ตอนที่ 1269 ระเบียงเวลา
ในระเบียงเวลา
แม้แต่เสวี่ยอู๋เสียผู้เปิดเข้ามาก็ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้
ผู้เยี่ยมชมจากแดนสวรรค์บนอย่างหัวซาน อู่หวินเหลยหมิงทุกคนคิดว่าเป็นทางเดินที่คล้ายกับทางเดินโบราณซึ่งบันทึกเกียรติประวัติของนักรบบรรพบุรุษผู้ทรงเกียรติแห่งหอทงเทียน ใครจะรู้หลังจากเข้ามาแล้วกลับไม่ได้เป็นดังคาด
เป็นเหมือนมิติว่างเปล่า ไม่มีพื้น ไม่มีท้องฟ้า ไม่ผนังใดๆทั้งสิ้น
ไม่มีขอบเขตขีดคั่น
ไม่มีใครรู้ว่าระเบียงเวลานี้ยาวนานเพียงไหน
พวกเขาไม่รู้ว่าคงอยู่นานเพียงไหน บางทีอาจไม่มีความหมายหรืออาจคงอยู่นิรันดร
ตลอดพื้นที่ๆ ผ่านมานั้นตามระเบียงเวลา เต็มไปด้วยกฎสวรรค์
ไม่ได้มีการห้ามไม่ให้คนก้าวเท้า ไม่กักพลังของผู้เข้าเยี่ยมชม ตรงกันข้ามทุกคนรวมทั้งอาคันตุกะจากแดนสวรรค์หลายคนได้รับการกระตุ้นพลังและร่างที่ซ่อนไว้แสดงให้เห็นร่างและพลังของพวกเขาโดยไม่เต็มใจรูปร่างหน้าตาและร่างหลักที่ซ่อนเร้นของพวกเขาจะปรากฏขึ้นโดยอัตโนมัติ
ร่างของจางไห่เหมือนรูปสลัก
แม้ว่าเขาจะเปลี่ยนร่างกลับเป็นมนุษย์ทันที
แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่เขาเข้ามา
ทุกคนสามารถเห็นร่างหัวหน้าได้ชัดว่าหัวหน้าเขาผู้นี้เคยเข้ามาในหอทงเทียนเมื่อหมื่นปีก่อนมีรูปลักษณ์เหมือนรูปสลัก
ไม่เพียงเท่านั้น พลังของจางไห่ยังแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มลำแสงสีทองมีความสูงมากกว่า 60 เมตรแผ่รัศมีจางๆจากเหนือศีรษะแล้วพุ่งตรงขึ้นไปบนฟ้าแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในระดับนักสู้ของเขา
ทั้งหัวซานและอู่หวินคิดว่าพละกำลังของพวกเขาอยู่ในระดับใกล้กับหัวหน้าจางไห่นี้ แต่ความจริงก็คือพลังพวกเขาไม่ได้ใกล้เคียงกับจางไห่ ความแข็งแกร่งของจากไห่ลึกล้ำมากหากไม่เข้าสู่ระเบียงเวลาทุกคนก็ยังไม่สามารถรูถึงพลังและขอบเขตการฝึกฝนที่แท้จริงของเขาได้ สำหรับเหตุผลที่จางไห่ต้องการเก็บซ่อนความแข็งแกร่งของเขาเพราะเขายังลังเลที่จะแสดงต่อหน้าสหายของเขา บางทีเขาอาจมีเหตุผลพิเศษของตนเอง หัวซานและอู่หวินไม่มีเวลาดูและตรวจสอบสิ่งเหล่านี้ในขณะนี้ ความต้องการที่แท้จริงของพวกเขาในตอนนี้ก็คือมือสังหารที่ลอบฆ่าเสวี่ยอู๋เสียเป็นนักฆ่าระดับเทพที่มีขอบเขตพลังแค่ไหน
ลำแสงทองเหนือศีรษะสูงเพียงสามสิบเมตร
ต่ำกว่าหัวซานที่มีความสูงสามสิบสองเมตรและอู่หวินที่มีความสูงสามสิบสามเมตร
และภาพที่แสดงออกนี้ทำให้ทุกคนประหลาดใจตกตะลึงเหลือเชื่อ
นักฆ่าระดับเทพที่ต้องการฆ่าอู๋เสียที่ติดตามด้านหลังทุกคนโดยที่ทุกคนไม่พบ ไม่ใช่ระดับเดียวกับหัวซานและอู่หวินแต่ระดับความสูงของรัศมีทองยังไม่ดีเท่า
เกิดอะไรขึ้น?
ถ้าเขาไม่เห็นด้วยตาตนเองมองดูภาพนางรับมือนักฆ่าระดับเทพได้ พวกเขาคงจะคิดว่านางใช้อุบายหลอกล่อ
เนื่องเพราะความจริงไม่ใช่เรื่องที่นางมีความสามารถในการซ่อนพลังและสถานะที่แท้จริงของนางภายใต้กฎสวรรค์แห่งระเบียงเวลานี้หรือไม่? นี่คือเรื่องที่ทุกคนตกใจและรู้สึกเหลือเชื่อจริงๆ... นี่คือระเบียงเวลาที่สร้างขึ้นตามกฎสวรรค์โบราณนางจะได้รับการยกเว้นได้อย่างไร? สาวน้อยอู๋เสียมีพลังถึงระดับเทพราชันย์ในตำนานหรือ?ทั้งยังมีเจตจำนงอมตะที่ไม่มีที่สิ้นสุดหรือ?
“ในระเบียงเวลานี้ ทุกๆ ย่างก้าวจะแสดงถึงช่วงเวลา 100ปี” ใบหน้าน้อยๆของเสวี่ยอู๋เสียยิ้มเล็กน้อย ไม่แน่ใจ หรือปฏิเสธความสงสัยของผู้อื่นแต่ให้ความรู้สึกลึกลับ
“หนึ่งก้าวเท่ากับ 100 ปี?” หัวซานพบว่าเวลานี้ทุกคนเข้ามานานแล้วแต่ยังไม่มีใครก้าวเท้าเลย
ไม่ใช่ไม่ต้องการ
แต่ทำไม่ได้
ในสถานที่นี้ไม่มีสวรรค์ โลก ไม่มีมิติ ไม่มีเวลา
ต่อให้เป็นนักสู้ระดับเทพเหล่านี้พวกเขาไม่อาจเคลื่อนไหวตามใจตนเองได้ ไม่มีใครเคลื่อนไปทางใดได้ แม้แต่ก้าวเดียว
เสวี่ยอู๋เสียยิ้มอีกครั้ง และชี้นิ้วไปข้างหน้า “บางทีทุกท่านคงพบแล้วข้างหน้ามีดาวดวงหนึ่ง นั่นคือจุดสิ้นสุดของศตวรรษที่เราก้าวไป ในที่นั้นเราจะนำเสนอยอดฝีมือในรอบร้อยปี แน่นอนว่าเป็นนักสู้ระดับเทพเท่านั้นที่ได้รับการนำเสนอในที่นี้”
ด้วยการนำทางด้วยสำนึกเทพของเสวี่ยอู๋เสียในที่สุดทุกคนก็ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวได้สำเร็จ
ก้าวนี้
แสดงช่วงเวลาร้อยปี
ทุกคนตกอยู่ในภวังค์และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าฉากภาพข้างหน้าพวกเขาเปลี่ยนไปและร่างพวกเขามาอยู่ในที่ว่างเปล่าใหม่
ตอนนี้พวกหัวซานได้รับความรู้อย่างสมบูรณ์มิน่าเล่าที่พวกเขาต้องมาที่วิหารนำทางที่สร้างขึ้นโดยเทพธิดาปัญญาโบราณและไม่น่าแปลกใจเลยว่าพวกเขาต้องการคำแนะนำจากผู้สืบทอด ถ้าไม่มีสาวน้อยอู๋เสียคอยแนะนำต่อให้เปิดเข้าไปถึงใจกลางแดนล่มสลายแห่งทวยเทพต่อให้เข้าไปตามระเบียงเวลาจะมีประโยชน์อะไร? ใครบ้างจะหาทางเดินหน้าในความว่างเปล่าไม่มีที่สิ้นสุด? ใครบ้างจะสามารถสำรวจขุมทรัพย์ในระเบียงเวลาเป็นร้อยปีนี้ เมื่อเทียบกับความยิ่งใหญ่ของกฎสวรรค์โบราณแผนการล่าขุมทรัพย์ของทุกคนนั้นไร้สาระเกินไป...แดนล่มสลายแห่งทวยเทพนั้นเป็นสถานที่ใครก็สามารถเปิดประตูและปล่อยให้ทุกคนเข้าและออกแต่จะไม่มีทางที่จะได้รับประโยชน์จากนั้น ดังนั้นเด็กสาวอู๋เสียนี้ไม่ต้องกังวลเลยว่าแม้จะเปิดประตูแห่งปัญญาแล้วนางไม่กลัวตงฟางและเทียนอี้เห็น
แสงดาวที่เห็นแต่เดิมกลายเป็นเนบิวลาขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
ดาวทองที่อยู่สูงจนต้องแหงนหน้ามอง
เปล่งประกายเจิดจ้า
รอจนสำนึกเทพของทุกคนตรวจเจอ
แสงดาราจักรที่สว่างเจิดจ้าเริ่มขยายตัวออกไปหลายล้านเท่าทันทีกระจายไปทั่วพื้นที่ครอบคลุมทุกคน
จุดดาวทองสองดวงที่ใกล้หัวซานและอู่หวินที่สุดนั่นเล็กมากเพียงแวบแรกที่เห็นเหมือนจมอยู่ในดวงดาวนับไม่ถ้วนแต่ไม่มีใครสามารถมองข้ามการดำรงคงอยู่ของมันได้
เพราะพวกมันขยายเติบโตอย่างรวดเร็วในเวลานี้
ศักยภาพของมันยิ่งใหญ่
ทำให้ทุกคนงงงวยจนพูดไม่ออก
ด้วยความอยากรู้หัวซานและเพียงใช้สำนึกเทพตรวจสอบอย่างระมัดระวังและรู้สึกประหลาดใจเมื่อพบว่าดาวประกายพฤกษ์ทั้งสองดวงในท่ามกลางแสงศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้เป็นดรุณีสองคนในหมู่พวกนางมีอสูรศึกนับไม่ถ้วน เช่นเพกาซัส ผีเสื้อ กระจกวิญญาณเป็นต้นที่รายล้อมสิ่งมีชีวิตที่งดงาม แต่ที่ไม่ห่างจากด้านหน้าเสวี่ยอู๋เสียดูเหมือนจะเป็นเด็กหญิงอายุน้อยกว่าเสวี่ยอู๋เสีย
อีกร่างหนึ่งเป็นดรุณีวัยรุ่นอายุราว 14 ไม่เกิน 15 ปี
ใบหน้าดรุณีเต็มไปด้วยความไร้เดียงสาไม่คาดคิด
นี่ควรจะเป็นนักสู้ระดับเทพอีกคนหนึ่ง
ยิ่งกว่านั้นยังเป็นนักสู้ระดับเทพที่เติบโตด้วยระดับความเร็วสูง
ที่อยู่ด้านหลังนางเป็นมนุษย์พฤกษายักษ์สองตนคอยอารักขาดรุณีน้อยตามข่าวกรองนางก็คือเย่ว์ปิงน้องสาวของเย่ว์ไตตัน แต่ทำให้พวกหัวซานอยากจะบ้าอย่างคาดคิดไม่ถึงก็คือ นี่คือคนที่นักรบแดนสวรรค์แทบไม่ให้ความสนใจแต่สาวน้อยนี้ก็คือนักสู้ระดับเทพอีกคนหนึ่งผู้เติบด้วยความเร็วเหลือเชื่อ...บนศีรษะของเย่ว์ปิงมีรัศมีทองฉายไม่ถึงสิบเมตรแต่ระดับพลังปัจจุบันนี้ต้องถือว่าก้าวหน้าเร็วเหลือเชื่อทุกสิบวินาทีรัศมีจะขยายหนึ่งมิลลิเมตร
หัวซานและอู่หวินหลั่งน้ำตาทันที
อยากร้องไห้จนตายยิ่งนัก
พวกเขารู้ว่ากว่ารัศมีที่แสดงระดับความก้าวหน้าเหนือศีรษะจะขยายออกมาสักหนึ่งมิลลิเมตรไม่ใช่สิบวินาที แต่เป็นสิบปี หรือแม้แต่ร้อยปี!
เป็นไปได้อย่างไรที่รัศมีความก้าวหน้าจะเพิ่มพูนขึ้นทุกวินาที? และลำแสงเหนือศีรษะของสาวน้อยเย่ว์ปิงแสดงถึงศักยภาพของนางจะต้องสูงอย่างน้อยสามร้อยเมตรสูงมากจนทำให้ผู้คนกระอักเลือดได้ สูงจนทำให้ทุกคนอยากตายที่นี่
เมื่อมองแสงรัศมีของตัวเองหัวซานพบว่ารัศมีเลือนรางบนศีรษะของเขาสูงไม่ถึงห้าเมตร
ของอู่หวินแย่ที่สุดเพียงสามเมตร
ที่ดีที่สุดคือหยวนเหย่
เงาร่างทองมีรัศมีสูงมากกว่า 40 เมตร แม้ว่านางจะสูงเพียง 25เมตรห่างจากร่างรัศมีทอง แต่ในอนาคตนางจะเหนือทุกคนและกลายเป็นหัวหน้าของพวกเขาจางไห่สูงถึงหกสิบเมตร
คนที่สองมีศักยภาพยิ่งใหญ่อายุน้อยสุดซึ่งมักจะถูกรังแกแต่ก็ยังมีแสงศักยภาพสูงยี่สิบเมตร
ตอนนี้เขาดีกว่าหัวซานและอู่หวินลำแสงศักยภาพสูงยี่สิบเมตรและเป็นผู้อ่อนแอที่สุดในกลุ่มสหาย
แต่การฝึกฝนยังไม่จบ
ถ้าไม่มีอุบัติเหตุ พวกเขาจะเหนือกว่าหัวซานและอู่หวินได้อย่างไม่มีข้อสงสัย
นอกจากนี้ เหลยหมิงและสหายมีระดับศักยภาพที่แตกต่างกันคนหนึ่งดีกว่าหัวซานและอู่หวิน ผลเช่นนี้ทำให้พวกเขารู้สึกอิจฉา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งอู่หวินซึ่งระดับพลังตอนนี้อยู่ในอันดับสามของกลุ่มที่ทรงพลัง
ตามศักยภาพสูงสุด
ศักยภาพของเขาจะถูกทุกคนแซงและกลายเป็นคนสุดท้าย
“แม้ว่าจะมีศักยภาพ แต่ไม่อาจฝึกฝนจนถึงที่สุดได้”ศักยภาพของหัวหน้าจางไห่ฝึกฝนจนถึงที่สุดแล้ว เขามิอาจก้าวหน้าไปกว่านี้ได้
“ความกระทบกระเทือนใจครั้งนี้ ข้ายังทนได้!” อู่หวินมองดูผิวเผินไม่เป็นไร แต่รอยยิ้มของเขาน่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้
“โชคดีที่ข้าไม่ใช่บ๊วย” หัวซานลอบเช็ดเหงื่อตนเอง การแสดงออกของพลังกฎสวรรค์ข้างหน้านี้ยอดเยี่ยมจนพูดไม่ออก ไม่เป็นไรถ้าจะบอกว่าความแข็งแกร่งของพวกเขายังไม่สูง ไม่เพียงพอแต่นี่สามารถมองเห็นศักยภาพการฝึกฝนในอนาคต นั่นคือผลสุดท้ายที่แท้จริง
หัวซานและพวกดูเหมือนกับจะสนใจสำนึกเทพของสาวน้อยอีกคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าชื่ออะไรแต่ดูเหมือนจะค่อนข้างคล้ายกับสาวน้อยอู๋เสีย
เมื่อเห็นศักยภาพที่นางมี
เพียงแวบแรกที่เห็น
พวกเขาอยากกระอักเลือดอีกครั้ง
เพราะสาวน้อยผู้งดงามนี้มีภูตน้อย แฟรี่ เพกาซัสบินผีเสื้อปีศาจและกระจกวิญญาณ ลำแสงศักยภาพของนางดูเหมือนต่ำกว่าเย่ว์ปิงน้องสาวของเย่ว์ไตตันเล็กน้อยแต่ก็สูงราวๆ สามร้อยเมตร ถือว่าน่ากลัว
เป็นความสูงที่เห็นแล้วหมดหวัง
ผู้ผิดหวังยิ่งใหญ่อย่างหัวซานยากจะยอมรับความจริงนี้อัจฉริยะของหอทงเทียนทำไมผิดธรรมดาอย่างนี้?
เย่ว์ไตตันทำให้คนอื่นรู้สึกด้อยมากพอแล้วตอนนี้ยังมีสาวน้อยอีกสองสามคน และคนแทบรอฆ่าตัวตายไม่ไหวแล้วอย่างนี้จะให้นักสู้เทพของแดนสวรรค์บนมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?มิน่าเล่าตงฟางและเทียนอี้จึงเหมือนกับคนบ้าต้องการทำลายหอทงเทียน ตอนนี้ทุกคนเข้าใจในที่สุดแล้วว่า ตงฟางและเทียนอี้ต้องการทำลายหอทงเทียนเพราะความกลัว!
ไม่ว่าจะเป็นทั้งตงฟางและเทียนอี้
พวกเขากลัวว่านักรบหอทงเทียนจะแข็งแกร่งเหนือตน เพราะระดับความเร็วในการเติบโตของนักรบหอทงเทียนผิดธรรมดาไร้เหตุผลสิ้นเชิง
“ลองดูนักรบระดับเทพคนอื่นๆ ในหอทงเทียนกัน!” อู่หวินยิ้มแห้งๆแม้แต่ตัวของเขาก็รู้สึกอายหัวเราะอย่างเก้อเขิน
“ข้าหวังว่าจะเป็นเทพนักรบระดับปกติ!” แทบทุกคนภาวนาให้เป็นเช่นนั้นเมื่อหันไปทางอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบ พลังกดดันทางจิตใจมากมายมหาศาลแต่โชคดีที่มีมากมายหลายคน ถ้ามีเพียงคนเดียวถ้าไม่ประหลาดใจตรงจุดนี้ก็คงเป็นเรื่องแปลก แทบจะเข้าใจได้โดยปริยายทุกคนไม่ต้องเลือกดูดาวทองตัวแทนของเย่ว์ไตตันและสาวน้อยอู๋เสียเพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นลม
“ทำไมดาวประกายพรึกถึงมีเก้าดวง?ไม่หอทงเทียนไม่ได้บอกหรือว่ามีนักสู้ระดับเทพเพียงห้าคนในรอบร้อยปี?” หยวนเหย่และคนอื่นพบปัญหาหลังจากดูสองสามครั้งตรงนี้มีดาวทองเก้าดวง ยังมีด้านนอกที่พัฒนาขึ้นกลายเป็นดาวทองของเทพ
“มีมากไปหรือเปล่า?” เสวี่ยอู๋เสียประหลาดใจเช่นกันนี่เกินกว่าที่คาดไว้เดิม!
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?