บทที่ 229-230
บทที่ 229
ถ้าโดนทุบเข้าก็อดทนหน่อยนะ
ถังซือซือยังมีสีหน้ายิ้มแย้ม ไม่โกรธอีกฝ่ายเลยที่ตำหนิ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปเพื่อเติมน้ำร้อนชงชาด้วยการเคลื่อนไหวที่กระฉับกระเฉง
เจียงหลี่ว์รุ่ยเห็นอีกฝ่ายเดินออกไปชงชา จึงคิดจะตอบสัมภาษณ์อย่างรวดเร็วให้จบ ๆ ไปเสียที แต่เสิ่นหวยอวี้กลับสนใจข้อมูลบางอย่าง จึงถามรายละเอียดเล็กน้อย
“พี่หลี่ว์รุ่ย ฉันรู้มาว่าคุณเรียนวิชาศิลปะการต่อสู้กับคุณพ่อตั้งแต่ยังเด็ก ถ้าอย่างนั้น คุณช่วยอธิบายฉากการต่อสู้ของคุณระหว่างการออดิชันให้ละเอียดหน่อยได้ไหมคะ?”
ถังซือซือกลับเข้าห้องมาแล้ว ก็ค่อย ๆ รินน้ำชาลงในถ้วยของทุกคนอย่างช้า ๆ ก่อนจะวางกาน้ำชาลง ไม่คิดจะรินน้ำชาให้กับเจียงหลี่ว์รุ่ย แต่กลับยืดอกขึ้นเพื่อขันอาสา
“ฉันชื่นชมคนที่เรียนศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก ๆ เป็นพิเศษค่ะ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้เห็นมันด้วยตัวเอง พี่หลี่ว์รุ่ยคะ ทำไมเราไม่ใช่วิธีการแสดงบทบาทสมมุติแทนการอธิบายเอาล่ะ? ฉันจะรับบทเป็นโจรในที่เกิดเหตุเอง สัญญาเลยว่าจะยืนนิ่ง ๆ ให้คุณแสดงอย่างอิสระ”
เสิ่นหวยอวี้ได้ยินข้อเสนอนี้ ก็แทบอดทนไม่ไหวที่จะปรบมือให้กับถังซือซือ บางทีการแสดงบทบาทสมมุติอาจเห็นภาพมากกว่าการอธิบายเป็นคำบอกเล่า ในขณะเดียวกันเธอก็ไม่ลืมที่จะเตือนอีกฝ่ายว่า
“งั้นก็ทำตัวดี ๆล่ะ อย่าทำอะไรให้กลายเป็นเรื่องใหญ่เชียว”
เพราะถ้านักข่าวเผลอทำให้ผู้ให้สัมภาษณ์ไม่พอใจ การสัมภาษณ์ในครั้งนี้ก็จะดำเนินไปด้วยบรรยากาศที่น่าอึดอัด ถือเป็นข้อห้ามสำหรับอุตสาหกรรมสื่อ
ใครจะรู้ว่าใบหน้าของเจียงหลี่ว์รุ่ยจะแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำเมื่อได้ยินแบบนี้ เธอฝืนยิ้มพลางโบกไม้โบกมือ
“ห้องนี้คับแคบจะตายไป คงไม่สะดวกหรอกค่ะ”
เธอยังไม่ลืมว่าถังซือซือเคยเอาชนะพวกโจรจนราบเป็นหน้ากลองด้วยฝ่ามือเดียว การที่ผู้หญิงคนนี้เสนอหน้า ไม่พ้นมีเจตนาจะทำให้เธออับอายเป็นแน่!
การหลอกตัวเองในระยะเวลาสั้น ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถ้าปล่อยให้เวลาผ่านไปนานเข้า ไม่แน่เธออาจจะเก็บอาการไม่อยู่อีกต่อไป ผู้หญิงคนนี้หวังให้เธอเปิดเผยพิรุธออกมาสินะ
แต่ถังซือซือยังคงแสดงท่าทีไร้เดียงสา
“เมื่อกี้ฉันออกไปชงชาข้างนอก บังเอิญเห็นว่าข้าง ๆ มีห้องโถงกลางด้วยค่ะ ที่นั่นโล่งและกว้างมาก ไม่มีคนอื่นรบกวนเลย เราย้ายไปแสดงบทบาทสมมุติกันตรงนั้นได้นะคะ”
ถังซือซือชี้ออกไปด้านนอกด้วยรอยยิ้มสดใส ก่อนจะหันหน้ากลับมาพูดกับช่างภาพเพื่อเสนอความคิดเห็นของตัวเอง
“พอเป็นแบบนี้แล้ว เราก็จะสามารถถ่ายภาพฉากการต่อสู้อันสวยงามของพี่หลี่ว์รุ่ยได้อย่างชัดเจนยังไงล่ะคะ พอภาพออกมาแล้ว ทุกคนจะต้องทึ่งกับมันมากแน่ ๆ”
เสิ่นหวยอวี้มองไปทางถังซือซือด้วยสายตาชื่นชม หญิงสาวตัวเล็กคนนี้ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ แต่ความคิดสร้างสรรค์ของเธอที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาวิกฤติก็ดูเข้าท่าไม่น้อย
ฝ่ายช่างภาพก็อยากยกนิ้วโป้งให้เธอด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เริ่มการสัมภาษณ์กับเจียงหลี่ว์รุ่ยมา ก็ยังไม่มีภาพถ่ายที่น่าพอใจเลย
คราวนี้เจียงหลี่ว์รุ่ยถึงกับนั่งไม่ติด
อันที่จริง ข้อเสนอดังกล่าวจากทางฝั่งผู้สัมภาษณ์ โดยปกติแล้วถือเป็นโอกาสที่นักแสดงยากจะได้รับ
แต่ถ้าตัดถังซือซือออกไปสักคน นี่คงเป็นความคิดที่ดีมาก
“แหะ ๆ... คือว่า...”
เจียงหลี่ว์รุ่ยหันหน้ากลับไปอีกทาง เพราะตั้งใจจะถามความคิดเห็นจากผู้จัดการส่วนตัวของตัวเอง ทันใดนั้นเสียงปรบมือเชียร์ก็ดังกึกก้อง
“เอาเลยค่ะพี่หลี่ว์รุ่ย!”
เธอเห็นว่าผู้จัดการส่วนตัวที่ไม่รู้ความจริงอะไรเอาแต่ปรบมือสนับสนุนอย่างแรง
ในฐานะนักแสดงเกรดซี นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เจียงหลี่ว์รุ่ยถูกสัมภาษณ์โดยสำนักหนังสือพิมพ์ระดับไฮเอนด์เป็นครั้งแรก แน่นอนว่าเธอต้องยอมรับข้อเสนอดังกล่าวอยู่แล้ว!
คราวนี้ สายตาสามคู่จ้องมองมาที่เธออย่างสดใส ส่วนถังซือซือผู้ริเริ่มความคิดดังกล่าวก็ส่งรอยยิ้ม ‘จริงใจ’ ประดับไว้บนใบหน้า ส่วนคนอื่น ๆ ก็ส่งสายตาให้กำลังใจอย่างเต็มที่
ในเมื่อขึ้นขี่หลังเสือแล้วลงไม่ได้ง่าย ๆ เจียงหลี่ว์รุ่ยจึงจำใจยืนขึ้นเพื่อรับข้อเสนอด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว
“ดี ดี ดี!” ผู้จัดการส่วนตัวของเธอปรบมือเสียงดังยิ่งกว่าเดิมซะอีก
ตอนนี้ภายในใจของเจียงหลี่ว์รุ่ยเต็มไปด้วยประโยคก่นด่ามากมายนับไม่ถ้วน
ห้องโถงกลาง
ถังซือซือยืนหยัดเผชิญหน้ากับเจียงหลี่ว์รุ่ย โดยยืนห่างออกไปประมาณสองเมตรด้วยท่าทีนิ่งสงบ
ขณะนั้นเอง เสิ่นหวยอวี้ก็เดินเข้ามากระซิบกระซาบกับเธอว่า
“ถ้าถูกเธอทุบตีก็ยอม ๆ ไปเถอะนะ! อดทนหน่อยแล้วกัน!”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ” เพราะเธอจะไม่ยอมให้อีกฝ่ายมีโอกาสเข้าประชิดตัวแน่ ๆ
เสิ่นหวยอวี้เหลือบมองถังซือซืออีกครั้งหนึ่ง เมื่อเห็นว่าถังซือซือพร้อมแล้วที่จะถูกทุบตี จึงเดินห่างออกไปด้วยความพึงพอใจ
ขณะนี้เจียงหลี่ว์รุ่ยเปลี่ยนไปสวมชุดลำลองเพื่อให้การเคลื่อนไหวคล่องตัวยิ่งขึ้น ยืดหลังตรงด้วยความกล้าหาญ
“ฮึบ!”
คิ้วเรียวสวยของเธอขมวดคว่ำ ก่อนที่จะรวบรวมแรงกำลังเพื่อพุ่งตัวไปทางถังซือซือด้วยความเร็วสูง
บทที่ 230
ใครคือนางเอกกันแน่
ในเมื่อเธอเสนอตัวว่าจะยืนเป็นหุ่นให้ฉัน ถ้าอย่างนั้นฉันก็ยินดี!
ดูฝีมือของพี่สาวคนนี้ไว้ให้ดีแล้วกัน!
ทันใดนั้นเจียงหลี่ว์รุ่ยก็นึกถึงการออดิชันในวันก่อน พนักงานที่ปลอมตัวเป็นโจรพวกนั้นอ่อนแอจะตายไป ยิ่งพอได้สังเกตรูปร่างอันบอบบางของถังซือซือแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ทักษะของเจียงหลี่ว์รุ่ยจะแย่กว่า!
รอรับการทุบตีจากพี่สาวได้เลย!
แววตาของเจียงหลี่ว์รุ่ยส่องประกายเย็นชา รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นตรงมุมปากของเขา หลังเท้าที่วาดขาเตะออกไม่มีการยั้งแรงเลยแม้แต่น้อย พุ่งตรงไปที่ใบหน้าของถังซือซือ
“ฮึบ!”
เมื่อเห็นว่าขาที่เตะออกนั้นจวนจะกวาดโดนหน้าของ ถังซือซืออยู่รอมร่อ โดยที่ถังซือซือไม่ได้ขยับเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย เจียงหลี่ว์รุ่ยก็แสยะยิ้มออกมา โง่ดีจัง!
วันนี้ฉันจะซัดแกให้ออกไปพ้นทางให้ได้!
หืม?
ทันใดนั้น แววตาของถังซือซือกลับเปล่งประกายด้วยแสงเย็น ผู้คนรอบข้างเหมือนกลายเป็นแค่คนนอกที่รับชมอยู่ห่าง ๆ ขณะที่เท้าของเจียงหลี่ว์รุ่ยกำลังจะกวาดถูกใบหน้าของเธอ เธอก็รีบก้มตัวลงด้วยความรวดเร็วไม่แพ้กัน
“อ๊ะ!”
เจียงหลี่ว์รุ่ยวาดเท้าออกไปกลางอากาศอีกครั้ง โดยเพิ่มความแข็งแกร่งและความเร็วขึ้นกว่าเดิมสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ด้วยสถานการณ์ที่พลิกผันในวินาทีสุดท้าย ทำให้เธอไม่สามารถยั้งแรงขาของตัวเองไว้ได้ พออีกฝ่ายหลบการโจมตีได้ทันเวลา เธอถึงกับเดินเซถลาไปสองสามก้าว ก่อนที่จะกลับมายืนหยัดได้อย่างมั่นคงอีกครั้งก็เสียท่าไปพอสมควร
“เธอ...”
เจียงหลี่ว์รุ่ยได้แต่กัดฟันกรอด จะระเบิดอารมณ์ออกมาก็ทำไม่ได้
ดวงตาของช่างภาพเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
นี่…
เมื่ออยู่หน้ากล้อง ทักษะการโจมตีของเจียงหลี่ว์รุ่ยทั้งรุนแรงและน่ากลัวจนถ่ายภาพนิ่งได้ยากมาก แต่ถังซือซือซึ่งอยู่ถัดจากเธอแค่ไม่กี่ก้าว กลับย่อตัวหลบได้อย่างทันท่วงที พลิกสถานการณ์กลับมาเป็นวีรสตรีอย่างสมบูรณ์ แถมออร่ายังเปล่งประกายออกมาจากร่างกาย การเคลื่อนไหวเป็นธรรมชาติอย่างน่าทึ่ง!
ไม่สามารถห้ามสายตาไม่ให้โฟกัสไปที่ถังซือซือได้เลย
หน้าตาแบบนี้ บวกกับออร่าแบบนี้ ถึงแม้สวมใส่ชุดจะเรียบ ๆ แต่ความสามารถของเธอกลับไร้ที่ติ หากจะเปรียบเทียบแบบเกินจริง พวกเขานึกว่าเธอนั่นแหละที่เป็นนางเอกเสียเอง
แต่เสิ่นหวยอวี้ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก เธอขมวดคิ้ว เปล่งเสียงเตือนอย่างเย็นชา
“เสี่ยวถัง ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าขยับ?!”
ถังซือซืออึดอัดใจขึ้นมาทันที เธอยังไม่ทันได้ขยับเสียหน่อย
ถ้าเธอขยับจริง ป่านนี้เจียงหลี่ว์รุ่ยจะยังยืนหยัดแบบนั้นได้อยู่ไหม?
เธอแค่หลบเลี่ยงการโจมตีเท่านั้นเอง นี่เป็นสัญชาตญาณที่ควรทำไม่ใช่เหรอ? เธอไม่ต้องการเป็นกระสอบทรายมนุษย์นะ
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะขยับค่ะ แต่สัญชาตญาณมันพาไป พี่หวี่ว์รุ่ย มาอีกครั้งเถอะค่ะ”
เจียงหลี่ว์รุ่ยยังคงกัดฟันกรอดของเธอ บ้าเอ๊ย! มองปราดเดียวก็ดูออกแล้ว นังผู้หญิงคนนี้จงใจทำให้เธอดูน่าเกลียดชัด ๆ!
“ฮึบ!”
ก่อนที่ถังซือซือจะทันได้ตั้งตัว เธอก็กำหมัดแน่น แล้วพุ่งเข้าโจมตีอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกัน ถังซือซือก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว หันศีรษะสะบัดไปด้านข้างโดยทันที ทำให้หมัดของเจียงหลี่ว์รุ่ยล้มเหลวในการโจมตีอีกครั้ง
“อีกรอบค่ะ!”
คราวนี้เจียงหลี่ว์รุ่ยกระโดดสูงขึ้นไปกลางอากาศ พร้อมกับเหวี่ยงขาออกไปโดยใช้แรงเตะที่หนักกว่าก่อนหน้านี้ ราวกับว่าเธอจะฆ่าถังซือซือให้ได้
สีหน้าของถังซือซือยังคงราบเรียบราวกับภูเขาสูงตระหง่าน ก่อนที่จะเอนตัวไปด้านหลังจนร่างกายโค้งงอเป็นท่าสะพานโค้ง โดยที่เจียงหลี่ว์รุ่ยไม่สามารถใช้โอกาสนี้ทำร้ายเธอได้เลยแม้แต่น้อย
“อีกรอบค่ะ!”
เจียงหลี่ว์รุ่ยยังคงพุ่งเข้าโจมตีอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะใช้วิธีฟาดฝ่ามือ ต่อยหมัด หรือโจมตีด้วยหน้าแข้งในรูปแบบต่าง ๆ ถังซือซือก็ยังคงยืนอยู่ตรงจุดเดิมไม่เคลื่อนที่ แต่ทุก ๆ ครั้ง ร่างกายของเธอกลับยืดหยุ่นมาก จนสามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีทั้งหมดของอีกฝ่ายได้อย่างทันท่วงที
“แฮ่ก แฮ่ก...”
ขณะนี้เจียงหลี่ว์รุ่ยหอบหายใจหนักหน่วงเหมือนกับวัว เหงื่อหยดเล็ก ๆ ผุดพรายขึ้นบนหน้าผาก สีหน้าของเธอเริ่มเคร่งเครียด ดวงตาหรี่เล็กลง ทั้งยังฉายแววอาฆาตราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
แตกต่างจากถังซือซือ
เธอยังคงยืนนิ่งอย่างใจเย็น หายใจเข้าออกตามปกติ และยืนหยัดอยู่ตรงตำแหน่งเดิมเหมือนท่อนไม้ แม้แต่สีหน้าของเธอก็ไม่ได้แปรเปลี่ยนไปมากนัก
ช่างภาพตกตะลึงอย่างสมบูรณ์
เขาอดไม่ได้ที่จะแอบถ่ายภาพจำนวนหลายรูปโดยจัดมุมกล้องให้ถังซือซือเป็นตัวเอก ซึ่งแต่ละภาพก็เป็นที่น่าพอใจและน่าทึ่งไม่น้อยเลย
ทันใดนั้นช่างภาพก็เกิดอาการงุนงงเล็กน้อย เจียงหลี่ว์รุ่ยคนนี้สามารถเอาชนะหญิงสาวคนอื่นในการออดิชัน จนได้รับบทเป็นนางเอกคนที่สองของเรื่อง ‘Dust Smoke’ จริงหรือ?
กลับกัน สีหน้าของเสิ่นหวยอวี้เริ่มไม่สู้ดีนัก
ทำไมเด็กคนนี้ถึงไม่ยอมเข้าใจคำพูดของฉันเลยนะ?
ถึงอย่างนั้น ใบหน้าของเธอก็ยังคงประดับด้วยรอยยิ้ม รีบเดินอย่างรวดเร็วตรงไปหาเจียงหลี่ว์รุ่ยเพื่อยื่นผ้าซับเหงื่อให้ พร้อมกับยกนิ้วโป้งเป็นการชื่นชมเธอ
“พี่หลี่ว์รุ่ย ทำให้คุณต้องลำบากแล้ว! วันนี้ฉันได้เห็นทักษะการต่อสู้ของคุณเป็นบุญตาแล้วค่ะ”