บทที่ 219-220
บทที่ 219
เธอคิดว่าคนอย่างฉันจะนั่งรถโลว์คลาสแบบนี้รึไง?
เมื่อโหย่วฉงหลิงเห็นว่าตัวเองตกเป็นเป้าหมายของการวิพากษ์วิจารณ์ในที่สาธารณะ มือของเธอก็กำแน่นตลอดเวลา โกรธมากจนปอดแทบจะระเบิดเสียให้ได้ ยิ่งพอคิดว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะถังซือซือ ก็อดไม่ได้ที่จะโยนความเคียดแค้นทั้งหมดไปให้อีกฝ่าย
ท่ามกลางความขุ่นเคืองของผู้คนโดยรอบ เธอไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก ก่อนจะนั่งลงเงียบ ๆ แล้วพึมพำลอดไรฟันว่า
“นังคนแซ่ถัง เรื่องของฉันกับแกยังไม่จบ ฉันเล่นงานแกแน่!”
แม้ว่าเสียงนั้นจะเบามาก แต่ถังซือซือที่นั่งอยู่ข้างหน้าก็ยังได้ยิน จึงเลิกคิ้วขึ้นอย่างอดสงสัยไม่ได้ นี่เธอกำลังถูกคุกคามอยู่เหรอเนี่ย?
เธอกะพริบตาปริบ แต่แล้วก็ทำเป็นลืมมันไปซะ คิดซะว่าตอนนี้ตัวเองยังมีภาพยนตร์ตรงหน้าให้จดจ่อ เสียงนกเสียงกาพวกนั้นไม่ได้สำคัญอะไร
ขณะนั้นเอง ภาพยนตร์ก็ถูกระงับการฉายชั่วคราว ก่อนที่เสียงประชาสัมพันธ์จะดังขึ้น
“ขออภัยทุกท่านที่กำลังรับชมภาพยนตร์อยู่ในขณะนี้ ผู้ใดที่เป็นเจ้าของรถยนต์หมายเลขทะเบียน AXXXX ซึ่งจอดอยู่ที่บริเวณลานจอดรถด้านนอกของโรงภาพยนตร์ รถของท่านจอดกีดขวางการจราจร จึงขอความกรุณาให้ท่านเจ้าของรถเคลื่อนย้ายรถออกทันที”
เสียงประชาสัมพันธ์ดังซ้ำสองครั้ง ก่อนที่ภาพยนตร์จะกลับมาฉายต่อ
ซูซิงเหวินได้ยินเลขทะเบียนนั้นอย่างชัดเจน โกหกน่า นั่นมันรถของเขาไม่ใช่เหรอ?
“ไปกันเถอะ ฉงหลิง เราต้องรีบออกไปย้ายรถ”
“แค่จอดขวางนิดหน่อยเอง ไม่เห็นต้องกังวลเลย รอดูหนังให้จบก่อนแล้วค่อยออกไปย้ายไม่ได้เหรอ? เกิดพลาดฉากสำคัญไปจะทำยังไง?”
ซูซิงเหวินไม่สามารถเอาชนะโหย่วฉงหลิงได้เหมือนเดิม ถึงแม้ในใจจะรู้สึกว่าทำแบบนี้ไม่ถูก แต่เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากอดทน และนั่งดูหนังต่อไป
ภาพยนตร์จบลงในเวลาประมาณสี่ทุ่มกว่า ๆ
ทันทีที่ไฟในโรงสว่างขึ้น โหย่วฉงหลิงก็กึ่งลากกึ่งดึง ซูซิงเหวินออกมาอย่างเงียบ ๆ ท่ามกลางสายตาของผู้ชมจำนวนมากที่เหลือบมองตามด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
“ผู้ชายคนนั้นตาบอดหรือยังไงกัน? ถึงได้ทนคบกับผู้หญิงแบบนั้นได้”
“เธอไม่รู้อะไร บางทีผู้ชายคนนี้อาจจะเป็นคนประเภทเดียวกันกับแฟนสาวของเขาก็ได้ แต่เขาก็คงอายเหมือนกันแหละ ถึงได้ไม่พูดอะไรเลย”
ซูซิงเหวินรู้สึกว่าสายตาของทุกคนยังคงจับจ้องตามหลังของเขาอยู่ตลอดเวลา ชวนให้อึดอัดใจเอามาก ๆ อดคิดไม่ได้ว่าวันนี้เขาก้าวเท้าออกจากบ้านผิดข้างหรือยังไงกัน พร้อมกับแอบบ่นโหย่วฉงหลิงอยู่ในใจเป็นล้านคำ
บางทีเขาอาจจะตาบอดจริง ๆ ก็ได้
ถังซือซือป้อนป๊อปคอร์นชิ้นสุดท้ายเข้าไปในปากของเซียวเฉินเยวียน ก่อนจะปัดฝ่ามือและลุกยืนขึ้น
“ไปกันเถอะที่รัก ดูเหมือนว่าคราวหน้า ฉันคงต้องดูปฏิทินมงคลก่อนที่จะจองตั๋วหนังซะแล้ว”
ภาพยนตร์ที่เขาเลือกใช่ว่าไม่ดี แต่บรรยากาศในการรับชมการชมภาพยนตร์ครั้งนี้ค่อนข้างแย่ พลอยคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของตัวเอง ที่ทำให้เซียวเฉินเยวียนเกิดความไม่สบายใจ เมื่อได้มาดูหนังกับตัวเองเป็นครั้งแรก
ดวงตาของเซียวเฉินเยวียนกะพริบปริบ เขาสนใจแค่ว่าตัวเองมาดูหนังกับถังซือซือเท่านั้น บรรยากาศแวดล้อมไม่มีผลอะไรกับเขาอยู่แล้ว ถึงยังไงในสายตาของเขาก็มีแค่เธอคนเดียว
ทั้งสองเดินเคียงคู่กันไปที่ลานจอดรถด้านนอก
จนเห็นว่ารถรุ่น Santana สีขาวคันหนึ่ง จอดขวางอยู่หน้ารถเบนซ์สีดำของเซียวเฉินเยวียน
รถของใครกัน?
ทำไมถึงได้จอดแปะไร้มารยาทแบบนี้ล่ะ
โหย่วฉงหลิงที่กำลังก้าวฉับ ๆ ตรงไปที่รถรุ่น Santana เกิดอาการตกใจและไม่เชื่อสายตา เมื่อเห็นถังซือซือและแฟนหนุ่มของเธอกำลังเดินมาทางนี้
ปรากฏว่ารถเบนซ์สีดำรูปทรงสะดุดตา ที่ทำให้เธออยากได้ตั้งแต่แรกเห็น เป็นของแฟนถังซือซือเองเหรอเนี่ย ผู้ชายคนนี้ไม่ได้มีดีแค่ความหล่ออย่างเดียว แต่ยังรวยมากอีกด้วย...
ถังซือซืออัปเกรดตัวเองจนสามารถจับผู้ชายที่ร่ำรวยและหล่อเหลาคนนี้ได้ พอมองย้อนกลับมาที่ตัวเอง เห็นได้ชัดว่าเธอด้อยกว่า!
จู่ ๆ เธอก็ไม่อยากก้าวขึ้นรถคันนั้นให้อีกฝ่ายเห็น เพราะเธอรู้ดีว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เปิดเผยว่ารถรุ่น Santana เป็นของตัวเอง คราวนี้ได้พ่ายแพ้อย่างราบคาบแน่!
ซูซิงเหวินงุนงงเล็กน้อย ทำไมจู่ ๆ เธอก็หยุดขึ้นมาซะ ดื้อ ๆ แบบนั้นล่ะ?
ไม่ทันขาดคำ โหย่วฉงหลิงรีบดึงแขนซูซิงเหวินให้ถอยออกมาความคิดร้ายกาจผุดขึ้นมาในสมองว่า ตราบใดที่เธอไม่ยอมย้ายรถออกไป ถังซือซือก็กลับบ้านไม่ได้เหมือนกัน! ต้องอยู่ที่นี่เพื่อรอจนกว่าเจ้าของรถจะมาย้ายรถที่จอดขวางออกไป
เป็นความคิดที่เข้าท่าจริง ๆ ฉันจะยืนอยู่ตรงนี้แหละ
ถังซือซือเหลือบไปเห็นทั้งคู่พอดี จึงรีบหันไปถามว่า
“นี่ใช่รถของเธอหรือเปล่า?”
โหย่งฉงหลิงรีบปฏิเสธทันควัน “เปล่าซะหน่อย! เธอคิดว่าคนอย่างฉันจะนั่งรถโลว์คลาสแบบนี้รึไง?”
สีหน้าของซูซิงเหวินเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำทันที ถ้าคิดจะเล่นแง่แบบนี้ งั้นคืนนี้ก็คงไม่มีใครได้กลับบ้านกันแล้ว
บทที่ 220
ไม่เจียมตัว
ถังซือซือพยักหน้ารับ ไม่แสดงความคิดเห็นอะไรอีก ก่อนหันไปหาเซียวเฉินเยวียนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
เซียวเฉินเยวียนกดหมายเลขโทรออกอย่างใจเย็น
โหย่วฉงหลิงยืนห่างออกไปประมาณห้าเมตร เหลือบมองทั้งสองคนเป็นระยะ ในใจรู้สึกอึดอัด แต่ก็ไม่เต็มใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ ลมหายใจเริ่มหอบถี่จนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง แทบสำลักความคับข้องที่สุมอยู่เต็มอก
ทันใดนั้นเอง หลายคนก็วิ่งออกมาจากอาคารสำนักงาน ฝีเท้านั้นเร่งรีบและกระวนกระวายมาก หยดเหงื่อเย็นเยียบก็ผุดออกมาจากหน้าผากของเขา
“ท่านประธานเซียว! ผมต้องขออภัยกับเรื่องที่เกิดขึ้นจนทำให้ล่าช้า! ทางเราจะรีบจัดการเดี๋ยวนี้ครับ!”
โอ้ พระเจ้า! ปกติประธานเซียวแทบไม่เคยมาเหยียบโรงภาพยนตร์นี้ด้วยซ้ำ พอเขาอารมณ์ดีอยากจะมาดูหนังก็ต้องประสบความติดขัดที่ว่า ว่าแต่เจ้าของรถคันนี้คือใครกัน! จำได้ว่าเมื่อกี้นี้ก็เพิ่งประชาสัมพันธ์ไป หมายความว่าเขาไม่ได้ใส่ใจกับมันเลย!
ฉะนั้นก็อย่ามาโทษพวกเขาทีหลังแล้วกันว่าไม่มีความปรานี
พนักงานทั้งสี่รีบเดินไปยกอุปกรณ์ล็อกล้อรถยนต์ออกมา ก่อนจะใช้มันล็อกล้อรถรุ่น Santana โดยตรง
โหย่วฉงหลิงที่เห็นภาพตรงหน้า ถึงกับตกใจในสิ่งที่ ‘ประธานเซียว’ มอบให้ จนสติหลุดหายไปชั่วขณะหนึ่ง
หัวใจและสมองของเธอถึงกับขาวโพลน
ประธานเซียว?
โรงภาพยนตร์แห่งนี้เป็นกิจการในเครือของบริษัทตระกูลเซียวนี่ ถ้าอย่างนั้นเขาก็คือ?!
ประธานใหญ่ของบริษัทตระกูลเซียว?!
รูม่านตาของเธอหดเล็กลงอย่างฉับพลันด้วยความตื่นตระหนกถึงขีดสุด
งานเข้าแล้วสิ!
ฉันเผลอไปมีเรื่องกับคนระดับนั้นเข้าซะแล้ว!
ขณะที่โหย่วฉงหลิงกำลังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หัวใจก็สั่นสะท้านขึ้นมา ถ้าอย่างนั้นตอนที่ฉันเผลอพูดว่าจะเล่นงาน ถังซือซือเมื่อกี้นี้ล่ะ!
ตอนนั้นอะไรมันดลใจให้ฉันกล้าหาญแบบนั้นนะ?
จบเห่แล้ว ฉันต้องตายแน่ ๆ!
ในเวลาเดียวกัน ซูซิงเหวินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ตกใจกลัวไม่แพ้กัน เขาได้สติตอบสนองกลับมาเร็วกว่าโหย่วฉงหลิง สายตาเห็นอย่างชัดเจนว่าพวกพนักงานกำลังล็อกล้อรถของตัวเอง แต่กลับไม่กล้าพูดอะไรออกไปเลย เพราะกลัวว่าคืนนี้ตัวเองอาจถูกบดขยี้จนบี้แบนโดยไม่รู้ตัว
วันนี้ฉันคงก้าวเท้าออกจากบ้านผิดข้างจริง ๆ...
ทั้งสองคนยืนนิ่งหน้าซีด ขณะมองดูพนักงานบริการล็อกรถทั้งสี่ มือและเท้าก็ชาวาบ
ทันใดนั้น รถโรลส์-รอยซ์ รุ่น Phantom หรูหราคันหนึ่งก็ขับเข้ามาจอดอยู่ตรงหน้ากลุ่มคน
กู่ชวนก้าวลงจากรถ ก่อนจะเปิดประตูให้เซียวเฉินเยวียนและถังซือซือขึ้นรถคันนั้นด้วยท่าทีนอบน้อมเป็นอย่างยิ่ง
ถังซือซือมองย้อนกลับไปที่ชายหญิงทั้งสองคนที่ยังคงตกตะลึงจนตาค้าง ในใจคิดว่าควรจะหันไปบอกลาสองคนนั้นดีหรือเปล่า เพราะถึงยังไงพวกเขาก็เป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยของตัวเอง แต่แล้วเธอก็เลือกที่จะก้าวขึ้นรถไป โดยไม่พูดอะไรสักคำ
จบมิตรภาพระหว่างพวกเขาเอาไว้แค่นี้คงดีกว่า
Phantom...
Phantom คันนี้ราคามากกว่าสิบล้านซะอีก...
เธอควรจะคาดเดาได้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว คนที่มีงบเพียงพอที่จะซื้อเบนซ์หรูหราสักคัน จะมีรถยนต์ใช้แค่คันเดียวได้ยังไง?
โหย่วฉงหลิงรู้ซึ่งถึงคำว่าไม่เจียมตัวก็คราวนี้!
การตัดสินใจกลั่นแกล้งของเธอเมื่อกี้นี้ ถือเป็นความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัย!
พนักงานทั้งสี่คนหันมองตามรถโรลส์-รอยซ์คันงามที่ขับรถออกไป พร้อมประสานมือและโค้งตัวเล็กน้อยด้วยความเคารพ แต่หลังจากนั้นพวกเขายังคงไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่ เดินไปยกป้ายโฆษณาสองสามป้ายออกมาจากที่ไหนสักที่ แล้ววางล้อมรอบรุ่น Santana สีขาวไว้อย่างเป็นระเบียบ
ตอนนี้ รถคันดังกล่าวจึงโดดเด่นมาก เป็นไปไม่ได้เลยที่ใครผ่านไปผ่านมาแล้วจะไม่สังเกต
ปัญหาจอดรถผิดกฎค่อนข้างจัดการยาก แต่พวกเขาสามารถส่งเรื่องไปให้ทางตำรวจจราจรจัดการต่อได้
โหย่วฉงหลิงแทบทนไม่ได้เมื่อมองเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดของบรรดาพนักงาน ดังนั้นเธอจึงไม่มีความกล้าพอที่จะก้าวออกมา และยืดอกยอมรับว่านี่คือรถของพวกเขา
ส่วนซูซิงเหวิน เขาทั้งโกรธและเกลียดเธอยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
ที่เรื่องมันบานปลาย ก็เป็นเพราะความโง่เขลาของผู้หญิงคนนี้ทั้งนั้น!
นั่นมันรถของฉันนะโว้ย!
ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่อยากเสียหน้าตั้งแต่ตอนนี้ ดวงตาของเขาแดงก่ำ ก่อนที่จะทิ้งโหย่วฉงหลิงให้ยืนอยู่ตรงนั้น แล้วหันหลังเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
“ซูซิงเหวิน หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
โหย่วฉงหลิงตะโกนไล่หลังเขา
แต่ฝีเท้าของซูซิงเหวินกลับเร่งความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ไม่คิดจะหยุดเดินแต่อย่างใด
เขารู้แล้วว่า ตัวเองควรจบความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนี้เสียที
เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ จะเป็นตราบาปทำให้เขาเสียหน้าไปตลอดทั้งชีวิต
ขณะเดียวกัน ถังซือซือก็กลับไปถึงคอนโดเฟิงตันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“แม่คะ หนูจะลองถามคำถามสัมภาษณ์แบบฉับไวแล้วนะ แม่พร้อมหรือยัง?”
มู่ซูเสียนตั้งใจเตรียมชุดทำงานสไตล์เรียบง่ายที่ถังซือซือเป็นคนซื้อให้ เพื่อที่จะได้รับคะแนนพิเศษจากการแต่งกายสำหรับการสัมภาษณ์ที่กำลังจะมาถึง
เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ มองดูลูกสาวที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าจริงจัง ราวกับเป็นผู้สัมภาษณ์ที่มีนิสัยเข้มงวด แต่แล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื้นตันขึ้นมาเล็กน้อย ความตึงเครียดภายในจิตใจผ่อนคลายลงไปมาก