บทที่ 329-330
บทที่ 329
ไม่ง่ายดายขนาดนั้น
หลินอี้ปินเข้าใจทันทีว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร
“เรียกทุกคนเข้าประชุมด่วน”
ทันทีที่ทุกคนได้ยินว่าบริษัทได้รับโปรเจกต์ใหญ่ ทุกคนต่างตื่นเต้นมาก ไม่นานก็เข้ามากระจุกตัวอยู่ในห้องประชุมอย่างรวดเร็ว
หลินอี้ปินให้ความสำคัญกับโปรเจกต์นี้มากกว่าใคร ๆ เขาวาดหวังว่าทุกแผนกจะต้องทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด เพื่อให้โฆษณาที่ได้มีคุณภาพสูง ตรงกับความต้องการของลูกค้า
ตามเอกสารแสดงเจตจำนง ลูกค้าระบุว่าขอให้ทั้งสองฝ่ายทำงานโดยประสานงานกันตลอดเวลา ออกแบบโฆษณาได้ตามใจชอบ ขอแค่เน้นย้ำถึงจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่ประจักษ์และสร้างสรรค์ ซึ่งทุกคนในที่ประชุมก็มีมติเป็นเอกฉันท์ หลินอี้ปินพึงพอใจมากทีเดียว
หลังจากนั้น ฝ่ายบริการลูกค้าติดต่อลูกค้าผ่านทางโทรศัพท์ทันที
หลังจากอีกฝ่ายรับสายแล้ว ผู้จัดการฝ่ายบริการลูกค้าก็แจ้งให้อีกฝ่ายทราบถึงขั้นตอนและแนวคิดหลายอย่าง ของพวกเขาด้วยความตื่นเต้น ในขณะที่ทุกคนนั่งรอคอยอย่างมีความหวัง
จู่ ๆ ผู้จัดการฝ่ายบริการลูกค้าที่กำลังนำเสนองานอย่างฉะฉานชัดเจน กลับถูกอีกฝ่ายขัดจังหวะโดยไม่คาดคิด
“ขอโทษครับ หยุดอธิบายสักครู่”
“คะ?” ผู้จัดการฝ่ายบริการลูกค้านิ่งงัน ริมฝีปากเม้มสนิทโดยไม่รู้ตัว
ทุกคนเกิดความสงสัยว่าทำไมจู่ ๆ เธอก็หยุดนำเสนองานไปเสียอย่างนั้น?
“เจ้านายของคุณคือประธานหลิน อดีตประธานบริษัทอี้หลินกรุ๊ปใช่ไหมครับ?”
“อ้อ ใช่ค่ะ” ผู้จัดการฝ่ายบริการลูกค้าทำหน้างง ทำไม อยู่ ๆ เขาก็ถามถึงเรื่องนี้ล่ะ?
“ถ้าอย่างนั้นผมขอใช้โอกาสนี้ ยุติโปรเจกต์ที่ว่ากับทางบริษัทของคุณก็แล้วกัน”
“อะไรนะคะ? นี่ คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า?”
“ผมไม่ได้เข้าใจอะไรผิดทั้งนั้น ผมแค่ไม่อยากร่วมงานกับบริษัทของคุณแค่นั้นแหละ” น้ำเสียงของอีกฝ่ายเย็นชามาก ไม่มีแม้แต่หางเสียง
เมื่อหลินอี้ปินเห็นว่าสีหน้าของลูกน้องซีดเผือดผิดปกติ เขารีบคว้าโทรศัพท์จากมืออีกฝ่ายมากรอกเสียงไปตามสายทันที
“สวัสดีครับ”
“โอ้ ประธานหลินเหรอครับ? ขอโทษด้วย ถ้าผมรู้ตั้งแต่แรกว่าประธานบริษัทคือคุณ ผมคงไม่เสนอโปรเจกต์นั้นไปตั้งแต่แรก”
“คุณหมายความว่ายังไง?”
“ไอหยา ประธานหลิน คุณเพิ่งแยกตัวออกมาจากตระกูลหลินไม่ใช่เหรอ? คนอื่น ๆ ต่างก็ลือกันให้สนั่นว่าคุณคงมีความสามารถไม่มากนัก ส่วนผมเองก็ยังอยากร่วมมือทำธุรกิจกับทางอี้หลินกรุ๊ปต่อไป”
หรือความหมายอีกอย่างก็คือ ถ้าผมยังดึงดันจ้างบริษัทของคุณในการถ่ายทำโฆษณา จนประธานใหญ่หลินรู้เข้า แล้วปฏิเสธการให้ความร่วมมือกับบริษัทเล็ก ๆ ของผมจะทำยังไง?
สีหน้าของหลินอี้ปินทรุดลงทันที มือข้างที่ถือโทรศัพท์ไว้สั่นเทาเล็กน้อย
“ขอโทษด้วยนะครับ ประธานหลิน ผมเป็นคนตรงเลยพูดอะไรตรง ๆ หวังว่าคุณคงไม่ถือสา” หลังจากอีกฝ่ายพูดจบก็วางสายไปอย่างไร้เยื่อใย
บริษัทในเครืออี้หลินกรุ๊ปของตระกูลหลินมีธุรกิจหลากหลายประเภท ทั้งในรูปแบบอีคอมเมิร์ซ โรงงานแปรรูปอาหาร โลจิสติกส์และบริการทางคมนาคมขนส่ง รวมถึงธุรกิจ อื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งนี้มีบริษัทขนาดใหญ่และขนาดย่อมจำนวนนับไม่ถ้วนที่ดำเนินกิจการร่วมกันกับอี้หลินกรุ๊ป ยิ่งตอนนี้มีข่าวลือว่าหลินอี้ปินถูกตระกูลหลินตัดหางปล่อยวัด ทุกคนจึงกลัวว่าหากร่วมมือกับทางหลินอี้ปินแล้ว อาจทำให้ประธานใหญ่หลินไม่พอใจจนเพิกถอนความร่วมมือทางธุรกิจ
“โครม!”
หลินอี้ปินกระแทกโทรศัพท์สำนักงานในมือลงด้วยความโกรธ ใบหน้าหม่นหมองและบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด
พนักงานเห็นเช่นนั้นแล้วพลอยรู้สึกสั่นสะท้าน ไม่กล้าแม้แต่จะเปล่งเสียง
มีเพียงผู้จัดการฝ่ายบริการลูกค้าที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ
“ประธานหลินคะ จุดเริ่มต้นของธุรกิจอาจผ่านไปได้ยากก็จริง แต่จะต้องมีบางบริษัทที่ยินดีร่วมมือกับเราอย่างแน่นอน ดิฉันเสนอว่าเราควรโปรโมทผ่านทางอินเทอร์เน็ตดีไหมคะ?”
ถือเป็นความคิดที่ดีในการถ่ายทำโฆษณาโปรโมตภาพลักษณ์ของบริษัท แล้วเผยแพร่ลงบนโลกอินเทอร์เน็ต ในยุคสมัยที่อินเทอร์เน็ตมีอิทธิพลกับผู้คนเป็นอย่างมาก ไม่แน่ว่าอาจทำให้ความนิยมของบริษัทเพิ่มขึ้น
หลินอี้ปินนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เมฆหมอกมืดครึ้มบนใบหน้าของเขาค่อย ๆ สลายไป ก่อนจะหันกลับมาและพูดว่า
“ลองทำตามที่คุณบอกดูเถอะ”
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเจ้านายเริ่มดีขึ้นแล้ว ทุกคนก็แอบถอนหายใจออกมา ถึงแม้ทางบริษัทเพิ่งสูญเสียโอกาสในการทำโปรเจกต์ชิ้นแรกไปหมาด ๆ แต่ในฐานะพนักงานแล้ว พวกเขายังต้องให้กำลังใจ หวังว่าบริษัทจะผ่านช่วงมรสุมร้ายไปได้ในเร็ววัน
หลังจากนั้นทุกคนจึงสานต่อเนื้อหาของการประชุม หารือเกี่ยวกับขั้นตอนในการถ่ายทำโฆษณาให้ได้ผลงานที่มีคุณภาพและรวดเร็ว รวมถึงแผนการส่งเสริมความนิยมของบริษัท
สตูดิโอถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง ‘Dust Smoke’
ขณะนี้อยู่ในช่วงพักเบรก
มีพนักงานส่งของนำถุงขนมมาส่งให้กับซ่งเนี่ยนหยานเช่นทุกครั้ง
น่าเสียดายที่ใบหน้าของซ่งเนี่ยนหยานกลับยืดยาวไร้อารมณ์ ขณะที่เธอเบือนหน้าหนีแสร้งทำเป็นไม่รับรู้
บทที่ 330
เข้าไม่ถึงรสนิยม
“คุณผู้หญิง ช่วยรับของไปด้วยครับ”
พนักงานส่งของพูดย้ำกับซ่งเนี่ยนหยานอีกครั้งด้วยความอดทน
ซ่งเนี่ยนหยานไม่ยอมตอบกลับ สายตาจ้องมองไปทางถังซือซือที่กำลังเพลิดเพลินกับอาหารมื้อกลางวันแสนอร่อยอยู่อีกฝั่งหนึ่ง มีคนรับใช้คอยเสิร์ฟอาหารและบริการให้ไม่ได้ขาด ทันใดนั้นสายตาของเธอก็เต็มไปด้วยประกายของความริษยา
ทำไมนะ... ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงหาไม้ไผ่หน่องามจนเจอ แต่ตัวเองกลับหาไม่เจอเหมือนเธอบ้าง?
ถึงทายาทเศรษฐีรุ่นที่สองคนนั้นจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เข้าท่า แต่เขาก็ยังห่างไกลจาก...
เมื่อเห็นว่าซ่งเนี่ยนหยานไม่แม้แต่จะตอบกลับ พนักงานส่งของก็เริ่มขมวดคิ้ว จนสตาฟคนหนึ่งที่ยืนอยู่ถัดจากเขาสังเกตเห็นเข้าพอดี จึงโบกมือให้เขาวางถุงขนมไว้บนโต๊ะตัวเล็กด้านข้าง พนักงานส่งของจึงทำตาม ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป
หญิงสาวสองคนที่แสดงเป็นตัวประกอบเริ่มหันไปกระซิบกระซาบกัน
“เธอว่าซ่งเนี่ยนหยานแสดงสีหน้าอิจฉาริษยาชัดเกินไปหรือเปล่า?”
“จริงด้วย เหมือนจะกระอักเลือดออกมาซะให้ได้ คงเป็นเพราะข่าวลือที่ว่าหลินอี้ปินถูกตระกูลหลินตัดหางปล่อยวัดละมั้ง? ตอนแรกเธอคงอยากจับหลินอี้ปิน เผื่อจับพลัดจับผลูได้แต่งเข้าตระกูลเศรษฐี แต่ตอนนี้ตัวเองดันกลายเป็นว่าที่สะใภ้ตกอับ แล้วจะไม่ให้เธออิจฉาถังซือซือได้ยังไง?”
“ว่ากันว่าถังซือซือเองก็มาจากครอบครัวที่ร่ำรวยไม่แพ้กัน มิฉะนั้นเธอคงไม่มีทางรู้จักกับเล่ยเจ๋อเหยียนเป็นการส่วนตัวแน่ ตรงข้ามกับซ่งเนี่ยนหยานที่เกิดในครอบครัวธรรมดา จะเอาอะไรไปเปรียบเทียบกับอีกคนหนึ่งได้?”
“อย่าคาดเดาอะไรไม่เข้าท่าเลย เมื่อวานนี้ฉันแอบเห็นเธอกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับทายาทเศรษฐีรุ่นที่สองคนหนึ่งด้วยล่ะ ไม่แน่ว่าเธออาจเตรียมตัวหาเป้าหมายใหม่ไว้แล้วก็ได้”
“เฮ้อ รู้คนรู้หน้าไม่รู้ใจจริง ๆ เธอคิดจะเลี้ยงแกะไว้บนหัว*ของคุณชายตระกูลหลินหรือยังไง? ฉันได้ยินมาว่าเขาถึงขั้นเลิกรากับคู่หมั้นเพื่อเธอเลยนะ แล้วแบบนี้จะทำยังไงล่ะ”
*เลี้ยงแกะไว้บนหัว = ความหมายคล้าย ๆ กับ สวมเขา คือการทำให้คู่รักเสื่อมเสียเพราะลักลอบคบชู้สู่ชาย
ตอนนั้นเอง ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ไว้ผมทรงแสกข้าง สวมใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดเท้าก็เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม
“พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา นั่นไม่ใช่เฉินซาน ทายาทรุ่นที่สองของตระกูลเศรษฐีหรอกเหรอ?”
“...เธอว่าน้ำหนักของเขาถึง 150 กิโลไหม? ให้ตายสิ ฉันเข้าไม่ถึงรสนิยมการแมตช์เสื้อผ้าของเขาเลย ใส่เสื้อลายดอก กางเกงลำลองเป้ายาน แถมเส้นผมยังมันเยิ้มจับเป็นก้อน ซ่งเนี่ยนหยานชอบเขาจริง ๆ เหรอ?”
หญิงสาวทั้งสองเฝ้าดูเฉินซานหอบดอกลิลลี่ช่อใหญ่ พลางโบกไม้โบกมือไปทางซ่งเนี่ยนหยาน เหมือนกลัวว่าจะไม่สามารถดึงดูดความสนใจของเธอให้หันมามอง
ทันทีที่ซ่งเนี่ยนหยานหันไปเห็นเฉินซาน รอยยิ้มสดใสพลันปรากฏชัดบนใบหน้า ก่อนจะชายตามองไปทางถังซือซืออีกครั้งราวกับต้องการประเมินอะไรบางอย่าง
พอลองคิดให้รอบคอบ ถึงยังไงหลินอี้ปินก็ขีดเส้นแบ่งแยกอย่างชัดเจนกับสวี่จิ้งชูมาสักระยะหนึ่งแล้ว และเธอมั่นใจมากว่าถังซือซือคงไม่รู้จักกับหลินอี้ปินเป็นการส่วนตัวแน่ แล้วเรื่องอะไรจะต้องปิดกั้นหนทางเอาตัวรอดของตัวเอง?
อีกอย่าง ต่อให้หลินอี้ปินรู้เรื่องนี้เข้าจริง ๆ เขาก็ไม่สามารถพลิกสถานการณ์ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อยู่ดี เขาก็แค่ผู้ชายล้มเหลวคนหนึ่ง เธอไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรเลย
ท้ายที่สุด ซ่งเนี่ยนหยานตัดสินใจละทิ้งความกังวลทั้งหมดแล้วโบกมือทักทายเฉินซาน ก่อนจะเอื้อมมือไปรับช่อ ดอกลิลลี่ที่อีกฝ่ายยื่นให้ด้วยความยินดี และชะโงกหน้าไปหอมแก้มเฉินซานโดยไม่ลังเล
ผู้คนโดยรอบหันมองหน้ากันโดยไม่รู้ตัว รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเมื่อมองเห็นฉากไร้ยางอายตรงหน้า
ถังซือซือเหลือบมองไปทางทั้งสองคน ไม่คาดคิดเลยว่าซ่งเนี่ยนหยานจะร้อนใจจนนั่งไม่ติด ถึงขนาดไขว่คว้าหาเป้าหมายใหม่อย่างรวดเร็ว
ในฐานะประธานบริษัท ไหวพริบและสติปัญญาของ หลินอี้ปินในด้านธุรกิจไม่ได้ด้อยไปกว่าใครเลย แต่ทำไมในเรื่องของความสัมพันธ์ ไหวพริบและสติปัญญากลับติดลบอย่างน่าใจหาย?
ไม่นานหลังจากนั้น หลินอี้ปินได้โพสต์วิดีโอโปรโมตบริษัทโฆษณาตัวแรกของเขาลงบน Weibo
โฆษณาชิ้นนี้ถ่ายทำด้วยความเอาใจใส่ เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งทุกคนต่างพึงพอใจกับผลงานที่เสร็จสมบูรณ์แล้วเป็นอย่างมาก
แต่ถึงอย่างนั้น มันกลับไม่กระตุ้นให้เกิดกระแสความนิยมในโลกโซเชียลสักเท่าไหร่
วิดีโอตัวนี้มียอดการรับชมไม่มาก นับประสาอะไรกับยอดรีโพสต์และจำนวนการแสดงความคิดเห็น
เขาลืมไปสนิทว่าสมัยที่เขายังดำรงตำแหน่งประธานบริษัทอี้หลินกรุ๊ป หลินอี้ปินก็เป็นเหมือนกับเล่ยเจ๋อเหยียนและคนอื่น ๆ ที่ไม่ให้ความสำคัญกับโลกโซเชียลมากนัก แทบไม่เคยโพสต์อะไรบน Weibo ของตัวเองเลย แถมยังมีแฟนคลับติดตามเพียงน้อยนิด
หลังจากรอคอยมานานหลายชั่วโมง ในที่สุด ชาวเน็ตรายหนึ่งก็กดรีโพสต์บน Weibo ของเขา
หลินอี้ปินรีบคลิกเข้าไปดู แต่พบว่าคนที่รีโพสต์เป็น ID ที่เขาไม่รู้จัก ดังนั้นเขาจึงไม่ใส่ใจ ก่อนจะเลื่อนเมาส์ตัวน้อยไปปิดหน้าเว็บ Weibo ลง