บทที่ 149-150
บทที่ 149
ล้มลงง่ายไปหน่อยรึเปล่า
หยามกันได้นะ ถ้าฉันมีอาวุธ แกจะเก่งไปได้สักกี่น้ำ...
“ชิ้ง”
แสงจากกองไฟสะท้อนกับอะไรบางอย่าง ชายหน้าแผลเป็นชักมีดสั้นที่เหน็บเอาไว้ด้านหลังออกมา พร้อมกับแสดงสีหน้าชั่วร้าย
“ทีนี้แหละ ฉันจะเป็นฝ่ายส่งแกกลับบ้านเก่าเอง!”
ถงโยวโยวเห็นดังนั้นก็ตะโกนเสียงดังว่า
“ระวังข้างหลัง!”
ถงโยวโยวรู้สึกเป็นกังวลมาก จึงก้มตัวลง แล้วกำทรายบนพื้นขึ้นมาหนึ่งกำมือ
ชายทรงผมหงอนไก่กระโจนเข้ามาหาถงโยวโยว เธอจึงสาดทรายในมือออกไป “นี่แน่ะ...”
“โอ๊ย!” ชายทรงผมหงอนไก่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อเม็ดทรายถูกสาดใส่ตาของเขา!
ยัยผู้หญิงคนนี้ อยากเจอดีนักรึไง!
ชายคนหนึ่งที่เจาะหูหลายรูรีบวิ่งฝ่าความชุลมุนนี้ไป โดยอาศัยจังหวะที่จั่วเฟิงต่อสู้กับชายหน้าแผลเป็น รีบวิ่งอ้อมหลังแล้วเข้าไปจับถงโยวโยวอย่างรวดเร็ว
“ปล่อยฉันนะ!” ถงโยวโยวร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว เธอพยายามขัดขืนสุดแรงแต่ก็ไม่เป็นผล
ชายเจาะหูบิดข้อมือถงโยวโยวเล็กน้อย และจับเธอให้แน่นหนามากขึ้น
“โยวโยว!” จั่วเฟิงหันไปให้ความสนใจ แล้วเตรียมวิ่งเข้าไปช่วยเธอ ขณะเดียวกันชายหน้าแผลเป็นเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บางอย่าง เขาอาศัยโอกาสนี้สับมีดสั้นลงบนแขนซ้ายของจั่วเฟิงทันที
“ฉึก!”
ชั่วพริบตานั้น เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วพื้น แขนเสื้อด้านซ้ายของจั่วเฟิงถูกย้อมเป็นสีแดง
“แขนคุณ!”
ถงโยวโยวรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้น จนแทบจะร้องไห้ออกมา
เขาต้องเจ็บมากแน่ ๆ!
ทั้งหมดเป็นเพราะเรามันไร้ประโยชน์... ฉันช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย...
“แกน่ะ ถ้าขืนยังสู้ต่อละก็ หน้าแฟนแกได้เสียโฉมแน่”
ชายถักเปียวิ่งอ้อมหลังชายหน้าแผลเป็น แล้วเอามีดสั้นจี้คอของถงโยวโยวเอาไว้ หลังจากชายหน้าแผลเป็นข่มขู่เสร็จ ในตอนนี้ไม่ว่าจั่วเฟิงจะคิดทำอะไร เขาก็ไม่กล้าขยับตัวไปไหน
พวกขี้ขลาด!
ดวงตาของจั่วเฟิงเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ รู้สึกผิดที่ประมาทพวกนั้น! เขาไม่คิดเลยว่าจะเกิดอุบัติเหตุแบบนี้ในวันสำคัญได้ ทั้งยังสั่งไม่ให้บอดี้การ์ดคอยมาคุ้มกันด้วยในคืนนี้
ถือเป็นวิกฤตที่ผ่านไปได้ยาก ต่อให้ร้องขอความช่วยเหลือก็คงไม่มีใครได้ยิน ตอนนี้ ไม่มีเพื่อนคนไหนเลยที่คิดว่าที่นี่กำลังเกิดเหตุร้าย สถานการณ์ทั้งหมดเหมือนเข้าข้างพวกอันธพาลจริง ๆ เขาคาดเดาถึงตอนต่อไปไม่ออกเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้
“พวกแก ต้องการอะไรจากพวกฉันกันแน่!”
“ล้อฉันเล่นรึเปล่า? ก็เห็น ๆ กันอยู่ ฉันต้องการแค่ของมีค่า แต่น่าเสียดายที่แกมันโง่เขลาเกินไป จะว่าไปแฟนแกก็สวยดีนี่หว่า ฮ่าๆๆ”
ใบหน้าของชายหน้าแผลเป็นยังคงบวมจากการถูกชก แต่เขาไม่ได้สนใจความเจ็บปวดนี้เลย ดวงตาเริ่มเป็นประกาย แล้วจ้องไปที่ถงโยวโยวด้วยสีหน้าหื่นกระหาย
หลังจากนั้น ชายหน้าแผลเป็นเดินเข้าไปหาถงโยวโยวทีละก้าว
“ว้าว!”
ถงโยวโยวพยายามข่มความหวาดกลัวไว้ และทำตัวให้นิ่งที่สุด
“จะนิ่งเย็นชาไปทำไม เงยหน้าให้พี่ดูชัด ๆ หน่อยสิ… น่าระ!”
ก่อนชายหน้าแผลเป็นจะพูดจบ เงาของใครบางคนกระโจนเข้ามาด้วยความเร็วจนเขามองไม่ทัน แล้วถูกกำปั้นหนึ่งซัดเข้ากลางเบ้าหน้าจนเดินเซไปข้างหลัง
ชายหน้าแผลเป็นถูกชกจนหน้าหงายไปข้างหลัง ล้มลงกับพื้นเสียงดัง “ตุบ” เขาไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนทำ ก่อนจะพยายามตั้งสติเพื่อลุกขึ้นยืน เขาก็เป็นลมหมดสติและนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น
“ลูกพี่!”
หลังจากนั้นอันธพาลอีกห้าคนก็ไหวตัวขึ้นมาเมื่อเหตุการณ์แปลก ๆ นี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน พวกเขาหันไปมองกลุ่มคนรูปร่างสูงใหญ่ที่ปรากฏตัวขึ้น แล้วยืนล้อมรอบพวกเขาทั้งหมดในตอนนี้
นี่มันเกิดอะไรขึ้น? จั่วเฟิงตกตะลึงกับภาพตรงหน้า ถงโยวโยวที่เพิ่งหายจากอาการตกใจก็เงยหน้าขึ้นมาดูช้า ๆ
“อุตส่าห์คาดหวังในฝีมือแท้ ๆ แต่อ่อนแอชะมัด ล้มลงง่ายไปหน่อยรึเปล่า”
ชายหนุ่มสวมชุดสูทสีดำที่เพิ่งชกชายหน้าแผลเป็นจนสลบไป มองดูผลลัพธ์และรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
“ผัวะ!” เงาสีดำของชายคนหนึ่งพุ่งเข้ามา แล้วชกพวกอันธพาลในทันที ทำให้ชายทรงผมหงอนไก่เซถลาออกไปโดยไม่ทันตั้งตัว
“โอ๊ย…”
ชายทรงผมหงอนไก่รู้สึกกลัวและตกใจมาก เมื่อถูกชกและเตะหลายครั้ง จนแทบจะอดทนต่อความเจ็บปวดไว้ไม่ไหว
เวรล่ะ... คนพวกนี้โผล่มาจากไหนกัน? ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ๆ!
พวกเราไปเหยียบหางเสือตัวไหนเกันแน่เนี่ย?
บทที่ 150
มัดให้แน่นขึ้นกว่าเดิม
ไม่นานก็มีเสียงโอดครวญดังขึ้นมาหลายครั้ง “โอ๊ย” “อ๊าก” “ยอมแล้ว” ไม่ขาดสาย แต่ถึงอย่างนั้นการชกต่อยก็ดูเหมือนไม่มีทีท่าจะหยุด จั่วเฟิงและถงโยวโยวได้แต่นั่งดูเงาดำของชายหลายคนพุ่งเข้าซัดกลุ่มอันธพาลกันนัวเนีย ดูไม่ออกเลยว่าคนกลุ่มนี้เป็นใคร
ตอนนี้ในหัวพวกเขามีแต่คำชื่นชมดังขึ้นมาว่า สุดยอดจริง ๆ! เรารอดแล้ว!
พวกเขาไม่คิดเลยว่าจะมีกลุ่มคนที่แข็งแกร่งแบบนี้!
“โอ๊ย! ช่วยด้วย!”
“พวกเรายอมแพ้! ปล่อยไปเถอะ! โอ๊ย!”
“พะ… พวก… หนีไป!”
“ทนไม่ไหวแล้ว โอ๊ยๆๆ!”
เสียงคำรามของผีและหมาป่าดังขึ้น พวกอันธพาลหลายคนถูกทุบตีจนเจียนตาย ถึงมีมีดแต่ยังถือมีดเอาไว้ในมือไม่ได้ เพราะพวกมันถูกอีกฝ่ายยึดไป อาวุธแทบไม่มีประโยชน์เลย
หลังจากที่อันธพาลสองคนที่จับตัวถงโยวโยวไว้โดนสั่งสอนจนร้องโอดครวญ ในที่สุดเมื่อสถานการณ์ตรงหน้าคลี่คลายลง เธอก็รู้สึกหลุดพ้นและปลอดภัยมากขึ้น
ถงโยวโยวรู้สึกตัว จึงรีบวิ่งเข้าไปหาจั่วเฟิงในทันที ก่อนก้มตัวลงนั่งข้างเขาแล้วพูดขึ้นว่า
“คุณ... คุณเจ็บตรงไหนอีกบ้าง?”
บนแขนเสื้อข้างซ้าย เลือดยังคงไหลไม่หยุด!
ถงโยวโยวเห็นแล้วถึงกับตัวสั่น รู้สึกเป็นห่วงเขามาก ๆ
“ไม่เป็นไร ผมทนได้ ว่าแต่โยวโยว... คุณรู้จักคนพวกนี้ไหม?”
“อ่าว? คนพวกนี้... ไม่ใช่บอดี้การ์ดของคุณเหรอ?” ถงโยวโยวขมวดคิ้วและเกิดความสงสัย ถ้าอย่างนั้นคนพวกนี้มาจากไหนกันล่ะ?
“ยังไงก็ไม่ใช่” ฉันจำไม่ผิดแน่นอน ยังไงคนพวกนี้ก็ไม่ใช่คนของเรา
เพราะเขาสั่งเอาไว้หมดแล้ว ว่าไม่ต้องตามมาคอยคุ้มกันในคืนนี้
คิดไม่ออกเลย คนพวกนี้เป็นใครมาจากไหน ถ้าเรื่องนี้จบลงเราคงได้รู้ตัวตนของพวกเขา
หรืออาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้ คนพวกนี้ก็ดูไม่เหมือนพวกที่คิดร้ายกับเราด้วย
ถงโยวโยวเลิกสนใจแล้วว่าตัวตนของคนกลุ่มนี้คือใคร เธอรีบพยุงจั่วเฟิงให้เดินออกห่างจากที่เกิดเหตุ แล้วช่วยดูบาดแผลของเขา
เมื่อเสียงร้องโอดครวญหยุดลง เงาของชายกลุ่มนี้ก็หยุดลงมือเช่นกัน สถานการณ์กลับสู่ความเงียบอีกครั้ง
อันธพาลทั้งหกนอนซมอยู่บนพื้น ร้องโอดครวญขึ้นมาอีกครั้งเบา ๆ “โอย” “เจ็บ” หัวของพวกเขาบวมเป็นสีม่วง รอยฟกช้ำปรากฏขึ้นทั่วทั้งตัว จนแทบไม่มีเรี่ยวแรงจะโต้กลับ
จากอาการบาดเจ็บนี้ ทำให้พวกเขามึนหัวจนไม่มีสติ พยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งไม่ได้เลย
“พวกเธอเจ็บตรงไหนบ้าง?”
เสียงผู้หญิงที่คุ้นเคยดังขึ้น ถงโยวโยวรีบลุกขึ้นยืนด้วยความดีใจ หลังจากเงยหน้าขึ้นมา ผู้หญิงคนนี้... คือถังซือซือที่เข้ามาหาเธอ!
ภาพตรงหน้าคือหญิงสาวและชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาดีดูมีสง่าราศี คนหนึ่งสูงและคนหนึ่งเตี้ยกว่า เมื่อพิจารณาทั้งสองแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทั้งสองคนนี้คือถังซือซือและ เซียวเฉินเยวียน
ดังนั้นเงาของชายกลุ่มนั้นก็คือคนของตระกูลเซียว! นั่นหมายความว่าพวกเขาปลอดภัยแล้ว
ถงโยวโยวดีใจมากจึงรีบตอบกลับไปว่า
“พี่ซือซือมาจริง ๆ ด้วย! จั่วเฟิงได้รับบาดเจ็บค่ะ…”
“ให้ฉันดูหน่อย”
ถังซือซือเดินเข้ามาช่วยดูในทันที
น่าเสียดายหากพวกเขามาเร็วกว่านี้ จั่วเฟิงคงไม่ได้รับบาดเจ็บขนาดนี้แน่
เซียวเฉินเยวียนมองพวกอันธพาลที่นอนซมอยู่บนพื้น เขาหันหน้าไปหาเฟยอวี่ หลังจากนั้นเขาจึงรีบตอบสนองและรายงานผล
“ทางผมได้จัดการเรียบร้อยแล้วครับ ผมกับบอดี้การ์ดที่เหลือจะจับพวกมันมัดไว้กับต้นไม้ข้างหลังนี้ แล้วปล่อยให้พวกมันสำนึกผิดจนรุ่งเช้า”
โหดร้าย? ทำไมต้องทำถึงขนาดนั้นด้วย? แค่นี้พวกเราก็สำนึกผิดแล้ว!
เมื่อได้ยินแบบนี้ พวกอันธพาลหลายคนก็บ่นกันไม่หยุด ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็เป็นฝ่ายเริ่มทำผิดก่อน ถึงได้โดนสั่งสอนกลับ แต่พวกเขามีตาหามีแววไม่ ที่บังเอิญไปหาเรื่องกับคนที่ไม่ควรยุ่งด้วย!
ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่พวกเขาจะได้ใกล้ชิดธรรมชาติ
กลุ่มบอดี้การ์ดของตระกูลเซียวจับพวกอันธพาลไว้อย่างแน่นหนา แล้วจับกุมตัวพวกเขาไปยังต้นไม้ที่อยู่ห่างจากเต็นท์ไปยี่สิบเมตรอย่างรวดเร็ว ก่อนสั่งให้พวกเขาชูมือขึ้นสูง แล้วมัดไว้ให้ติดอยู่บนต้นไม้
พวกอันธพาลหลายคนร้องขอความช่วยเหลือในทันที บางคนก็ร้องภาวนาถึงบรรพบุรุษของตัวเอง บางคนสวดภาวนา และบางคนก็พูดจาขอร้องให้กลุ่มบอดี้การ์ดปล่อยตัว
“ผู้สูงส่งทุกท่าน ผม... ผมจะให้เงินทั้งหมดที่มีเลย! ไม่ว่าต้องการมากแค่ไหนผมจะประเคนให้ทั้งหมด! ได้โปรดปล่อยพวกเราไปเถอะ!”
เฟยอวี่ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า
“ระวังปากเอาไว้หน่อย ฉันไม่ได้ต้องการเงิน แต่ต้องการความสนุก พอดีช่วงนี้ค่อนข้างเบื่อนิดหน่อย ขอบคุณละกันที่มอบความตื่นเต้นเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เราได้ออกแรง”
หลังจากนั้นเขาก็หันไปสั่งบอดี้การ์ดที่เหลือว่า “มัดให้แน่นขึ้นกว่าเดิม!”