บทที่ 129-130
บทที่ 129
ความกังวลของมู่ซูเสียน
ทำไมลูกถึงไปรู้จักกับคนอย่างตระกูลเซียวได้? เรื่องมันเป็นมายังไงกัน เดิมทีมู่ซูเสียนไม่เคยสนใจข่าวเกี่ยวกับนักธุรกิจเลย ตอนแรกเธอเองก็ไม่รู้จักเขา แต่ตอนนี้เธอได้รู้แล้วว่า ประธานบริษัทตระกูลเซียวผู้ที่มั่งคั่งที่สุดในเมืองหลวง มีชื่อแซ่เดียวกันกับชื่อลูกเขยของเธอไม่มีผิด
พอคิดเกี่ยวกับมันมากขึ้น เธอรู้ดีว่าลูกสาวของตัวเองไม่ได้มีฐานะดีเด่นอะไร แถมยังมีชีวิตที่ยากลำบาก หน้าตาก็ไม่ได้สะสวยชวนมอง ทำไมถึงได้ไปรู้จักกับคนใหญ่คนโตแบบนั้น จนกระทั่งมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันอีก ในฐานะคนเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ยากจนและสู้ชีวิตตลอดมา เป็นธรรมดาที่มู่ซูเสียนี่จะรู้สึกหนักใจมาก ทุกวันนี้เธอไม่รู้ว่าด้วยซ้ำว่าควรทำยังไงให้ตัวเองสามารถข่มตาหลับได้อย่างสบายใจ?
ทุกวันนี้... ในความคิดของมู่ซูเสียน เมื่อคิดถึงลักษณะของประธานบริษัทตระกูลเซียวแล้ว ก็จะเกิดภาพประมาณว่า ‘ประธานบริษัทใหญ่โต ข่มเหงคนจนที่ไม่มีทางสู้’ ‘ประธานตระกูลเซียวจงใจกักขังหน่วงเหนี่ยวหญิงสาวหน้าตาขี้เหร่เพื่อบำเรอความสุข’ และอื่น ๆ อีกสารพัดที่เธอจินตนาการขึ้นมา...
ในเมื่อเป็นแบบนี้... เธอจะอธิบายให้แม่สบายใจอย่างไรดี?
เธอลืมไปได้ยังไงว่าตัวเองไม่สามารถโกหกมู่ซูเสียนไปตลอดได้? การที่เธอบอกไปว่าเซียวเฉินเยวียนแค่บังเอิญมีชื่อคล้ายกับประธานบริษัทตระกูลเซียวเท่านั้น...
ด้วยเหตุผลนี้ เหมือนว่าพวกเขาจะลืมคิดไปว่ามู่ซูเสียนไม่ใช่เด็กสามขวบที่จะถูกหลอกได้ง่าย ๆ...
ต่อให้หาทางบิดเบือนความจริงไปเรื่อย ๆ แล้วอย่างไร? เดิมทีไม่ค่อยมีใครได้เห็นตัวจริงของประธานบริษัทตระกูลเซียวเท่าไหร่นัก แต่เมื่อย้อนกลับไปในคืนนั้น...
คำโกหกของเธอก็ไม่น่าเชื่อถืออีกต่อไป สังเกตจากการแต่งตัว บุคลิกที่ดูมีฐานะร่ำรวยกว่าใคร คงเป็นเรื่องยากที่โกหกตัวตนที่แท้จริงของเขาได้...
ตอนนี้เรื่องน่าปวดหัวกำลังถาโถมเข้ามา
ถังซือซือยกมือขึ้นมาก่ายหน้าผากด้วยความกังวลโดยไม่รู้ตัว
เธอไม่รู้ว่าจะตอบแม่ยังไงดี แต่แล้วมือของชายหนุ่มก็เอื้อมมาหยิบโทรศัพท์จากมือของเธอไปต่อหน้าต่อตา
ไม่นะ เฮ้ๆๆ นี่เขาคิดจะทำบ้าอะไรอีกแล้วเนี่ย!
“สวัสดีครับ คุณแม่” สายเกินไปแล้วที่จะหยุดเขา เสียงที่ฟังดูเย็นชาของเซียวเฉินเยวียนลอดไปตามสายเสียแล้ว
เธอไม่รู้เลยว่าต่อจากนี้มู่ซูเสียนจะถามอะไรกับเขาบ้าง เธอทำได้เพียงนั่งฟังเซียวเฉินเยวียนอธิบาย
“คุณแม่ ซือซือกับผมกำลังจะเข้าไปที่คอนโดเฟิงตันเดี๋ยวนี้ ไม่ทราบว่าจะเป็นการรบกวนไหมครับ?”
เธอไม่รู้เลยว่ามู่ซูเสียนมีปฏิกิริยายังไงหรือตอบอะไรกับเขา เซียวเฉินเยวียนยิ้มมุมปาก ก่อนตอบกลับไปว่า
“ได้ครับ ได้ครับ อีกสิบนาทีเจอกันครับ”
ถังซือซือฟังคำพูดของเขาด้วยสีหน้าสงสัย เกิดลางสังหรณ์ขึ้นในใจว่าต้องมีอะไรแปลก ๆ แน่ ๆ?
หลังจากวางสาย เซียวเฉินเยวียนออกคำสั่งทันที
“กลับรถ ฉันจะไปทำธุระที่เฟิงตัน”
“รับทราบครับ!” กู่ชวนขานรับโดยที่ไม่ถามอะไรต่อ ในขณะเดียวกัน บนท้องถนนกำลังอยู่ในช่วงการจราจรติดขัดหลังจากเลิกงาน แต่ในเมื่อเป็นคำสั่งจากชายหนุ่มคนนี้ เขาไม่ลังเลที่จะแหกกฎจราจร
หลังจากนั้น เซียวเฉินเยวียนรีบโทรศัพท์ไปหาหญิงชรา หลังจากเธอรับสายแล้ว เขาก็เริ่มอธิบายด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า
“คุณยายครับ เย็นนี้รถติดมากกว่าปกติ ผมอาจจะไปสายประมาณหนึ่งชั่วโมง”
“นานไปไหมหลานยาย? ข้าวปลาได้เย็นชืดหมดพอดี…” ฝางเสวี่ยหลานรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ถังซือซือแสดงสีหน้าตกใจราวกับเจอเรื่องที่ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เห็น คุณชายปีศาจโกหกผู้ใหญ่ต่อหน้าเธอ
“ปี๊บๆๆ...” กู่ชวนบีบแตรตลอดทาง แต่รถข้างหน้ายังคงขับด้วยความเร็วราวกับเต่าซูลคาต้าอายุล้านปี และนี่เป็นเวลาเกือบห้านาทีแล้ว ที่เขาไม่สามารถแซงรถคันนี้ไปได้
วินาทีเขาสัมผัสได้ถึงออร่าเย็นชาของเซียวเฉินเยวียน กู่ชวนเริ่มเหงื่อซึมไปทั่วทั้งใบหน้า เขาได้แต่คิดว่าตัวเองควรทำยังไงดี แม้ว่าจะเข้าใจดีถึงเหตุผลที่เซียวเฉินเยวียนต้องเร่งรีบ แต่การจราจรในตอนนี้ติดขัดเกินไป...
“ลุกๆๆ เปลี่ยนกันขับเถอะ เป็นแบบนี้ต่อไปได้แย่แน่” เฟยอวี่ทนไม่ไหวกับสภาพท้องถนนในตอนนี้ เขามีอาการหงุดหงิดเล็กน้อย ทนไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องนั่งรออยู่ท่ามกลางการจราจรที่แน่นขนัดแบบนี้ เขาเข้าไปดันกู่ชวนให้พลิกตัวมานั่งที่ของตัวเอง แล้วแทรกตัวไปนั่งที่คนขับแทน
ยกเว้นเซียวเฉินเยวียน ทั้งสองคนต่างสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนที่พวกเขาจะทันได้ถามอะไร เฟยอวี่ก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งแล้วพูดว่า “จับเบาะไว้ให้มั่นนะครับทุกคน!”
“บรึ้น” เขาเหยียบคันเร่งจนมิด พร้อมกับแสดงสีหน้าจริงจังราวกับนักแข่งรถ ในชั่วพริบตา เขาขับซิกแซกแทรกช่องว่างของรถคันอื่นด้วยความเร็ว
บทที่ 130
ความรู้สึกอบอุ่นตามซอกนิ้วมือ
ในเวลานี้ เฟยอวี่ได้แสดงทักษะการขับรถที่เหนือจินตนาการ เลี้ยวซ้ายทีขวาที เบียดเสียดซิกแซกไปตามช่องแคบระหว่างรถที่จอดต่อกัน ไม่นานก็ขับผ่านรถติดไปได้หลายคันในคราวเดียว
“นี่... นี่ฉันต้องมาเจอกับอะไรเนี่ย” ถังซือซือตกใจกลัวสุดขีดเป็นครั้งแรกในชีวิต เพราะการซิกแซกที่มีระยะห่างจากรถที่เธอนั่งอยู่กับรถที่เพิ่งจะขับผ่านไปห่างกันเพียงไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตร ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองอายุสั้นลงก็คราวนี้!
“ขับช้า ๆ สิ” น้ำเสียงเย็นชาของเซียวเฉินเยวียนดังขึ้น ดูเหมือนว่าเขาไม่พอใจเล็กน้อย
“ครับ ครับ” เฟยอวี่ไม่กล้าขัดคำสั่ง เขาลดความเร็วลง จนกระทั่งขับมาถึงคอนโดเฟิงตันในที่สุด
รถขับมาจอดเทียบบริเวณทางเข้าหน้าคอนโด ถังซือซือรู้สึกกังวลจนสีหน้าซีดเซียว ก่อนที่เธอจะเรียกสติกลับมา ประตูด้านข้างเธอถูกเปิดจากด้านนอก เซียวเฉินเยวียนมองหน้าเธอด้วยรอยยิ้ม
“นี่.. ลงมาเร็ว ๆ สิ”
ขณะที่ถังซือซือกำลังก้าวลงจากรถ เซียวเฉินเยวียนเอื้อมมือออกไปคว้ามือของเธอเอาไว้
ความรู้สึกราวกับโดนไฟฟ้าช็อตทำให้ปลายนิ้วมือของถังซือซือสั่นเล็กน้อย ความรู้สึกอบอุ่นตามซอกนิ้วมือของเขาทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจจนไม่อยากปล่อย
หน้าห้อง 802 คอนโดเฟิงตัน
“ก๊อกๆๆ...”
ถังซือซือเคาะประตูด้วยท่าทีเฉื่อยชา
เพราะตอนนี้ เธอยังคงกังวลและคิดไม่ออกว่าจะอธิบายยังไง
ปกติเธอมีความมั่นใจในคำพูดของตัวเองเสมอ แต่นาทีนี้เธอกลับรู้สึกไม่มั่นใจและคิดคำพูดอะไรไม่ออกเลย
มู่ซูเสียนเปิดประตูออกมา ถังซือซือมองหน้าเธอ ในขณะที่กำลังจะพูดคำว่า ‘แม่’ มู่ซูเสียนก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน
“สาวน้อย หนูเป็นใคร?”
เธอมองถังซือซือตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วพยายามนึก เธอไม่รู้ตัวว่าคำพูดของตัวเองทำร้ายลูกสาวมากแค่ไหน เพราะรูปลักษณ์ปัจจุบันของถังซือซือแทบไม่ต่างจากตอนที่มู่ซูเสียนยังเป็นสาวเลย แต่เธอกลับนึกไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ
นี่แม่จำฉันไม่ได้จริงเหรอเนี่ย!? ถังซือซือรู้สึกเหนื่อยใจจนอยากยกมือก่ายหน้าผาก
“แม่คะ นี่หนูเอง” ถังซือซือแสดงสีหน้าบูดบึ้งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
มู่ซูเสียนขมวดคิ้วแล้วตอบกลับว่า
“ขอโทษนะคะ หนูคงจำอะไรผิดแล้วล่ะ” เสียดายจัง หน้าตาก็สวยดีออกแต่ดันสมองเสื่อม ถ้าเป็นลูกสาวฉันจริง ๆ ก็ต้องมีสิว ฝ้า และกระทั่วใบหน้า ฉันจะไปมีลูกสาวหน้าตาสดใสแบบนี้ได้ยังไง
“ปัง” ประตูห้องถูกปิดใส่หน้าถังซือซือโดยไม่ลังเล
“ก๊อกๆๆ…” ถังซือซือยังคงเคาะประตูต่อไปอย่างไม่ลดละ เธอแอบหงุดหงิดใส่มู่ซูเสียนเป็นร้อยครั้งในใจ
มู่ซูเสียนเปิดประตูอีกครั้ง เธอถอนหายใจยาวทันทีเมื่อเห็นว่าคนที่เคาะประตูยังเป็นหญิงสาวคนเดิม
“ฉันบอกแล้วไงสาวน้อย หนูลองดูเลขห้องดี ๆ นี่ห้อง 802 แม่จริง ๆ ของหนูอาจอยู่ห้องอื่นก็ได้”
“แม่ เข้าใจผิดแล้ว นี่หนูเอง!” ถังซือซือรู้สึกแปลกใจ
เซียวเฉินเยวียนเห็นก็พยายามกลั้นหัวเราะ ก่อนอมยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นว่า
“คุณแม่ครับ พวกผมเอง”
เมื่อเห็นเซียวเฉินเยวียน มู่ซูเสียนก็ตกใจจนตาค้างในทันที เธอเริ่มสงสัยแล้วว่านี่มันเรื่องอะไรกัน? เพราะเมื่อสักครู่เซียวเฉินเยวียนบอกว่าจะพาถังซือซือมาอธิบายเหตุผลกับเธอ แต่เขากลับพาผู้หญิงแปลกหน้ามาหา แล้วให้มาเรียกเธอว่าแม่แบบนี้ได้ยังไง?
นี่มันเรื่องอะไรกัน เขาหลอกใช้และทำร้ายความรู้สึกของซือซือเหรอ?
มันชักจะมากเกินไปแล้วนะ!
มู่ซูเสียนแสดงสีหน้าท่าทางเหมือนกับว่าเธอกำลังโกรธมาก ๆ เธอจ้องไปที่เขาแล้วพูดว่า “ไอ้คนโกหก ไอ้พวกชอบข่มเหงคนจน” ภายในใจ เธอรู้สึกคับแค้นใจกับชีวิต หลังจากที่ต้องดิ้นรนมาทำงานในเมืองหลวง และยังต้องทนต่อความยากลำบาก และตอนนี้เธอยังไม่สามารถปกป้องลูกสาวเพียงคนเดียวของตัวเองได้
สำหรับเซียวเฉินเยวียน เดิมทีเธอคิดว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษที่มีแนวโน้มว่าตรงไปตรงมา และยังดูเป็นชายหนุ่มนิสัยดี จนนาทีนี้เธอคิดว่าเขาใช้อำนาจและเม็ดเงินมากมายของตัวเองมาเล่นกับความรู้สึกของซือซือ เธอจึงคิดว่าตอนนี้ตัวเองกำลังถูกเขาปั่นหัวและหลอกลวง!
“คืนลูกฉันมา... ทำไม ทำไม! มาทำร้ายเราสองแม่ลูกเพื่ออะไร ฉันรู้ตัวดีว่าไม่สามารถต่อสู้หรือขัดขืนอะไรคุณได้ ฉันยอมรับตรงจุดนี้ดี”
“แต่ตอบฉันมาซะดี ๆ คุณเอาลูกสาวของฉันไปซ่อนไว้ ที่ไหน คืนลูกสาวฉันมาเดี๋ยวนี้นะ! ไม่อย่างนั้น... จะไม่มีวันเลิกตามตอแยคุณแน่ ฉันจะสู้กับคุณจนกว่าจะได้ลูกสาวคืน!”