?”
“ถ้าเขาจะมีแฟนทั้งทีก็ต้องเป็นระดับดาราชื่อดัง สาวฮอตในมหาวิทยาลัย หรือลูกสาวของตระกูลเศรษฐีเหมือนกัน นั่นแหละถึงจะเรียกว่ากิ่งทองใบหยก แต่ลูกนี่จริง ๆ เลย ถึงอย่างนั้นแม่ก็อดสงสัยไม่ได้... ตกลงลูกคบกับเขาจริงเหรอ? ไม่งั้นก็หาหลักฐานมาให้แม่ดู ทำยังไงก็ได้ แม่ถึงจะเชื่อ...”
“สมัยมัธยมต้นลูกก็ไม่ขนาดนี้นะ ไม่ได้หน้าตาขี้เหร่เลย ร่างเล็กน่ารัก ไว้หน้าม้าบาง ๆ พอโตขึ้นมาหน่อยหนูก็เป็นสิวเป็นฝ้าเป็นกระไปทั่วหน้าได้ยังไงก็ไม่รู้ หมดเงินรักษาไปเยอะแต่ก็ไม่หายซะที! แม่เครียดมาก เพราะกลัวว่าลูกจะไม่มีใครมาจีบ...”
“หนูรู้ว่าถังซือซือคนนี้น่ะ ทั้งชีวิตคงหาลูกเขยดี ๆ ให้แม่ไม่ได้หรอก แต่หนูเป็นลูกสาวคนเดียวของแม่นะ อย่างน้อยให้กำลังใจกันบ้างก็ดี...”
มู่ซูเสียนถูกผลักออกจากห้องครัวอีกครั้ง
หลังจากเดินออกมาจากห้องครัว มู่ซูเสียนก็เกิดความกระสับกระส่ายอย่างบอกไม่ถูก
เดิมทีก่อนที่ถังซือซือจะกลับมาถึง มู่ซูเสียนได้ลองให้เซียวเฉินเยวียนชิมอาหารฝีมือตัวเองที่ไหม้จนดำเป็นตอตะโก
ลึก ๆ แล้วเธอกังวลว่าเขาจะไม่กลับมาเยี่ยมที่นี่อีกเป็นครั้งที่สอง
เพราะคิดว่าเขาคงจะรู้สึกผิดหวังไปแล้ว
ในที่สุด เธอตัดสินใจว่าจะลงไปที่ร้านอาหารชั้นล่างเพื่อซื้ออาหารขึ้นมาเสิร์ฟแทน
แต่พอมู่ซูเสียนเดินไปถึงประตู เธอได้กลิ่นหอมบางอย่าง กลิ่นนั้นหอมฟุ้งไปทั่วทั้งห้องครัว กระจายออกมาถึงด้านนอก แล้วลอยตลบอบอวลไปทั่วห้อง
เธอรู้สึกหิวขึ้นมาทันที...
หยุดอยู่หน้าประตูได้เพียงครู่เดียวเท่านั้นก็หันหลังกลับ
ตอนนี้ถังซือซือกำลังยืนฮัมเพลงเบา ๆ พร้อมกับทำอาหารไปด้วยอย่างมีความสุข
เธอนำวัตถุดิบที่ซื้อเผื่อมาจากซูเปอร์มาร์เก็ต รังสรรค์เป็นเมนูอาหารจานหรูมากมาย เช่นซี่โครงหมูอบซอสมะเขือเทศ ผัดบวบใส่กุ้งสด ปลากะพงขาวนึ่งสมุนไพร และซุปเนื้อแกะสไตล์ยุโรป...
ตลอดเวลาที่ผ่านมา แม่และลูกสาวคู่นี้กินแต่ซาลาเปากับขนมจีบเป็นประจำแทบทุกมื้อ ในขณะเดียวกันมู่ซูเสียนรู้สึกโล่งใจขึ้นมากเมื่อเห็นอาหารเหล่านี้
ไม่กี่นาทีต่อมา เซียวเฉินเยวียนลุกจากโซฟา เดินมายืนพิงประตูห้องครัว เขามองถังซือซือด้วยความเอ็นดู อีกใจหนึ่งกำลังเฝ้ารอชิมอาหารฝีมือเธออย่างใจจดใจจ่อ
หางตาถังซือซือเหลือบไปเห็นเขา เธอตกใจเล็กน้อยแล้วรีบพูดว่า
“อีกเดี๋ยวฉันก็ทำเสร็จแล้ว คุณหิวแล้วเหรอ?”
เซียวเฉินเยวียนไม่พูดอะไร สีหน้าเรียบนิ่งยังคงมองไปที่ถังซือซือ ก่อนพยักหน้าเล็กน้อย
การถูกสายตาที่เปล่งประกายงดงามมองมาแบบนี้ แม้ว่าถังซือซือจะพยายามกลั้นความเขินอายมากแค่ไหน เธอก็ไม่สามารถทำใจให้ชินได้สักที
ใบหูของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำอย่างรวดเร็ว รีบหันหน้ากลับมาทำอาหารต่อด้วยความประหม่า เกือบทำน้ำตาลหกลงไปทั้งขวด
ถังซือซือรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เฮ้อ อีตาคุณชายปีศาจตั้งใจมาทำให้ฉันเสียสมาธิรึไงเนี่ย?
เธอตอบกลับเสียงดังเพื่อปกปิดความประหม่าภายในใจ
“นี่คุณ ช่วยไปเอาจานมาให้ฉันที”
เธอคิดว่าเขาจะเพิกเฉยต่อคำขอของเธอ เพราะคิดว่าคนอย่างเขาคงไม่ทำตามคำขอของใคร
จู่ ๆ เขาก็เดินเข้ามาในครัวด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม แล้วหยิบจานจำนวนหนึ่งมาจัดเรียงบนโต๊ะเตรียมอาหารอย่างประณีต
พอเขาเดินผ่านด้านข้างของถังซือซือไป เธอได้กลิ่นน้ำหอมจาง ๆ จากตัวเขา แค่ได้กลิ่นก็รู้สึกสดชื่นแล้ว
นี่มันกลิ่นน้ำหอมบ้าอะไรเนี่ย ชักจะทนไม่ไหวแล้ว...
ถังซือซือสะบัดศีรษะเล็กน้อย เกือบจะทำมีดในมือร่วง
โต๊ะกินข้าวภายใต้โคมไฟระย้าหรูหรา
ทั้งสี่คนนั่งรอบโต๊ะกันอย่างพร้อมหน้า มู่ซูเสียนมอง ถังซือซืออย่างไม่เชื่อสายตา
อาหารจานหรูน่าอร่อยที่วางเรียงอยู่ตรงหน้า แค่ดมกลิ่นและมองไม่กี่นาที ก็ทำให้รู้สึกอยากอาหารเอามาก ๆ
บทที่ 38
นี่แหละช่วงเวลาดี ๆ หลังจากได้ทำงานล่วงเวลา
รสชาติอร่อยเหลือเชื่อ อร่อยจนหยุดไม่ได้แล้ว!
รสชาติของซอสมะเขือเทศเข้มข้น แต่ไม่กลบรสสัมผัสของเนื้อ เป็นการจับคู่กันอย่างลงตัวที่สุด ทุกคนต่างหยุดมือตัวเองไม่ได้ ยังคงตักเข้าปากอย่างต่อเนื่อง รสชาติอาหารที่กลมกล่อมทำให้ทุกคนมีความสุข ผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้าที่ได้รับมาตลอดทั้งวัน!
อร่อยมาก!
ไม่คิดเลยว่าฝีมือลูกจะต่างจากฝีมือการทำอาหารที่ดำเป็นตอตะโกของแม่ได้ขนาดนี้!
เมื่อกู่ชวนได้ชิมอาหารจานอื่น ๆ บนโต๊ะ สีหน้าของเขาดูมีความสุขมากจนหุบยิ้มไม่ได้ เขาชมเชยไม่หยุดปากว่า
อร่อย... รสชาติอร่อยสุดยอด!
ทันทีที่เขากินเข้าไป เขาลิ้มรสถึงความสดของกุ้งอย่างที่ไม่เคยลิ้มลองมาก่อน ซึ่งเข้ากับความหวานจากผัดบวบได้ดีมาก ความนุ่มเด้งของกุ้งยิ่งกัดยิ่งสู้ฟัน รสชาติอร่อยเหลือเชื่อท่วมท้นเต็มปาก จนอดใจไม่ไหวที่จะเติมข้าวเพิ่มอีกจานหนึ่ง
นี่คือผัดบวบใส่กุ้งสดที่ไม่เคยมีในโลกนี้! ส่วนผสมดูเรียบง่ายและธรรมดา แต่ด้วยความเชี่ยวชาญในการปรุงรสและกรรมวิธีของถังซือซือได้ชูรสของวัตถุดิบจนถึงขีดสุด มันคือสัมผัสของรสชาติที่หาจากที่ไหนไม่ได้ง่าย ๆ!
“อร่อยมาก ๆ! คุณหนูซือซือ! นี่คือผัดบวบใส่กุ้งสดที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยกินมาเลยครับ!” กู่ชวนเอ่ยปากชื่นชมอย่างจริงใจ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ดวงตาสว่างสดใสทุกครั้งที่พูดคำว่า ‘อร่อยมาก’ ‘เหลือเชื่อ’ สีหน้าดูมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด
กู่ชวนอยู่กับการทำงานเต็มเวลาทุกวัน รวมถึงต้องทำงานล่วงเวลาเกือบทุกคืนเมื่อเจ้านายของเขาต้องการ เขาจึงไม่มีช่วงเวลาดี ๆ กับการกินอาหารในแต่ละมื้อมากนัก
เขาสามารถยืนยันด้วยหัวใจทั้งดวงของตัวเอง! ว่านี่คือรสชาติที่ดีกว่าอาหารของเชฟในเมืองหลวงเป็นร้อยเท่าพันเท่า!
คืนนี้คุ้มค่าจริง ๆ ที่มีโอกาสได้กินอาหารรสชาติดีขนาดนี้! ไม่เสียดายเวลาเลย!
นี่แหละช่วงเวลาดี ๆ หลังจากได้ทำงานล่วงเวลา!
คุณผู้ชาย! ผมรอลุ้นให้ท่านมาที่นี่บ่อย ๆนะ ได้โปรดมาเถอะ!
ถังซือซือสังเกตปฏิกิริยาของมู่ซูเสียนและกู่ชวน เธอมีความมั่นใจมากในทักษะการทำอาหาร แต่สิ่งที่เธออยากรู้มากที่สุดคือปฏิกิริยาของ...
ดวงตาของเธอจับจ้องไปที่เซียวเฉินเยวียนอย่างตั้งใจ แต่เขาไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกจ้องอยู่ จึงก้มหน้าก้มตากินอาหารต่อไป
เธอตกตะลึงจนตาค้าง ขณะที่เขากำลังหยิบตะเกียบขึ้นมา แล้วยื่นไปคีบเนื้อปลากะพงขาวนึ่ง
แม้แต่ท่าจับตะเกียบยังดูสง่างามเหมือนกับรูปปั้นกรีก
เธอมองเขาคีบเนื้อปลากะพงนึ่งหนึ่งชิ้นเข้าปาก ก่อนเคี้ยวมันอย่างช้า ๆ
ดวงตาของเซียวเฉินเยวียนพลันสว่างขึ้นราวกับดวงดาวจักรราศีกำลังเปล่งประกาย สีหน้านิ่งงันไปครู่หนึ่ง
หลังจากนั้นเขาก็หันไปมองถังซือซือด้วยสีหน้าที่แสดงความพอใจเป็นอย่างมาก ยกริมฝีปากขึ้นเป็นรอยยิ้มแล้วหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ซือซือ คราวหน้าทำอาหารให้ผมกินอีกนะ”
หืม?!
ต้องมีอะไรแอบแฝงแน่ ๆ!
ฉันว่าเขาต้องวางแผนบ้าบออะไรไว้อีกแน่ ๆ!
ตอนนี้... ถังซือซือคิดว่านี่ต้องเป็นกับดักของเขาอย่างแน่นอน แต่เธอกลับมองสบตาเขา แล้วตอบตกลงไปโดยไม่รู้ตัว
“โอเคค่ะ”
นี่ฉันเผลอขายตัวเองอีกครั้งแล้ว!
ให้ตายเถอะ! หงุดหงิดตัวเองชะมัด! เหมือนหนีเข้าซอยแล้วเจอทางตันเลย! กี่ครั้งแล้วนะซือซือ ที่ต้องแพ้ให้กับความหล่อของเขาเนี่ย!
ฉันนี่บ้าผู้ชายจริง ๆ!
ขณะที่ก่นด่าตัวเองอยู่ในใจ เธอก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงแอบถามกู่ชวนเบา ๆ ว่าปกติแล้วเซียวเฉินเยวียนชอบกินอะไร
มู่ซูเสียนมองถังซือซือด้วยสีหน้าสงสัย เครื่องหมายคำถามผุดขึ้นบนหัวเธออีกครั้ง เมื่อคิดถึงสิ่งที่น่าเหลือเชื่อมากมายที่เกิดขึ้นในคืนนี้ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสงสัยและอยากรู้อยากเห็น
ถังซือซือเหลือบไปเห็นท่าทางแปลก ๆ ของมู่ซูเสียน จึงพยายามเบี่ยงเบนบทสนทนาไปมั่วซั่วเพื่อทำให้เธอสับสน
“แม่คะ พอดีที่มหาวิทยาลัยมีคลาสสอนทำอาหารนะคะ หนูเลยลองไปเรียนดู อีกอย่าง แม่คงคิดว่าเมื่อกี้นี้หนูก้าวร้าวมากใช่ไหม? เป็นเพราะหนูเลือกคลาสการแสดงเป็นวิชาเสริมค่ะ! เยี่ยมไปเลย! หนูเก่งใช่ไหมล่ะ!”
ถังซือซือพยายามอย่างมากในการสร้างเรื่องชวนเชื่อ จนเห็นว่าท่าทางของมู่ซูเสียนเปลี่ยนไป จึงโล่งใจว่ามู่ซูเสียนสับสนและมึนงงไปตามแผน
เรียบร้อย ทำให้สับสนสำเร็จจนได้
ยังไงก็เถอะ เมื่อกี้หนูก้าวร้าวมากใช่ไหมคืออะไรกันแน่?
มู่ซูเสียนไม่ใส่ใจกับคำพูดของถังซือซืออีก ตอนนี้เธอคิดว่าคำถามนี้สำคัญกว่า จึงหันไปทางเซียวเฉินเยวียนแล้วถามเขาอย่างตรงไปตรงมา
“คุณเซียว กรุณาตอบฉันมาตามตรงเถอะค่ะ คุณกับ ซือซือรู้จักกันได้ยังไง?