บทที่ 199-200
บทที่ 199
ท่ามกลางบรรยากาศมาคุ
ไม่ว่าเธอจะมาไม้ไหน อย่างน้อยฉันก็มีเวลาและโอกาสอยู่กับเซียวเฉินเยวียนอีกตั้งสามปี ฉันไม่ใส่ใจเรื่องรักในวัยเด็กไร้สาระของเธอหรอก เอาเวลาที่เหลือไปจู๋จี๋กับคุณชายปีศาจนี่ดีกว่า ฮิฮิ
ทันทีที่มือของจ้าวหรูอี้สัมผัสกับถังซือซือ ก็รีบชักมือกลับมาในทันที
ถังซือซือเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนดึงมือกลับโดยไม่ลังเลเช่นกัน
หลังจากนั่งลง จ้าวหรูอี้หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าสะพายข้าง ขึ้นมาเช็ดมือราวกับถูกสิ่งสกปรกเปื้อน
เอ๋?
ถังซือซือเข้าใจถึงเจตนาของอีกฝ่ายได้ในทันที หลังจากนั้นดวงตาของเธอก็เป็นประกาย เหมือนมีความคิดดี ๆ ผุดขึ้นมา ต่อมาเธอหันหน้าไปด้านข้างแล้ววางคางลงบนไหล่ของ เซียวเฉินเยวียน ก่อนยกมือขึ้นมาลูบแก้มของเขาเบา ๆ แล้วพูดว่า
“ที่รักคะ! ฉันขอเจลแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อหน่อยสิ”
อะไรนะ?
ที่รักเหรอ?!
ดูเหมือนเซียวเฉินเยวียนจะตกใจเสียงเล็กเสียงน้อยราวกับ ‘เด็กน้อย’ ของเธอ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็สร้างสีสันได้ไม่น้อยเหมือนกัน เขาหันไปมองดวงตาใสกลมโตของถังซือซือที่กำลังกะพริบตาถี่ ๆ สิ่งนี้เรียกได้ว่าเป็นการตบตาหรือไม่?
เซียวเฉินเยวียนใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เธอทำ และเขาก็ยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ก่อนหยิบขวดเจลแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อออกมาจากกระเป๋าเสื้อโค้ต
ถังซือซือยิ้มกว้างให้เขา ก่อนยื่นมือทั้งสองข้างและแบมือออก เขาบีบเจลให้เธอประมาณสองถึงสามครั้ง แล้วเธอก็รีบล้างมือด้วยเจลทันที...
กลิ่นหอมจากเจลแอลกอฮอล์หอมฟุ้งไปทั่วโต๊ะ
หาว่ามือของฉันสกปรกเหรอ?
บางทีมือของเธออาจจะสกปรกกว่าด้วยซ้ำ
จ้าวหรูอี้เห็นแบบนั้นก็นั่งนิ่งไปสักพักใหญ่ ก่อนใบหน้าของเธอจะแสดงความเย็นชาออกมา ไม่นานเธอก็รีบกลับมาตั้งสติอีกครั้ง
แต่ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะไม่จบลงง่าย ๆ
หลังจากถังซือซือล้างมือด้วยท่าทีและสีหน้าดูสดใส เธอก็ชูมือทั้งสองข้างขึ้นมาแล้วพูดว่า
“สะอาดขึ้นเยอะเลย ขอบคุณนะคะที่รัก”
ทันใดนั้นเซียวเฉินเยวียนเผยรอยยิ้มที่สดใสออกมาเช่นกัน ขณะเดียวกันจ้าวหรูอี้ได้เห็นรอยยิ้มนั้นอย่างชัดเจน ซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจเลยจริง ๆ แต่ก็ต้องสงบอารมณ์ไว้
โอ สาวน้อยผู้น่าสงสารดูเหมือนอยากจะเล่นสนุกกับฉันสินะ ไหนดูซิว่าเธอมีความสามารถอะไรอีก? เธอคิดเหรอว่าจะได้เป็นคุณผู้หญิงของตระกูลเซียวได้ง่าย ๆ?
เวลานี้ พนักงานเสิร์ฟได้นำจานอาหารที่จ้าวหรูอี้สั่ง มันคือฟัวกราส์และเครื่องเคียงหนึ่งจาน
จ้าวหรูอี้หั่นฟัวกราส์อย่างใจเย็นมาหนึ่งคำพอดี ก่อนหยิบวางลงบนจานของเซียวเฉินเยวียนและพูดว่า
“คุณจำได้ไหมว่าตัวเองชอบฟัวกราส์ขนาดไหน ลองชิมชิ้นนี้ดูสิ?”
ก่อนที่เซียวเฉินเยวียนจะตอบกลับถังซือซือก็รีบพูดกับเขาว่า
“ที่รัก ฉันยังไม่เคยกินฟัวกราส์มาก่อนเลย ฉันอยากลองจัง!”
หลังจากที่เธอพูดออกไป เธออ้าปากรอให้เขาป้อนฟัวกราส์ชิ้นนั้นอย่างใจจดใจจ่อ
เซียวเฉินเยวียนไม่ลังเล ค่อย ๆ หั่นฟัวกราส์ให้พอดีคำมากขึ้น แล้วใส่ป้อนให้ถังซือซือด้วยท่าทีอ่อนโยน
ถังซือซือเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
“อร่อยไหม?”
เซียวเฉินเยวียนหันไปดูเธอเคี้ยวแล้วการถามขึ้นมาว่ารู้สึกยังไงหลังจากได้ลองทานฟัวกราส์
“อร่อยมากเลย ยิ่งเป็นที่รักป้อนให้ยิ่งอร่อยกว่าเดิมอีก”
ถังซือซือไม่ลืมที่จะพูดประจบเขา
เมื่อมองการแสดงออกของคนสองคนอย่างหวานชื่น จ้าวหรูอี้กลั้นหายใจก่อนสูดหายใจเข้าช้า ๆ แล้วยิ้มแบบไม่ค่อยเต็มใจ หลังจากถูกพวกเขาแสดงความรักต่อหน้าต่อตา
ร้ายนักนะสาวน้อย
ถังซือซือเหลือบไปมองจ้าวหรูอี้ด้วยสีหน้าภูมิใจราวกับแม่ทัพใหญ่ที่ได้รับชัยชนะ ก่อนแสร้งแสดงความรักต่อด้วยความพอใจ
แต่เธอเองก็ไม่รู้ตัวว่าการแสดงอันไร้เดียงสาของเธอนั้น สามารถบ่งบอกได้ชัดเจนว่าเธอก็หึงหวงเขาเช่นกัน
หลังจากทานอาหารกลางวันท่ามกลางบรรยากาศมาคุจบลง จ้าวหรูอี้รีบลุกขึ้นแล้วเดินจากไปทันที อีกฝั่งหนึ่ง เซียวเฉินเยวียนขับรถพาถังซือซือกลับไปที่มหาวิทยาลัย หนานซาน
“ไปก่อนนะ”
ถังซือซือก้าวลงจากรถและโบกมือลาเซียวเฉินเยวียน
“เรียกผมว่า 'ที่รัก' ด้วยไม่ได้เหรอ?”
เซียวเฉินเยวียนถามขึ้นมาด้วยความน้อยใจ
ห๊ะ?
ถังซือซือตกตะลึง
คุณชายปีศาจหมายความว่ายังไง?
ฉะ... ฉันเรียกคุณแบบนั้นเพราะจงใจให้คุณจ้าวโกรธและไม่พอใจเฉย ๆ...
หรือว่าคุณชายปีศาจ... จะคิดจริงจังกับฉันขึ้นมาแล้ว?
คือจะบอกว่า... ต่อไปนี้ให้ฉันเรียกเขาว่าที่รัก แบบนั้นเหรอ?
บทที่ 200
ผมจะลบให้
ถ้าอยากให้เรียกแบบนั้นจริง ๆ ละก็... ฉันก็จะเรียกแบบนั้นโดยไม่เกรงใจ
ช่วงพริบตานั้นถังซือซือก็เผยรอยยิ้มหวาน ๆ แล้วโบกมืออีกครั้ง น้ำเสียงอันสดใสดังขึ้น
“ที่รัก... ลาก่อนนะคะ”
เซียวเฉินเยวียนไม่ได้ตอบกลับอะไร ก่อนลดกระจกรถลงแล้วขับออกไป
อะไรของเขาเนี่ย?
ถังซือซือรู้สึกน้อยใจเล็กน้อย ว่าทำไมเขาถึงไม่ตอบอะไรกลับมาเลย?
แต่ถึงอย่างนั้นเขาเองก็ไม่รู้ตัวเช่นกัน ระหว่างขับรถออกไปรอยยิ้มจาง ๆ ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
ถังซือซือหันกลับมาแล้วกำลังจะเดินกลับไปที่หอพัก ทันใดนั้นมีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งออกไป พร้อมถือกล้องถ่ายรูปเข้ามาหาเธอ “แชะ” เสียงกล้องถ่ายรูปดังขึ้น
“หยุดนะ!”
ถังซือซือก้าวไปข้างหน้า แล้วคว้ามือของชายหนุ่มที่ถือกล้องอยู่ จนทำให้เขาตกใจจนมือสั่น เกือบทำกล้องที่ดูมีราคาแพงตกลงพื้น
“หยุด! หยุดนะ! บอกมาว่านายเป็นใคร!”
ถังซือซือพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ยังคงจับแขนชายหนุ่มไว้แน่น ทั้งยังจ้องเขาด้วยสายตาที่เย็นชา
ข้างหน้าเธอ ชายหนุ่มคนนี้ดูราว ๆ แล้วน่าจะมีอายุยี่สิบเศษ ๆ รูปร่างผอมบาง สวมหมวกแก๊ป ด้วยความที่เห็นถังซือซือเดินมาและมีรูปร่างหน้าที่สวยมาก เขาจึงอดไม่ได้ที่จะรีบออกไปถ่ายรูปเธอ
ด้วยความคาดไม่ถึง ถังซือซือที่ดูเป็นผู้หญิงนุ่มนวลนั้นไม่เพียงแต่ตอบสนองได้รวดเร็ว แต่ยังมือหนักมากอีกด้วย ทำให้ทันทีที่เขาก็ถูกเธอคว้าข้อมือไว้ ก็ไม่สามารถดิ้นหนีไปได้
“แล้วนี่นายมาถ่ายรูปฉันทำไม?”
ถังซือซือถามเสียงดังอีกครั้ง
ชายหนุ่มรู้สึกประหม่ามากขึ้น ยังหลบสายตาเธอไปซ้ายทีขวาที ถึงจะตกใจแต่เขาก็ประหลาดใจเช่นกัน ที่หญิงสาวคนนี้ทั้งสวยและแข็งแกร่ง
ต่อมา…
เมื่อเขามองถังซือซืออย่างตั้งใจ ทันใดนั้นดวงตาก็เบิกกว้างในทันที
ความโดดเด่นของผู้หญิงคนนี้ในแวบแรกดูสวยสง่าและนุ่มนวลมาก แถมใบหน้าของเธอยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความกล้าหาญอีก พละกำลังหรือก็ดูไม่ธรรมดาเลยด้วย เธอเป็นเทรนเนอร์รึเปล่านะ...
เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มเหม่อลอยและไม่ตอบอะไร ผ่านไปสักพักหนึ่ง ถังซือซือรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ก่อนขมวดคิ้วแล้วพูดเสียงดังว่า
“มัวเหม่ออะไร? ลบรูปเดี๋ยวนี้ไม่งั้นฉันจะทุบกล้องบ้า ๆ ของนายให้แตกเดี๋ยวนี้แหละ!”
ถังซือซือไม่ได้แค่พูดเสียงดังอย่างเดียว แต่เอื้อมมือเปล่าอีกข้างอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า คว้ากล้องจากมือของเขาไป และแสร้งทำเป็นจะทุบมันลงกับพื้น
“อย่าทุบมันเลย ขอร้องล่ะ! ผมจะตอบคุณแล้ว! ช่วยฟังคำอธิบายของผมก่อนสักครู่ได้ไหม?”
โอ้ พระเจ้า! เลนส์คุณภาพดีที่เพิ่งได้มาไม่นาน เดี๋ยวนี้ราคาพุ่งขึ้นไปตั้งหมื่นกว่าหยวน ถ้าเธอทุบมันแตกละก็ ชีวิตฉันได้จบเห่แน่ ๆ
ถังซือซือเลิกคิ้วขึ้น แล้วจับตาดูท่าทีของเขาด้วยความระมัดระวัง
“นี่คือนามบัตรของผมครับ!”
ฝานอวี่เจ๋อหยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ก่อนยื่นให้ถังซือซือด้วยความประหม่าแล้วพูดต่อว่า
“ขอโทษครับ ที่ผมเสียมารยาท ผมชื่อฝานอวี่เจ๋อ เป็นสมาชิกทีมโปรดักชั่นบริษัทผลิตรายการโทรทัศน์และภาพยนตร์โยวจ้งจำกัดครับ เรากำลังมองหานางเอกคนที่สองในภาพยนตร์ที่บริษัทกำลังจะเริ่มถ่ายทำ ซึ่งผมคิดว่าคุณเหมาะมาก ๆ! เลยอยากเชิญคุณมาที่บริษัทของเราเพื่อออดิชันครับ!”
นางเอกคนที่สอง?
ออดิชัน?
ถังซือซือเกิดความสงสัยขึ้น แล้วปล่อยมือฝานอวี่เจ๋อโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วหยิบนามบัตรขึ้นมาอ่านอย่างตั้งใจ
ฝานอวี่เจ๋อดีใจมากที่คิดหาวิธีการหลบหนีได้และมันได้ผล ก่อนรีบเอื้อมมือไปคว้ากล้องถ่ายรูปในมือของถังซือซือ
“เดี๋ยวก่อน ฉันไม่ได้บอกว่าจะคืนกล้องให้นายนะ” ถังซือซือยกกล้องถ่ายรูปขึ้นสูงเหนือหัวชายหนุ่ม โดยไม่เปิดโอกาสให้ฝานอวี่เจ๋อทำได้สำเร็จ
ในตอนนี้ เธอสงสัยว่ามีแมวมองมากมายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? แล้วทำไมพวกเขาไม่จัดงานคัดตัวโดยตรงหรือไปเลือกจากโรงเรียนสอนการแสดง? แน่นอนว่าเธอไม่ยอมถูกหลอก ง่าย ๆ ด้วยวิธีแบบนี้
ขณะครุ่นคิด เธอก็ชูกล้องถ่ายรูปสูงขึ้นอีกเล็กน้อย
อะไรอีกเนี่ย?
ฝานอวี่เจ๋อขมวดคิ้วแล้วบ่นในใจ ทำกันขนาดนี้ก็ฆ่าฉันเถอะ ถ้ากล้องนี้ถูกทุบฉันก็ไม่สามารถหาเงินไปจ่ายค่าผ่อนได้ เพิ่งจะได้เข้าร่วมบริษัทได้ไม่นาน เงินเดือนก็ยังไม่ได้รับด้วย...
“โอเค ผมจะลบ ผมจะลบให้!”
ฝานอวี่เจ๋อถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ น่าเสียดายที่เขาสามารถหาผู้หญิงที่สวยขนาดนี้ได้ แต่ต้องลบรูปภาพของเธอทิ้ง เพราะว่า...