บทที่ 25-26
บทที่ 25
อย่าหยุดจนกว่ามันจะหน้าเละ
ถังซือซือรวบรวมความกล้าก่อนจะเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ แล้วพบว่ามันเป็นแค่ถุงพลาสติกที่ถูกลมพัดปลิวมาเท่านั้น
แม้ว่าจะไม่ใช่สิ่งที่เธอคิดไว้ แต่ความรู้สึกขนลุกยังคงไม่หายไป เธอจึงเร่งฝีเท้าเดินฝ่าความมืดไปทันที
ห้อง 307 อยู่สุดปลายโถงทางเดิน ถังซือซือรีบเดินจนมาถึงในที่สุด ก่อนถอนหายใจเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงดังฟังชัดว่า
“ถึงห้องสักที!”
ขณะเดียวกัน ทันทีที่ถังซือซือกำลังเปิดประตู ภายในห้องมีกลุ่มคนจำนวนมากกำลังเฝ้ารอเธอมาเป็นเวลานาน
ก่อนหน้านี้ มีการแจ้งเตือนผ่านทาง SMS ดังขึ้น พันหม่าลี่ได้รับข้อความจากใครบางคน เธอจึงรู้ว่าถังซือซือได้กลับมาที่หอพักแล้ว มุมปากของเธอเผยรอยยิ้มกว้างจนแทบหุบไม่ได้
นังคางคกขี้โกงมันกลับมาแล้ว คุ้มค่าหน่อยที่ยอมรอมันทั้งคืน!
กลับมาสักทีนะนังขี้โกง! เพราะมัน ฉันถึงต้องไลฟ์สดกินเครื่องในโสโครกนั่น! นังคางคกขี้โกงเอ๊ย!
ตอนนี้ กลิ่นปากของพันหม่าลี่หลังจากพยายามแปรงฟันเป็นร้อยครั้ง ก็ไม่สามารถกำจัดกลิ่นเหม็นคาวของเครื่องในได้ เธอแทบทนรอไม่ไหวที่จะทุบถังซือซือให้จมดิน
แกคิดว่าสนับสนุนเฉินเมิ่งอวี่แล้วพวกฉันจะไม่กล้าลงมือเหรอ? ฝันไปเถอะนังคางคก!
ไม่มีใครเรียกฉันว่าเทพธิดาหม่าลี่อีกแล้ว แกต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ทั้งหมด จัดการซะ!
กลุ่มคนที่เหลือ หลี่จิ้งอี๋คือรุ่นน้องของพันหม่าลี่ หลี่จิ้งอี๋ได้พากลุ่มอันธพาลหญิงในมหาวิทยาลัยของเธอมาด้วยตามคำสั่งพันหม่าลี่
จัดให้เลยพี่หม่าลี่!
เริ่นเฉียงไม่ได้อยู่ที่นี่ เพราะเธอถูกพันหม่าลี่ไล่ออกจากกลุ่มไปแล้ว หวยปิงเองก็ไม่อยู่ เพราะเธอเข้าร่วมทัวร์การแข่งขันโคฟเวอร์แดนซ์ตลอดทั้งเดือนนี้
หลี่จิ้งอี๋กวักมือไปข้างหน้า ส่งสัญญาณให้คนในกลุ่มของเธอเดินหน้าขึ้นมา
ช่วงเวลานี้ พันหม่าลี่เหมือนโดนจิตแห่งความชั่วร้ายเข้าครอบงำ! เธออดใจแทบรอไม่ไหวที่จะได้เห็นถังซือซือถูกทุบตีจนร้องไห้แล้วต้องอ้อนวอนเธอ!
หลี่จิ้งอี๋ย้อมผมสีม่วง แต่งหน้าโทนสโมกกี้อาย สวมกระโปรงสั้นและแจ็กเกตหนัง มีรอยสักรูปกากบาทตรงข้อเท้า เธอเป็นหัวหน้ากลุ่มอันธพาลหญิงในหนานซาน ชอบสูบบุหรี่ ก่อเรื่องทะเลาะวิวาท และยังรังแกเพื่อนร่วมคลาสหลายคน ไม่ว่าใครก็ให้นิยามกลุ่มของเธอว่าสาวป่าเถื่อน เธอโยนก้นบุหรี่ที่ยังลุกไหม้อยู่ทิ้งลงพื้น ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองว่า
“สาว ๆ ทุกคน ฉันจะปล่อยให้พวกเธอสนุกสุดเหวี่ยงกับนังคางคกตัวนี้ได้เต็มที่ อย่าหยุดจนกว่ามันจะหน้าเละมากกว่าเดิม”
“ฮ่าๆๆๆ หน้าเป็นคางคกอยู่แล้วจะเอาให้หนักกว่าเดิมอีกเหรอน้องจิ้งอี๋? นังคางคกก็ไม่ต้องกังวลไปล่ะ! แกจะรู้สึกสบายหน้าขึ้นเยอะด้วยมือพวกน้อง ๆ ของฉัน จริงไหม?” พันหม่าลี่หัวเราะอย่างบ้าคลั่งหลังพูดจบ
“ทำผลงานให้ออกมาดีหน่อยนะ! พอพวกเธอลงมือเสร็จเดี๋ยวฉันจะจัดของสมนาคุณตบท้ายให้มันทีหลัง!” หลี่จิ้งอี๋เคี้ยวหมากฝรั่งแล้วพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
“ใช่แล้วพี่จิ้งอี๋! มันกล้าหือกับพี่หม่าลี่ก่อน! มันนี่โคตรไร้มารยาทเลยว่ะยัยคางคก! มาช้าอืดอาดยืดยาด รุ่นพี่เลยต้องรอนาน! เตรียมโดนทุบได้เลยยัยคางคก!”
“ยัยหน้าเละ” คนในกลุ่มเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงฟังดูชั่วร้ายออกมาทีละคน
“พี่จิ้งอี๋ ฉันเตรียมของอร่อยไว้ในโถส้วมแล้ว เดี๋ยวจะป้อนให้นังคางคกได้ลิ้มลองเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เป้าจ้าเป็นลูกน้องอีกคนที่ดวงตาและศีรษะเหมือนลุกเป็นไฟอยู่ตลอดเวลา
“ฮ่าๆๆๆ โหดร้ายจริง ๆ เลยนะ แต่พี่ชอบว่ะ ฮ่าๆๆๆ...”
นังนี่สมควรกับสิ่งปฏิกูลเพื่อเรียกน้ำย่อยเท่านั้นค่ะพี่จิ้งอี๋
เมื่อถังซือซือกลับมา เธอจะได้เห็นเตียงนอนที่ถูกจัดเตรียมไว้อย่างดี โดยพันหม่าลี่จัดเตรียมไว้ให้หลังจากเธอโดนทรมานเสร็จ
รีบเข้ามาสิ เร็วหน่อย รอไม่ไหวแล้ว!
เสียงดังฟังชัดของถังซือซือเมื่อเปิดประตูเข้ามา
“ฉันกลับมาแล้ว!”
นังคางคกเข้ามาแล้ว!
“เอี๊ยด” เสียงประตูที่ถูกเปิดเข้ามาฟังดูแสบแก้วหู
หลี่จิ้งอี๋ซึ่งยืนอยู่หน้าประตูแสยะยิ้มกระหายเลือด เธอรอปิดท้ายไม่ไหวจึงกระโจนออกไปหาอย่างรวดเร็ว
ไม่กี่นาทีต่อมา ร่างของใครบางคนที่มีกระสอบคลุมอยู่บนหัวถูกเตะเข้ามาในห้อง แล้วล้มลงกับพื้นพร้อมกับส่งเสียงคร่ำครวญ
“ไอ้บ้าเอ๊ย อย่านะ! นี่ฉันเอง! หยุดก่อน!”
ผู้หญิงหลายคนในหอพักได้ยินเสียงร้องคร่ำครวญก็เริ่มกระซิบกันว่า
“คืนนี้นังคางคกตายต้องตายแน่ ๆ! หรือว่าพรุ่งนี้มันจะกลายเป็นศพไปแล้วนะ?”
บทที่ 26
คนในกระสอบ
เสียงสบถ ต่อย เตะ และโวยวายดังขึ้นในความมืด
“ฉันจะฆ่าแก! กล้าดียังไงมาโกงฉัน หา นังคางคก? ฉันจะสอนให้แกเป็นคนดีก็วันนี้แหละ!” พันหม่าลี่ใช้กำปั้นทุบลงไปอย่างรุนแรง
“ตายซะนังคางคก! ผู้หญิงที่แกโกงคือรุ่นพี่พวกฉัน จำใส่หัวเอาไว้! วันนี้ฉันจะฉีกแกเป็นชิ้น ๆ!” เสียงสบถและโวยวายดังขึ้นเรื่อย ๆ
การทำร้ายร่างกายยังไม่หยุดง่าย ๆ
“นังบ้า! แกเป็นคนแรกที่กล้าทำให้ฉันรอนานขนาดนี้! นังคางคกสารเลว! วันนี้ฉันไม่ปล่อยแกไปหรอก!”
“ไม่กลับไปหาแม่แกล่ะ! หนีไปก็ได้นี่ จะกลับมาทำไม? รู้ดีไม่ใช่เหรอว่าทำให้พี่หม่าลี่โกรธ แกต้องแลกด้วยเลือด!”
“สู้กลับสิ! ถ้าแกแน่จริงก็สู้ฉันกลับ! ไม่งั้นได้นอนตายสมใจแน่! หาเรื่องฉันดีนักนังคางคก! ไม่ชอบหน้าแกมานานแล้ว!”
“หน้าตาก็อัปลักษณ์ยังไม่คิดเจียมตัว ไม่อายบ้างเหรอที่มาสมัครเรียนหนานซาน? ถ้าเป็นฉัน ฉันลาออกไปนานแล้ว!”
เสียงคร่ำครวญครางดังมาจากกระสอบไม่ขาดสาย คนในกระสอบพยายามดิ้นรนที่จะหลบหนี
แต่ถึงอย่างนั้น ภายนอกกระสอบไม่มีใครสนใจจะหยุดฟัง เสียงสบถและเสียงโวยวายยังคงดังขึ้นเรื่อย ๆ
กำปั้น เตะ ถีบยังระดมเข้าไปนับครั้งไม่ถ้วน พวกเธอทำอย่างนี้กันมานานกว่าสิบนาทีแล้ว หลายคนเริ่มหายใจหอบ มีเหงื่อทั่วใบหน้า
พันหม่าลี่รู้สึกผ่อนคลายและสบายตัวมากขึ้นเมื่อได้ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
“เฮ้อ ฉันเหนื่อยแล้วล่ะ ทุบมันดีจริง ๆ”
เสียงฟังดูคุ้นหูดังขึ้นมาจากหน้าประตู
“ออกหมัดสวยดีนี่ พันหม่าลี่”
“ไม่เท่าไหร่หรอก... ฉัน... เจ๋ง...”
เดี๋ยวนะ!
หยุดๆๆ!
“เปิดไฟเร็ว!”
เมื่อกี้ได้ยินเสียงคนพูดกับฉัน!
เหมือนร่างกายถูกไฟช็อตนับครั้งไม่ถ้วน เสียงของ พันหม่าลี่เริ่มสั่นเทา แสดงสีหน้าตกใจจนบิดเบี้ยว
หวงหมาวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นเธอจึงรีบเดินไปเปิดไฟทันที
“โอ๊ย...”
ภายใต้แสงไฟสว่างจ้า พันหม่าลี่ หวงหมาว และเป้าจ้า ทั้งสามต่างร้องตกใจเป็นเสียงเดียวกัน
“บ้าน่า!”
พวกเธอแทบไม่เชื่อสายตา ทั้งสามส่งเสียงกรี๊ดดังลั่นพร้อม ๆ กัน
คนอื่น ๆ ในหอพักต่างตกใจเสียงกรี๊ดนั้นจนต้องหันไปกระซิบกระซาบกัน ได้แต่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นที่ห้องของพันหม่าลี่
ภายในห้อง 307 เพิ่งจะเปิดไฟสว่างจ้า ถังซือซือล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ ก่อนหยิบถุงขนมรูปคลื่นทะเลสีรุ้งขึ้นมากิน ก่อนเดินเข้าไปยืนข้างร่างที่ถูกคลุมด้วยกระสอบเพื่อดูผลลัพธ์
คนอื่น ๆ ภายในห้อง ต่างมองมาที่พันหม่าลี่ด้วยความตกใจ ทุกคนสงสัยระคนตกใจว่าเรื่องมันเป็นมายังไงแน่ ถังซือซือมองดูเหตุการณ์อย่างพอใจแล้วพูดขึ้นว่า
“อ้าว หยุดแล้วเหรอ? กำลังดูเพลินเลย ต่อเลย ไม่ต้องอาย ทำไมไม่ให้พรรคพวกของเธอทำต่อล่ะ?”
“แก... กะ... แก...” พันหม่าลี่ชี้นิ้วออกไปอย่างสั่นเทา เธอตกใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น พูดได้แต่คำว่า “แก” แล้วพยายามคิดหาเหตุผล
“แกอะไรล่ะ?”
“แก... แก... แก... อยู่ตรงนั้นได้ยังไง?” ใบหน้าของ พันหม่าลี่ซีดเผือดลงทันที เหงื่อเริ่มไหลออกมาจากหน้าผากไม่หยุด ดูเหมือนว่าเธอกำลังคิดถึงความเป็นไปได้หนึ่งที่ฟังดูแย่ มาก ๆ
“แก... อยู่นี่... แล้วนั่น... ใคร... อยู่ในนั้น...” พันหม่าลี่พยายามข่มน้ำเสียงที่สั่นสะท้านนี้ แล้วชี้นิ้วไปที่ร่างในกระสอบอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
หวงหมาวและเป้าจ้าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ดูเหมือนจะมีปฏิกิริยาตอบสนองในแบบเดียวกัน
“พระเจ้า กรี๊ดๆๆๆๆ! แล้วพี่จิ้งอี๋หายไปไหน?!”
พวกเธอต่างมองหน้ากันด้วยความตื่นตกใจ แม้จะรู้สึกกล้า ๆ กลัว ๆ แต่เพื่อคลายความสงสัยนี้ พวกเธอจำเป็นต้องรู้ให้ได้ว่าใครอยู่ในกระสอบ
พันหม่าลี่กับรุ่นน้องของเธอพยายามรวบรวมความกล้า ก่อนที่ทั้งสามจะย่อตัวเข้าไปเปิดปากกระสอบออกอย่างช้า ๆ
ถังซือซือยืนดูพวกเขาพร้อมกับเคี้ยวขนมของเธอต่อไป
“หรือว่า! คนที่ตัวเล็กพอจะอยู่ในกระสอบนี้ได้!”
“เป็นไปได้ยังไง! หลี่จิ้งอี๋น้องพี่!”