ตอนที่แล้วตอนที่ 77 การขยายพันธุ์อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 79 หนทางสู่ระดับ 7

ตอนที่ 78 ผู้ลี้ภัย


ตอนที่ 78 ผู้ลี้ภัย

หลิน ยู พลิกตัวกระโดดลงจากหลังของ มูรันชิ

เมื่อเหล่าผู้ลี้ภัยที่รวมตัวกัน เห็นมูรันชิที่ดุร้ายอยู่ข้างๆเขา พวกเขาทั้งหมดก็พากันเบียดอยู่ที่มุม ด้วยความหวาดกลัวจนตัวสั่น

เซียว ฉางกุ้ย อธิบายว่า : "ผมได้ยินมาว่าราชันที่เพิ่งมาถึงเมืองซวนเย่ ได้ขัดแย้งกับเจ้าเมืองคนเก่า จึงเกิดการต่อสู้ขึ้น พวกเขาทั้งหมดได้รับกระทบจากการต่อสู้จึงได้หนีออกมาที่นี้"

"เริ่มการต่อสู้งั้นเหรอ?" หลิน ยู ขมวดคิ้วทันที

"ใช่แล้ว ขอรับ" เซียว ฉางกุ้ย ตอบกลับ

"ผมเคยได้พบกับเจ้าเมืองซวนเย่ เขาเป็นคนที่มีอำนาจมากมีผู้คนที่มีความสามารถติดตามเขา เขาปกครองเมืองซวนเย่มานานหลายปี คาดว่านี้จึงทำให้เขาไม่เต็มใจที่มอบเมืองซวนเย่ให้กับราชันที่เพิ่งมาใหม่"

"มีอะไรอีกไหม"

หลิน ยู ประหลาดใจ

เขารู้ว่าเจ้าเมืองซวนเย่ เป็นผู้ฝึกตน แต่เขาไม่ได้คิดว่าจะแข็งแกร่งขนาดพอที่จะปะทะกับราชันระดับ 6 ที่เพิ่งมาใหม่ได้

ยิ่งไปกว่า ดูเหมือนจากการที่เขาครองตำแหน่งเจ้าเมือง ซวนเย่ มานานหลายปี เขาคงได้มีกองกำลังมากมายที่ภายใต้เขา เห็นได้ชัดเลยว่ามันไม่ง่ายเลยที่ราชันหน้าใหม่ผู้นี้จะยึกอำนาจไปจากเขาได้

ราชันหน้าใหม่นี้โชคร้ายชะมัด

แถมจะเป็นช่วงที่เขาเพิ่งลงมายังทวีปดึกดำบรรพ์ยังไม่มีโอกาศในการปรับตัว

ถ้าเป็นอย่างนี้ เขาน่าจะหาผลประโยชน์ได้จากเรื่องในครั้งนี้

ดวงตาของ หลิน ยู เปล่งประกายขึ้น

ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดแผนการอยู่นั้น เหล่าผู้ลี้ภัยหลายคนก็ออกมาจากกลุ่มของเขาคุกเข่าและร้องอ้อนวอนออกมา

"นายท่าน ข้าขอให้ท่านเมตตา ขอพวกเราอยู่ที่นี้ด้วยเถอะ จะให้พวกเราทำอะไรก็ได้ ตราบใดที่จะมีอาหารให้กิน"

"ข้าขอร้องละนายท่านได้โปรดรับพวกเราไว้ด้วยเถอะ พวกเราไม่มีที่อื่นให้ไปอีกแล้ว"

"เราสัญญาว่าจะไม่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวาย"

ผู้ลี้ภัย 2 3 คนร้องไห้หมอบกราบเขา

แม้แต่ผู้ลี้ภัยคนอื่นๆ ก็เริ่มคุกเข่าลง คำอ้อนวอนของพวกเขามีมากขึ้นเรื่อยๆ

ดูเหมือนว่าพวกเขากลัวว่า หลิน ยู จะขับไล่พวกเขาออกไป

สุดท้าย หากพวกเขาถูกขับไล่ออกจากเมืองหวงซา มันจะเหลือเพียงแค่ทะเลทรายโกบีเท่านั้น ซึ่งที่นั้นเต็มไปด้วยมอนสเตอร์ มันมีเพียงทางตันเท่านั้น

หลิน ยู อยากรู้ว่าพวกเขามาที่นี้ได้ยังไงกัน เขาจึงถาม "ระยะห่างระหว่างที่นี้ กับเมืองซวนเย่ ไม่ใช่ใกล้ๆ น่าจะมีมอนสเตอร์อยู่ระหว่างทางมากมาย แล้วพวกคุณมาถึงที่นี้ได้ยังไงกัน"

"นี้มัน..."

เหล่าผู้ลี้ภัยหยุดการเคลื่อนไหวไปชั่วขณะและหันไปมองที่ชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าเย็นชาท่ามกลางฝูงชน

เมื่อชายคนนั้นรู้สึกตัว เขาก็หยุดซ่อนตัวทันที ลุกขึ้นและค่อยๆเดินมาหาหลิน ยู โค้งคำนับลง

"เป็นข้าเองขอรับนายท่านที่ช่วยเหลือพวกเขา"

"คุณคือ...."

หลิน ยู มองไปยังชายคนนั้นความสงสัยปรากฏอยู่ในดวงตาของเขา

เขารู้สึกได้อย่างเบาบางว่าเขามีออร่าบางอย่างที่แตกต่างจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง ทรงพลังและสงบนิ่ง

จากนั้นเขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงถามขึ้น "คุณคงจะเป็นผู้ฝึกตนใช่ไหม?"

"เรียนนายท่าน ใช่แล้ว แต่ความแข็งแกร่งของข้าน้อยนั้นต่ำมาก เพียงแค่ระดับ 5 เท่านั้น" ชายคนนั้นโค้งคำนับหลิน ยู อีกครั้ง

ผู้ฝึกตนระดับ 5

หลิน ยู รู้สึกประหลาดใจจริงๆ

เขาไม่คาดคิดว่าจะได้พบผู้ฝึกตนภายใต้สถานการณ์แบบนี้

เขาถาม "คุณชื่ออะไร? ด้วยความแข็งแกร่งของคุณ ไม่น่าจะถูกลดสถานะมาเป็นผู้ลี้ภัยใช่ไหม"

"เรียนนายท่าน" ชายคนนั้นก้มหัวลงอีกครั้ง "ข้าชื่อ เหว่ย กัง ข้านั้นไม่ชอบความเผด็จการของเจ้าเมือง ซวนเ เย่ นั้นจึงทำให้ข้าหลบหนีออกมาจากเมือง ซวน เย่ พร้อมกับผู้ลี้ภัย"

หลังจากฟังคำตอบของเขา เขานั้นถ่อมตัวทั้งเงียบขรึม ไม่มีความเย่อหยิ่งอยู่เลย

นี้ทำให้ หลิน ยู ประทับใจเขามาก

จากการที่เขาปกป้องผู้ลี้ภัย ชายที่ชื่อ เหว่ย กัง คนนี้หาเห็นใจทีเดียว

หลิน ยู ย่อมไม่ละทิ้งคนที่มีความสามารถ

เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "เหว่ย กัง เนื่องจากคุณเป็นคนที่แข็งแกร่ง คุณสนใจที่จะทำงานกับฉันไหม ฉันมีความคิดว่าจะจัดตั้งหน่วยรักษาความปลอดภัยเมืองหวงซา แต่ตอนนี้ยังขาดผู้นำอยู่"

หลิน ยู ตัดสินใจเรื่องนี้หลังจากคิดอย่างถี่ถ้วนดีแล้ว

ตอนนี้เมืองหวงซาเริ่มที่จะพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น แต่เขายังไม่มีหน่วยรักษาความปลอดภัยในการรักษาความสงบภายในเมือง

รักษาความปลอดภัยที่นี้?

ด้วยการปรากฏขึ้นของ เหว่ยกัง นั้นสามารถช่วยแก้ปัญหาให้เขาได้ในทันที ดังนั้นเขาจึงเสนอเรื่องนี้ขึ้นมา

เหว่ย กัง ไม่คาดคิดว่า หลิน ยู เชิญเขาโดยตรงแบบนี้

เมื่อเห็นความจริงใจของ หลิน ยู ที่ดูไม่เสแสร้ง ทันใดนั้นเขาก็ทำท่าทางเคร่ดขรึมและตอบกลับมา "หากนายท่านประสงค์ ข้าน้อยจะทำให้ดีที่สุดขอรับ"

"ดีมาก งั้นจากนี้ไป คุณคือหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยแห่งเมืองหวงซา"

หลิน ยู พอใจกับคำตอบของเหว่ยกังมาก

ด้วยการเขาร่วมของผู้ฝึนตนระดับ 5 การป้องกันเมือง หวงซา ก็จะปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ถ้าเป็นไปได้ฉันจะให้เขาช่วยฝึกเด็กๆเหล่านั้น บางทีเราอาจจะได้ต้นกล้าดีๆซัก 2 3 ต้น

หลังจากที่พูดคุยเสร็จ ผู้ลี้ภัยก็ถูกส่งมอบให้ เซียว ฉางกุ้ย ไปจัดการ

ในตอนนี้เมืองหวงซากำลังต้องการกำลังคน ดังนั้นหลิน ยู จึงไม่ขับไล่คนเหล่านี้ออกไป

ในขณะเดียวกัน เขายังได้ทำ เหว่ย กัง มาด้วยเพื่อสอบถามเกี่ยวสถานการณ์ของเมืองซวนเย่

ด้วยคำถามง่ายๆ

ในปัจจุบันเมืองซวนเย่ตอนนี้ได้ถูกแบ่งออกเป็นฝ่าย

ฝ่ายหนึ่งคือเจ้าเมืองคนเก่าเป็นฝ่ายขั้วอำนาจเก่าผู้นำเหล่าผู้ฝึกตน

อีกฝั่งคือราชันหน้าใหม่ที่เพิ่งมาถึง รวมกับชาวเมืองที่ไม่ชอบเจ้าเมืองคนเก่ากับทหารป้องกันเมืองบางส่วน

ทั้ง 2 ฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือดภายในเมืองซวนเย่ ใครชนะก็จะได้เป็นเจ้าครองเมือง

ผู้คนในเมืองซวนเย่ ต่างพากันวิ่งหนีตายออกมา

ถ้าอย่างนั้นคุณรู้ไหมว่าแต่ละฝ่ายมีทหารระดับ 6 เท่าไรกัน

หลังจากคำอธิบายของ เหว่ย กัง หลิน ยู ก็อดไม่ได้ที่จะตัดเข้าคำถามสำคัญทันที

เหว่ย กัง แสดงความภักดีออกมาทันทีบอกทุกอย่างที่เขารู้ทั้งหมด "เรียนนายท่าน ฝั่งเจ้าเมืองเก่าน่าจะผู้ฝนตนระดับ 6 อยู่ประมาณ 50 คน ขอรับ"

"ส่วนราชันที่เพิ่งมาถึงคนนั้นจะมีทหารระดับ 6 เพียงโหลเดียว แต่ก็มีผู้ฝึกตนจำนวนหนึ่งให้การสนับสนุนเขาอยู่ พวกของเขาไม่น้อยไปกว่าเจ้าเมืองคนเก่าเลย"

"เยอะขนาดนั้นเชียว?"

หลิน ยู รู้สึกอิจฉาเล็กน้อย

ราชันหน้าใหม่นี้มีผู้สนับสนุนเขาจำนวนมากขนาดนี้ในช่วงแรก

เมื่อมองย้อนกลับมาที่เขา มันมีเพียงเมืองร้างๆ เมืองหนึ่ง ไม่ต้องพูดถึงผู้ฝึกตน แม้แต่ชาวเมืองก็แทบจะไม่เหลือแล้ว

ข้อได้เปรียบเพียงอย่างเดียว คือเขาไม่ต้องต่อสู้กับขุมอำนาจเก่าที่ปกครองเมืองอยู่ ซึ่งมันช่วยประหยัดแรงเขาไปได้เยอะเลยทีเดียว

จากสถานกาณ์ในปัจจุบันของเมืองซวนเย่ หากเขาเข้าไปแทรกแซง เขาอาจก่อให้เกิดความเกียจชังต่อทั้ง 2 ฝ่าย ถูกมองว่าเป็นภัยคุมครามและโดนโจมตีจากทั้ง 2 ฝ่าย

แน่นอนว่าตอนนี้เขายังต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อความแข็งแกร่งโดยรวม

ดังนั้นด้วยความแข็งแกร่งของทั้ง 2 ฝ่าย พวกเขาคงยุ่งอยู่กับการต่อสู้ จนไม่มีเวลามาคิดถึงเขา

เมื่อถึงตอนนั้นที่ทั้งคู่ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก เขาก็คงพัฒนาไปไกลแล้ว มันไม่สายเกินไปที่จะแทรกแซงสถานการณ์ภายในเมืองซวนเย่

เมื่อนึกถึงสถานการณ์นี้ หลิน ยู พูดขึ้น "ถ้างั้นผมจะให้งานแรกกับคุณ"

"เชิญนายท่านสั่งการมาได้เลย" เหว่ย กัง โค้งตัวลงเล็กน้อย

จากนั้น หลิน ยู ได้บอกแผนที่จะรับผู้ลี้ภัยเพิ่ม เขาขอให้เหว่ย กังไปรอรับพวกเขาระหว่างทางที่มุ่งหน้ามายังเมืองหวงซา

เมื่อพบผู้ลี้ภัยที่หลบหนีออกมาจากเมืองซวนเย่ ก็ให้เขารับมาที่เมืองหวงซาทันที

นี้มันจำเป็นแค่ไหนกัน

แผนของหลิน ยู ทำให้ เหว่ย กัง รู้สึกมึนงง

"นายท่าน ด้วยความเคารพในตอนนี้แค่ผู้ลี้ภัยที่มีอยู่ในเมืองก็มีจำนวนมากเกินไปแล้ว มันอาจจะไม่ใช่เรื่องดี ทำให้เกิดเหตุวุ่นวายได้ง่าย ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันของเมืองหวงซา ข้าว่าเราไม่ควรทำแบบนี้"

ความหมายของเขาก็คือ

ในตอนนี้เมืองหวงซาอ่อนแอเกิน ที่จะรับคนจำนวนมากขนาดนั้นเข้ามา

เพราะมุมมองของเหว่ย กัง ด้วยการที่หลิน ยู ถูกส่งมายังสถานที่รกร้างกันดานเช่นนี้แสดงว่าความแข็งแกร่งของเขาต้องต่ำเป็นอย่างมาก

และมันก็เป็นเช่นนั้น

ระหว่างที่เขาอยู่ในเมืองหวงซา เขาไม่ได้พบกับผู้ฝึกตนคนอื่นเลย แม้แต่ หลินยูเองก็มีทหารระดับ 6 เพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น

เขาจึงรู้ขุมกำลังของเมืองหวงซา นั้นอ่อนแอยิ่งนัก

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด