บทที่ 11-12
บทที่ 11
หนูไม่ได้โกง
เริ่นเฉียงผู้คอยสนับสนุนพันหม่าลี่ เธอรีบเข้ามาพูดยกยอทันทีว่า
“หม่าลี่ ตอนนี้ไม่ว่าใครก็สู้เธอไม่ได้หรอก ฮ่าๆๆ ยังไงซะเธอก็เหนือกว่าผู้หญิงทุกคน”
เฉินเมิ่งอวี่ชำเลืองตามองทั้งสองคนด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ ก่อนจะหันกลับมามองถังซือซือที่กำลังนั่งนิ่งเงียบโดยไม่พูดจาอะไรสักคำ
แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็แอบขยิบตาให้กันอย่างลับ ๆ
เพราะสิ่งที่ทุกคนในมหาวิทยาลัยไม่รู้ก็คือ ถังซือซือกับเฉินเมิ่งอวี่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลายมานานแล้ว
สมัยถังซือซือเรียนอยู่ชั้นมัธยม เธอมีผลการเรียนอยู่ในอันดับต้น ๆ ของโรงเรียน มีน้อยคนนักในแผนกวรรณกรรมของหนานซานที่รู้เรื่องนี้
ในตอนนี้ รองศาสตราจารย์หยานเจ๋อเดินเข้าห้องสอบมาพร้อมกับกองกระดาษหนาเป็นคอนโด นักศึกษารอบ ๆ ห้องต่างแยกย้ายกลับไปยังที่นั่งเหมือนมดแตกฝูง ก่อนจะเริ่มมีการอธิบายกฎการสอบแล้วจึงเริ่มต้นขึ้น
“เริ่มการสอบได้”
เมื่อกระดาษข้อสอบถูกแจกให้แต่ละคน ถังซือซือรีบอ่านข้อสอบอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานก็มีคำตอบผุดขึ้นมาในหัวของเธอ
เธอเริ่มลงมือทำข้อสอบอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับเสียงของปากกาที่กำลังเขียนกระดาษจากทั่วทั้งห้อง
ขณะเดียวกันถังซือซือสังเกตว่าหยานเจ๋อกำลังจับตาดูเธอจากมุมหนึ่งของห้อง แต่เธอก็ได้ไม่สนใจท่าทีของเขา แล้วหันกลับมาก้มหน้าทำข้อสอบต่อไป
เธอคิดคำตอบได้รวดเร็วมาก ดังนั้นเวลาในการทำข้อสอบแต่ละข้อเธอจึงใช้เวลาไม่นานมากนัก
หยานเจ๋อเริ่มเพ่งมองถังซือซือมากขึ้น ก่อนจะย้ายเก้าอี้มานั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะของเธอ
ในตอนนี้เหมือนเขากำลังให้ความสนใจในตัวเธอเป็นพิเศษ
นักศึกษาที่มักจะดึงดูดความสนใจของอาจารย์ได้นั้นมีอยู่สองประเภทด้วยกัน หนึ่ง... ดีเกิน และสอง... คือไม่ได้เรื่อง
แต่เขาสัมผัสได้เลยว่า ถังซือซือคนนี้ไม่เหมือนกับ ถังซือซือคนก่อน
ถังซือซือจดจ่อกับการทำข้อสอบต่อไป โดยไม่ได้สังเกตท่าทีของหยานเจ๋อเลยว่าเขาสงบนิ่งมาก แล้วมองไปที่กระดาษข้อสอบของเธออย่างไม่ละสายตา
“กริ่ง กริ่ง กริ่ง...” เสียงสัญญาณบอกหมดเวลาดังขึ้น ถังซือซือส่งกระดาษข้อสอบแล้วกำลังจะออกจากห้องสอบ
“นักศึกษา ไปกับอาจารย์เดี๋ยวนี้” หยานเจ๋อรีบเก็บข้อสอบของทุกคนแล้วพาถังซือซือไปห้องพักอาจารย์ทันที
ภายในห้อง หลายคนยืนมองสถานการณ์ด้วยความแปลกใจ
ถังซือซือไม่ปฏิเสธอะไร แล้วเดินตามหยานเจ๋อไปที่ห้องพักอาจารย์อย่างเงียบ ๆ
เธอเดินตามไปด้วยท่าทีที่มั่นใจ และไม่มีความกังวล
เมื่อทุกคนเห็นเหตุการณ์นี้ พวกเขาก็เริ่มกระจายข่าวออกไป
“นังคางคกนั่นถูกรองศาสตราจารย์หยานเรียกให้ตามไป! ตอนนี้มันกำลังไปที่ห้องพักอาจารย์!”
“ฮ่าๆๆๆ! หยานเจ๋อเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องเจ้าระเบียบ! นี่ไม่ใช่เรื่องดีเลยนะถ้าถูกเขาเรียกตัวไป”
“น่าเสียดาย! ทำไมไม่ปล่อยให้นังคางคกโกง ๆ ไปล่ะ? จะได้เห็นวีรกรรมใหม่พันหม่าลี่ แต่ทุกคนคงรู้ว่านังคางคกจะสอบชิงทุนได้ยังไง? สมองแบบเธอคงมาได้เท่านี้แหละ”
“แต่การโกงก็คือการโกง ถูกจับได้คาหนังคาเขาแบบนี้ เธอมันโง่จริง ๆ!”
ห้องพักอาจารย์
หยานเจ๋อหยิบกระดาษข้อสอบของถังซือซือออกมา แล้วพูดขึ้นว่า
“คุณมีอะไรจะพูดไหม?”
ถังซือซือคาดเดาได้ว่าหยานเจ๋อกำลังคิดอะไรอยู่ เธอจึงเลือกตอบกลับด้วยท่าทีถ่อมตนไม่หยิ่งผยอง
“อาจารย์คะ หนูไม่ได้โกง”
เมื่อหยานเจ๋อพาตัวถังซือซือข้ามา อาจารย์คนอื่น ๆ ภายในก็ต่างมองด้วยความสงสัย เวลานี้ เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของเธอ พวกเขาก็รีบเดินเข้ามาหาเพื่อขอดูกระดาษข้อสอบในมือหยานเจ๋อทันที
อาจารย์ทุกคนเมื่อได้ดูกระดาษข้อสอบก็ยิ่งอดไม่ได้ที่จะแสดงความคิดเห็น
“นี่คือกระดาษข้อสอบของถังซือซือจริง ๆ เหรอ?”
“ไม่อยากจะเชื่อเลย! ปกติกระดาษข้อสอบของเธอจะมีแต่คำตอบที่เว้นว่างไว้นี่ ใคร ๆ ในห้องนี้ก็รู้กันทั้งนั้น”
“ไม่ใช่แค่ไม่มีคำตอบที่เว้นว่างเท่านั้น แต่ฉันดูอย่างละเอียดแล้ว แต่ทำไมฉันถึงไม่เห็นข้อไหนที่เธอตอบผิดเลย?”
“นี่เธอเขียนบทกวีตามคำบอกได้ถูกต้องทั้งหมด แถมยังไม่มีจุดไหนผิดเลยด้วยซ้ำ! บทกวีนี้มันเป็นระดับยอดนักกวีได้เลยนะ!”
หยานเจ๋อและถังซือซือยืนฟังความคิดเห็นทุกคำทุกประโยคของอาจารย์ทุกคนภายในห้องอย่างไม่ขาดสาย
บทที่ 12
แสดงความแข็งแกร่ง
หยานเจ๋อยังคงนั่งนิ่งเงียบแล้วมองถังซือซือด้วยความสงสัย
ถังซือซือเพิ่มระดับเสียง ก่อนพูดเสียงดังขึ้นอีกครั้งว่า “อาจารย์คะ หนูไม่ได้โกงจริง ๆ ค่ะ”
อาจารย์ทุกคนที่กำลังอ่านข้อสอบของเธอ ทุกคนหยุดอ่านในทันทีแล้วหันไปมองถังซือซือ
อาจารย์บางคนสังเกตเห็นจุดผิดปกติได้ ว่าถังซือซือคนนี้ ทำไมถึงดูเปลี่ยนไปจากเดิมมาก?
แต่ทุกคนไม่สามารถบอกได้ว่ามีอะไรแตกต่างไปจากเดิม เพราะถังซือซือในอดีตนั้น ทุกครั้งที่พวกเขาพบเธอ ถังซือซือจะชอบยืนหลังค่อม แล้วไม่ชอบเงยหน้าขึ้นมามองกับคนที่สนทนาด้วย รวมไปถึงหน้าม้าอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอ เพราะเธอจะใช้หน้าม้าปิดหน้าตัวเองอยู่ตลอดเวลา เมื่อเธอพูดอะไรขึ้นมา เสียงก็ดูเหมือนคนพูดไม่รู้เรื่อง พูดตะกุกตะกัก ซึ่งตอนนี้มันต่างจากเดิมมากเพราะเธอเปิดหน้าม้าขึ้น แล้วพูดเสียงดังฟังชัดด้วยความมั่นใจ
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ก็มีอาจารย์บางคนสังเกตเห็นความผิดปกติของเธอได้เช่นกัน
ผ่านไปครู่หนึ่ง หยานเจ๋อพูดขึ้นด้วยความสบายใจว่า
“ถังซือซือ อาจารย์ไม่ได้จะบอกว่าคุณโกงหรอกนะ แต่ในที่สุดคุณก็กล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง อาจารย์พูดถูกใช่ไหม?”
เมื่อประโยคนี้ดังออกมา อาจารย์ทุกคนรวมถึงถังซือซือก็ต่างแปลกใจ
หยานเจ๋อเห็นถังซือซือไม่ตอบกลับมา เขาจึงหันกลับไปเปิดห้องเก็บของ
ตู้เก็บเอกสาร เขาเปิดหาเอกสารบางอย่าง หลังจากนั้น เขาเดินกลับมาพร้อมกับกระดาษประมาณสองถึงสามแผ่น
“มาดูสิ นี่คือกระดาษข้อสอบของคุณ ตั้งแต่ชั้นปีที่หนึ่งถึงสาม บอกอาจารย์ซิว่าคุณเห็นอะไรบ้าง?”
อาจารย์ทุกคนรวมถึงถังซือซือ พวกเขาเข้ามาดูกระดาษข้อสอบจากหยานเจ๋อ แล้วตรวจสอบดูทีละแผ่น
ถังซือซือตกใจและแปลกใจไปพร้อมกัน
“กระดาษข้อสอบนี่... มันเว้นว่างไว้เยอะมาก! หยานเจ๋อ คุณพยายามจะอธิบายอะไรเหรอ?”
“ฉันก็คิดเหมือนคุณนะว่ามันหมายถึงอะไร...”
หยานเจ๋อนิ่งเงียบ และไม่ยอมอธิบายในทันที
ในที่สุดอาจารย์คนหนึ่งก็พูดขึ้นว่า
“ฉันเห็นแล้วว่า กระดาษข้อสอบทั้งหมดของถังซือซือ ถ้าดูคำตอบอื่นแต่ยกเว้นในส่วนที่เว้นว่างไว้ เธอตอบได้ดีมากเลยนะ”
เมื่ออาจารย์คนอื่น ๆ ได้ยิน พวกเขาก็หันมาให้ความสนใจกับคำถามที่ถังซือซือตอบ
“พออ่านแล้ว คำตอบมันดูเป็นระเบียบมาก ทั้งยังมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้อีกด้วย”
“แล้วทุกคำถามที่เธอตอบไป ได้รับคะแนนเต็มสำหรับคำถามนั้นทุกข้อ”
“นี่มันไม่เหมือนคำตอบของนักศึกษาในอันดับท้าย ๆ เลยนะ”
“ฉันเชื่อเลยว่านักศึกษาที่สอบเข้าหนานซานได้ต้องมีความสามารถพิเศษบางอย่าง”
ความจริงแล้ว มหาวิทยาลัยนี้ไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องเกรดมากนัก เช่นเดียวกับถังซือซือ เธออยู่อันดับท้ายสุดของการสอบทุกครั้ง นอกจากนี้ เธอยังไม่มีผลงานโดดเด่นอะไรเลยหลังจากเข้าเรียนมาได้สามปี แต่อาจารย์หลายคนนั้นจัดประเภทให้เธออยู่ในประเภทการเรียนรู้ช้า และความสามารถน้อย
“ไม่เคยคิดเลยว่าถังซือซือจะ...”
เมื่อหยานเจ๋อเห็นทุกคนขมวดคิ้ว เขาจึงหันมาหา ถังซือซือแล้วพูดขึ้นว่า
“ไม่ว่าคุณจะต้องทนทุกข์ทรมานกับอดีตมากแค่ไหน คุณเลือกจะยอมแพ้ให้กับตัวเองตลอด แต่ตอนนี้ไม่แล้ว คุณเลือกที่จะแสดงความแข็งแกร่งจริง ๆ ของตัวเองออกมา แล้วอาจารย์เองก็มีความสุขมากที่ได้เห็น อาจารย์หวังว่าคุณจะรักษาหัวใจที่สู้สุดตัวนี้ไว้ รักษาและใช้มันจนกว่าจะสำเร็จการศึกษานะถังซือซือ”
“แล้วอย่าลืมตัวตนของตัวเองล่ะ คุณเป็นถึงวัยรุ่นยอดนักกวีสุดเก่งกาจคนหนึ่งจากเมือง F เลยนะ”
หลังจากหยานเจ๋อพูดจบ ดวงตาของถังซือซือก็พลันสว่างขึ้นทันทีเหมือนกับไฟที่กำลังลุกโชน
อาจารย์รอบข้างต่างแสดงความประหลาดใจออกมา “ทำเป็นเล่นไป?”
“อาจารย์จำได้ว่าคุณเลือกอาจารย์เป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์จบการศึกษา หวังว่าคุณจะเขียนออกมาได้ดีแล้วไม่ทำให้อาจารย์ผิดหวังนะ”
“ค่ะ อาจารย์หยาน”
ถังซือซือเดินออกมาจากห้องพักอาจารย์ด้วยรอยยิ้ม เล็ก ๆ บนใบหน้าของเธอ
“นี่ฉันกำลังเห็นอะไรอยู่เนี่ย? นี่มันบ้าไปแล้ว! นังคางคกนั่นกำลังยิ้มเหรอ?”
“หยานเจ๋อคุยอะไรกับมัน? นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันเห็นคนเดินออกมาจากห้องพักอาจารย์ด้วยรอยยิ้ม”