บทที่ 179-180
บทที่ 179
ความงามยุติธรรม
กลุ่มคนที่สนับสนุนถังซือซือก่อนหน้านี้รู้สึกดีใจขึ้นมาทันที เมื่อได้พบผู้นำที่ช่วยพลิกสถานการณ์
“มันไม่ง่ายสำหรับเทพธิดาเลยนะ! เราได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นการทำร้ายเธอในอดีต และฉันรู้สึกละอายใจกับความคึกคะนองของตัวเองมาก ๆ!”
“มหาวิทยาลัยเป็นสถานที่สำหรับให้ผู้คนได้เติบโตในทางที่ดีขึ้น พูดตามตรง ฉันไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากตามข่าวและกระแสของเพื่อนร่วมคลาสที่ชื่อถังซือซือคนนี้ เมื่อก่อนฉันก็เหมือนกับพวกคุณทุกคน ที่เอาแต่ให้ร้ายเธอต่าง ๆ นานา แต่วันนี้ฉันได้กลับมาไตร่ตรองตัวเองแล้ว!”
“ยอมรับเถอะ! เราทุกคนล้วนเป็นคนเห็นแก่ตัว! ในสังคมสมัยนี้ยังมีพวกขี้อิจฉาคนที่หน้าตาดีกว่าไม่มากพออีกหรือไง? แน่นอนว่าฉันก็เคยเป็นหนึ่งในพวกขี้อิจฉาด้วยเหมือนกัน!
ฉันย้อนนึกถึงความรู้สึกและเหตุการณ์ทุกอย่างที่ ถังซือซือต้องพบเจอตลอดมา มันเลวร้ายมาก! แต่ตอนนี้เธอได้พิสูจน์ตัวเองด้วยความแข็งแกร่งของตัวเองแล้ว! เธอต่อสู้กับความรุนแรงในมหาวิทยาลัยอย่างกล้าหาญ ซึ่งนี่คือสิ่งที่ฉันไม่เคยกล้าจะทำมันเลย!
ต้องบอกเลยว่าเบื้องหลังความพยายามของเธอ ต้องเหนือกว่าจินตนาการของพวกเราเอามาก ๆ! เพียงเพื่อพิสูจน์ตัวเองในวันเดียว! ในที่สุดเธอก็ทำมันสำเร็จ แต่เพราะมีข่าวปลุกปั่นกระแสแบบนี้! ขอร้องเถอะ อย่าดูถูกใครอีกเลย! ตอนนี้ฉันขอหันกลับมาสนับสนุนถังซือซืออย่างเต็มที่!”
“เอาใหม่ ถามตัวเองดูว่า เมื่อก่อนเราต่างก็เป็นผู้กระทำผิดและผู้สมรู้ร่วมคิดกันทั้งนั้น แต่ตอนนี้เราเลือกที่จะไม่เป็นแบบนั้นอีกต่อไปได้นะ คืนชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยคืนให้เธอเถอะ! อีกไม่กี่เดือนก็จะจบการศึกษาแล้วไม่ใช่เหรอ? ไม่รู้สึกละอายใจกันบ้างเลยเหรอ?”
กลุ่มที่แสดงความคิดเห็นในเชิงลบต่อถังซือซือในตอนแรก หลังจากได้อ่านโพสต์ของและความคิดเห็นของ ‘เหมิงเสี่ยวอวี๋’ ก็แปรพักตร์กลับมาสนับสนุนถังซือซือเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก หลายคนเริ่มไตร่ตรองตัวเอง และประณามคนที่โพสต์ข่าวปลุกปั่นกระแส
ขณะเดียวกัน สวีซื่อเห็นว่ามีคนจำนวนมากเกินไปที่หันกลับไปสนับสนุนถังซือซือ ผลลัพธ์นี้ทำให้วัตถุประสงค์ของตัวเองไม่บรรลุ บัญชีที่มีชื่อขึ้นต้นว่า ‘มิสซิสอา’ จึงตั้งโพสต์ขึ้นมาปลุกปั่นกระแสอีกครั้ง
“เพราะเธอน่าเกลียดไง เธอถึงทำอะไรก็ผิดทุกอย่าง ทุกคนต่างประณามเธอก็ถูกแล้ว แค่เพราะจู่ ๆ เธอก็สวยขึ้น แต่ยังไงเธอก็น่าเกลียดอยู่วันยังค่ำ ในเมื่อทุกคนบอกว่าจะสนับสนุนเธอ คิดว่าเธอคงไร้เดียงสาสินะ ถึงหาเหตุผลต่าง ๆ มาลบล้างความผิดให้
คนที่โพสต์เมื่อกี้นี้ก็ไม่ต่างจากหมาหรอก คิดว่าตัวเองกลับใจใหม่แล้วจะเป็นคนดีงั้นเหรอ? ถูกคือถูก ผิดคือผิด ไม่ว่าหน้าตารูปร่างจะเหมือนเดิมหรือเปลี่ยนไป ก็ผิดอยู่ดีไม่ใช่รึไง? พยายามบอกฉันว่าการตัดสินคนจากภายนอกไม่ยุติธรรมเนี่ยนะ? ตลกสิ้นดี คิดดูเอาเองละกัน”
ทันทีที่โพสต์นี้ออกมา หลายคนต่างพูดไม่ออกและไม่มีใครกล้าตอบอะไรเลยอยู่สักพัก
หลังจากนั้น ’เหมิงเสี่ยวอวี๋’ ก็ได้ทำลายความเงียบลง
“เราหันกลับมายึดถือความยุติธรรมกันได้เสมอ ฉันขอยืนยันคำเดิม เอาจริง ๆ เมื่อก่อนถังซือซือก็มีข้อบกพร่องแค่เรื่องสิวบนใบหน้าอย่างเดียวเอง แต่คุณกลับเลือกปฏิบัติต่อเธอ แม้ว่าเธอจะไม่ได้ทำอะไรผิดเลยก็ตาม หนำซ้ำยังสรรหาทุกวิถีทางมาใส่ร้ายเธออีก
ตอนนี้ข้อบกพร่องบนใบหน้าของเธอหายไปหมดแล้ว คุณยังมีโอกาสกลับใจใหม่ ยอมรับในสิ่งที่เคยทำผิดในอดีต แล้วหันมามองเธอใหม่อีกครั้ง ถึงยังไงเธอก็สามารถพิสูจน์ตัวเองได้สำเร็จแล้ว
ฉันขอยืนยันว่าความงามของเธอคือความยุติธรรม ต้องขอบคุณความงามของเธอ ฉันถึงคิดได้ แล้วหันกลับมามอง ถังซือซือใหม่อีกครั้ง“
คำพูดเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะลบล้างข่าวปลุกปั่นกระแสของ ‘มิสซิสอา’ เท่านั้น แต่ยังเป็นการวิพากษ์วิจารณ์และเตือนใจคนที่เคยรังแกถังซือซือ สมัยที่เธอยังมีหน้าตาน่าเกลียด
ทั้งสองฝ่ายตกอยู่ในความเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง
ในเวลาเดียวกัน ถงโยวโยวให้ความสนใจกับเหตุการณ์ที่รุนแรงนี้มากทีเดียว
เธอนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งในหอพัก หลังจากอ่านข้อความทั้งหมดก็ต้องตกใจจนตาค้าง เดี๋ยวนะ... นี่มันรูปพี่ซือซือไม่ใช่เหรอ? ไหนจะชื่อย่อนั่นอีก ชัดเจนมากจนรู้เลยว่าใคร
เป็นกังวลจัง พี่ซือซือจะเสียใจกับคำใส่ร้ายป้ายสีแบบนี้ไหมนะ?
ถงโยวโยวรู้สึกเป็นห่วง จึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อติดต่อไปหาอีกฝ่าย
ขณะเดียวกัน รถเบนซ์หรูหราสีดำแล่นไปในเมือง ยามค่ำคืน ก่อนจะขับมาถึงชั้นล่างของหอพักที่ถังซือซือพักอยู่ และจอดนิ่งอยู่ตรงนั้น
บทที่ 180
จูบแรกที่แท้จริง
ถังซือซือกำลังเอื้อมมือไปเปิดประตูรถ แต่แล้วกลับถอนมือออกมา
ก่อนจะหันหน้ากลับมาแล้วกะพริบตาหนึ่งครั้ง แอบกลืนน้ำลายเมื่อหันไปมองเซียวเฉินเยวียน คนที่ทำให้ฉันหวั่นไหวอยู่ใกล้แค่นี้เอง... คืนนี้จะจบลงเท่านี้เองเหรอ?
ปีศาจน้อยในใจเธอผุดขึ้นมาอีกครั้ง
หลังจากนั้นเธอได้รับการสนับสนุนทางความคิดอย่างเร้าใจ
“จูบเขาสิ! เร็ว! โอกาสดีแบบนี้ถ้าปล่อยหลุดมือไปจะไม่มีอีกแล้วนะ!”
“เร็วเข้า! มัวชักช้าอะไรอยู่! เขากำลังจะกลับแล้ว!”
ในใจของเธอจริง ๆ ก็ต้องการแบบนั้น แต่ว่า หลังจากจูบแรกก่อนหน้านี้ เธอไม่รู้ว่าเขาคิดเกี่ยวกับมันยังไงบ้าง?
แสงสลัว ๆ จากไฟริมทางเดินสะท้อนเงาใบไม้ที่ร่วงหล่นเล็ดลอดเข้ามาทางช่องหน้าต่างรถ เงาของใบไม้เคลื่อนผ่านหน้าของเขาไป จากใบหน้าที่เคยเย็นชาจนทำให้ใครต่อหลายคนกังวลและหวั่นเกรง ตอนนี้กลับดูมีเสน่ห์อย่างลึกล้ำ
เขาหันหน้ามามองถังซือซือกลับโดยไม่กะพริบตาเช่นกัน
นี่อาจเป็นโอกาสอีกครั้งเดียวในชีวิต!
ถังซือซือเม้มริมฝีปากพร้อมกับกลืนน้ำลายอีกครั้ง ก่อนโน้มตัวไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ
เอาน่า มันต้องดีแน่ ไม่นานก็เสร็จแล้ว
อีกนิดจะใกล้แล้ว
หัวใจเต้นแรงมากเลย!
สองมือของฉันเป็นอะไรไปเนี่ย? ไหนจะอาการตัวสั่นนี่อีก ฉันจะประหม่าเกินไปแล้ว
ถังซือซือกำมือทั้งสองข้างพร้อมตั้งสติ ไม่เป็นไร มาลองกันอีกครั้ง...
แต่ว่า ฉันก็ยังรู้สึกประหม่ามากอยู่ดี งั้นก็ ลองหลับตาระหว่างทำละกัน...
ดูเหมือนว่าจะเป็นความคิดที่ดี
ลมหายใจเบา ๆ ของเซียวเฉินเยวียนลอยเข้ามาเรี่ยรดใบหน้าและลำคอของเธอ
ตอนนี้เธอมองเห็นริมฝีปากสีเหมือนซากุระใต้แสงจันทร์ ต่อให้เขาจะมาคิดบัญชีกับฉันหลังจากที่ฉันทำแบบนั้นลงไป แต่ไว้ค่อยมาคุยกันช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงละกัน ตอนนี้แค่ปล่อยใจไปก็พอ...
“ตอนเย็นที่ผ่านมา ผู้ชายคนนั้น ได้สารภาพรักกับคุณรึเปล่า?”
ก่อนที่ถังซือซือจะโน้มตัวเข้าไปมากขึ้น เซียวเฉินเยวียนก็ตั้งคำถามขึ้นมา ฟังจากน้ำเสียงแล้ว ดูเหมือนว่าเขาไม่มีความสุขและไม่พอใจสักเท่าไหร่
ห๊ะ?
อะไรนะ?
การเคลื่อนไหวของถังซือซือหยุดกะทันหันทันที เธอลืมตาขึ้นแล้วสบตาเซียวเฉินเยวียนที่แสดงแววตาว่างเปล่า
สารภาพรัก?
เธอกะพริบตา แล้วแสดงสีหน้ามึนงงอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็รู้ตัว เขากำลังพูดถึงชายหนุ่มแปลกหน้าที่ตะโกนใส่เธอด้วยลำโพงจากชั้นล่างข้างของหอพักนั่นเอง!
ให้ตายเถอะ นี่เขารู้เรื่องนี้ด้วย... ฉันคิดว่าเขาไม่ทันสังเกตซะอีกนะเนี่ย...
คาดไม่ถึงเลย ว่าเขาจะคอยดูเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ไกล ๆ... แต่เข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องปกติที่แฟนจะ ‘หึงหวง’ ...
เดี๋ยว ๆ ... อย่าบอกนะว่า เขาจะบอกว่าหึงฉันงั้นเหรอ??
ถังซือซือครุ่นคิดเกี่ยวกับคำถามของเขา ตอนนี้เหมือนความดีใจอย่างลิงโลดปรากฏขึ้นในใจของเธอ
“คือว่า อย่าเพิ่งเข้าใจฉันผิดนะ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้ชายคนนั้นกำลังทำอะไรอยู่ บางทีอาจจะเป็นการซ้อมโอเปร่าหมู่ก็ได้จริงไหม? อืม...”
ก่อนที่ถังซือซือจะพูดจบ คำพูดต่อจากนี้ที่เหลือก็ถูกกลืนกลับเข้าไปในลำคอ
จู่ ๆ เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย? ริมฝีปากของฉัน... กำลังถูกใครบางคนปิดไว้!
ไม่สิ นี่คือ...
นี่คือคุณชายปีศาจนั่นกำลังจูบฉันอยู่!
ตูม!
ภายในหัวของเธอว่างเปล่าในทันทีราวกับโดนระเบิดลูกใหญ่
ในขณะเดียวกัน หัวใจของเธอก็เต้นแรงมากจนแทบหลุดออกจากอก
ตุบๆๆ!
เสียงหัวใจเต้นของเธอเหมือนกับจังหวะกลองที่ตีอย่างหนักแน่นที่สุด และเร็วรัวกว่าที่เคยสัมผัส!
นี่... นี่มันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?
ตอนแรกเธอตั้งใจเป็นฝ่ายจูบเขาก่อน แต่เธอกลับถูกเขาจูบแทน... เหตุการณ์พลิกผันไปแบบนี้ได้ยังไง?
ริมฝีปากของเซียวเฉินเยวียนนุ่มมาก ตอนแรกมีสัมผัสเย็น ๆ เล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ ร้อนผ่าวขึ้น หลังจากผ่านไปสักครู่หนึ่ง จูบนี้ทำให้ถังซือซือหัวใจเต้นแรงจนแทบหายใจไม่ออก
สีหน้าของถังซือซือเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำลามไปจนถึงต้นคอในทันที เธอรู้สึกสับสนมากจนไม่รู้จะวางตัวยังไงต่อจากนี้ ทำได้เพียงปล่อยให้ตัวเองถูกพร่ำจูบต่อไป
นี่คือจูบแรกที่แท้จริงของเธอ!
ถังซือซือคิดถึงเรื่องนี้กับอีกฝ่าย
เดี๋ยว ๆ... หรือบางทีนี่อาจเป็นจูบจริงครั้งแรกของเขาด้วยรึเปล่า?
ปรากฏว่าถังซือซือเดาถูก เซียวเฉินเยวียนยังไม่เคยตั้งใจจูบใครจริง ๆ มาก่อนเลย
เขาไม่ได้มีทักษะในการจูบที่ดีนัก เมื่อพูดถึงเกณฑ์ในการจูบ
เขาแค่บอกกับตัวเองว่าควรจูบเธอ โดยไม่ใช้อารมณ์ชั่ววูบ แต่มาจากความรู้สึกแท้จริงในจิตใจ
ริมฝีปากของถังซือซือให้สัมผัสที่นุ่มนวลและหอมหวาน
เซียวเฉินเยวียนรู้สึกว่าลมหายใจของถังซือซือค่อย ๆ ถี่กระชั้นขึ้น เขาพอใจในผลงานของตัวเองมาก จากนั้นรีบเอื้อมมือไปโอบเอวของเธอไว้
ราวกับว่าผู้หญิงคนนี้เป็นของเขา และจะเป็นของเขาตลอดไป
ถังซือซือ คุณไม่มีวันที่จะลบผมไปจากชีวิตได้
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบภายในรถ
ใครกันที่โทรมา? ช่างเลือกเวลาได้เหมาะจริง ๆ เลย
ถังซือซือตกใจจนเปล่งเสียง “อื้อ” ก่อนคลายตัวเองออกจากอ้อมแขนของเขา พร้อมกับสีหน้าที่แดงก่ำราวกับพระอาทิตย์บนขอบฟ้า
เมื่อเห็นว่าใบหน้าของถังซือซือหน้าแดงก่ำ เอาแต่ควานหาโทรศัพท์ของตัวเองด้วยความกระวนกระวาย ดวงตาของ เซียวเฉินเยวียนก็ทอประกายขึ้น มุมปากโค้งเป็นรอยยิ้ม ตอนนี้เขาได้รู้สึกถึงความหวานและความสุขที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อนเลยในชีวิต