บทที่ 21-22
บทที่ 21
ขอให้คุณหมั้นกับผม
‘เซวี่ยโต่ว’ เป็นร้านอาหารตะวันตกชั้นนำของเมืองหลวง ภายในร้านถูกประดับด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูหราหลายชิ้น ทั้งยังมีบริการแบบห้องส่วนตัวให้กับลูกค้าด้วย
ท่ามกลางแสงไฟสีเหลืองนวลสว่างไสว
ถังซือซือกวาดสายตาดูความโรแมนติกและความสวยงามของร้านอย่างตื่นเต้น แต่อดีตเจ้าของร่างเดิม แม้จะเคยอยู่ในบ้านที่มีฐานะร่ำรวยมาก่อนก็ตาม แต่เธอก็ไม่เคยมีโอกาสได้เข้าร้านอาหารหรูหราแบบนี้เลย
‘ฉันคงไม่ได้กินของดีถ้าเขาไม่พามา...’
ผ่านไปไม่นาน มีเอกสารกับปากกาพร้อมด้วยตราปั๊มรูปสัตว์สีดำมาวางอยู่ตรงหน้า ขณะนี้มีแต่ความสงสัยผุดขึ้นมามากมายในสมองของเธอ
บางจังหวะ พนักงานเสิร์ฟหญิงภายในห้องมักทำตัวอยากรู้ยากเห็นอยู่บ่อยครั้ง เพราะเมื่อเธอมองมาที่ถังซือซือ เธอก็แสดงสีหน้าสงสัยอะไรบางอย่าง
ถังซือซือรู้ตัวว่าถูกจ้องมองอยู่ จึงคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร
แต่ไม่ว่าพนักงานเสิร์ฟหญิงจะมองถังซือซือในทางที่ไม่ดีมากแค่ไหนก็ไม่สามารถทำให้เธอรู้สึกกลัวได้ พอถังซือซือขยิบตาให้พนักงานเสิร์ฟหญิงคนนั้น อีกฝ่ายก็สะดุ้งเล็กน้อยก่อนวิ่งหนีออกไปจากห้อง
“ตึง!”
พนักงานเสิร์ฟหญิงเหลือบมองเซียวเฉินเยวียนขณะวิ่ง ทำให้วิ่งชนเข้ากับขอบประตูอย่างแรง
ถังซือซือเกือบเสียมารยาทพ่นน้ำดื่มออกมาเมื่อเห็นเหตุการณ์
‘ความหล่อของเขาเป็นภัยกับผู้หญิงขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย...’
“ค่อย ๆ เดินนะคะ ไม่เจ็บมากใช่ไหม?”
ถังซือซือเอ่ยปากถามพนักงานเสิร์ฟหญิง หลังจากพยายามกลั้นหัวเราะ
เซียวเฉินเยวียนเอียงศีรษะก่อนใช้น้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์พูดขึ้นว่า “ผมต้องการให้คุณหมั้นกับผม”
น้ำเสียงของเซียวเฉินเยวียนฟังดูอบอุ่นกว่าปกติ ราวกับว่าวันนี้เป็นวันพิเศษของเขา
‘อะไรวะเนี่ย?...’
“ตูม...”
‘หัวใจของฉันแทบจะระเบิดเหมือนภูเขาไฟ...’
‘เมื่อกี้เขาพูดจริงเหรอ?’
‘เขาบอกว่า ให้คุณหมั้นกับผม...’
‘เขาบอกว่า ให้คุณหมั้นกับผม...’
‘ให้คุณหมั้นกับผม...’
‘ให้หมั้นกับผม...’
‘เราจะหมั้นกัน...’
‘เราจะหมั้นกัน...’
‘...’
ถังซือซือตกอยู่ในภวังค์สับสนจนพูดอะไรไม่ออก คนอื่น ๆ ภายในห้องก็ตกอยู่ในภาวะสับสนเหมือนกัน
‘ทำไงดี!?’
“แกร๊ง” เสียงมีดและส้อมร่วงตกลงบนพื้น
สติสัมปชัญญะของถังซือซือดูเหมือนจะสูญเสียการควบคุมไปชั่วขณะ เธอนั่งนิ่งเพราะพูดอะไรไม่ออก ได้แต่นั่งเหม่อลอยและมองไปที่เซียวเฉินเยวียนอย่างว่างเปล่า
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ในที่สุดเธอก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง ก่อนจะบีบต้นขาตัวเองแรง ๆ เพื่อดึงสติ
‘เจ็บจัง!’
‘รีบตั้งสติเร็วเข้า!’
‘แล้วไงต่อดี...’
“ทำไมคุณถึงอยากให้ฉันหมั้นกับคุณล่ะคะ?”
‘เดาเหตุผลไม่ออกเลยแฮะ’
“ผมมีอาการแพ้บางอย่าง” เซียวเฉินเยวียนอธิบายด้วยท่าทีใจเย็น
ถังซือซือยังคงสับสนเมื่อได้ฟังเหตุผล ‘มาบอกฉันเพื่ออะไร? ไม่เคยรู้จักโรคนี้มาก่อนเลย แล้วนี่... ทำไมล่ะ... มันเกี่ยวอะไรกับฉันตรงไหน...?’
เซียวเฉินเยวียนอธิบายต่อ “ครั้งแรกและครั้งนั้นที่เราพบกัน ผมสังเกตตัวเองอยู่นาน”
“ใช่ ฉันจำได้” ถังซือซือตอบกลับก่อนพยักหน้าตาม
“พออยู่กับคุณ ผมกลับไม่มีอาการแพ้อะไร”
แล้ว?
“จะบอกว่าคุณโดนใครแตะตัวไม่ได้เลยนอกจากคนในครอบครัว แล้วก็ฉันงั้นเหรอ?”
ถังซือซือทำใจเชื่อได้ยากจึงถามกลับทันที
“เป็นเรื่องจริงครับคุณหนูถัง คุณผู้ชายมีอาการแพ้รุนแรงเมื่อสัมผัสกับคนอื่น ๆ ยกเว้นก็แต่คนในครอบครัว แล้วก็มีคุณหนูเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน ที่สามารถสัมผัสกับคุณผู้ชายได้ครับ”
กู่ชวนพยายามอธิบายอย่างละเอียด แม้ว่าเรื่องนี้ค่อนข้างจะเชื่อได้ยากก็ตาม
เซียวเฉินเยวียนขยิบตาให้กู่ชวนหลังจากเขาอธิบายจบ กู่ชวนรีบหยิบเอกสารที่เจ้านายของเขาให้เตรียมไว้จากกระเป๋าออกมา
“นี่คือสัญญาครับ ถ้าคุณหนูตกลง โปรดลงชื่อในตอนท้ายของเอกสารนี้ด้วยครับ”
ถังซือซืออ่านเงื่อนไขในเอกสารด้วยความสับสน ก่อนจะอ่านทบทวนเอกสารซ้ำ ๆ
สัญญาระบุไว้อย่างชัดเจนว่า เนื่องจากเซียวเฉินเยวียนมีอาการแพ้รุนแรง เขาจึงไม่สามารถสัมผัสร่างกายของบุคคลภายนอกได้
เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับหัวหน้าครอบครัวตระกูลเซียว หรือคุณยายของเซียวเฉินเยวียน เขาหวังว่าถังซือซือจะตกลงเซ็นสัญญาหมั้นเพื่อมาเป็นภรรยาของเขา นอกจากนี้เขาได้จัดเตรียมเลือกวันเวลาในการหมั้นไว้เรียบร้อยแล้ว และจะจัดงานแต่งเมื่อถังซือซือจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย
บทที่ 22
ปีศาจร้ายใจอำมหิต
‘แต่ทำไมต้องอยู่ด้วยกันสามปี?’
เหตุผลของระยะเวลาสามปี คือระยะเวลาในกรณีย่ำแย่ที่สุดที่ฝางเสวี่ยหลานจะมีชีวิตอยู่ถึง ซึ่งแพทย์ได้ยืนยันตัวเลขนี้ไว้แล้ว
แต่เหตุผลนี้ เซียวเฉินเยวียนไม่ได้ระบุในสัญญาให้ ถังซือซือรู้
หลังจากถังซือซืออ่านสัญญาจบ เธอเข้าใจทันทีว่าทำไมในคฤหาสน์ตระกูลเซียว คนรับใช้ทุกคนถึงต้องสวมถุงมือสีขาว
รวมถึงกู่ชวนและเฟยอวี่ด้วย
‘ฉันเข้าใจแล้ว ข่าวลือเรื่องประธานคนปัจจุบันของตระกูลเซียวเป็นคนรักสันโดษ แถมไม่มีเรื่องอื้อฉาวอะไรเลย แต่ก็มีสื่อข่าวที่ไม่ดีพยายามสร้างข่าวเรื่องอาการป่วยของ เซียวเฉินเยวียนเหมือนกัน...’
‘ผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาขนาดนี้ก็มีปัญหาใหญ่ซ่อนอยู่เบื้องหลังเหมือนกันนะเนี่ย’
ถังซือซือยังคงหมกมุ่นแล้วพูดกับตัวเองในใจไม่หยุด
‘ถ้ามาคิดดูแล้ว...’
‘ไม่เคย เขาไม่เคยโดนเนื้อต้องตัวผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลยน่ะสิ?’
ถังซือซือเกือบจะหลุดหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งเมื่อเธอได้รู้ความลับนี้ แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมอง เธอพบว่านัยน์ตาสีน้ำทะเลลึกของเซียวเฉินเยวียนกำลังเปล่งประกายราวกับดวงดาวที่สะท้อนอยู่บนผืนน้ำ เธอรู้ทันทีว่าเขาคาดหวังในคำตอบของเธอ
ถังซือซือรู้สึกกดดันมากจนนั่งเกร็งไปทั้งตัว สีหน้าเริ่มซีดเซียว
‘แต่เดี๋ยวก่อน!’
‘ในสัญญามัน...’
‘มันแค่ชั่วคราวนี่นา เราแต่งกันแค่ในนามและไม่ได้รักกันจริง แค่แกล้งทำเป็นสามีภรรยากันเท่านั้น เดี๋ยวพอครบสามปีเราก็ต้องหย่ากัน’
แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อนึกถึงภูมิหลังครอบครัวและภาพลักษณ์ของเธอ จะมีคนนอกคนไหนกล้าข่มเหงและกลั่นแกล้งเธอได้อีก?
อีกใจหนึ่ง ถ้าเธอตกลงหมั้นกับเซียวเฉินเยวียน แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ตาม แต่อุปนิสัยและความอบอุ่นของเขา มันทำให้เธออยู่ใกล้แล้วรู้สึกสบายใจมากขึ้น...
คนที่สามารถดำรงตำแหน่งประธานบริษัทตระกูลเซียวได้ จะต้องมีความสามารถและทัศนคติที่ดีแน่นอน
เป็นไปไม่ได้ถ้าได้อยู่ใกล้เขาขนาดนี้แล้วจะไม่ตกหลุมรัก...
แต่สัญญาฉบับนี้ก็แอบซ่อนอันตรายไว้อยู่ ถ้าต้องเสแสร้งทำเป็นคู่รักกัน แน่นอนว่าจะมีข้อครหาตามมามากมาย
‘สามปี... ไม่ถือว่านานมากแล้วก็ไม่สั้นเกินไป แต่มีปัญหาเยอะแน่ ๆ มันอันตรายเกินไป’
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ถังซือซือส่ายหัวแล้วพูดขึ้นว่า “ยกโทษให้ด้วยเถอะค่ะ ฉันหมั้นกับคุณไม่ได้หรอก”
กู่ชวนและเฟยอวี่รู้สึกประหลาดใจทันที
ไม่น่าเชื่อว่าชายหนุ่มคนนี้จะถูกปฏิเสธโดยผู้หญิงที่หน้าตาไม่สวยเลย ทั้งยังมีภูมิหลังครอบครัวไม่ค่อยดีนัก
“เจอหน้ากันไม่กี่ครั้งเอง แค่คุณผู้ชายแสดงสีหน้าไม่ถูกใจถึงกับต้องปฏิเสธเลยเหรอครับ?”
“ไม่ใช่ว่าใครจะได้โอกาสแบบนี้จากคุณผู้ชายง่าย ๆนะ คุณหนูถึงขั้นได้รู้จักคุณผู้ชายเป็นการส่วนตัวแล้วนะครับ!”
“คุณหนูทำแบบนี้เหมือนกับดูถูกคุณผู้ชายเลยนะ!”
“นี่เป็นการไม่ให้เกียรติกันเกินไป!”
เฟยอวี่โกรธมากจนดวงตาแดงก่ำ เขากำหมัดแน่นอยู่ข้างหลัง รู้สึกอดทนไม่ไหวจนอยากจะปล่อยหมัดไปที่กำแพง
“ถ้าคุณตัดสินใจแบบนั้น ค่าเช่าห้องพักคอนโดในเขต เฟิงตันอยู่ที่แปดพันหยวนต่อเดือน กรุณาจ่ายให้ครบด้วย” เซียวเฉินเยวียนตอบกลับพร้อมกับเผยรอยยิ้มตรงมุมปาก
หลังจากคำพูดนี้ถูกเอ่ยออกมา ถังซือซือถึงกับตกใจจนอยากจะร้องไห้
คอนโดเฟิงตันเป็นห้องพักที่กู่ชวนจัดให้สองแม่ลูกอาศัยอยู่ โดยจ่ายค่าเช่าแค่ห้าร้อยหยวนต่อเดือน
‘ฉันชื่นชมเขาเข้าไปได้ยังไงเนี่ย?’
‘หลอกใช้ฉันนี่นา! เอาความเชื่อใจฉันคืนมาเดี๋ยวนี้นะ!’
‘พวกคนรวยก็เลวเหมือนกันหมดแหละว่ะ!’
“ฉันไม่มีเงินจ่ายหรอก ฉันจะกลับไปขนของออกมาจากที่นั่นเดี๋ยวนี้แหละ” ถังซือซือลุกขึ้นเตรียมเดินออกจากร้านไป
“ถ้าอย่างนั้นคุณจะกลายเป็นผู้บุกรุกบ้านคนอื่นอย่างผิดกฎหมาย แล้วคุณก็จะถูกจับ”
ถังซือซือหยุดเดินทันทีเมื่อได้ยิน
“เพราะเราไม่ได้ทำสัญญาเช่า การร้องฟ้องคดีก็ขึ้นอยู่กับผม”
‘ที่แท้นายก็วางแผนไว้แต่แรกแล้วสินะ นายมันปีศาจร้ายใจอำมหิตชัด ๆ’
เธอกัดฟันแน่นพร้อมกับจ้องเขม็งไปที่หน้าเขา
เหตุการณ์ทุกอย่างถูกวางเกมไว้ล่วงหน้าแล้ว!
นักธุรกิจหรือจะมีความเมตตาโดยไร้ผลประโยชน์!
ไม่น่าเชื่อเลย เธอถูกเขาหลอกจนได้เหรอเนี่ย?
ทันใดนั้นเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือดังขึ้น
เสียงโทรศัพท์ดังมาก จนพนักงานเสิร์ฟที่ยืนอยู่ห่างออกไปยังได้ยิน พนักงานเสิร์ฟต่างสงสัยว่าเหตุการณ์ในห้อง VIP เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถังซือซือรีบหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงออกมา ก่อนเช็กดูว่าใครโทรมา
โทรศัพท์สายนี้โทรเข้าโดยมู่ซูเสียน
“แม่คะ?”
“ซือซือลูกรัก แม่ได้งานใหม่แล้วนะ! คุณกู่ชวนเป็นคนช่วยแนะนำงานนี้ให้ แล้วให้แม่ไปรายงานตัวที่สำนักงานจัดการทรัพย์สินของคอนโดในวันพรุ่งนี้ เงินเดือนมากเป็นสองเท่าของงานก่อนเลย! หนูโชคดีมากนะที่มีเพื่อนช่วยซัพพอร์ตแบบนี้...”