บทที่ 3-4
บทที่ 3
ทำแบบนี้ผิดกฎหมายนะ
มีกลุ่มคนยืนเรียงแถวอยู่ทางซ้ายมือและขวามือของเซียวเฉินเยวียน พวกเขาสวมชุดเครื่องแบบและถุงมือสีขาวเหมือนกันหมดทุกกระเบียดนิ้ว โดยทุกคนจะยืนตรงนิ่งพร้อมกับแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตน และคอยรับคำสั่งจากเซียวเฉินเยวียนเป็นครั้งคราว อย่างไรก็ตาม พวกเขาเห็นชัดแล้วว่านี่ก็ผ่านมายี่สิบนาทีแล้ว ตั้งแต่เซียวเฉินเยวียนได้พบกับหญิงสาวหน้าตาขี้เหร่ขี้โรคคนนี้สัมผัสตัว ดูเหมือนคุณผู้ชายยังดูปกติดีและไม่มีอาการแพ้ใด ๆ
เรื่องนี้ทำให้พวกเขาอดสงสัยในใจไม่ได้
ถังซือซือยืนมองดูกลุ่มคนที่อยู่ภายในห้องโถง สัมผัสถึงบรรยากาศที่ชวนขนลุกไปทั่วห้องแล้วรู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก... ในท้ายที่สุด เธอเริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยนี้
ถังซือซือรู้สึกว่าเธอกำลังตกที่นั่งลำบากมากแต่ก็ต้องเดินหน้าต่อ ในตอนนี้เธอเก็บความสงสัยและไม่ยอมพูดอะไรออกมา ก่อนจะเม้มริมฝีปากของตัวเองไว้แล้วเดินตรงไป
ถังซือซือนั่งลงแล้วทำตัวสงบนิ่งอยู่ต่อหน้า เซียวเฉินเยวียน เธอกวาดสายตาไปโดยรอบเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น ในขณะเดียวกัน เธอก็พยายามคาดเดาภูมิหลังและสถานภาพของเซียวเฉินเยวียนในใจ... แต่เธอไม่ได้คาดหวังว่าจะได้คำตอบ เพราะเธอไม่อาจเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนี้ได้!
เซียวเฉินเยวียนเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลที่มั่งคั่งสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งในเมืองหลวง และยังเป็นถึงท่านประธานคนปัจจุบันของบริษัทตระกูลเซียว ที่มีธุรกิจในท้องตลาดที่ทำรายได้มากถึงหลายแสนล้านหยวน
ซึ่งถังซือซือและเขาไม่น่ามีอะไรเกี่ยวข้องกันได้เลย
ส่วนเซียวเทียนอวี่เป็นแค่หลานชายคุณลุงสามของ เซียวเฉินเยวียน แปลว่าความสัมพันธ์ในครอบครัวของ เซียวเฉินเยวียนนั้นไม่ได้สนิทสนมกันมาก
เซียวเทียนอวี่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ โดยอาศัยบารมี และขอความช่วยเหลือจากครอบครัวฝั่งเซียวเฉินเยวียน เซียวเทียนอวี่เปิดบริษัททำความสะอาดเล็ก ๆ และดูแลกิจการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ นอกจากนี้ ทุก ๆ สามวันเขาจะต้องไปเที่ยวคาสิโนและใช้จ่ายอย่างสิ้นเปลือง ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่เขาบริหารเงินไม่ค่อยดี และค้างจ่ายค่าจ้างพนักงานเป็นประจำ
ตอนนี้เซียวเทียนอวี่น่าจะนั่งเล่นพนันจนตาบวมอยู่ที่คาสิโนที่ไหนสักแห่ง
เมื่อเธอคิดถึงเรื่องนี้ ก็รู้สึกโกรธจนอยากถีบถุงขยะให้กระเด็น!
ติดค้างเงินไว้แล้วไม่คิดจะคืนสักหยวน แถมเจ้าของร่างเดิมยังมาถูกฆ่าอีก...
“นี่ คุณน่ะ... ต้องการค่าชดเชยเท่าไหร่ก็รีบว่ามา?” เซียวเฉินเยวียนพูด
หืม? ถังซือซือฟื้นมาจากความทรงจำ แต่เธอไม่ได้คาดหวังว่าประโยคแรกที่ได้ยินจากปากเขาจะออกมาแบบนี้ หลังจากนั้น คิ้วของเธอเริ่มขมวดขึ้นเล็กน้อย
ค่าชดเชย? เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นฝ่ายทำผิดก่อน แล้วเธอจะรับค่าชดเชยจากเขาได้ยังไง...
ถ้าเป็นคนอื่น เธอคิดว่าเรื่องคงไม่จบแบบนี้ เพราะเธอดูเหมือนเป็นฝ่ายที่จงใจทำผิดเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากคนอื่นซะมากกว่า แต่เธอแปลกใจมากที่เขาไม่ได้เรียกร้องค่าเสียหายกลับ
“คุณผู้ชาย! เธอเป็นฝ่ายผิดต่างหาก... ดิฉันไม่คิดว่าคุณผู้ชายต้องชดใช้ค่าเสียหายให้เธอเลย”
ขณะเดียวกัน ชายวัยกลางคนชื่อกู่ชวนที่ยืนอยู่ทางด้านซ้ายมือ เขามีฐานะเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของเซียวเฉินหยวน ขมวดคิ้วเข้มแล้วพูดขึ้นว่า
“ท่านครับ! ท่านไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลากับคนแบบนี้ ให้ผมส่งตัวเธอไปที่สถานีตำรวจเองดีกว่าครับ ส่วนหลักฐาน... ที่กล้องวงจรปิดน่าจะจับภาพไว้ได้ทั้งหมด”
ทางฝั่งตรงข้ามของกู่ชวน มีชายหนุ่มรูปร่างผอมบางที่ยืนอยู่ทางขวามือของเซียวเฉินเยวียน เขาชื่อเฟยอวี่เป็นหัวหน้าทีมบอดี้การ์ด ในตอนนี้ เขาจ้องมองมาที่ถังซือซือด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างมาก
คนใช้คนอื่นรอบ ๆ ห้องไม่กล้าแสดงความคิดเห็นอะไร ได้แต่มองไปที่ถังซือซือด้วยท่าทางไม่พอใจเช่นกัน
พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าถังซือซือจะโง่ถึงขนาดเข้าใจผิดว่า คุณผู้ชายที่สูงเกือบสองเมตร แถมยังหล่อเหลาเอาการของพวกเขา จะเป็นเซียวเทียนอวี่ที่น่าสมเพชไปได้ นี่ต้องเป็นการเลือกเป้าหมายเพื่อจงใจจะหลอกเรียกร้องเอาค่าเสียหายโดยวางแผนไว้ล่วงหน้าแน่ ๆ!
ชายหนุ่มรูปงามเลิกคิ้วขึ้นแล้วทำหน้าเหมือนไม่ได้ยินอะไร ก่อนจะส่งเสียงออกมาเบา ๆ ว่า “หืม?” ด้วยน้ำเสียงนี้ ทุกคนที่อยู่ข้างหลังเขาต่างยืนสงบนิ่งทันที แล้วเอามือปิดปากของตัวเองไว้
เสียงเบา ๆ นี้ทำให้ถังซือซือที่ได้ยินยังรู้สึกประหม่า จนร่างกายหนักอึ้ง
น่ากลัวมาก! เธอไม่สามารถควบคุมร่างกายและข่มความรู้สึกกลัวไว้ได้ ความรู้สึกแบบนี้ช่างอึดอัดจริง ๆ
ทางด้านของเซียวเฉินเยวียน ดูเหมือนเขาไม่ได้อยากทำให้เธอต้องดูแย่ในสายตาใคร
หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง ถังซือซือเงยหน้าขึ้นแล้วมองดูคฤหาสน์หรูหราที่กว้างขวางใหญ่โต และดูน่าเกรงขามอย่างรอบคอบอีกครั้ง
หลังจากนั้นไม่นาน ขณะที่ทุกคนนึกสงสัยในใจว่าเธอกำลังมองไปรอบ ๆ ห้องโถงเพื่อหาอะไร และกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ในที่สุดถังซือซือก็พูดขึ้นเสียงดังว่า
“ฉันไม่ต้องการ”
เธอไม่ต้องการให้คนอื่นตัดสินว่าตัวเองเป็นคนที่จงใจหลอกเอาค่าเสียหายจากผู้ชายคนนี้
หา?! ทันทีที่คำตอบของเธอออกจากปาก ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ เซียวเฉินเยวียนต่างแปลกใจ แล้วมองเธออย่างสงสัย
ชายหนุ่มพยักหน้า ก่อนยื่นมือของเขาออกไปด้านข้างแล้วคลายมือออก กู่ชวนเห็นดังนั้นจึงรีบยื่นปากกาชั้นดีที่ทำจากทองคำบริสุทธิ์ให้เขาทันที
เขาโน้มตัวลงแล้วเขียนอะไรบางอย่างบนกระดาษ หลังจากนั้น กู่ชวนเข้าไปหยิบกระดาษที่มีลายลักษณ์อักษรนั้นแล้วส่งให้ถังซือซือ
โดยกระดาษนั้นเป็นเช็คเงินสดจำนวนหนึ่งล้านหยวน
ถังซือซือเหลือบไปดูเช็ค เพื่อตรวจสอบว่าเป็นของปลอมหรือเปล่า
มู่ซูเสียน แม่ของเจ้าของร่างเดิม ยังคงก้มหน้าก้มตาพยายามทำความสะอาดบ้านไปทีละหลัง ภายใต้สายตาที่ดูถูกและจ้องแต่จะคอยสั่งการ บ้านเช่าที่พวกเขาอาศัยอยู่ยังคงมีรอยรั่วและเต็มไปด้วยแมลงสาบ ทั้งยังมีหนูวิ่งไปทุกที่ คืนนี้อาหารก็คงเป็นผักดองกับซาลาเปาอีกตามเคย
เธอกะพริบตาปริบ ความคิดของเธอกำลังชั่งใจระหว่างสวรรค์กับนรก เธอคิดว่าไม่สามารถรับเช็คนี้ไว้ได้ ด้วยความสบายใจของตัวเธอเอง ในท้ายที่สุด เธอก็หาเหตุผลให้กับตัวเองที่จะปฏิเสธการรับเช็คนี้ แล้วคืนให้เขาไป
เซียวเฉินเยวียนเอียงศีรษะแล้วจ้องมองมาที่เธออย่างเฉียบขาด
ถังซือซือถูกจ้องมองด้วยดวงตาที่ดูมีเสน่ห์แต่ก็แฝงไปด้วยความน่ากลัวอยู่เล็กน้อย ใบหน้าของเธอเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ แต่เธอเลือกที่จะข่มความกลัวแล้วสบตาเขากลับอย่างตรงไปตรงมา โดยสัญชาตญาณแล้ว เธอคิดว่าผู้ชายคนนี้จะไม่ทำให้ผู้หญิงต้องอับอายขายหน้าอย่างแน่นอน
ย่านเมืองเก่า
รถเก๋งคันหรูสีเทาขับมาจอดอยู่ตรงหน้าปากซอยที่ทั้งมืดทั้งอับชื้น
ถังซือซือก้าวลงมาจากรถ หลังจากนั้นรถก็ขับห่างออกไปอย่างรวดเร็ว เหมือนกลัวว่าถ้าตัวเองอยู่ในสถานที่แบบนี้นาน จะต้องแปดเปื้อนสิ่งสกปรกบางอย่างเข้า
บทที่ 4
จุดประสงค์เรียกร้องค่าเสียหาย
ภายในรถที่ขับห่างออกไป กู่ชวนชะลอรถแล้วหันหน้ากลับมามองย่านเมืองเก่า ด้วยแผนผังเมืองที่ดูวุ่นวาย บ้านเล็กคับแคบ ตรอกซอยมืด ๆ ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอับชื้น และยังมีขยะเกลื่อนไปทั่วเมือง เขาถึงกับต้องขมวดคิ้วจนย่นเป็นสามเส้น
ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ... ในสภาพแวดล้อมเลวร้ายแบบนี้ ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงปฏิเสธเช็คเงินล้านจากคุณผู้ชายล่ะ? เธอจงใจเข้ามาหลอกลวงและเรียกร้องค่าเสียหาย ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเงินไม่ใช่เหรอ?
กู่ชวนส่ายศีรษะเบา ๆ ก่อนหันกลับมาแล้วเหยียบคันเร่งแรงขึ้น เขาขับรถออกจากย่านเมืองเก่าอย่างรวดเร็ว ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากอยู่ในย่านเมืองเก่านานเกินไป
ทันทีที่ถังซือซือก้าวลงจากรถ กลิ่นเหม็นคาวและอับชื้นก็ได้โชยมากระแทกจมูกของเธอทันที
ถังซือซือขมวดคิ้วเข้ม เธอพยายามกลั้นหายใจไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองอาเจียนออกมา ตามภาพในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เธอเห็นอาคารเก่าที่แม่และลูกสาวอาศัยอยู่ด้วยกัน เธอเดินขึ้นไปตามบันไดที่มืดมิด เห็นเพียงแสงสลัว ๆ ตลอดทางเดินระหว่างเดินผ่านขึ้นไปทีละขั้น
ความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับอาคารเก่านี้เริ่มไหลเข้ามา ทำให้หัวใจของเธอปั่นป่วน
ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนของปี เมื่อถังซือซือสอบเข้ามหาวิทยาลัยเสร็จ อี้เวยวานแทบรอไม่ไหวที่จะพาถังจิ้งชือ น้องสาวต่างมารดาของเธอเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ ทางด้านของ มู่ซูเสียนก็พาถังซือซือออกมา และยอมหย่าขาดจากถังปู้ฝาน เพื่อให้สามีอยู่กับครอบครัวใหม่ที่นั่น
แต่น่าเสียดาย มู่ซูเสียนล้มป่วยอาการหนัก ถึงอย่างนั้นถังปู้ฝานกลับไม่ให้ความช่วยเหลือใด ๆ เลยเมื่อรู้ข่าว ในความสิ้นหวังนั้น แม่และลูกสาวจึงต้องยอมขายบ้านที่เหลืออยู่เพื่อนำเงินมารักษา และเก็บไว้ใช้จ่ายในแต่ละวัน
ต่อมาถังซือซือได้รับหนังสือแจ้งการรับเข้าเรียนจากมหาวิทยาลัยหนานซาน แม่และลูกสาวต่างกัดฟันแน่นด้วยความอัดอั้นใจ ในที่สุดพวกเขาพากันย้ายถิ่นฐานจากเมือง F เข้ามาอยู่ในเมืองหลวง มู่ซูเสียนเช่าห้องพักราคาถูกในอาคารหลังเก่านี้ ส่วนถังซือซือจะอยู่ที่มหาลัยตลอดทั้งสัปดาห์ และกลับมาที่ห้องเช่าของแม่ทุกวันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้น
สองวันต่อจากนี้เป็นช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์พอดี ขณะเดียวกันมีความทรงจำหนึ่งผุดขึ้นมา เธอและมู่ซูเสียนเคยคุยกันว่า เธอต้องเรียนและอยู่กินที่มหาวิทยาลัยตลอดทั้งสัปดาห์เพื่อไม่ให้มีใครมารบกวนการเรียน ด้วยเหตุนี้มู่ซูเสียนยังไม่รู้ว่าลูกของตัวเองหรือเจ้าของร่างเดิมนั้นได้เสียชีวิตไปแล้ว รวมถึงเรื่องที่ลูกของเธอพยายามหลอกเอาเงินด้วย
ถังซือซือยืนครุ่นคิดอยู่สักพัก พบว่าเป็นเรื่องยากมาก และเริ่มมีน้ำตาไหลคลอออกมา
เมื่อเธอเดินมาถึงชั้นสี่อย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงดังมาจากข้างบน
“จะจ่ายค่าเช่าเมื่อไหร่?! ถ้าไม่จ่ายก็เก็บข้าวของแล้วไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ!”
คิ้วของเธอเริ่มขมวดเข้มอีกครั้ง เธอจำได้ราง ๆ ว่านี่เป็นเสียงของเจ้าของอาคารนิสัยเสีย ทั้งยังทำตัวกร่าง ชอบเร่งค่าเช่าผู้พักอาศัย แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากกับคนแบบนี้
คงไม่ต้องพูดถึงสภาพความย่ำแย่ของห้องพักที่เช่าอยู่นี้ ทั้งน้ำไม่ไหลและไฟดับบ่อยเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตาม เจ้าของอาคารไม่เคยแก้ปัญหาให้ผู้พักอาศัยเลย และเขามักจะด่าทอแม่ของถังซือซืออยู่เสมอ ซึ่งทำให้เธอไม่พอใจอย่างมาก
“คุณเจ้าของอาคารคะ ฉันจ่ายค่าเช่าเดือนนี้ในอีกสามวันแน่นอน ขออีกแค่ไม่กี่วันต้องมีจ่ายให้คุณแน่ ๆ” เสียงที่แสดงถึงความอ่อนแออย่างเห็นได้ชัดของมู่ซูเสียนดังออกมา
จ่ายค่าเช่าครั้งสุดท้ายเมื่อยี่สิบวันที่แล้ว ยังไม่ถึงหนึ่งเดือนเลยทำไมเจ้าของอาคารถึงมาเร่งให้จ่ายค่าเช่าเร็วแบบนี้? นี่เป็นการจงใจรังแกผู้หญิงสองคนที่ไม่มีทางสู้กันชัด ๆ!
“รีบจ่ายไม่ได้เหรอ? มาต่อรองกับฉันแบบนี้เนี่ยมันใช่เรื่องไหม? บอกไว้ก่อนเลยนะ! อาคารของฉันมีแต่คนอยากเข้ามาเช่า ถ้าไม่มีเงินก็ออกไปซะ! ให้อยู่ไปก็เสียลูกค้าใหม่ดี ๆ ซะเปล่า ที่ฉันยังให้พวกเธออยู่นี่มันโคตรไร้ประโยชน์และเสียเปล่าเลย!”
“คุณเจ้าของอาคารคะ ได้โปรดเมตตาให้เวลาฉันอีกแค่สามวัน ตอนนี้ฉันไม่สามารถจ่ายให้คุณได้จริง ๆ” เสียงของ มู่ซูเสียนเริ่มสั่นเหมือนจะร้องไห้ เธอเป็นผู้หญิงที่ผอมบางคนหนึ่งและมีสถานภาพเป็นแค่แม่เลี้ยงเดี่ยว ทุกวันนี้เธอถูกคนอื่นรังแกสารพัดอย่างทั้งยังถูกโกงค่าแรง เมื่อถังซือซือกลับมา เธอก็เลือกที่จะเงียบและไม่พูดอะไร แล้วเจ้าของอาคารก็จะหันมากดดันเธอด้วยเช่นกัน
ถังซือซือรู้สึกโกรธจนกำหมัดแน่น เล็บมือของเธอฝังลึกลงไปในเนื้อหนัง
ในอดีตมู่ซูเสียนเป็นภรรยาของครอบครัวที่ร่ำรวย เธอได้สวมใส่แต่เสื้อผ้าและกินอาหารดี ๆ ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็จะมีคนใช้ส่วนตัวคอยดูแลอยู่เสมอ แถมยังไม่เคยมีใครกล้าพูดเสียงดังใส่เธออีกด้วย แต่ตอนนี้เธอกลับตกต่ำลงในระดับที่ใคร ๆ ก็ไม่คาดคิดว่าเธอจะมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ เธอโดนตะคอกใส่ โดนเจ้าของอาคารโวยวายใส่ไม่เว้นวัน ด้วยเหตุนี้ถังซือซือจะรู้สึกโกรธก็ไม่แปลก!
“ในเมื่อไม่มีเงินจ่ายจะเอาแบบนี้ไหม? เธอจะจ่ายด้วยร่างกายก็ได้นะ ฮ่าๆๆ!”
เจ้าของอาคารมองดูท่าทีน่าสมเพชของมู่ซูเสียนที่กำลังจะร้องไห้ ในตอนนี้เขาเริ่มมีความคิดที่ชั่วร้ายและอยากจะทำอย่างที่เพิ่งโพล่งออกไป เธอเหลือบมองขึ้นมาแล้วเห็นใบหน้าของเจ้าของอาคารที่เริ่มเปลี่ยนไป เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ และเดินเข้ามาหาเธออย่างช้า ๆ
“คุณจะทำอะไร? อย่าเข้ามานะ! ฉันโทรแจ้งตำรวจจริง ๆ ด้วย!” ความคิดในหัวของมู่ซูเสียนส่งเสียงดังในใจว่า เธอรู้สึกขยะแขยงมากกับคนแบบนี้ที่ชอบข่มเหงและไม่ให้เกียรติผู้หญิง เธอเห็นการกระทำแบบนี้ก็ถึงกลับอยากจะถุยน้ำลายรดใส่เขา แล้วผลักไอ้บ้ากามนี่ออกไปให้ห่างตัว
“เธอจะขัดขืนไปเพื่ออะไร? มัวเสียเวลาออกไปหาเงินข้างนอกทำไมล่ะ? ไม่สนใจอันที่อยู่ข้างล่างนี่หน่อยเหรอ? มาอยู่กับฉันสิ! สัญญาเลยว่าจะให้เธอได้กินอะไรเผ็ด ๆ ถึงใจ!
คำพูดลามกนับไม่ถ้วนที่ถูกพ่นออกมาจากปากคนไร้ยางอายนั้น ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก!
ไม่ไหวจะทนแล้วนะ!
“ปัง!” เสียงกำปั้นของถังซือซือต่อยเข้าที่ประตูสุดแรงของเธอ จนทำให้เกิดเสียงดัง เสียงนี้ช่วยดึงดูดความสนใจของเจ้าของอาคารได้ดี ทำให้เขาที่กำลังล่วงเกินมู่ซูเสียนที่ไร้ทางสู้ต้องหยุดชะงักแล้วหันมาหาเธอได้สำเร็จ
เจ็บมือชะมัด!
แต่มีสิ่งหนึ่งเจ็บปวดยิ่งกว่านั้น คือหัวใจของผู้เป็นแม่!
“ไอ้บ้ากาม! ปล่อยแม่ฉันเดี๋ยวนี้นะ!”
“ซือซือ! ไม่ต้องเป็นห่วง! แม่รับมือได้จริง ๆ!” มู่ซูเสียนรู้สึกอับอายและตกใจในเวลาเดียวกัน เมื่อเธอเห็นลูกสาวของตัวเอง เธอจึงรีบวิ่งมาปกป้องถังซือซืออย่างรวดเร็ว