ตอนที่ 1268 นี่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์!
เมื่อเสวี่ยอู๋เสียรับตกทอดมรดกปัญญา
เงาร่างดำอู่หวินเริ่มโทรจิตคุยกับเงาร่างไฟหัวซานทันที “นี่คือโอกาสที่ดีที่สุด
“ว่าไงนะ?” เงาร่างไฟของหัวซานฟังอย่างไม่เข้าใจ
“ข้าหมายถึงให้จับเด็กสาวคนนี้ไว้”เงาร่างดำอู่หวินพูดโน้มน้าว “เห็นได้ว่าพลังของนางยังเป็นรองพวกเราทุกคนสาวน้อยผู้นี้เพิ่งเลื่อนเป็นระดับเทพ และสิ่งที่สำคัญที่สุดนางยอมรับพลังตกทอดและไม่มีความสามารถในการป้องกันตัว และทันทีที่นางรับตกทอดพลังเสร็จสิ้นเราจะเริ่มลงมือทันที”
“เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?” เงาร่างแดงเพลิงของหัวซานเกือบร้องตะโกน“ตอนนี้เรายังรักษาความเป็นกลางไม่ใช่หรือ?”
“ยังรักษาความเป็นกลางอยู่แน่นอนแต่ถ้าเด็กหญิงน้อยคนนี้ยังคงสู้กับตงฟางและเทียนอี้ต่อไปมีแนวโน้มว่านางจะตาย” เงาร่างดำอู่หวินโน้มน้าวใจอย่างเงียบๆ “เราจับนางไว้ นางก็ไม่สามารถสู้ต่อไปได้ และสามารถมีชีวิตจนถึงที่สุด”
“นั่นจะดีต่อเราอย่างไง?” เงาร่างเพลิงหัวซานยังไม่เข้าใจ
“เราต้องการให้เด็กสาวนี่พาเข้าสู่ใจกลางแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ” เงาร่างดำอู่หวินรู้สึกว่าพวกเขาควรเก็บกุญแจมีชีวิตไว้ฝ่ายตน
ถ้าไม่อย่างนั้น
เมื่อตงฟางและเทียนอี้ชนะสมบัติลับในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพก็จะไม่มีสิ่งใดตกอยู่ในมือของตนเอง
ตราบใดที่เด็กสาวผู้นี้ได้รับตกทอดมรดกของเทพีปัญญาไว้ในมือนางต่อให้เจ้าตำหนักสูงสุดแข็งแกร่งและตงฟางเป็นจ้าวยุทธศาสตร์หมายเลขหนึ่งของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาก็ต้องยอมรับเงื่อนไขของฝ่ายพวกตน
เพราะ
นางถูกพวกเขาจับไว้
และกุญแจเข้าแดนล่มสลายแห่งทวยเทพอยู่ในมือฝ่ายของเขา
เงาร่างดำอู่หวินคิดว่านี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุด เด็กสาวผู้ดูอ่อนแอนี้น่าจะเป็นนักรบที่ได้รับการสนับสนุนจากบันไดสวรรค์กายและใจนางบริสุทธิ์มาก ไม่มีความทะเยอทะยานไม่มีพลังมากพอจะปกป้องจากคนนอก เมื่อได้ยินว่าฝ่ายของเขายินดีรักษาความเป็นกลางนางจึงรับมรดกภูมิปัญญาต่อหน้าทุกคน
นี่ไม่ใช่โอกาสที่ดีที่สุดหรอกหรือ?
อย่างไรก็ตามสหายของเขาหัวซานกลับทำเรื่องผิดคาดเขาปฏิเสธ “อู่หวิน! เจ้าต้องการจับนางข้าจะไม่ยุ่งกับเรื่องนี้”
“อะไรนะ?” คราวนี้เป็นอู่หวินเป็นฝ่ายสับสนบ้างสหายผู้นี้กลายเป็นคนใจดีตั้งแต่เมื่อใด?
“แม้ว่าข้าจะไม่ได้ทำอะไรร้ายๆ ในแดนสวรรค์บนแต่ข้าเคยเป็นตัวร้ายมาแล้ว” หัวซานผู้ซ่อนตัวอยู่ในแสงเทพแดงถอนหายใจทันที “แม้ว่าข้าจะไม่ใช่คนดีแต่ไม่ได้หมายความว่าข้าโง่ ทำไมข้าต้องทำอย่างนี้ด้วยเล่า?ทำไมไม่มองเป็นกลางอย่างเคร่งครัด? เอาชนะนางได้ จะบอกว่าเราชนะฝ่ายตรงข้ามได้หรือ?แม้ว่าจะเป็นไปได้ แต่ทำเช่นนั้นหอทงเทียนจะอ่อนกำลังลงอย่างมาก.... ตงฟางกับเทียนอี้ได้ชัยชนะแล้วมีอะไรดีต่อเราบ้าง? ตรงกันข้ามถ้าพวกเขาพ่ายแพ้เราจะพบกับอันตรายอะไร? แน่นอนว่าข้าไม่ทำเรื่องอันตรายแบบนี้โดยไม่ได้ประโยชน์แน่นอน!”
“แต่ถ้าเรามีนางอยู่ในเงื้อมมือต่อให้ตงฟางและเทียนอี้ชนะ พวกเขาก็ต้องอ่อนข้อก้มหัวให้เรา” อย่างไรก็ตามอู่หวินยังคงรู้สึกว่ากุญแจมนุษย์นี้สำคัญเหมาะสมที่สุดที่จะเก็บกุญแจนี้ไว้ในมือของเรา
“มากเกินจะรับได้” หัวซานส่ายหน้าเบาๆ และกล่าว “ตงฟางกับเทียนอี้ถ้าพวกเขาไม่มั่นใจพวกเขาจะไม่เริ่มสงคราม เมื่อครู่นี้เจ้าไม่ได้ยินหรือ? มีทางเข้าที่แท้จริงสามทางนี่คือทางเข้าที่ง่ายที่สุด ด้วยสติปัญญาของตงฟางกับพลังความแข็งแกร่งของเทียนอี้พวกเขาอาจไม่จำเป็นต้องเข้าไปใจกลางแดนล่มสลายแห่งทวยเทพตามทางเข้านี้....เราเอาชนะนางก็เท่ากับกลายเป็นก้อนหินถามทาง ไม่มีทางทำอย่างอื่นได้นอกจากมีปัญหากับหอทงเทียน นอกจากนี้สหายของข้า ทำไมข้าจะต้องไปต่อสู้กับนักสู้ระดับเทพ? อย่างที่เจ้าและข้าเห็น นางเป็นนักสู้ชั้นเทพไม่ว่านางจะเลื่อนเป็นนักสู้ระดับเทพนานแค่ไหน ต่อให้นางเพิ่งเป็นเทพวันเดียว นางก็คือนักสู้ระดับเทพที่แท้จริง! สู้กับนักสู้ระดับเทพนั่นไม่ใช่วิธีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเจ้าและข้าไม่สอดคล้องกับความตั้งใจเดิมของข้า
“เจ้าคิดว่าเราจะล้มเหลวหรือ?” อู่หวินรู้สึกว่าความคิดนี้บ้า
“แล้วเจ้าคิดว่าจะชนะแน่นอนหรือ?” หัวซานถาม
“ก็บอกไปแล้วว่าเรามีโอกาสชนะเกิน 80% ไม่ใช่หรือ?” อู่หวินรู้สึกว่าเขาเลื่อนระดับเป็นเทพมาหลายพันปีแล้วและถ้าเขาไม่สามารถเอาชนะเด็กสาวที่เพิ่งเลื่อนขึ้นเป็นระดับเทพไม่กี่เดือนนั่นเป็นเรื่องที่เกินไป
“ไม่ว่านางจะเป็นเด็กใหม่ระดับเทพหรือระดับเทพจอมราชันย์ ข้าจะไม่ต่อสู้กับนาง ไม่, แม้แต่จะลอง เข้าใจไหม? ตอนนี้ข้าเป็นนักสู้ระดับเทพคนหนึ่งในแดนสวรรค์บนข้ามีดินแดนปกครองที่กว้างขวางมีสังคม มีบ้านของตนเอง ข้าไม่ใช่พวกบ้าคลั่งชอบต่อสู้เหมือนเผ่าปีศาจแดนนรกแห่งหอทงเทียนทำไมข้าต้องมาต่อสู้กับนักสู้ระดับเทพอื่นด้วยเพื่อสนองความต้องการด้วย? ต่อให้ข้าชนะได้รับรางวัลผลประโยชน์ที่ได้รับนั้นยังไม่เพียงพอให้ข้าก้าวหน้าไปต่อด้วยซ้ำ ในทางตรงกันข้ามถ้าข้าล้มเหลวข้าจะสูญสิ้นทุกอย่างที่มีในตอนนี้ ทำไมข้าไม่ฝึกฝนอย่างสงบและมั่นคงเล่า แม้ว่าจะช้าหาอะไรเปรียบไม่ได้แต่ไม่มีความกังวลที่จะเลิกกลางครัน ไม่มีวันตายให้ต้องกังวล ไม่มีความยากลำบากอีกต่อไป! ตอนนี้ข้ามีเวลา มีอนาคตทำไมข้าจะต้องมาเสี่ยงด้วย การผจญภัยแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่นักสู้ระดับเทพควรทำนั่นเป็นการกระทำของทหารรับจ้างหยาบกร้านที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้พลังอำนาจ” หัวซานทำให้อู่หวินตะลึงคนผู้นี้คือหัวซานแห่งแดนสวรรค์บนผู้มีอารมณ์ร้อนและวู่วามที่เขารู้จักหรือไม่?
“อย่างนั้นถือว่าข้าไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน” อู่หวินฟังแล้วหลังจากไตร่ตรองชั่วขณะ เขารู้สึกว่าหัวซานพูดมีเหตุผล
เป็นนักสู้ระดับเทพแล้ว
มีอนาคตที่ดีที่สุดและเวลาที่ดีที่สุด
ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตมุ่งมั่นสู่ความสำเร็จ นั่นคือสิ่งที่นักสู้ระดับเทพไม่ควรทำ
เมื่อมาถึงหอทงเทียนแล้วควรมองดูที่นี่ด้วยหัวใจเป็นกลางโดยไม่ต้องแทรกแซงทั้งสองฝ่ายทั้งหอทงเทียนและฝ่ายตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ไม่ว่าจะเป็นตงฟาง เทียนอี้หรือเย่ว์ไตตันปล่อยให้โชคชะตาตัดสินทุกอย่าง...อย่างไรก็ตามอู่หวินยังคงสงวนท่าทีต่อหัวซาน
ตัวอย่างเช่นเด็กสาวที่อ้างชื่อว่าอู๋เสียนางมีอายุเท่าใด? นางเลื่อนเป็นระดับเทพนานเท่าใดแล้ว? แม้ว่านางจะเป็นอัจฉริยะผู้ชาญฉลาดไม่ธรรมดายิ่งกว่าเย่ว์ไตตันแต่นางฝึกฝนมาแค่ยี่สิบกว่าปี เทียบกับตัวเขาเองที่ฝึกฝนระดับเทพมานานหลายพันปีแล้ว ไม่มีอะไรเลย! นักรบของหอทงเทียนเติบโตเร็วมาก แต่มีขีดจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเลื่อนเป็นระดับเทพแล้วจะได้เลื่อนระดับพลังช้ามาก และต้องใช้เวลานานกว่าจะก้าวหน้าเพียงเล็กน้อย
เด็กสาวผู้นี้ฝึกปรือมาได้ไม่นานยังไม่มีเวลากลั่นควบประกายเทพของนางเอง
นางจะแข็งแกร่งขนาดไหนกันเชียว?
ขณะที่อู่หวินคิดในใจเพลินๆการรับถ่ายทอดพลังจากเทพีปัญญาของเสวี่ยอู๋เสียเพิ่งจบลง
ขณะที่อักขระรูนทั้งหมดหายไปพลังของเทพธิดาปัญญาทั้งหมดซึมซับอยู่ในตัวเสวี่ยอู๋เสียมีร่างเงาพิเศษที่อู่หวินไม่ทันสังเกตกระโดดออกมาจากอากาศ
ร่างเงาพิเศษนั้นไวกว่าสายฟ้าพันเท่าหมื่นเท่า
หายตัวมาปรากฏด้านหลังเสวี่ยอู๋เสีย
พลังเทพแปลกประหลาดเหมือนกับมีดไหลผ่านมาด้านหลังศีรษะของเสวี่ยอู๋เสียที่แทบไม่มีการปกป้อง
ภายใต้จิตใจที่ผ่อนคลายเต็มที่ไม่ได้เตรียมพร้อมอย่าว่าแต่ใช้พลังเทพลอบโจมตีเลย แต่การรบกวนระหว่างรับตกทอดพลังเทพปัญญาอาจมีผลร้ายที่ไม่คาดคิดตามมา เหมือนอย่างพลังเทพลอบสังหารนี้ เงาร่างที่อยู่ในที่นั้นสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ตอนนี้หัวซานพูดกับอู่หวินด้วยความโมโห“อู่หวิน! เจ้าทำเกินไปแล้ว!”
หัวซานเข้าใจผิดคิดว่าอู่หวินสหายของเขาลงมือลอบสังหารอย่างนั้นเขาโกรธทันที
นี่เป็นการลงมือโจมตีที่น่ารังเกียจเสียหน้าของนักสู้ระดับเทพ!
แม้แต่ตัวอู่เหวินเอง
เขาตระหนักว่าผู้ลงมือลอบทำร้ายอย่างไร้ยางอายนี้ไม่ใช่ตัวเขาเองแต่เงาร่างพิเศษนั้นค่อนข้างจะคล้ายตัวเขาซ่อนตัวลึกในความมืดที่เขาเองไม่สามารถมองเห็นได้! เงาร่างพิเศษนี้ไม่ได้เป็นของตัวเขาเอง เป็นเพียงนักฆ่าที่อยู่ข้างหลังเขา!
บางทีมันอาจชักนำให้เสวี่ยอู๋เสียรู้สึกตัวว่าเขาลอบเข้ามาโจมตีด้านหลัง
หลังจากใช้พลังสำเร็จ
ถ้านางใช้พลังที่ยิ่งใหญ่หลบหนีก็อาจหลบหนีได้
หากนางไม่หลบตอนนี้เป็นโอกาสดีที่สุดที่มือสังหารจะเปิดการโจมตีหรือไม่ สาวน้อยที่กำลังจะตายนี้แม้ว่านางจะเป็นนักสู้ระดับเทพก็ตามแต่ภายใต้สถานการณ์ดังกว่าภายใต้การลอบเร้นจู่โจมมีโอกาสพลาดท่าล้มตายได้เกรงว่าแม้แต่กลุ่มเทพของพวกเขาก็ไม่สามารถช่วยนางได้... อู่หวินคิดเช่นนั้น
เงาร่างทั้งหลายรวมทั้งหัวซานก็มีความคิดอย่างเดียวกัน
การลอบทำร้ายรวดเร็วเกินไป
สายเกินกว่าจะคิดช่วย
ความเหมาะเจาะของเวลานักฆ่าเลือกโอกาสได้เหมาะสมรอให้อีกฝ่ายรับมรดกพลังในช่วงเวลาที่ว่างจากพลังเทพสำนึกเทพที่เพิ่มขึ้นสูงจะหมดไป การพยายามโจมตีอย่างไร้ยางอายคือสาเหตุอันตรายที่ร้ายแรงที่สุด
การตายคือข้อสรุปที่มาก่อนไม่มีพลังในการฟื้นฟู แม้แต่พลังเทพก็เป็นไปไม่ได้
“ฮึ่ม!”
ขณะที่เงาร่างหลายร่างหายไปทันที
ขณะที่มือสังหารลับลงมือจะประสบผล
ทันใดนั้นที่ด้านบนศีรษะของเสวี่ยอู๋เสียมีมือยักษ์สีทองยื่นออกมาจากอากาศ
มือสีทองนี้มีขนาดใหญ่มาก ปรากฏว่ามือสังหารถูกมือยักษ์จับได้อู่หวินและหัวซานตกใจเมื่อพบว่ามือสังหารนั้นตัวเล็กจิ๋วเหมือนหมัด
มือยักษ์สีทองบีบเบาๆ
อู่หวินกับพวกได้ยินเสียงโครงกระดูกหักลั่นอดรู้สึกสั่นสะท้านไม่ได้
ร่างของนักฆ่าระดับเทพหายไปกลายเป็นควันหนาซึมออกมาจากมือยักษ์สีทอง ภายใต้การควบคุมของพลังเทพบางชนิดพุ่งออกไปราวกับประกายไฟฟ้าหรือลูกศรตรงไปที่ทางออกวิหารนำทาง แต่ที่ทางออกไม่รู้ว่ามีสตรีคนหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับเสวี่ยอู๋เสียแต่สูงกว่าสิบเท่ามายืนเงียบๆ ตั้งแต่เมื่อใด
ศิราภรณ์สีทองม่วงที่ประดับศีรษะนางมีประกายสายฟ้า
กระโปรงยาวกลายเป็นพายุพลังเทพ
น้ำแข็งหมุนอยู่ด้านหลังนางตลอดเวลาแสดงให้เห็นพลังเทพและกฎสวรรค์ในปัจจุบันของนาง
ร่างอวตารสตรีเท้าเปล่าไม่มีเวลาในการควบสร้างรองเท้าเทพแต่ยังคงเป็นรูปเท้าสตรี แน่นอนว่านั่นเป็นเท้าของประกายเทพของเสวี่ยอู๋เสีย นางหลอมรวมกับอสูรพิทักษ์เทพธิดาพายุหิมะและพลังของเทพธิดาปัญญา
กล่าวอีกนัยน์หนึ่งนางคือทั้งประกายเทพของเสวี่ยอู๋เสียและอสูรพิทักษ์ของนาง
ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของร่างอวตารภูมิปัญญาของนาง
ไม่จำเป็นต้องมีเจตจำนงของเจ้านาย
เพราะเจตจำนงของเสวี่ยอู๋เสียเป็นหนึ่งเดียวกับนาง
นางได้รับการเลื่อนระดับเป็นเทพธิดาวายุนางเอื้อมมือโดยไม่ต้องสนใจกฎมิติเวลาและดำเนินการอย่างอิสระด้วยพลังแห่งเทพไม่เหมือนใครจัดการนักฆ่าระดับเทพผู้หนีได้เป็นครั้งที่สองออกมาเหมือนกับเห็บหมัดลอดผ่านง่ามมือ
“บึ้ม!”ขุนพลเทพธิดาพายุทุบควันหนาลงกับพื้นและควันหนาสลายหายไปภายใต้พลังเทพเหลือแต่นักฆ่าระดับเทพที่ได้รับความทรมานจากพลังเทพราชันย์นี้ในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาทีแม้แต่มิติเวลาก็ถูกแช่แข็งด้วยพลังเทพนิรันดร์และเทพมือสังหารถูกแช่แข็งอย่างสมบูรณ์
“อย่าได้อาศัยสีดำของท่านเลย ข้าคิดว่าหาท่านไม่เจอแล้ว!” เสวี่ยอู๋เสียถอนหายใจนี่คือคำแนะนำสุดท้ายของนางที่มีต่อเทพมือสังหาร
“.....” อู่หวินและหัวซานอ้าปากค้าง
ฉากการต่อสู้ข้างหน้าพวกเขาเหลือเชื่อจริงๆ
พวกเขาตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
นี่.. นี่เป็นไปไม่ได้!
มนต์วิเศษของเย่ว์ไตตันแห่งหอทงเทียนนี่มันเป็นไปไม่ได้ตามหลักความเป็นจริง
นักฆ่าระดับเทพคนหนึ่งเดินผ่านนักสู้ระดับเทพหลายคนได้กลับถูกสาวน้อยที่เพิ่งเลื่อนเป็นระดับเทพได้ไม่นานทุบโจมตีย่อยยับเหมือนเห็บหมัด?ตาฝาดแน่ๆ
เสวี่ยอู๋เสียยังคงมีหน้าซีดขาวแต่มีรอยยิ้มดูเหมือนว่านางไม่สนใจเกี่ยวกับการโจมตีลอบสังหารของเทพมือสังหารไม่สนใจการมีอยู่ของศัตรูแต่เชิญอาคันตุกะอย่างอู่หวินและหัวซานอย่างเป็นมิตร “อาคันตุกะผู้มีเกียรติพวกท่านไม่ต้องสนใจเรื่องเช่นนี้ เนื่องจากเกิดสงครามขึ้น ตงฟางกบฎแห่งหอทงเทียนฉลาดในการลอบฆ่าข้าคิดว่าเป็นความคิดที่ดีไม่ควรให้ความสนใจกับการล่อลวงที่น่าเบื่อนี้ขอเชิญทุกท่านเยี่ยมชมแดนล่มสลายแห่งทวยเทพต่อ ไม่ต้องไปสนใจแมลงวันตัวเล็กๆน่ารำคาญ สิ่งที่อู๋เสียอยากจะแนะนำทุกท่านก็คือระเบียงเวลาแห่งหอทงเทียนของบรรพบุรุษของเรา
“.....” อู่หวินหลั่งเหงื่อเยียบเย็นและมีความรู้สึกต้องการกลับแดนสวรรค์บนและจะไม่หวนกลับมามองหอทงเทียนที่น่ากลัวนี้อีก! ++++++++++++++++++++++เมื่อนักอ่าน ดองอ่านนักแปล คงต้องดองแปลบ้าง