บทที่ 109-110
บทที่ 109
ฉันไม่เคยโกรธเลยสักครั้ง
“เธอทำให้ฉันประหลาดใจจริง ๆ! ไม่น่าเชื่อเลยว่าปรับลุคแค่นิดหน่อยจะสวยขนาดนี้”
ถังซือซือเดินวนรอบตัวถงโยวโยวช้า ๆ ภาพตรงหน้าเป็นสิ่งน่าเหลือเชื่อสำหรับเธอมาก เมื่อเทียบกับหญิงสาวคนนี้กับ ถงโยวโยวในวันก่อน
ได้ผลแน่ รอให้กันเยว๋ได้มาเห็นเธอในลุคนี้ รับรองว่าจะต้องเสียดายจนพูดไม่ออก!
ผ่านไปไม่ถึงนาที รถเก๋งหรูหราสีขาวขับเข้ามาจอดในลานจอดรถ คนขับคือกันเยว๋ นอกจากนี้ที่นั่งที่เหลือยังมีหญิงสาวซึ่งแต่งหน้าสไตล์อ่อนหวานนั่งอยู่ข้าง ๆ
นี่ถึงขั้นพาตงเม่ยกับเพื่อนสาวมาเยาะเย้ยกันแบบนี้เลยเหรอ?
ดูเหมือนว่ากันเยว๋ต้องการเยาะเย้ยถงโยวโยวจริง ๆ เขาถึงได้พาชู้สาวและเพื่อนผู้หญิงอีกสามคนมาด้วย
เมื่อกันเยว๋เห็นพวกเธอทั้งสองคน หลังจากจอดรถแล้ว ต่อหน้าถงโยวโยว เขายกมือขึ้นลูบหัวของตงเม่ยแล้วหอมแก้มอย่างดูดดื่ม หลังจากนั้นเขาก็หยิบกระดาษฉบับหนึ่งออกมาแล้วเดินลงจากรถ
พอถงโยวโยวได้เห็นการกระทำของผู้ชายเจ้าชู้คนนี้ หัวใจของถงโยวโยวเหมือนถูกบีบรัด แต่ไม่นานก็กลับมาสงบอย่างรวดเร็ว
เธอเริ่มทำใจได้ในระดับหนึ่ง พอได้เห็นเขาพาตงเม่ยมาด้วย มันยิ่งทำให้เธอมั่นใจในสิ่งที่ได้ตัดสินใจไว้
ทั้งสองยังคงแสดงท่าทีเรียบเฉย มองดูผู้ชายเจ้าชู้กำลังเดินมาหาพร้อมกับสีหน้าเจ้าเล่ห์
พอกันเยว๋เดินมาใกล้พวกเธอ ถังซือซือสังเกตว่าดวงตาของเขาโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เหมือนเขากำลังรู้สึกประหลาดใจจนเก็บสีหน้าท่าทางไม่อยู่
ตกใจน่ะสิ ที่เห็นน้องสาวของฉันสวยขนาดนี้
ไม่คิดเลยนะเนี่ยว่าผู้ชายเจ้าชู้อย่างกันเยว๋ จะถูกผู้หญิงติดเรียนหน้าตาธรรมดาทำให้ตะลึงจนตาค้างได้ ถงโยวโยวโดนนายดูถูกมาตลอด นายมันเลว ย่ำยีความรู้สึกผู้หญิง ตอนนี้กลายเป็นไก่ตาแตกไปซะแล้ว
ขณะนั้นกันเยว๋ก็นึกถึงวลีที่ว่า ‘ฝ่ายผิดจะฟ้องเหยื่อก่อนจะถูกฟ้องเสียเอง’* ดังก้องอยู่ในหัว ในตอนนี้เขาเริ่มมีความรู้สึกเสียดาย แต่อีกใจหนึ่งก็พยายามข่มความรู้สึกนั้นไว้
* ฝ่ายผิดจะฟ้องเหยื่อก่อนจะถูกฟ้องเสียเอง = รู้ว่าผิด แต่ชิงลงมือก่อน
ไม่ๆๆ ตงเม่ยสวยกว่าตั้งเยอะและฉันพอใจที่ได้คบกับเธอ ไม่เปลี่ยนใจหรอก...
กันเยว๋ทิ้งกระดาษในมือลงไปกองกับพื้นอย่างหน้าตาเฉย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงไม่ดีว่า
“ถงโยวโยว เราต้องคุยกัน ฉันขอให้เธอช่วยเขียนวิทยานิพนธ์ให้ แต่เธอดันก๊อบงานของใครก็ไม่รู้มาให้ฉัน!สะใจเธอมากใช่ไหมที่ทำให้ฉันถูกอาจารย์ต่อว่า เสียแรงที่อุตส่าห์ไว้ใจ ไหงมาทำงานชุ่ย ๆ ให้กันได้!”
เป็นผู้ชายที่ชั่วร้ายอะไรแบบนี้ ตัวเองทำผิดกับถงโยวโยวก่อนแท้ ๆ แต่กลับมาโทษว่าเป็นความผิดของเธอเสียอย่างนั้น
ลูกผู้ชายมากมั้ง?
นี่เป็นเรื่องตลกที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาเลยนะเนี่ย
ถงโยวโยวเบะปากแล้วยิ้มเยาะเย้ยใส่กันเยว๋ เพราะคำพูดของถังซือซือคราวก่อน จึงทำให้เธอทำใจรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่าย
“ก็นายไม่ได้บอกนี่ว่าต้องเป็นงานที่เขียนขึ้นเองเท่านั้น ห้ามเป็นงานก๊อบ”
“ฉันไม่รู้ซะหน่อยว่าต้องเป็นงานที่เขียนขึ้นเอง? เรื่องนี้ฉันเข้าใจผิดเองแหละ ขอโทษด้วย! ก่อนหน้านี้นายก็ไม่เห็นจะเอะใจเลยนี่ ความจริงแล้วงานนี้เสิร์ชหาในอินเทอร์เน็ตก็ขึ้นแล้ว”
อาจารย์ที่ปรึกษาของฉันตรวจวิทยานิพนธ์อย่างอารมณ์เสีย! เพราะมันเป็นงานเขียนของคนอื่นทั้งหมด! จะเช็กในอินเทอร์เน็ตกี่รอบก็ไม่มีตรงไหนแตกต่าง! ถงโยวโยว ทำไมถึงทำกับฉันแบบนี้? เธอไม่ได้รักและเคารพฉันแล้วรึไง?
เขายังคงแน่ใจว่าถงโยวโยวยังไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับตงเม่ย
เมื่อมองไปที่ถงโยวโยวที่เคยผูกพันกันมานาน เขาไม่เข้าใจเลยว่าเธอถึงทำกับเขาแบบนี้ ทำไมหญิงสาวใสซื่อที่เคยยอมทำตามเขาทุกอย่างถึงทำสิ่งเลวร้ายกับเขาได้ลงคอ?
เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากอาจารย์ที่ปรึกษา และขู่ว่าจะไม่ให้สำเร็จการศึกษาในปีนี้ หากเขาไม่สามารถเขียนวิทยานิพนธ์เล่มใหม่มาส่ง!
กันเยว๋แสดงสีหน้าโกรธจัดแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
แต่อีกใจหนึ่งลึก ๆ เมื่อมองหญิงสาวสี่ตาคนนี้ที่มักจะแต่งตัวธรรมดา แต่วันนี้กลับดูสดใสสวยงาม ทั้งหมดนี้เธอต้องการจะหยามหน้ากันรึเปล่า? หรือจงใจทำเพื่อให้เขารู้สึกเสียดาย?
ตอนนี้เขาเริ่มสับสนมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาเล่นกับความรู้สึกของถงโยวโยวและเป็นฝ่ายได้เปรียบมาตลอด แล้วตอนนี้ทำไมกลับกลายเป็นเขาเองที่เสียเปรียบ?
ถึงแม้จะสับสน แต่ความรู้สึกโกรธก็ทวีขึ้นเช่นกัน
เพราะเขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่า คนที่ยอมทำตามคำสั่งและหลอกใช้ได้ง่ายแบบนี้ จะหันกลับมาทำร้ายตัวเองได้
เมื่อหันหลังไปมองตงเม่ยที่กำลังแสดงสีหน้าบูดบึ้งอยู่ เขารู้สึกอับอายและต้องทำอะไรสักอย่าง จึงยกมือขึ้นเพื่อเตรียมตบหน้าถงโยวโยว
“ผัวะ!”
“อ๊ะ...”
คำอุทานเมื่อครู่ไม่ใช่เสียงของถงโยวโยว แต่เป็นเสียงร้องของกันเยว๋ที่เพิ่งถูกตบหน้า
“ตบสวยมาก!”
ถังซือซือชื่นชมพร้อมกับแสดงสีหน้าตกตะลึง พอได้สติ เธอก็ยกนิ้วโป้งให้กับถงโยวโยว ตอนนี้ถงโยวโยวมีท่าทีเด็ดขาดขึ้นมาก ฝ่ามือข้างนั้นยังคงสั่นเพราะการตบหน้าเมื่อครู่
บทที่ 110
ตบผู้หญิงทั้งที่ตัวเองผิด
เพียงอึดใจเดียว คางของกันเยว๋ได้ลิ้มรสหมัดอัปเปอร์คัทของถงโยวโยวเข้าอย่างจัง เขาถึงกับเอนตัวไปข้างหลัง ด้วยความตกใจสุดขีด จนสูญเสียการทรงตัว
ภาพตรงหน้าเหลือเชื่อเกินไป... คงไม่มีใครคาดคิดว่า ถงโยวโยวจะทำแบบนี้ ไม่แปลกเลยที่ทุกคนในเหตุการณ์พากันตกตะลึง
เจ็บชะมัด…
กันเยว๋ยกมือขึ้นมาลูบคาง ก่อนชี้นิ้วไปที่ถงโยวโยวค้างเอาไว้
เดี๋ยว ๆ…
เธอ... ใช่คน... ใช่คนเดียวกันกับที่ฉันรู้จักจริง ๆ เหรอ?
เป็นไป... เป็นไปไม่ได้เรื่องแบบนี้!
ทำไมกัน?
คนอย่างเธอกล้าทำร้ายฉันเนี่ยนะ!
กันเยว๋อ้าปากค้างเล็กน้อย ที่คางเริ่มมีรอยช้ำสีแดง อ่อน ๆ หลังจากโดนหมัดของถงโยวโยวเข้าเต็มแรง นี่เป็นเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงสำหรับเขา
“ยะ... โยวโยว เธอต้องฟะ... ฟังฉันก่อน... เราไม่ควรจบแบบ...”
กันเยว๋พยายามพูดอย่างลำบากขณะคางของเขาเริ่มมีอาการปวด ดวงตาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ความรู้สึกโกรธก่อตัวมากขึ้นจนอยากจะเอาคืนถงโยวโยวให้ได้
ผู้หญิงคนนี้... คิดว่าตัวเองเก่งมาจากไหนกัน?
ทั้งหมดนี้เธอวางแผนไว้ตั้งแต่แรกสินะ? อยากทำให้ฉันเป็นคนโง่ต่อหน้าเธองั้นเหรอ?
ถงโยวโยวรู้สึกสมเพชเมื่อเห็นสภาพของกันเยว๋ ถึงเขาจะโดนหมัดของเธอไป แต่ก็ดูเหมือนจะไม่สำนึกเลย เธอจึงพูดขึ้นมาว่า
“วิทยานิพนธ์นั่น ฉันเป็นคนเขียนก็จริง แต่นายไม่สนใจมันเอง! ตอนแรกฉันเขียนวิทยานิพนธ์ด้วยตัวเองไว้ให้นายอยู่แล้ว แต่แล้วก็มาตาสว่างได้ทันเวลา ฉันถึงเปลี่ยนใจก๊อบงานอื่นให้แทน”
ถงโยวโยวพูดจบ ก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วหันหน้าจอไปให้กันเยว๋ดู สีหน้าของเขาตกตะลึงทันที
“ฟังให้ชัดนะกันเยว๋ ฉันไม่สนใจหรอกว่านายจะคบกับฉันต่อหรือเปล่า ฉันช่วยเขียนวิทยานิพนธ์ ฉันต้องทนปวดตาปวดหัวทุกวัน ถึงอย่างนั้นก็อุตส่าห์ทำจนเสร็จ แต่วันนั้นฉันได้ไปเห็นภาพบาดตาตรงลานจอดรถเข้า ฉันเลยตัดสินใจลบวิทยานิพนธ์อันแรกทิ้งซะ วันนี้นายยังคิดจะเอาเปรียบฉัน กล่าวหาว่าฉันเป็นฝ่ายผิดอีก นายทำตัวได้ทุเรศที่สุด คิดจะตบหน้าผู้หญิงทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นฝ่ายผิดงั้นเหรอ”
กันเยว๋อ้ำอึ้งพูดอะไรไม่ออก ก่อนรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำลายที่ไหลออกมาเพราะอาการปวดคาง ขณะที่ดูรูปในโทรศัพท์ของถงโยวโยว หลังจากฟังเธอพูดจบ เขาก็เริ่มคิดหาวิธีแก้ไขสถานการณ์นี้เพื่อไม่ให้ตัวเองเสียเปรียบ
มาที่ลานจอดรถตอนไหน?
แต่ก็ช่างเถอะ...
เฮ้อ เราคงกลับไปแก้ไขไม่ได้ ประมาทเกินไปหน่อย! ไม่คิดเลยว่าจะมาเห็นอะไรแบบนั้น...
แต่ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้ตงเม่ยก็ยังอยู่ในกำมือเรา ในเมื่อถงโยวโยวรู้ความจริงแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์ที่ต้องแสร้งทำเป็นรักเธออีก
กันเยว๋ยกมือขึ้นมานวดคางเบา ๆ ดวงตาของเขาแสดงถึงความเยาะเย้ยและดูถูก ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า
“ในเมื่อเธอรู้เรื่องนี้แล้ว ฉันก็จะบอกความจริงอะไรให้ ถงโยวโยว เธอควรส่องกระจกดูบ้างนะ ปกติแล้วเธอหน้าตาแย่ขนาดไหน ถ้าไม่แต่งหน้าก็ดูเหมือนคนใช้บ้านนอก! ไม่ได้มีความเป็นผู้หญิงเลย!”
ผู้ชายคนไหนจะมาชอบผู้หญิงอย่างเธอ? ยังไงฉันก็ไม่ยอมจมปลักอยู่กับเธอหรอก คนอย่างฉันมันต้องคู่กับผู้หญิงที่ดีพอเท่านั้น ผู้หญิงไม่สวยแบบเธอจะเอาไปเทียบกับใครได้?
วันนี้คงเป็นเรื่องยากสำหรับเธอสินะ อุตส่าห์แต่งตัวสวยขึ้นมา แต่ผ้าขี้ริ้วก็ยังคงเป็นผ้าขี้ริ้ววันยังค่ำ แค่ทำตัวให้ดีขึ้นมันเป็นเรื่องยากสำหรับเธออยู่แล้ว คิดว่าฉันจะเสียดายที่ต้องเสียเธอไปงั้นเหรอ? หลงตัวเองเกินไปแล้ว พูดตรง ๆ เลย! ไหนจะเรื่องฐานะที่ยากจนอีก ชาตินี้คงไม่มีวันสบายกับใครเขา ในเมื่อไม่มีเงินให้ฉัน ก็เป็นได้แค่ขี้ข้านี่แหละ! ฉันเสียดายเวลาเลยที่คิดหลอกคบกับเธอตั้งแต่แรก! และไม่รู้สึกผิดด้วยที่ทำแบบนี้!
ครอบครัวของฉันมีลูกชายเพียงคนเดียว และพวกเขาก็อยากให้ฉันมีฐานะร่ำรวย คงไม่มายอมทนลำบากกับผู้หญิงยากจนแบบเธอแน่นอน ดูตงเม่ยของฉันสิ ทั้งหอม ทั้งสวย ทั้งยั่วยวน แถมยังมีธุรกิจครอบครัวที่มั่นคงและทำเงินได้มหาศาล มีห้องดี ๆ ให้ซุกหัวนอน มีของใช้ดี ๆ ให้ใช้สอย! แถมยังมีรถหรูอีกตั้งสองคันแหนะ!
“พอย้อนมาดูเธอแล้ว ถึงจะใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวง แต่ครอบครัวก็ไม่ได้มีดีอะไร ถามหน่อย ใครจะปักใจรักได้ลงล่ะ? ทุกวันนี้ยังต้องแบกร่างไปทำงานในร้านของยัยหน้าตาน่าเกลียดคนนี้อีก! ฉันอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้ว! แต่ก็เหมาะกันดี เพราะจนทั้งคู่ ทีนี้ก็ปล่อยผู้ชายดี ๆ อย่างฉันไปเถอะ พร้อมกับวิทยานิพนธ์เล่มใหม่!”
ทันใดนั้นกรามของเขาเคล็ดไปชั่วขณะ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็สามารถทนต่อความเจ็บปวดแล้วพล่ามคำดูถูกออกมานับไม่ถ้วน ซึ่งทุกคำนั้นล้วนแต่ส่งผลรุนแรงต่อจิตใจคนฟังทั้งนั้น
ถงโยวโยวรู้สึกเสียใจ หลังจากนั้นจึงหันหน้าไปหา ถังซือซือด้วยสีหน้ารู้สึกผิด ที่ทำให้เธอต้องมาได้ยินคำดูถูกจากปากผู้ชายคนนี้โดยตรง
แต่ถังซือซือไม่ได้ใส่ใจคำพูดพวกนั้น ก่อนจะส่ายหัวเป็นการตอบกลับ