บทที่ 19-20
บทที่ 19
ตามฉบับเจ้าชายนวนิยาย
โฉวฮ่าวไม่ตอบกลับอะไร ก่อนปล่อยหมัดไปที่ต้นไม้ตรงหน้าอย่างรุนแรง จนทำให้ใบไม้บนยอดร่วงปลิวลงมา
เพื่อนร่วมคลาสบางคนเดินผ่านมาเห็นก็ต่างตกใจ เมื่อเห็นเขาทำท่าทางไร้เหตุผลเหมือนคนควบคุมอารมณ์ไม่ได้
ยิ่งโฉวฮ่าวคิดเกี่ยวกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นมากเท่าไหร่ เขายิ่งรู้สึกว่าตัวเองคงตัดสินใจผิดในตอนแรก ที่เขาเลือกจะรักผู้หญิงไร้เหตุผลและมีการคุมสภาวะทางอารมณ์ต่ำคนนี้ เขาเลือกเธอเข้าไปได้ยังไงนะ?
พันหม่าลี่เห็นว่าโฉวฮ่าวยังคงรู้สึกโกรธอยู่ เธอจึงพยายามคิดหาคนอื่นให้มารับผิดแทนในเรื่องนี้
“พี่โฉวฮ่าวโกรธจนพูดไม่ดีใส่ฉันเป็นครั้งแรกเลยนะ! ปกติพี่ไม่ใช่คนแบบนี้ แล้วพี่ก็ไม่ใช่คนโกรธง่ายด้วย จริงไหม?!”
เมื่อเขากลับมาครุ่นคิดอีกครั้ง จู่ ๆ เขาก็นึกขึ้นได้ว่าทุกอย่างมันเป็นเพราะคนคนนั้นต่างหาก เรื่องคงไม่ลงเอยแบบนี้ถ้านังคางคกสอบไม่ผ่านเหมือนปกติอย่างที่เคยเป็น
เมื่อก่อนเฉินเมิ่งอวี่ต้องตามมาง้อเขา แถมยังพยายามอย่างไม่ลดละมาตลอด! แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับกลายเป็นตรงกันข้าม!
“โธ่เว้ย! ทั้งหมดมันเป็นความผิดของยัยคางคกนั่น!”
แววตาของพันหม่าลี่กลับมามีความมั่นใจอีกครั้งเมื่อได้ยิน
คฤหาสน์หลังเก่าของตระกูลเซียวในเมืองหลวง ภายใต้สวนองุ่นในสนามหลังบ้าน
หญิงชราในชุดหรูหรา เส้นผมหงอกเป็นสีเงิน กำลังนั่งพิงอยู่บนรถเข็น ศีรษะของเธอหันไปทางซ้ายมือเล็กน้อย พร้อมกับดวงตาที่เต็มไปด้วยความกังวล พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเล็กน้อย
“เสี่ยวเยวียน ยายเองก็เฝ้ารอเวลามานานแล้วนะ เมื่อไหร่จะให้ยายได้อุ้มหลานเหมือนกับเขาสักที ได้ยินจากหมอซูว่าอาการป่วยของหลานยังไม่มีอะไรคืบหน้าในการรักษาเลย หลานเป็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว ดูเหมือนจะไม่มีใครสัมผัสตัวหลานได้เลยยกเว้นแต่พวกเรากันเอง ตระกูลเซียวต้องมีคนสักคนเป็นโรคนี้มาตลอดสองชั่วอายุคนที่ผ่านมา เราควรทำยังไงกันดี?”
ฝางเสวี่ยหลานขมวดคิ้ว ก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่
ดวงตาของชายหนุ่มที่กำลังเข็นรถไปข้างหน้านั้นมืดหม่นราวกับห้วงทะเลลึก
สนามกีฬากลาง เขตภูเขาหนานซาน
ถังซือซือกำลังวิ่งจ๊อกกิ้ง ระหว่างทางก็รู้สึกถึงแรงสั่นจากโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกง
เธอหยุดวิ่งทันที ก่อนหยิบโทรศัพท์ออกมา พบว่าตัวเองได้รับข้อความจากหมายเลขที่เธอไม่คุ้นเคยมาก่อน
“หนึ่งทุ่ม ให้ไปเจอกันที่ประตูทิศตะวันออกของสนามกีฬาหนานซาน”
สีหน้าของเธอในตอนนี้เต็มไปด้วยความสงสัย “อะไรอีกเนี่ย?”
“ไม่ไปนี่จะผิดไหม?”
“เราคงต้องไปสินะ”
ถังซือซือกำลังเก็บโทรศัพท์มือถือ แต่ก็ต้องตกใจเมื่อได้รับข้อความเด้งเข้ามาอีกครั้ง แต่คราวนี้เธอจำหมายเลขได้ว่าเป็นเบอร์ของกู่ชวน เห็นข้อความที่เหมือนกันกับข้อความที่แล้ว
“หนึ่งทุ่ม ให้ไปเจอกันที่ประตูทิศตะวันออกของสนามกีฬาหนานซาน”
“ลุงคนนี้ใช้สองเบอร์ด้วยแฮะ แปลว่าเมื่อกี้ลืมเปลี่ยนเบอร์ก่อนส่งข้อความงั้นเหรอ?”
เวลาผ่านไปจนถึงหนึ่งทุ่มอย่างรวดเร็ว
ประตูทิศตะวันออกของสนามกีฬาหนานซาน ภายใต้ซุ้มประตูที่มีรูปทรงแปลกตา รถเก๋งสีดำหรูหราจอดหลบอยู่เงียบ ๆ ท่ามกลางบรรยากาศพลบค่ำ
อย่างไรก็ตาม ตราสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความหรูหรานั้น ทำให้นักศึกษาบางคนผ่านมาเห็นก็รู้สึกตื่นเต้น
“แม่เจ้าโว้ย! นั่นมันรถเบนซ์รุ่นที่ราคาแพงหูฉีกนั่นไม่ใช่เหรอ?”
“ผู้ชายในรถเป็นใครกัน? ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าใน หนานซานมีนักศึกษาบ้านรวยขนาดนี้! โคตรสวยจนอยากลองขับเลยว่ะ!”
“พระเจ้าช่วย! ดูนั่นสิ ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างรถเบนซ์คันนั้น! กรี๊ด ฉะ... ฉันหายใจไม่ออก…”
หญิงสาวที่พูดออกมาใช้มือกุมหัวใจตัวเองไว้ ราวกับต้านทานความหล่อของผู้ชายคนนั้นไว้ไม่ไหว
“กรี๊ดๆๆๆ! ฉันอยากรู้จักเขาจัง! งานดีมาก... หล่อวัวตายควายล้มเลย!”
ดวงตาของหญิงสาวหลายคนต่างเบิกกว้าง การหายใจเริ่มกระชั้นเร็วขึ้น พวกเธอมองไปยังชายที่อยู่ตรงหน้าอย่างหมกมุ่น รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเหมือนจะโบยบินไปสู่สวรรค์ซะให้ได้
“ตึง!” เสียงหนึ่งดังขึ้น ก่อนที่หญิงสาวคนหนึ่งจะเป็นลมหมดสติล้มลงไปนอนกับพื้น
ชายหนุ่มคนนั้นสวมชุดสูทสีดำ เผยให้เห็นรูปร่างอันสมบูรณ์แบบ ใบหน้าโค้งมนจนไร้ที่ติ ทั้งยังไม่มีริ้วรอยใด ๆ สันจมูกโด่งสวยงามตามฉบับเจ้าชายในนวนิยาย นัยน์ตาเป็นสีเดียวกับน้ำทะเล ยิ่งมองยิ่งเหมือนจะจมดิ่งลึกลงไปใต้ทะเลที่อยู่ภายใต้ท้องฟ้าสีครามกว้างใหญ่ ไม่ว่าใครที่เผลอสบตาต่างก็รู้สึกเหมือนถูกกักขังไว้จนไม่สามารถหลุดออกมาได้ เขายืนอย่าง สง่างามด้วยท่าทางสบาย ๆ อยู่ใต้เสาไฟริมถนน ออร่าที่เปล่งออกมาจากเขาดึงดูดสายตาทุกคนโดยไม่ตั้งใจ...
บทที่ 20
ขนมปังฝีมือฉันยังรสชาติดีกว่านี้อีก
ชายหนุ่มคนนั้นเหมือนสังเกตเห็นว่าตัวเองกำลังถูกจ้องมอง เขาได้แต่เบือนหน้าหนี ก่อนถอนหายใจ แล้วแสดงสีหน้าเบื่อหน่าย
ขณะนั้นเอง ถังซือซือแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเรียบง่ายไม่เป็นทางการ เธออดไม่ได้ที่จะหยุดนิ่งทันทีเมื่อเห็นความหล่อเหลาของเซียวเฉินเยวียน ทำให้รู้สึกเคลิ้มฝัน
‘โอ๊ย! หล่อชะมัด! หล่อขนาดนี้ใครจะไปทนไหว!’
‘พระเจ้าประทานความหล่อให้เขาเยอะเกินไปแล้ว!’
‘แต่ที่แย่ไปกว่านั้น ผู้หญิงไม่สวยแบบฉัน ต่อให้พยายามแต่งหน้าให้ตายยังไงก็คงเทียบเขาไม่ได้ กรี๊ดๆๆ!’
‘ไม่มีโอกาสได้จีบหรอกมั้งเรา น่าเสียดายจัง...’
ถังซือซือรู้ตัวดีทันทีว่าตัวเองคงไม่มีโอกาสนั้น ก่อนจะถอนหายใจ แล้วเดินตรงไปทางเซียวเฉินเยวียน
ระหว่างเดินนั้นเธอรู้สึกสงสัยอีกครั้งว่าคนที่เธอเห็นอยู่ตอนนี้เป็นเขาจริง ๆ หรือเปล่า...
เพราะเธอไม่คิดเลยว่าจะมีโอกาสได้เจอเขาอีกในเร็ว ๆ นี้...
การได้พบเขาอีกครั้งเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อมากสำหรับเธอ
ภายในรถ
“ไม่ขึ้นมาล่ะ?” ถังซือซือก้าวขึ้นรถพร้อมกับกวาดสายตาสำรวจภายในตัวรถเก๋ง ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย แถมยังกว้างขวาง มีการตกแต่งด้วยวัสดุหรูหราหลายชิ้น ก่อนที่เธอจะก้าวขึ้นไปนั่งแล้วแกล้งทำสีหน้าเหมือนไม่อยากทำตามเท่าไหร่นัก
เซียวเฉินเยวียนเปิดแล็บท็อปของเขา มีเสียงเปิดของระบบดังขึ้นมา ซึ่งเป็นเสียงที่เธอไม่ค่อยชินหู
‘ให้ตายเถอะ ขนาดมองด้านข้างยังหล่อเลย!’
‘เท่จัง...’
‘กรี๊ด!’
จู่ ๆ เธอนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงเผลอหลุดปากออกไปว่าตัวเองยังไม่ได้กินข้าวเย็น
ท่ามกลางความเงียบภายในรถ ดวงตาของ เซียวเฉินเยวียนขยับขึ้นลงเล็กน้อย ก่อนยื่นถุงกระดาษลายการ์ตูนให้เธอ
ถังซือซือรับไว้ด้วยความสงสัย พอเปิดออกก็พบว่าเป็นขนมปังอบใหม่ที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วรถ
ด้วยความสงสัยเธอจึงลองกัดเข้าไปคำหนึ่ง
ถังซือซือเคี้ยวขนมปังอย่างระมัดระวัง ด้วยความละเอียดอ่อนของจิตวิญญาณความเป็นเชฟในโลกเดิมของเธอ เธอคิดว่าขนมปังนี้รสชาติดีทีเดียว แต่ยังเหมือนมีบางอย่างขาดหายไป
ทุกวันที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ในโลกใหม่ เธอพบว่ามีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างอาหารในโลกใหม่กับอาหารการกินบนดาวเคปเลอร์ เธอสามารถบอกได้เต็มปากว่าอาหารหลายอย่างที่นี่ค่อนข้างจะไม่ถูกปากเธอเท่าไหร่
กู่ชวนนั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับ เห็นถังซือซือกำลังกินขนมปัง เขาจึงพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจนิด ๆ ว่า
“คุณหนูถังครับ ขนมปังชิ้นนี้อร่อยไหม?”
“ก็ดีนะ” ถังซือซือตอบอย่างคลุมเครือ
กู่ชวนได้ยินก็ถึงกับแอบสะดุ้งในใจ
“ก็ดีที่ว่านี่คือยังไงเหรอครับ?”
เธอคิดในใจว่าควรตอบไปตามความจริงดีรึเปล่า?
“คุณหนู... คุณหนูจะบอกว่ารสชาติไม่แย่ใช่ไหมครับ?”
ขนมปังนี้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ยอดนิยมจากร้าน ‘ขนมปังสื่อรัก’ มีราคาที่สุด มีความเป็นซิกเนเจอร์ที่สุด แล้วยังเป็นที่นิยมมากที่สุดมาจนถึงปัจจุบันของเมืองหลวง สมัยก่อนที่ร้านเพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน ร้านนี้ได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่งในวงการขนมหวาน ถูกจัดอันดับในเว็บไซต์อาหารรายใหญ่เป็นอันดับหนึ่ง ลูกค้าผู้ชายต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าพวกเขาใช้มันเป็นอาวุธจีบสาวได้ดีที่สุดตลอดกาล
สำหรับขนมปังร้านนี้ ไม่มีการพูดโฆษณาเกินจริงแน่นอน
ขนมปังร้านนี้ มีหนุ่ม ๆ หลายคนยอมต่อแถวกันตั้งแต่เช้าถึงมืดค่ำ ที่ยอมทำแบบนั้นก็เพื่อซื้อขนมปังชิ้นนี้ไปเอาอกเอาใจแฟนตัวเองกันทั้งนั้น
จากคำบอกเล่า หญิงสาวส่วนใหญ่ถึงกับยอมตอบรับรักชายหนุ่มที่พยายามตามจีบมานานทันที เมื่อเธอได้รับขนมปังชิ้นนี้!
“อืม” ถังซือซือพยักหน้าโดยไม่ลังเล
กู่ชวนแสดงท่าทีเหมือนโดนหักอกขึ้นมาทันที
เพียงเพื่อขนมปังชิ้นนี้ เขาถึงกับยอมสละเวลายืนเข้าแถวตั้งสามชั่วโมงเพื่อซื้อมาเชียวนะ...
‘ฉันคิดว่าคุณหนูถังควรจะดีใจมากกว่านี้ซะอีก...’
กู่ชวนอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองกระจกมองหลัง เพื่อสังเกตสีหน้าเจ้านายของเขาอย่างเงียบ ๆ... เพราะขนมปังคุณภาพดีที่สุดในเมืองหลวงที่ว่า ก็เป็นเจ้านายของเขาอีกนั่นแหละที่สั่งให้เขาตระเตรียมไว้ ตอนนี้เขาได้แต่คิดในใจ ว่าเจ้านายจะรู้สึกน้อยใจกับการแสดงออกของถังซือซือหรือเปล่า?
เฟยอวี่นั่งอยู่ตรงที่นั่งผู้โดยสารข้างคนขับ ส่งเสียงพูดหยอกเย้าว่า
“คุณหนูเคยกินขนมปังที่ดีกว่าร้านนี้งั้นเหรอครับ?”
ถังซือซือพยักหน้า “เคยสิ”
เฟยอวี่กำลังจะหัวเราะออกมาเสียงดัง แต่ต้องหยุดชะงักทันทีเมื่อได้ยินเธอพูดต่อ
“ขนมปังฝีมือฉันยังรสชาติดีกว่านี้อีก” ถังซือซือพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นด้วยความมั่นใจ
กู่ชวนและเฟยอวี่ต่างตกใจจนหน้าตาบิดเบี้ยว ก่อนห้ามใจตัวเองไม่ไหว รีบหันหน้ากลับไปยังที่นั่งตรงเบาะหลังพร้อมกัน ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ
ไม่มีใครไม่รู้ว่าขนมปังจากร้าน ‘ขนมปังสื่อรัก’ เป็นหนึ่งในร้านขนมปังชั้นนำของประเทศ แต่คำพูดของถังซือซือกลับให้ความรู้สึกแทงใจดำคนซื้อซะเหลือเกิน
ทั้งคู่ห้ามใจไม่ไหวที่จะเห็นอกเห็นใจเจ้านายของตัวเองเมื่อได้ฟังคำพูดของเธอ...
ถังซือซือเหลือบไปเห็นปฏิกิริยาของทั้งสอง เธอรู้ทันทีว่าไม่ควรพูดมากไปกว่านี้ จึงยอมงับริมฝีปากทันที
เซียวเฉินเยวียนเงยหน้าขึ้นแล้วหันไปมองถังซือซือ สายตาของเขายากจะคาดเดา