บทที่ 23-24
บทที่ 23
ยอมเซ็นสัญญา
ด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูมีความสุขของมู่ซูเสียน ถังซือซือจึงพยายามอดทนกับความกดดันตรงหน้า
เธอตัดสินใจไม่เล่าความจริงให้แม่ฟัง แล้วตอบผู้เป็นแม่กลับไปว่า “กู่ชวนเขาจบจากมหาลัยหนานซานเหมือนกันค่ะ เขาเป็นเพื่อนของหนู หนูเลยรบกวนให้เขาช่วยหางานใหม่ให้แม่”
ถังซือซือเงยหน้าขึ้นมองไปที่ชายหนุ่มซึ่งแอบแฝงความร้ายกาจเอาไว้ เมื่อเขาได้ฟังบทสนทนาของเธอ ก็ถึงกับนั่งเอกเขนกยิ้มกว้างด้วยสีหน้าพอใจ
“ฉันยอมเซ็นสัญญาก็ได้”
กู่ชวนรีบหยิบปากกาส่วนตัวของเขาออกมาแล้วยื่นให้ถังซือซือทันที พร้อมกับยิ้มให้เธอหนึ่งครั้ง
เฟยอวี่รู้ดีว่าเจ้านายของตัวเองมีวิธีจัดการในแบบของเขา แต่ไม่คิดว่าครั้งนี้จะดูเด็ดขาดกว่าที่ผ่านมา
เขายืนสังเกตท่าทีที่เหี่ยวเฉาของถังซือซืออย่างพอใจ ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้จะเจอปัญหาใหญ่เข้าให้แล้ว
ถังซือซือรับปากกามาอย่างไม่เต็มใจ ก่อนแสดงสีหน้าโกรธจัดจนบิดเบี้ยว สุดท้ายเธอต้องยอมเซ็นชื่อในสัญญาตามความต้องการของเซียวเฉินเยวียน
สมัยก่อน ใครมีอำนาจมากย่อมคุมได้ทุกอย่าง
อย่างวันนี้ เขาซื้อตัวเธอไปในราคาแปดพันหยวน
พระเจ้า ผู้หญิงคนนี้ทำบาปหนักอะไรไว้ถึงต้องมาพบเจอแบบนี้?
ในเวลาเดียวกัน เซิร์ฟเวอร์หลักของมหาวิทยาหนานซานขัดข้องอยู่หลายครั้ง ทำให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบดูแลเซิร์ฟเวอร์ต่างรีบซ่อมแซมอย่างเร่งด่วน
แผนกวรรณกรรมในตอนนี้ เต็มไปด้วยกลุ่มนักศึกษาที่กำลังเฝ้ารออะไรบางอย่าง
ค่ำคืนนี้
ทุกคนต่างใจจดใจจ่ออยู่กับการไลฟ์สดกินเครื่องในของพันหม่าลี่
ไลฟ์สดถูกแชร์ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในโซเชียล เฉพาะกลุ่มของนักศึกษามหาวิทยาลัยหนานซาน ซึ่งทุกคนต่างให้ความสนใจไลฟ์สดในครั้งนี้เป็นอย่างมาก
‘ข่าวเด็ด! พันหม่าลี่จากคลาส E แผนกวรรณกรรม ยอมรับความพ่ายแพ้แล้ว โฉวฮ่าว ประธานชมรมแบดมินตันสุดหล่อแฟนหนุ่มของเธอ ยอมกินเครื่องในแทนเธอด้วยแหละ! รีบเข้ามาดูเร็ว...’
เนื้อหาในไลฟ์สดอธิบายเรื่องราวได้น่าสนใจ จนไลฟ์สดนี้กลายเป็นข่าวดัง ยอดผู้ชมเกือบเท่ากับจำนวนนักศึกษาของหนานซาน
พื้นหลังในไลฟ์สดเป็นห้องเรียนของแผนกวรรณกรรม พันหม่าลี่และโฉวฮ่าวกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะด้วยสีหน้าขมขื่น ถูกล้อมรอบด้วยผู้สนับสนุนเฉินเมิ่งอวี่หลายคน ที่มาคอยเฝ้าเพื่อจับตามองดูว่าสองคนนี้โกงรึเปล่า
นอกจากนี้ยังมีผู้ชมหลายคนต่างแสดงความคิดเห็นในไลฟ์สดอย่างไม่มีทีท่าจะหยุด
เรื่องราวบานปลายมาถึงจุดนี้แล้ว ไม่มีทางหวนกลับได้
โฉวฮ่าวสวมถุงมือแบบใช้แล้วทิ้งเพื่อเตรียมตัวกินเครื่องใน เขาแสดงสีหน้าพะอืดพะอมทันทีหลังจากเริ่มหยิบเครื่องในขึ้นมา...
ใต้แถบแสดงความคิดเห็นของไลฟ์สดยังมีข้อความเด้งขึ้นมาไม่หยุด ทุกครั้งที่มีการรีเฟรช ทุกคนจะเห็นความคิดเห็นใหม่ ๆ ชวนให้ฮือฮามากมาย
“เครื่องในอยู่ตรงหน้าแล้ว! ใครดูไม่ไหวรีบออกไปเร็ว!”
“เริ่มแล้ว ๆ ฉันเหมือนได้กลิ่นเหม็นลอยผ่านทะลุหน้าจอมาเลยว่ะ...”
“แหวะ! น่าขยะแขยงชะมัด…”
“ถ้าใครกินข้าวตอนนี้ คงจะอ้วกแล้วกินไม่ลงไปอีกหลายวัน...”
“ให้เกียรติเครื่องในด้วยจ้า อย่ารีวิวแย่ ๆล่ะ”
“เห็นผู้ชายจอมหลอกลวงกับผู้หญิงไร้ยางอายได้รับบทเรียนแบบนี้แล้วรู้สึกดีจริง ๆ”
...
ถังซือซือไม่รู้เรื่องอะไรเลย ว่ากำลังมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัย
รถเก๋งหรูหราสีดำขับมาจอดอยู่ตรงทางเข้ามหาวิทยาลัย
ถังซือซือหันหลังมองย้อนกลับไปที่รถเก๋ง ก่อนจะเดินเข้าไปในมหาวิทยาลัยด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
‘จู่ ๆ ก็ไปตามนัด ทำไมตอนนั้นฉันถึงไม่ฉุกคิดอะไรบ้างเลยนะ... เหมือนว่ากำลังขายตัวยังไงไม่รู้...’
ปกติเธอมีไหวพริบดีมาตลอด แต่ครั้งนี้...
เมื่อก่อนตอนที่เธออยู่บนดาวเคปเลอร์ เธอมัวแต่ยุ่งกับธุรกิจจนไม่มีเวลาดูแลคนอื่น มีไหวพริบด้านอาหารก็จริงแต่ไม่มีไหวพริบในการใช้ชีวิตเลย ตอนนี้เธอจึงไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอะไรต่อไป
ใครจะคิดว่าเมื่อได้โอกาสมาเกิดใหม่ทั้งที กลับต้องมาเจอปีศาจร้ายแบบนี้โดยไม่สมัครใจ ทั้งยังถูกบังคับให้เซ็นสัญญาอย่างไม่เต็มใจอีก ต่อไปนี้เธอทำอะไรไม่ได้นอกจากจำเป็นต้องอดทนกับปีศาจร้ายคนนี้ไปอีกสามปี
‘อยากร้องไห้ชะมัด!’
“บิ๊บ บิ๊บ...”
เสียงแจ้งเตือนจากแอป WeChat ในโทรศัพท์มือถือดังขึ้น
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วพบข้อความว่า ‘ถึงคู่หมั้นในนามของผม’
เนื้อหาต่อมาเขียนไว้ว่า ‘พักผ่อนให้เต็มที่ล่ะ’
ถังซือซือขบฟันแน่น ก่อนจะใช้เล็บจิกหน้าจอโทรศัพท์มือถือด้วยความโกรธเคือง
บทที่ 24
แผนขั้นแรก
ย่านธุรกิจเมืองหนานซาน
ย่านนี้มีผู้คนพลุกพล่านเต็มท้องถนน เป็นแหล่งท่องเที่ยวของหนุ่มสาว ร้านอาหารชั้นนำจำนวนมาก และบริษัทของนักธุรกิจอีกมากมาย
ถังซือซือเดินตรงเข้าไปที่ตึกแถวในละแวกที่ไม่มีผู้คนเดินผ่าน
ด้านหน้าตึกแถวเป็นร้านค้าเล็ก ๆ กับประตูเก่า ๆ มีพื้นที่ใช้สอยไม่เกินห้าตารางวา
ภายในมีป้ายชื่อร้านค้าเก่าว่า Little Fat Quick Print ที่เจ้าของคนก่อนทิ้งเอาไว้ กับป้ายที่เขียนไว้ว่า ‘ให้เช่า หมื่นสามต่อเดือน’ อยู่ข้าง ๆ กับป้ายชื่อร้านค้า
ถังซือซือหยิบกุญแจร้านออกมา แล้วเปิดประตูเข้าไปข้างในทันที
กลิ่นเหม็นอับภายในร้านรุนแรงมากจนกระแทกจมูก
เธอเปิดฟังก์ชันไฟฉายของโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะส่องดูข้าวของภายในร้าน แล้วพบว่ามีสิ่งของมากมายที่เก่าจนไม่สามารถนำไปทำความสะอาดแล้วเอากลับมาใช้ได้อีก
ผนังทุกที่มีแต่คราบสกปรกฝังแน่น ดูทรุดโทรมมาก
ถังซือซือนึกถึงประโยคหนึ่งขึ้นมา ‘ครอบครัวคือกำแพงของความรัก’
อย่างน้อย โชคดีที่ร้านนี้มีไม้กวาดกับไม้ถูพื้นอันเก่าเหลือทิ้งไว้อยู่
หลังจากหาสวิตช์ไฟเจอแล้ว เธอจึงเริ่มทำความสะอาดอย่างขันแข็ง
ที่เธอตั้งใจมาที่นี่ คือแผนขั้นแรกในการหนีออกมาจากผู้ชายคนนั้น...
เมื่อเธอได้รับทุนจากการสอบเป็นเงินหนึ่งหมื่นหยวน เธอรีบนำเงินมาเช่าร้านนี้ทันที
สำหรับเธอ ความจนและความขี้เหร่ไม่ใช่เรื่องที่น่าทุกข์ร้อนอะไร เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสิ่งชั่วคราวเท่านั้น...
เชฟระดับแนวหน้าของเคปเลอร์ ต้องกลับมาอยู่ในร่างที่ไม่มีอะไรเลย แต่ภายในใจเธอยังคงส่องแสงระยิบระยับถึงความมุ่งมั่น สักวันหนึ่งเธอจะกลับคืนสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง...
เธอยังคงเชื่อว่าทุกอย่างต้องปล่อยให้เวลาขับเคลื่อนด้วยตัวของมันเอง...
ช่วงที่เธอกำลังยุ่งอยู่กับการทำความสะอาด เสียงฟังดูขี้อายดังขึ้นจากนอกประตูร้าน
“ขอโทษนะ... มีใครอยู่ไหม?”
ถังซือซือเดินไปตามเสียง ด้านนอกประตูมีหญิงสาวที่มัดผมหางม้าและไม่ได้แต่งหน้ากำลังยืนอยู่ เธอสวมแว่นหนากรอบดำแบบสมัยก่อน แต่งกายด้วยชุดสุภาพเรียบร้อย
เมื่อเธอเห็นถังซือซือมองมา เธอเผยรอยยิ้มกว้างอันบ่งบอกถึงความสดใสและเข้มแข็ง
“สวัสดีค่ะรุ่นพี่ หนูเห็นข้อความเปิดรับสมัครของรุ่นพี่ทางอินเทอร์เน็ต หนูเลยมาที่นี่เพื่อสมัครงานค่ะ”
ก่อนหน้านี้ ถังซือซือได้โพสต์เปิดรับสมัครงานในกลุ่มโซเชียลของมหาวิทยาลัย เธอไม่คิดเลยว่าจะมีคนสนใจแล้วมาสมัครเร็วขนาดนี้
“เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันเป็นรุ่นพี่?”
“หนูเช็กข้อมูลของรุ่นพี่ในเว็บไซต์ของมหาลัยแล้ว รุ่นพี่เข้าเรียนเร็วกว่าหนูหนึ่งปี ฮิฮิ”
เรียกรุ่นพี่ถูกแล้ว เพราะเธอเองก็กำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่สาม
“แล้วเธอชื่ออะไรล่ะ?”
“ถงโยวโยวค่ะ”
เดี๋ยวนะ? เหมือนเคยได้ยินชื่อนี้ที่ไหน...
ถังซือซือพยายามนึกชื่อในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมอยู่นาน แต่ก็นึกไม่ออก
“เรียนด้านไหนมาล่ะ?”
“หนูเรียนเอกคอมพิวเตอร์ค่ะรุ่นพี่”
เป็นเรื่องที่น่าทึ่งสำหรับเธอพอสมควร นี่เป็นสาขาวิชาที่ส่วนใหญ่ผู้ชายจะเลือกเรียน มีผู้หญิงแค่ไม่กี่คนที่สามารถทนต่อการเรียนแล้วต้องรับมือกับดีบักโค้ดต่าง ๆ แถมยังต้องวุ่นวายกับแผงวงจรทุกวี่ทุกวัน
“ก็ดี...” ถังซือซือยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“งั้นพร้อมเริ่มงานเลยไหม มาช่วยพี่ทำความสะอาดหน่อยสิ?”
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่ทันไรก็มืดค่ำแล้ว
ระหว่างทางเดินกลับไปหอพักที่ 17
ถังซือซือเดินทอดน่องพร้อมกับฮัมเพลงเล็กน้อย ก่อนจะเดินขึ้นไปบนชั้นสาม วันนี้การทำความสะอาดร้านเล็ก ๆ ได้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
ถึงแม้เงินหนึ่งหมื่นหยวนจะใช้เป็นต้นทุนได้ไม่มากนัก แต่เธอยังสามารถแบ่งไปใช้จ่ายกับของตกแต่งตามสไตล์ของเธอได้
‘ฉันเชื่อว่าตัวเองมาถูกทางแล้วแหละ’
‘แผนขั้นต่อไปคือทำงานอย่างหนักเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น’
‘แค่นี้ก็ตื่นเต้นจนทนไม่ไหวแล้ว ฮิฮิ’
ถังซือซือเดินขึ้นมาถึงชั้นที่มีห้อง 307 ทันใดนั้นเธอสัมผัสได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ตามโถงทางเดินมืดสนิท ไม่มีแม้แต่เสียงของใครเลย ถึงแม้ว่าช่วงนี้จะดึกมากแล้ว แต่นี่ก็ยังไม่ใช่เวลาที่นักศึกษาส่วนใหญ่จะเข้านอนกัน
ถังซือซือยืนอยู่กลางโถงทางเดิน แสงไฟมืดสนิท ไม่ว่าจะเพ่งมองมากแค่ไหนก็ไม่เห็นอะไรเลย
ทันใดนั้นเธอได้ยินเสียงเบา ๆ ชวนให้ขนลุกลอยแว่วเข้ามา ‘กรอบแกรบ ๆ’ ก่อนจะเหลือบไปเห็นบางสิ่งที่มีสีขาวปรากฏตัวออกมาจากเงามืด
ถังซือซือรู้สึกกลัวจนหัวใจสั่นระรัวอย่างบอกไม่ถูก