ตอนที่ 1273 จื้อจุน
ในโลกความทรงจำ เมื่อเวลาผ่านไป
เย่ว์หยางเห็นเด็กหญิงผู้นั้นค่อยๆเติบโต น้องสาวของนางที่เป็นทารกหญิงขี้เซาเปลี่ยนเป็นเด็กหญิงที่กระตือรือร้นร่าเริงและนางสนิทกับพี่สาว และมักติดตามพี่สาวอย่างใกล้ชิดเสมอ คอยอยู่ข้างหลังพี่สาววิ่งตามรอยเท้าพี่สาวหัวเราะร่าเริงได้ตลอดทาง.... อย่างไรก็ตามในที่สุดมารดาผู้งดงามน่ารักไม่ได้กำเนิดน้องชายให้พวกนางต่อไป
คืนหนึ่งในยามราตรีที่มีฝนดาวตกมารดาผู้มีใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้มเสมอได้พรากจากไปตลอดกาล
“ทำไมกัน?” ต่างจากน้องสาวที่ร่ำไห้ต้องการมารดาผู้เป็นพี่สาวแข็งแกร่ง นางเพียงแต่ถามป้าผู้นำข่าวร้ายกลับมาแจ้งอย่างงงงวย “ทำไมกัน? นั่นไม่ใช่งานที่เราต้องทำเลย ไม่ใช่เป็นความรับผิดชอบที่เราต้องแบกรับ ทำไมท่านแม่ถึงต้องทำเพียงคนเดียว? ท่านแม่บอกว่าจะหาน้องชายให้เราไม่ใช่หรือ? นางบอกว่าเมื่อมีน้องชายเพิ่มต่อไปเราจะฟื้นฟูบันไดสวรรค์และบ้านเกิดของเราได้ ทำไมท่านแม่ถึงไม่รักษาคำพูด? ทำไม? ทำไมนางต้องทำเช่นนี้? ข้าไม่เข้าใจไม่เข้าใจจริงๆ!”
“......”ป้าผู้มีนิ้วสีซีด มักจะสอนและตอบคำถามนาง แต่นางไม่ตอบได้แต่ถอนหายใจเบาๆ
เราจนกระทั่งอีกคืนหนึ่งมีอุกกาบาตลากยาวผ่านท้องฟ้า
ป้าผู้เป็นที่รัก
ไม่กลับมาอีกเลย
ท่านป้าคนที่นำข่าวกลับมาแจ้งมอบแหวนมรกตศักดิ์สิทธิ์ท่านป้าที่เป็นอาจารย์นางสวมค่อยๆ ยื่นส่งให้นางด้วยมือที่สั่นเทาลูบศีรษะนางอย่างนุ่มนวลและจากไปอย่างเงียบงัน
นางยืนอยู่ที่พฤกษาชีวิตกำแหวนมรกตศักดิ์สิทธิ์แน่นและขบริมฝีปากล่าง
ต้องเข้มแข็งไว้ต้องไม่ร้องไห้
นางกัดริมฝีปากล่างจนเลือดไหลซึม
และหยดลงที่อกขาวของนางราวกับดอกคำฝอย
ทำไม?
นางอยากเข้าใจเสมอทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
เห็นได้ชัดเจนว่าไม่ใช่ภารกิจหน้าจะต้องทำสงครามทำไมต้องสู้กันอย่างหนักด้วย? สำหรับพวกคนต่างถิ่น คนทรยศ หรือคนไม่เกี่ยวอะไรคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกัน ไม่รู้ว่าทำไมจะต้องมาต่อสู้กันอย่างดุเดือด?
ปีศาจบางส่วนหนีออกมาจากผนึกและหลายคนเพื่อผลประโยชน์ไม่เพียงแต่ไม่ช่วยขับไล่ แต่กลับมองเห็นว่าเป็นผู้ยอดเยี่ยมให้ความนับถือ
ด้วยความทะเยอทะยานพวกเขาทำตัวเหมือนคบหากับเสือ
ทำไมต้องไปช่วยคนเช่นนี้ด้วย? ทำไมท่านจึงต้องทุ่มเทต่อสู้ ทำไมต้องใช้ชีวิตตนเองผนึกปีศาจ? คนที่ติดตามปีศาจล้วนแต่เลวทุกคน ชีวิตพวกนั้นเหมือนมดแมลงทำไมต้องไปสนใจพวกเขาด้วย
เพื่อให้ได้คำตอบ
นางพาน้องสาวไปยังสถานที่หลับและพบกับผู้นิทราในตำนานผู้หลับใหลเพื่อปกป้องโลก
“ความตั้งใจของเจ้าข้ารู้ดีแล้ว” เสียงของผู้นิทรานุ่มนวลเหมือนมารดา “ทุกคนมีคำตอบที่แตกต่างกัน บางทีคำตอบข้าอาจไม่ตรงกับใจเจ้าต้องการ”
“เราแค่ต้องการรู้ว่าทำไมท่านแม่ถึงจากเราไป!” น้องสาวน้อยก็โศกเศร้ากับการจากไปของมารดา
“ปีศาจหลบหนีออกมาจากผนึกโบราณได้ไม่มีใครจะผนึกเขาได้ ดังนั้นไม่เพียงเจ้าเท่านั้นคนต่างเผ่าพันธุ์ก็จะพินาศในอีกไม่กี่วันข้างหน้าในช่วงเวลานี้ต้องมีใครสักคนยืนหยัดขึ้น” ผู้นิทราอธิบายเช่นนี้
“แล้วทำไมต้องเป็นท่านแม่? หอทงเทียนมีนักสู้มากมายทำไมมีแค่ท่านแม่ของเขาต้องไปผนึก? ทำไมไม่มีคนอื่น?นักสู้ผู้แข็งแกร่งบางคนไม่เพียงแต่ไม่สู้กับปีศาจ แต่ยังร่วมมือกับปีศาจโจมตีเราคนแบบนั้นทำไมเราจึงต้องช่วยพวกเขา?ปล่อยให้พวกเขาพินาศไปกับปีศาจไม่ดีหรือ?” น้องสาวรู้สึกเศร้าและโกรธ เมื่อนางคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นปีนั้น
“เป็นเช่นนั้นจริง แต่ความเสียสละของเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกหลงผิดเหล่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราทำเพื่อปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนของเรา คนของเราและคนที่เรารัก ตัวอย่างเช่นแม่ของเจ้านางยืนหยัดทำเช่นนี้และเสียสละเช่นนี้ไม่ใช่ว่านางไม่รักพวกเจ้า ตรงกันข้ามนางรักพวกเจ้ามากเหลือเกิน นางกลัวว่าสักวันเจ้าจะกลายเป็นปีศาจเพราะพลังที่แข็งแกร่ง ดังนั้นนางตัดสินใจทำตัวให้เป็นตัวอย่างให้พวกเจ้าดูเพื่อที่เจ้าจะได้ไม่ต้องตกอยู่ในอำนาจของปีศาจในอนาคตนี่คือความเจ็บปวดที่แท้จริงของนาง! สักวันเมื่อเจ้าโตขึ้นและมีลูก เจ้าจะเข้าใจความหมายของการเสียสละนี้” คำพูดของผู้นิทราไม่สามารถคลี่คลายความข้องใจของผู้เป็นน้องสาวได้ นางฟังด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง
“ท่านป้าของข้า! นางเป็นเหมือนกันด้วยหรือเปล่า?” เสียงนางแผ่วเบาทำไมที่ผ่านมาถึงไม่อธิบายให้ตัวนางฟังอย่างชัดเจน?
“นางคืออาจารย์ของเจ้าตอนนี้เจ้าเข้าใจไม่ชัดเจน แต่หลังจากเจ้าจะเข้าใจว่าชีวิตอมตะนั้นไม่ได้ยืนยาวแต่อยู่ที่ความเข้าใจ การเกิดไม่ใช่จุดเริ่มต้น การตายไม่ใช่จุดจบ ต่อให้ตายความมุ่งมั่นของพวกนางและการสืบทอดของพวกนางจะต้องเติบโตอย่างต่อเนื่องระหว่างปกป้องของพวกนางเพียงแต่วิธีการแตกต่าง ในที่สุดสิ่งอาจารย์สอนให้เจ้าจะเป็นภูมิปัญญาหลุดพ้นจากความกลัวและความเจ็บปวดเป็นความรู้แจ้งซึ่งสามารถนำพาโลกไปสู่ความนิรันดร หากวันหนึ่งเจ้าเข้าใจแสดงว่าในเวลานั้นเจ้าเติบโตแล้วจริงๆ” ผู้นิทรากล่าวคำบางอย่างที่ทำให้นางยังสับสนในเวลานั้น
“ข้าไม่เข้าใจ” นางไม่เข้าใจจึงไม่อาจยอมรับได้
“ไม่ว่าจะเป็นท่านแม่และท่านป้าทุกคนตายหมด และพวกเขาจากเราไปตลอดกาล ท่านแม่จากเราไป และอีกคนก็จากเราไป ท่านบอกว่าจะอยู่กับเราตลอดไปแต่นางไม่ทำตามคำพูด ท่านแม่โกหกเรา!” น้องสาวร้องไห้ด้วยความเศร้าโศกเสียใจ
“นางก็ต้องการจะอยู่กับพวกเจ้าแต่แม้แต่เทพเจ้า ก็มีวันตาย อย่าว่าแต่...” ผู้นิทราถอนหายใจเบาๆ
“เพราะพลังอ่อนแอเกินไป?” ทันใดนั้นมีความรู้แจ้งผุดขึ้นมาในใจของนาง
“ใช่ หรืออาจไม่ใช่” ผู้นิทราอธิบายอย่างคลุมเครือ
“ไม่มีน้องชาย ต่อไปเราจะทำอะไร?”นางยกข้อสงสัยอีกข้อ
“ต้นไม้ใหญ่เผชิญลมและฝนต้นอ่อนบนพื้นจะงอกงามด้วยความเร็วสูงภายใต้สุริยาทอแสง สักวันต้นอ่อนจะเติบโตเป็นไม้ใหญ่สูงตระหง่านอีกต้นบางทีอาจจะเติบใหญ่อีกต่อไปและยิ่งใหญ่กว่า ใครจะรู้! สำหรับน้องชายเจ้าแม้จะไม่มีในวันนี้ ขอเพียงพวกเจ้าไม่ยอมแพ้ สักวันหนึ่งสายเลือดเผ่าจันทราของเราจะไม่สูญสิ้นไม่เพียงแต่เราเผ่าจันทราต้องทำงานกันอย่างหนัก แต่พวกเผ่าหมื่นภมรบุปผาก็ทำงานอย่างหนักมาเป็นเวลาพันๆปีแล้ว บันไดสวรรค์คือรากฐานของหอทงเทียนเป็นสะพานสำหรับให้ก้าวไปสู่โลกที่สูงกว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะพินาศไปตลอดกาล...” ผู้นิทราไม่รู้ช่วงเวลาแห่งการฟื้นฟู รู้แต่ว่ายังต้องเพียรพยายามอย่างหนักต่อไป
“เราจะต้องทำอย่างไร?” ในที่สุดนางถามขึ้น
“ทำในสิ่งที่เจ้าต้องทำชีวิตของเจ้าอยู่ในมือของเจ้าแล้ว ไม่ว่าจะยอดเยี่ยมสมบูรณ์พูนสุขเพียงไหนภายใต้สติปัญญาและปณิธานที่สมบูรณ์ เจ้าไม่ต้องคิดเรื่องของคนอื่นจงทำในสิ่งที่เจ้าต้องทำ ตราบใดที่เจ้ายังระลึกถึงมารดาเจ้าไว้ในใจเสมอรวมทั้งผู้อาวุโสหลายคนที่เสียสละห่วงใยเจ้าเพื่อให้เจ้าได้มีความรู้และถ่ายทอดให้พวกเจ้า” ผู้นิทราไม่ได้บอกเส้นทางวิธีเฉพาะแต่ให้นางตัดสินใจในหัวใจตนเอง
ในทำนองเดียวกันน้องสาวก็มีการตัดสินใจเป็นของตนเอง
ในระหว่างทางกลับ
น้องสาวผู้เชื่อฟังอยู่เสมอ จู่ๆก็กล่าวอำลานางทำให้นางรู้สึกประหลาดใจมาก
ผู้เป็นน้องสาวจากไปนางบอกว่านางไม่ชอบชีวิตอย่างนี้มานานแล้ว นางต้องการความเป็นอิสระ แม้ว่าทุกอย่างที่พี่สาวนางให้จะเป็นส่วนที่ดีที่สุดและวิธีฝึกฝนพี่สาวนางก็จัดให้อย่างเหมาะสมที่สุด แต่นางไม่ชอบแม้แต่น้อย...ในเมื่อผู้นิทราบอกว่าทุกคนสามารถทำสิ่งที่อยากทำมากที่สุดนางเลือกทำสิ่งที่ตนเองชอบ
จากนั้นอนาคตของนาง
จะโบยบินอย่างเสรี
น้องสาวมักจะกลัวพี่สาวไม่ว่าจะเป็นความเข้มแข็งและกำลังใจ หรือนิสัยและแนวคิดตั้งแต่สมัยยังเด็ก นางไม่อาจสู้กับพี่สาวนางได้พี่สาวนางเกิดมาพร้อมกับทักษะแฝงเร้นที่สูงส่ง ทักษะแฝงเร้นเช่นนี้เหนือกว่ามารดาและอาจารย์ป้าของนาง...ถึงอย่างนั้นน้องสาวนางพูดออกมาอย่างกล้าหาญเป็นครั้งแรกในชีวิตนาง
นางหมดแรง
นางก้มหน้าแต่ความปรารถนาที่อยู่เหนือเสียงจะหนักแน่นเป็นพิเศษ
ผู้เป็นน้องก็มีความเห็นคล้ายกันแต่นางกลัวพี่สาวและไม่เคยแสดงความเห็นออกมา
“เหรอ?ในที่สุดเจ้าก็จะไปใช่ไหม?” นางเศร้ามากเพราะนางรู้สึกว่านางดูแลน้องสาวเป็นอย่างดีอย่างไรก็ตามการทุ่มเทดูแลน้องสาวของนางกลับไม่ได้รับการยอมรับ น้องสาวนางคิดว่าเหมือนเป็นทาส การกล่าวอำลาคราวนี้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับนางจริงๆ อย่างน้อยทำลายความมั่นใจที่นางสร้างขึ้นหลังจากมารดาและป้าจากไป
“ข้าขอโทษ!” น้องสาวนางหลั่งน้ำตาและกรีดร้องออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ “คนที่น่ารังเกียจที่สุดก็คือพี่นั่นแหละต่อให้ท่านเอาสิ่งที่ดีที่สุดให้ข้า ให้สมบัติที่ดีที่สุดแก่ข้า แต่ตัวข้ารู้ดี แม้ว่าข้าจะได้รับมากขึ้นเรื่อยๆข้ามิอาจตามพี่ข้าได้ทัน ข้าเกลียดเรื่องนี้ ทำไมข้าถึงไม่เก่งเหมือนพี่บ้าง?ทำไมข้าไม่อาจเทียบกับพี่ได้ทั้งที่ข้าพยายามมากมายขนาดนี้? ข้าไม่ต้องการความเห็นอกเห็นใจไม่จำเป็นที่พี่จะต้องมาดูแลข้า ให้สิ่งที่ดีที่สุดกับข้า แต่ข้าไม่ขอบคุณพี่ ข้าเกลียดแม่กับป้ามากที่สุด พวกท่านมองข้าด้วยสายตาที่ต่างไปจากที่มองพี่ทำไมกัน? ทำไมพวกท่านถึงไม่สนใจข้า? ข้าก็ฝึกฝนอย่างหนักทำไมถึงไม่ห่วงข้า? ข้าไม่ต้องการให้พวกท่านกังวลห่วงใยข้า ข้าสามารถฝึกฝนได้ดี ข้าทำได้ดีเสมอและจะไม่ตกไปในเส้นทางของปีศาจทำไมพวกท่านถึงต้องเป็นห่วงด้วย? แม้ว่าพวกท่านจะไม่ได้พูดอะไร แต่ข้ารู้ว่าพวกท่านกลัวข้ามาก! ทำไมต้องเข้ามาเจ้ากี้เจ้าการกับชีวิตของข้าด้วย ข้าไม่ใช่หมากรุกของทุกคนข้าพิสูจน์ตัวเองได้... ข้าสามารถทำให้ดีได้ด้วยตัวเอง!”
เมื่อนางได้ยินคำพูดของน้องสาว
หัวใจของนาง
สั่นสะท้านด้วยความตกใจ
นางไม่เคยคิดเลยว่าน้องสาวนางจะมีความคิดอย่างนี้ นางไม่เคยคิดเลยว่าน้องสาวของนางจะมีแรงกดดันในใจ
บางทีอิสรภาพก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด...ในเมื่อเป็นเช่นนั้น นางต้องการทำสิ่งที่นางต้องการทำ ทุกคนมีชีวิตเป็นของตนเองทั้งชีวิตของนางเองและชีวิตของน้องสาวนางถูกกำหนดโดยเจตจำนงของตนเอง
ในขณะที่น้องสาวร้องไห้นางเข้มแข็งมากขึ้นและสูดหายใจลึก
ฟื้นฟูสติและเหตุผลกลับคืนมา
นางหันหน้าและจากไป
ช่วงแรกที่นางปล่อยให้น้องสาวอยู่ในโลกภายนอกนางไม่กังวลใจมากนัก
นางกลับมาโดดเดี่ยวเดียวดายภายใต้แสงจันทร์สาดส่อง แต่พลังของนาง รอยเท้านางยังคงมั่นคง นางลูบแหวนมรกตศักดิ์สิทธิ์และสร้อยหยกขาวที่ห้อยอยู่ที่คอนี่คือของวิเศษประจำตัวที่ป้าและมารดาให้นาง นางรู้สึกได้ถึงพลังไร้ขีดจำกัด เหมือนกับมีป้าและแม่คุ้มครองนางอยู่
“ตอนนี้แม้ว่าข้าจะโดดเดี่ยวเดียวดายไม่มีน้องสาว ไม่มีน้องชาย ข้าก็อยู่ได้!”
นางกำหมัดเบาๆมองดูท้องฟ้ากระจ่างยามราตรี
ภายใต้เนตรทิพย์ของนาง
ดวงตาของนางกระจ่างใสยิ่งกว่าแสงดาวสว่างในท้องฟ้า “ท่านแม่ ท่านป้า ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง ถึงไม่มีน้องชายข้าจะเป็นคนแรกในโลก และข้าจะทำให้ดีที่สุด!”