บทที่ 139-140
บทที่ 139
พ่อของลูกเป็นใคร
ทันทีที่มาถึงสนามเด็กเล่นแล้ว กู่หยวนเหยาก็เอาแต่กระโดดโลดเต้นไปจนสุดทาง เหมือนกระต่ายตัวน้อยที่ตื่นเต้นกับทุกสิ่งรอบข้าง
เด็กหญิงตัวน้อยค่อนข้างคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้มากกว่า ดังนั้นถังซือซือจึงได้แต่เดินตามเธอไป
“ว้าว! สนุกมากเลย! สนุกจนลืมป๊ะป๋าไปเลยนะเนี่ย!”
“อ๊ะ หนูบินได้! หนูเกือบจะแตะก้อนเมฆนั่นได้อยู่แล้ว!”
“พี่สาว! สไลเดอร์อันนี้สนุกมากเลย! มาเล่นด้วยกันสิคะ!”
ถังซือซือมองดูเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังเล่นอย่างสนุกสนานอยู่บนสไลเดอร์สำหรับเด็ก พร้อมกับเอียงคอฟังคำพูดที่ไร้เดียงสาของเธอไปด้วย ไม่น่าเชื่อว่าแค่นี้จะทำให้ตัวเองอารมณ์ดีขึ้นมาได้ เธอมองเด็กหญิงพลางหัวเราะอย่างไร้เหตุผล โบกมือทักทายเป็นครั้งคราว และไม่ลืมที่จะยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปอีกฝ่าย ก่อนจะส่งภาพไปที่วีแชตของเซียวเฉินเยวียน
ความตั้งใจของเธอ คืออยากให้เซียวเฉินเยวียนส่งรูปนี้ให้กับกู่ชวนอีกทอดหนึ่ง ให้เขารู้ว่าลูกสาวของตัวเองน่ารักสดใสขนาดไหน
ไม่น่าแปลกใจเลยที่กู่ชวนผู้มีนิสัยเคร่งขรึมจริงจังอยู่เป็นนิจ จะยินยอมพร้อมใจตกเป็นทาสรักของลูกสาวคนนี้
แม้แต่ตัวเธอเองยังอดตกหลุมรักเด็กคนนี้ไม่ได้
โทรศัพท์แจ้งเตือนว่ามีข้อความเข้า
ถังซือซือคลิกดู พบว่ามันถูกส่งมาจากคุณชายปีศาจ ข้อความนั้นสั้นเพียงประโยคเดียวเท่านั้น
“อีกไม่นานคุณก็มี”
อะไรกัน?
หมายความว่าอะไร?
เขาหมายความว่า ในอนาคตเดี๋ยวเธอก็มีลูกสาวที่น่ารักแบบนี้งั้นเหรอ?
นั่น... นั่นก็แน่ล่ะสิ!
ถังซือซือหน้าแดงเห่อขึ้นมาอีกครั้ง
เพียงแต่... เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครกันจะเป็นพ่อของลูก...
แน่นอนว่าพ่อของลูกเธอ... ต้องไม่ใช่เขาแน่ ๆ...
ดวงตาของถังซือซือหรี่ลงทันที
เซียวเฉินเยวียนนะ เซียวเฉินเยวียน ในที่สุดฉันก็ชอบคุณเข้าจนได้
แต่เรื่องราวระหว่างเราคงเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อคุณระบุเงื่อนไขไว้ในสัญญาอย่างชัดเจน ว่าเรื่องของเราสองคนเป็นแค่ความสัมพันธ์ตามสัญญา นอกจากนี้แล้ว อย่าแม้แต่จะคิดเกินเลย
ถังซือซือถอนหายใจ
ฐานะทางการเงินและสถานะทางการเงินของพวกเขาสองคนแตกต่างกันมาก ความจริงแล้วเธอไม่กลัว เธอสามารถทำงานให้หนักขึ้นเพื่อที่ตัวเองจะเหมาะสมพอที่จะอยู่เคียงข้างเขา แต่เขาแสดงให้เห็นแต่แรกแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะชอบคนอย่างเธอ
ต่อให้พยายามมากแค่ไหน ก็คงไม่ต่างอะไรจากการต่อยฝ้ายด้วยหมัดเดียว* นี่มันน่าหงุดหงิดจริง ๆ
*ต่อยฝ้ายด้วยหมัดเดียว = เป็นสำนวนเปรียบเทียบว่าเวลาเราต่อยก้อนฝ้าย ฝ้ายก็แค่ยุบลงไปเท่านั้น ในที่นี้เปรียบว่าต่อให้เราจะพยายามมากแค่ไหน แต่ถึงยังไงก็ไม่สามารถทำให้เขายอมใจอ่อนได้เลย
ถึงอย่างนั้นเธอก็จะไม่ยอมแพ้ คนอย่างเธอไม่เคยยอมแพ้อะไรง่าย ๆ อยู่แล้ว
เมื่อเป็นแบบนี้ คงเป็นการดีกว่าที่เธอจะหาโอกาสที่ถามเขาตามตรง ว่าเขามีคนที่ชอบอยู่แล้วหรือเปล่า ถ้าเขาตอบว่าใช่ เธอจะยอมพ่ายแพ้และตามหาความรักครั้งใหม่ แต่ถ้าเขาปฏิเสธ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอก็จะพยายามเป็นคนที่คู่ควรสำหรับเขาให้ได้
“ตุบ!” เสียงกำปั้นกระทบศีรษะดังขึ้น
ตามด้วยเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
“โอ๊ย! คนไม่มียางอาย! นายตีฉัน! เป็นบ้าไปแล้วรึไง!” ถังซือซือตกตะลึงเมื่อได้ยินเสียงตำหนิเล็กแหลมของเด็กหญิงตัวน้อยดังขึ้น! เธอรีบหันกลับไปมองหากู่หยวนเหยาทันที
ตอนนี้กู่หยวนเหยากำลังนั่งอยู่บนม้านั่งตัวเล็กไม่ไกลจากสายตาเธอมากนัก ใช้มือจ้ำม่ำข้างหนึ่งถูบริเวณศีรษะที่เพิ่งจะถูกใครบางคนทุบตี มืออีกข้างขยำชายกระโปรงตัวน้อยไว้แน่น ดูเหมือนว่าเธอกำลังจะร้องไห้ พร้อมกับกล่าวโทษเด็กชายท่าทางยียวนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
เด็กชายตัวน้อยยกมือขึ้นเท้าสะเอว เชิดหน้าขึ้นพร้อมกับพูดอย่างเย่อหยิ่ง
“แล้วไง! คนอย่างฉันอยากจะตีใครก็ตีได้ทั้งนั้น! อีกอย่างเธอเป็นคนเปิดกระโปรงต่อหน้าฉันเองไม่ใช่เหรอ? สนามเด็กเล่นนี้ก็เป็นถิ่นของฉัน!”
วันนี้กู่หยวนเหยาสวมชุดเจ้าหญิงสีเหลืองรูปทรงน่ารักและอ่อนหวาน เธอดูเหมือนเจ้าหญิงดิสนีย์ตัวน้อย แต่เธอไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าเด็กนิสัยไม่ดีคนนี้จะเปิดกระโปรงของเธออย่างหยาบคาย!
ป๊ะป๋าเคยสอนไว้ ว่านอกจากหม่าม้าแล้ว เธอไม่ควรเปิดกระโปรงตัวเองให้ใครดูทั้งนั้น!
คิ้วของถังซือซือขมวดเข้าหากันทันที
อะไรกัน? เด็กเปรตคนนี้! การแก้ตัวโดยใช้ ‘หลักการโยนความผิดให้เหยื่อ’ เด็กน้อยอายุแค่นี้พูดมันออกมาได้ยังไงกัน?!
ดูเหมือนว่าเขาจะมีอายุแค่เจ็ดถึงแปดขวบเท่านั้น แต่กลับมีพฤติกรรมหยาบคาย อาจเป็นเพราะครอบครัวไม่ได้ให้การอบรวมสั่งสอนที่ดีกับเขาแน่ ๆ
ดวงตาของถังซือซือส่องประกายคมกล้า เธอรีบเดินตรงไปยังจุดเกิดเหตุทันที ก่อนที่เด็กชายตัวอ้วนจะเอื้อมมือออกไปเพื่อเปิดกระโปรงของกู่หยวนเหยาอีกครั้ง ถังซือซือกลับเคลื่อนไหวรวดเร็วกว่า พุ่งตัวไปคว้าเข็มขัดของอีกฝ่ายไว้อย่างทันท่วงที
บทที่ 140
ใจดีมากแถมยังเก่งมาก
เด็กชายตัวอ้วนถึงกับผงะ แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวย เขาก็ไม่กลัวอีกต่อไป พยายามดิ้นรนด้วยสองแขนสองขา พร้อมกับร้องตะโกนไปด้วย
“ปล่อยฉันนะ! ฉันจะฟ้องหม่าม้าให้มาฆ่าแกซะ! นังปีศาจจิ้งจอก!”
ถังซือซือหัวเราะเยาะเย้ย แต่ไม่โต้ตอบอะไรเลย ก่อนจะวางร่างเด็กชายตัวอ้วนลงกับพื้น จากนั้นจึงดึงกางเกงของอีกฝ่ายให้ลงไปกองอยู่แทบเท้า ปล่อยให้ก้นอวบอ้วนของเด็กชายเปลือยเปล่า
เด็กชายตัวอ้วนรู้สึกเย็นที่ก้นและต้นขา ในที่สุดสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
“แก... แกทำอะไรน่ะ? ไร้ยางอายเกินไปแล้ว!”
“โอ้ จริงเหรอ เธอพูดไม่ผิดหรอก ฉันมันไร้ยางอายจริง ๆ แต่ฉันเรียนรู้สิ่งนี้มาจากเธอเลยนะ เมื่อกี้เธอเองก็ล้อเล่นแบบเดียวกันนี้กับน้องสาวของฉันไม่ใช่หรอกเหรอ? ฉันจะบอกให้ เธอรังแกผิดคนแล้ว!”
พอถังซือซือพูดจบ ก็เงื้อฝ่ามือขึ้นอย่างรวดเร็ว เล็งเป้าด้วยระยะที่แม่นยำ แล้วตบไปที่ก้นของเด็กชายโดยตรง
“โอ๊ย!”
ลายนิ้วมือทั้งห้านิ้วปรากฏเป็นรอยแดงอยู่บนก้นอ้วน ไม่ต้องพูดถึงว่ารอยดังกล่าวเด่นชัดสะดุดตาแค่ไหน
“ถ้าฉันจะเห็นว่าเธอรังแกเด็กผู้หญิงด้วยการไล่เปิดกระโปรงของพวกเธออีกครั้ง วันข้างหน้าถ้าฉันเห็นเข้า ฉันจะตีเธอแบบนี้แหละ!”
ถังซือซือพ่นคำขู่ออกไปด้วยความโกรธ จนเห็นว่าเด็กชายตัวอ้วนแผดเสียงร้องไห้ออกมาด้วยความ ‘ตกใจกลัว’ ได้สำเร็จ เขารีบหยิบกางเกงขึ้นด้วยความอับอาย ตั้งท่าเตรียมวิ่งหนีไป
“ฉันจะกลับไปฟ้องหม่าม้า แกต้องตายแน่ ๆ! ผู้หญิงเลวทราม!” ขณะที่เขาวิ่งหนีไป ก็ไม่วายหันกลับมาพร้อมกับตะโกนข่มขู่ถังซือซือ
ถังซือซือยกมือขึ้นปิดปาก นี่หรืออนาคตของชาติ? ตัวถ่วงความเจริญของชาติล่ะสิไม่ว่า
กู่หยวนเหยาเห็นถังซือซือเป็นเหมือนสตรีขี่ม้าขาว เข้ามาช่วยเธอจากการถูกเด็กชายตัวอ้วนทุบตีและไล่ตะเพิดเขาออกไปได้ เธอรู้สึกประทับใจมาก ความชื่นชอบที่มีต่อถังซือซือยิ่งเพิ่มพูนขึ้นในทันที ตำแหน่งของถังซือซือภายในใจของเธอเกือบจะเทียบเท่ากับป๊ะป๋าแล้ว!
หมอกควันในหัวใจของเธอถูกกวาดทิ้งไป กู่หยวนเหยารีบกระโดดลงจากม้านั่งตัวเล็ก จับมือถังซือซือไว้แน่น พร้อมกับขอบคุณด้วยน้ำเสียงบริสุทธิ์ไร้เดียงสา
“พี่สาว! พี่สุดยอดไปเลยค่ะ!”
“ไปกันเถอะ พี่จะพาเธอไปซื้อมาร์ชเมลโล่อร่อย ๆ กินกัน!” ว่าแล้วถังซือซือก็ขยิบตาอย่างซุกซน ตั้งใจทำให้ กู่หยวนเหยามีความสุขมากขึ้น
เด็กหญิงตัวน้อยได้ยินแบบนั้น จึงร้องตะโกนอย่างตื่นเต้น
“ดีเลย ดีเลย! พี่สาว พี่ใจดีมาก แถมยังเก่งมาก ๆ ด้วย! หนูชอบพี่สาวมาก ๆ เลย!”
หญิงสาวคนหนึ่งและเด็กหญิงอีกคนหนึ่งจึงเดินจูงมือกันไปยังโซนร้านขายอาหาร พร้อมกับฮัมเพลง ‘ดาวดวงน้อย’
“วิบวับ วิบวับ สว่างพริบพราว... ทั่วท้องฟ้าเต็มไปด้วยดาวดวงน้อย...”
“หม่าม้า! นั่นไงนังปีศาจจิ้งจอกที่ผมบอก! เธอถอดกางเกงของผมออก! แถมยังตีก้นผมด้วย!”
เด็กชายตัวอ้วนดึงแขนหญิงวัยกลางคนที่แต่งหน้าจัดและสวมเสื้อผ้าสีจัดจ้าน ชี้นิ้วไปทางถังซือซือด้วยความโกรธเคือง พอมีที่พึ่งแล้วเขาก็ไม่เกรงกลัวอีกต่อไป “ฮึ่ม! หม่าม้าของฉันไม่เอาแกไว้แน่! ถ้ายังทำตัวเย่อหยิ่งต่อไปก็ลองดู!”
ขณะที่พูดแบบนั้น เขาไม่ลืมที่จะหันไปทำหน้าบูดบึ้งให้กับกู่หยวนเหยา
กู่หยวนเหยาตกใจกลัวมาก จนต้องรีบหลบไปอยู่ด้านหลังของถังซือซือ “พี่สาว เด็กนิสัยไม่ดีนั่นพาแม่ของเขามาหาเรื่องพวกเราแล้ว!”
ถังซือซือเอื้อมมือออกไปลูบศีรษะเธอเบา ๆ “ไม่ต้องกลัวนะ”
ดูเหมือนว่าวันนี้ถ้าเธอไม่สั่งสอนบทเรียนให้กับสองแม่ลูกคู่นี้แล้วละก็ เด็กชายคนนี้คงยังทำนิสัยเสียแบบนี้กับเด็กคนอื่นต่อไป
มีเธออยู่ที่นี่ทั้งคน คนพวกนี้หรือจะรังแกกู่หยวนเหยาได้?
ถังซือซือยืนนิ่ง ออร่าเย็นเยียบเล็ดลอดออกมาจากร่างกายของเธอ สายตาจับจ้องไปที่สองแม่ลูกตรงหน้าอย่างเย็นชา
“เธอรังแกลูกชายฉันเหรอ? สงสัยคงไม่อยากอายุยืนแล้วสินะ!”
หญิงวัยกลางคนยกมือข้างหนึ่งขึ้นเท้าสะเอว ส่วนอีกมือหนึ่งชี้ไปที่ปลายจมูกของถังซือซือ และเริ่มดุด่า
แน่นอนว่าเธอไม่เคยคิดว่าสิ่งที่ลูกชายตัวเองทำเป็นเรื่องที่ผิด ให้ตายสิ! ลูกชายของเธอถูกสมาชิกทุกคนในครอบครัวตามใจมาโดยตลอด ทั้งยังตั้งตัวเป็นเจ้าถิ่นของสนามเล็กเล่นเล็ก ๆ แห่งนี้ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยถูกทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ วันนี้กลับถูกคนแปลกหน้าสองคนรวมหัวกันกลั่นแกล้งเสียได้
เด็กส่วนใหญ่ที่มาวิ่งเล่นในสนามเด็กเล่นแห่งนี้ ต่างเป็นลูกหลานของคนในชุมชนใกล้เคียง ครอบครัวของเธอเรียกได้ว่าเป็นครอบครัวที่มีอิทธิพลสูงสุดในละแวกนี้ ไม่มีใครกล้าหยามหน้า ไม่ว่าจะเดินไปไหนมาไหนปลายจมูกก็แทบจะเชิดขึ้นฟ้า เธอจำหน้าคนในชุมชนนี้ได้อย่างแม่นยำ แต่เธอไม่เคยเห็นหน้าค่าตาสองคนนี้มาก่อน มองเพียงปราดเดียว ก็รู้แล้วว่าพวกเธอจะต้องเป็นคนต่างถิ่นที่ผ่านทางมาแน่ ๆ
คิดจะเปิดศึกกับเจ้าถิ่นอย่างนั้นสินะ