บทที่ 209-210
บทที่ 209
ถึงเวลาฝึกงานแล้ว
ซินฮั่นไห่คิดว่าคำตอบของหญิงสาวคงต้องบอกว่ามาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังที่สอนเรื่องการแสดงแน่นอน แต่คำตอบของถังซือซือทำให้เขาประหลาดใจ
“มหาวิทยาลัยหนานซาน แผนกวรรณกรรมค่ะ”
อะไรนะ?
ถึงมหาวิทยาลัยหนานซานจะเป็นหนึ่งในสิบมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีชื่อเสียงในประเทศ แต่แผนกที่เธออยู่นั้น...
ไม่มีอะไรเกี่ยวกับการแสดงเลย ทำไมเธอถึงเลือกมาให้ความสนใจเรื่องการแสดง?
อย่างไรก็ตามมีไม่กี่คนที่เข้าวงการมาแบบนี้ แต่ท้ายที่สุดจะมีช่องทางให้พัฒนาฝีมือได้
ซินฮั่นไห่จับมือถังซือซืออีกครั้งแล้วแสดงความคิดเห็นออกไปว่า
“งั้นไม่เป็นไร คุณเพิ่งเข้ามาวงการแรก ๆ เดี๋ยวจะหาผู้จัดการส่วนตัวได้ในไม่ช้าครับ”
ตอนนี้เขากล้ารับประกันเลยว่าถังซือซือจะได้รับความนิยมอย่างมากหลังจากถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้จบ แล้วได้ผลิตสื่อออกมาให้ผู้ชมทั่วประเทศได้รับชม ด้วยระดับของบริษัทโยวจ้งแล้ว ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่สนับสนุนเธอให้ดังเป็นพลุแตก
เพียงแค่เขาได้เห็นว่าเธอตัดสินใจมาออดิชันในวันนี้ ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว
“สำหรับฉันเองก็ไม่ได้กังวลว่าจะโด่งดังแค่ไหน ฉันแค่ต้องการหารายได้ไปต่อยอดทำธุรกิจของตัวเองก็เท่านั้นเองค่ะ”
เมื่อซินฮั่นไห่ได้ยินคำตอบนี้ เขารู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง เพราะเขาเคยเห็นใครหลายคนที่พยายามจ่ายเงินให้มากพอที่พาตัวเองเข้าวงการและกอบโกยเงินจากมัน
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินว่าอยากเข้าวงการเพื่อหาเงินไปทำธุรกิจ เขาจึงหัวเราะและตอบกลับว่า
“พูดตรง ๆ นะครับ ไม่แย่ และไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย ยังไงทางเราก็ยินดีที่ได้ร่วมงานกับคุณ แต่เรื่องเงินคุณไม่ต้องกังวลไป ค่าตอบแทนของบทมู่ฮั่นหยานมากกว่าห้าล้านซะอีก!”
ขณะเดียวกันบรรดาหญิงสาวรอบ ๆ ที่ได้ยิน ต่างขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ
นังนี่เข้าวงการมาเพื่อเรื่องแบบนี้เนี่ยนะ?
ไม่อยากเข้าวงการเพราะไม่อยากดังแล้วมาออดิชันทำไม? ทำกับว่าเธอขโมยโอกาสของคนอื่นที่เขาตั้งใจมาเลยไม่ใช่เหรอ?
มีกี่คนที่ขอโอกาสเพียงไม่กี่ครั้งได้โด่งดังและร่ำรวย แต่เธอกลับมองเป็นงานธรรมดาไว้หาเงินไปทำธุรกิจเล็ก ๆ เองเหรอ?
ฉันอุตส่าห์เฝ้ารอคอยโอกาสนี้มานาน มันยากนะที่ได้ใกล้ชิดกับพระเอกชื่อดังคนนั้น!
เวลานี้เจียงหลี่ว์รุ่ยที่ได้ยินก็แสดงสีหน้าโกรธมากจนใบหน้าที่เรียวสวยบิดเบี้ยว พร้อมกับกัดฟันด้วยความเกลียดชัง
คนที่ไม่มีอะไรเลยแต่กลับได้ในสิ่งที่เราต้องการไป ใครบ้างที่จะไม่เจ็บใจ?
เพราะเธออยู่ในวงการและแวดวงนักแสดงชื่อดังมาสามปีแล้ว และตั้งตารอที่จะคว้าโอกาสนี้ให้ตัวเองโด่งดังกว่าก่อน แต่กลับกลายเป็นว่า...
เธอกลับถูกหญิงสาวคนนี้ที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ขโมยโอกาสของเธอไปต่อหน้าต่อตา และยังมาได้ยินคำพูดที่แทงใจแบบนั้น ถ้าไม่อยากดัง แกก็กลับไปมุดหัวอยู่ในบ้านสิ! จะเสนอหน้าเข้ามาเพื่ออะไร!
ตอนนี้มันจบแล้ว ทุกอย่างถูกตัดสินไปแล้ว!
เธอหรี่ตาและจ้องไปที่เฉิงเจิ้งเสียงผู้ช่วยผู้กำกับที่ยืนอยู่ด้านหลังซินฮั่นไห่ ก่อนเดินเข้าไปด้วยความโกรธ
ต่อมาสตาฟคนหนึ่งนำสัญญานักแสดงมาให้เซ็น ถังซือซือจับปากกาเซ็นชื่อลงไปโดยไม่ลังเล ราวกับว่าเธอเห็นเงินหลายล้านหยวนกำลังโบกมือให้เธออยู่ ความรู้สึกนี้น่าตื่นเต้น จริง ๆ
เมื่อมองดูสัญญา เธอก็นึกถึงสัญญาที่เคยเซ็นให้กับคุณชายปีศาจ สถานการณ์อาจคล้าย ๆ กันบ้าง แต่เนื้อหาและผลประโยชน์นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เหตุผลที่เธอเซ็นสัญญาโดยง่ายแบบนี้ ไม่ใช่เพราะเธอต้องการใช้หนี้บุญคุณทั้งหมดให้เซียวเฉินเยวียน แต่เพราะเธอไม่มีอะไรทำอยู่แล้วถ้าไม่ได้ไปเรียน ดังนั้นจึงเซ็นสัญญาทันทีโดยไม่ลังเล
ตอนนี้เธอรู้สึกดีใจและโล่งอกมากที่ได้เซ็นสัญญาฉบับนี้
ไม่อย่างงั้น ถ้าถึงเวลาที่อาจต้องแยกกันมันจะมีเงื่อนไขที่ทำให้ไปจากกันไม่ได้...
เมื่อเสร็จกระบวนการทุกอย่างก็เดินออกจากประตูบริษัทโยวจ้งทันที ถังซือซือแทบรอไม่ไหวที่จะโทรหาเซียวเฉินเยวียน
ทันทีที่เขารับสาย ถังซือซือต้องการเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง แต่เขากลับชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า
“อยู่ไหน? ผมจะให้กู่ชวนไปรับมาส่งที่ซินหยวน เราจะทานมื้อเย็นด้วยกัน”
“อืม... โอเค”
ถังซือซือบอกที่อยู่และวางโทรศัพท์ด้วยความสงสัยเล็กน้อย
สักพักใหญ่ กู่ชวนก็ขับรถมาถึง เมื่อเห็นถังซือซือยืนอยู่ข้างหน้าบริษัทโยวจ้ง เขาลดกระจกรถลงแล้วถามไปว่า
คุณหนูซือซือมาทำอะไรที่นี่กันนะ?
“คุณหนูซือซือครับ คุณ... หนูกำลังหาที่ฝึกงานอยู่เหรอครับ?”
ถ้าฉันจำไม่ผิด ตอนนี้คุณหนูซือซือก็อยู่ปีสุดท้ายแล้วนี่นา คงถึงเวลาฝึกงานจริงแล้วสินะ
แต่ว่า... ทำไมคุณหนูไม่ขอความช่วยเหลือจากคุณผู้ชายล่ะ? ด้วยบริษัทใหญ่ ๆ หลายแห่งที่อยู่ภายใต้ตระกูลเซียว สามารถทำให้คุณหนูได้ที่ฝึกงานง่าย ๆ แถมเลือกที่ไหนก็ได้ตำแหน่งอะไรก็ได้อีกต่างหาก
บทที่ 210
แสดงความรักต่อกัน
ฝึกงาน?
ถังซือซือตกใจอยู่ครู่หนึ่งและทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าอาจารย์ในแผนกวิชาพูดไว้แล้วว่า ตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป ทุกคนสามารถหาที่งานฝึกงานด้วยตัวเองได้เลย
โดยเนื้อหาการฝึกงานต้องสอดคล้องกับนโยบายของแผนกและเอกวิชาของตัวเองด้วย แต่เธอเพิ่งเซ็นสัญญาการเป็นนักแสดงไป
ดูเหมือนว่าเธอต้องหาวิธีพลิกแพลงจากงานที่เพิ่งได้มานี้
อย่างไรก็ตาม เธอสามารถผันตัวไปทำผู้สื่อข่าวฝึกหัดได้!
ตราบใดที่ได้ทำงานในสตูดิโอเกือบทุกวัน แล้วเจรจากับผู้กำกับเรื่องนักศึกษาฝึกงานคงไม่น่ามีปัญหา
ถังซือซือรู้สึกว่าความคิดนี้น่าจะไปได้ดีทีเดียว ในที่สุดเธอก็ยกปัญหาใหญ่ราวกับก้อนหินออกจากอกได้
กู่ชวนแสดงสีหน้าลังเลเล็กน้อยก่อนบอกอะไรบางอย่างไปว่า
“คุณหนูจ้าวยืนกรานว่าจะมาทานมื้อเย็นกับเราให้ได้ คาดว่าไม่นานหลังจากที่คุณหนูกลับไปถึง เธอคงถึงก่อนแล้ว”
จ้าวหรูอี้อีกแล้ว?
จะทำอะไรของเธออีกเนี่ย?
ถังซือซือพอจะคาดเดาความตั้งใจของจ้าวหรูอี้ได้บ้าง ประมาณว่าจ้าวหรูอี้คงไม่มีความสุขที่เห็นถังซือซือและเซียวเฉินเยวียนอยู่ด้วยกัน ตอนนี้มันได้ไปกระตุ้นเธอแล้ว
ในเมื่ออยากโดนฉันด่าและเยาะเย้ยมาก ๆ ก็ดีเหมือนกัน
ฉันเองก็เพิ่งได้เซ็นสัญญากับบริษัทโยวจ้งมาทั้งที ก็ต้องฝึกฝนการเป็นนักแสดงด้วย ถือซะว่าเย็นนี้เป็นโอกาสที่ดีจะได้ฝึกฝนละกัน
ดวงตาอันซุกซนของถังซือซือส่องแสงแวววับในทันที
ขณะเดียวกันกู่ชวนคิดว่าตัวเองตาฝาดไปรึเปล่า ทั้งที่เพิ่งได้ยินว่า ‘คู่แข่งทางความรัก’ มาเยือนถึงที่ แต่ทำไมถังซือซือถึงแสดงสีหน้าแบบนั้น?
เพราะเดิมทีจ้าวหรูอี้ถูกใครหลาย ๆ คนมองว่าเธอจะได้เป็นภรรยาในอนาคตของตระกูลเซียว รวมไปถึงพื้นฐานทางครอบครัวและธุรกิจที่แข็งแกร่งพอ ๆ กัน แถมเธอยังเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทสื่อภาพยนตร์ชื่อดังอย่างหัวเสวี่ยด้วยตัวเองอีกด้วย เธอได้สร้างชื่อเสียงให้กับศิลปินและดารามากมาย นั่นเป็นสิ่งไม่ควรมองข้ามความแข็งแกร่งของเธอเลย
ดูเหมือนว่าช่องว่างระหว่างหญิงสาวทั้งสองใกล้กันกว่าที่คิด
แต่ทว่า ถังซือซือก็ยังเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่อยู่แนบชิดกายกับเซียวเฉินเยวียนได้ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่ยากต่อการจะเอาชนะ
และเห็นได้ชัดว่าเซียวเฉินเยวียนเองก็พอใจในตัวของถังซือซือด้วยเช่นกัน
หรือว่า...
ชั่วพริบตานี้กู่ชวนก็มีความคิดหนึ่งแวบเข้ามาทำให้เขาตกใจ
หรือว่าคุณหนูซือซือไม่ได้ชอบคุณผู้ชาย เธอเลยวางแผนถีบหัวส่งคุณผู้ชายให้คุณหนูจ้าวรึเปล่า?
ถ้ามองในเหตุผลนี้ก็มีโอกาสเป็นไปได้! เพราะตอนแรกคุณหนูซือซือต้องมาเซ็นสัญญากับคุณผู้ชายโดยไม่จำยอม... ทั้งสองก็เป็นคนแปลกหน้ากันตั้งแต่แรก พูดตามตรงคุณหนูซือซือก็ไม่ได้อยากได้อะไรจากคุณผู้ชายอยู่แล้ว...
สรุปแล้วคุณผู้ชาย...
อุตส่าห์ได้เจอคนที่ชอบมาก ๆ แล้วผู้หญิงแบบนี้ก็หายากด้วย แต่กลับกลายเป็นว่า...
ไม่อยากคิดแบบนี้เลย ฉันรู้สึกสงสารคุณผู้ชายจริง ๆ!
กู่ชวนแอบถอนหายใจยาว ขณะที่ถังซือซือหมกมุ่นอยู่กับจินตนาการว่าจะรับมือกับจ้าวหรูอี้ยังไงบ้าง
คฤหาสน์ซินหยวน
เซียวเฉินเยวียนกำลังนั่งอยู่บนโซฟาอ่านนิตยสาร ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีร่างหญิงสาวผอมบางลอยเข้ามาราวกับลมกระโชกแรง
“ที่รัก!”
“อืม?”
ก่อนที่เซียวเฉินเยวียนจะได้ตอบโต้ เขาสัมผัสได้ว่าร่างหญิงสาวผอมบางกำลังซุกไซ้อยู่บนตัวของเขา
“ฉึบ” ถังซือซือวิ่งตรงเข้าไปซุกไซ้ไปอยู่ในอ้อมแขนของเซียวเฉินเยวียน
ทันทีที่ทั้งสองโอบกอดกัน
ข้างหลังเขา ปากของกู่ชวนอ้าค้างจนเป็นรูปตัว ‘O’ แล้วยืนนิ่งราวกับรูปปั้น
เมื่อกี้ฉันเผลอคิดอะไรไป?
คุณหนูซือซือไม่ชอบคุณผู้ชายเนี่ยนะ?
ฉันไปคิดว่าคุณหนูซือซือจะถีบหัวส่งคุณผู้ชายไปหาคุณหนูจ้าวได้ยังไง?
เห็นได้ชัดว่าทุกอย่างเป็นความคิดของเขาคนเดียวที่คิดเองเออเอง...
เขาโทษตัวเองที่เข้าใจผิดและมองไม่ออก ไม่นาน ฉากตรงหน้าได้แสดงความหวานแหววมากขึ้น จนทำให้เขาสะดุดตาและกลับมาได้สติ
หลังจากได้เห็นภาพที่น่ารักตรงหน้านี้ มุมปากของกู่ชวนก็กระตุกช้า ๆ ก่อนเผยให้เห็นรอยยิ้มที่พึงพอใจ
หลังจากนั้น ถังซือซือไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของกู่ชวนอยู่แล้ว เธอจึงเริ่มเคลื่อนไหวทำอย่างอื่นต่อไป
เธอยกมือขึ้นมาลูบแขนของเซียวเฉินเยวียนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลว่า
“ฉันเดานะ คุณคิดถึงฉันล่ะสิ!”
เซียวเฉินเยวียนยิ้มเล็กน้อยแล้วตอบกลับว่า “อืม” เสียงนี้สัมผัสได้เลยว่าเขามีความสุข
ไม่รู้เลยว่าตัวเองวางนิตยสารทิ้งไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาเฝ้าดูหัวเล็ก ๆ ที่ซุกไซ้อยู่บนอกของเขาและถูกหน้าไปมา ซึ่งทำให้เขารู้สึกหวั่นไหวมาก ๆ
บรรดาสาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ ต่างแสดงสีหน้าที่แดงอมชมพูด้วยความเขินและมองลงไปที่พื้นโดยไม่ได้หรี่ตา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแอบมองหนุ่มสาวทั้งสองที่กำลังแสดงความรักต่อกันจนบรรยากาศรอบ ๆ เต็มไปด้วยความสดใสราวกับอยู่ในงานแต่งงาน