Chapter 186 Evolution
进化
ในครั้งนี้,ซูเห่าไม่มีแผนให้หยาซานเป็นบุตรแห่งชีวิตก่อนเขา,เพราะทักษะบุตรแห่งชีวิตอันตรายเกินไป,โดยเฉพาะทักษะ“เสื่อมสภาพ.”
เขตแดนเกราะเพชรเองก็แทบจะเป็นเขตแดนไร้เทียมทาน.
ก่อนที่เขาจะเข้าใจทักษะ“เสื่อมสภาพ”อย่างชัดเจน,เขาไม่อาจมอบพลังที่อันตรายเช่นนี้ให้กับอีกฝ่ายก่อนได้.
เจตจำนงของผู้คนบางครั้งก็ควบคุมได้,บางครั้งก็ควบคุมไม่ได้.
ซูเห่าไม่ต้องการทดสอบจิตใจของมนุษย์แต่อย่างใด,แม้แต่จิตใจของตัวเองบางครั้งก็ไม่อาจควบคุมได้เช่นกัน.
ซูเหาเชื่อว่า,จิตใจและวิญญาณแยกออกจากกัน,ไม่จำเป็นต้องเผยทุกอย่างออกมาให้คนอื่นเห็น.
การซ่อนบางอย่างเอาไว้,ไม่ให้คนอื่นเห็นนั้น,ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจ,ทำให้โลกนี้มีสีสันขึ้นด้วย.
หลังจากเตรียมการเสร็จสิ้น,ซูเห่าก็กินเนื้อบุตรแห่งชีวิต,เพื่อวิวัฒนาการ.
ทำไมเขาไม่ออกแบบยีนเปลี่ยนเป็นของเหลวปรับปรุงยีนแล้วฉีดเข้าไปล่ะ,แน่นอนว่าซูเห่าคิดว่าการกินเนื้อนั้นมีความปลอดภัยมากกว่า.
เขายังไม่เชื่อใจเทคโนโลยีของตัวเองเท่าใดนั้น,นอกจากนี้ข้อมูลวิวัฒนาการไปยังขั้นเจ็ดยังมีน้อยมาก,ไม่รู้ว่าหลังจากวิวัฒนาการแล้วจะมีกระบวนการอะไรเปลี่ยนไปหรือไม่?
หากมีข้อมูลเพียงพอ,เขาไม่จำเป็นต้องกินเนื้อก็ได้,เขาย่อมวิวัฒนาการไปตามสิ่งที่เขาต้องการ.
ความง่วงที่โจมตี,และซูเห่าก็หลับไป,หลังจากตื่นขึ้นมา,เขาก็พบกับความแตกต่างอีกครั้ง.
ทักษะความสามารถก่อนหน้านี้ราวกับว่ามันถูกเปลี่ยนไปเป็นสันชาติญาณเรียบร้อยแล้ว,ไม่จำเป็นต้องเพ่งสมาธิควบคุม,สามารถใช้ได้ตามใจแล้ว.
เทียบความแตกต่างเหมือนกับรถที่ขับด้วยมือและรถที่ขับด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์.
การขับด้วยมือ,จำเป็นต้องใช้มือและเท้าควบคุม,เพื่อปฏิบัติการ.
อย่างไรก็ตามระดับขับด้วยปัญญาประดิษฐ์,เพียงแค่ให้คำแนะนำ,ความคิด,การขับก็เป็นไปโดยอัตโนมัติ.
ขั้นเจ็ดของมนุษย์กลายพันธ์เหมือนกับมีระบบปัญญาประดิษฐ์,เพียงความคิดเดียว,ร่างกายก็ตอบสนองอัตโนมัติแล้ว,เป็นกระบวนการที่ซับซ้อน,ไม่เหมือนกับจักรพรรดิปฐพี,หากต้องการสร้างดาบ,ก็จำเป็นต้องหล่อคริสตัลทมิฬขึ้นมาด้วยเอง ด้วยการควบคุมความหนา ความคมและขนาด.
บุตรแห่งชีวิตไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งกับกระบวนการใด ๆ,เพียงแค่จินตนาการ,ก็สร้างดาบขึ้นมาได้แล้ว,มันสามารถกลายเป็นรูปร่างได้ตามใจต้องการ.
ซูเห่าเดาะลิ้นเอ่ยออกมาว่า“นี่คือโปรดแกรมชีวิภาพ,ที่ทรงพลังมาก!”
ยีนใหม่ที่ผสานกันเป็นยีนพิเศษ,ทำให้ได้รับทักษะที่แข็งแกร่งมาก,ทำให้ซูเห่าประหลาดใจไม่น้อย.
นอกจากนี้เกราะคริสตัลทมิฬของเขาก็กลายเป็นคริสตัลใสแล้ว,ด้านในนั้นยังส่องแสงสีขาวใสเรื่อ ๆ ออกมา,ทำให้ไม่อาจมองทะลวงด้านใน,เป็นเกราะซ้อนอีกชั้นด้านใน,นอกจากนี้เกราะใสยังมีความหนาแน่นสูงกว่าเกราะคริสตัลสีดำมาก.
ซูเห่าพยายามทดสอบความแข็งของเกราะเพชร,ดูเหมือนว่าจะมีความหนาแน่นมากกว่าเกราะคริสตัลทมิฬถึง 1.5 เท่า,นอกจากนี้ยังมีความยืดหยุ่นมากกว่าด้วย,นับว่าเป็นขีดจำกัดของเกราะชีวภาพแล้ว.
อย่างไรก็ตามไม่ใช่สิ่งที่ซูเห่าสนใจนัก,สิ่งที่เขาใส่ใจที่สุดคงจะเป็น ทักษะใหม่ของบุตรแห่งชีวิตที่ได้รับมา นั่นก็คือ,เสื่อมสภาพ.
ซูเห่าได้นำหนูทดลองตัวน้อยมา,เริ่มใช้ทักษะ“เสื่อมสภาพ”
มีความผันผวนที่มองไม่เห็นส่งออกมาจากเกราะเพชร,มันเคลื่อนที่ผ่านไปยังร่างของหนูทดลอง,เวลาต่อมาหนูทดลองเริ่มแก่ชราลง,ดวงตาของมันขุ่นมัว,ร่างกายเหี่ยวแห้ง,และตายไปอย่างรวดเร็ว.
ซูเห่าบันทึกกระบวนการทั้งหมด,ก่อนเข้าไปในพื้นที่พินบอล,เพื่อตรวจสอบแยกแยะทักษะดังกล่าว.
ผ่านไปนานเหมือนกัน,ซูเห่าก็ได้รับข้อมูล.
“ด้วยการใช้จิงซีจำนวนมากและพลังชีวิตเป็นค่าใช้จ่าย,ก็สามารถสร้างสนามพลังลึกลับขึ้นมา,คลื่นที่แผ่ออกไปนั้นทำให้เซลล์ล่มสลายอย่างรวดเร็ว,เกิดการคายน้ำอย่างรุนแรง,ทว่าสนามพลังนี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก,แต่ราคาที่ต้องจ่ายกับมีอายุขัยด้วย,เป็นทักษะที่ไม่ค่อยน่าใช้นัก.”
กระบวนการดังกล่าวนี้เป็นทักษะที่ตรงกันข้ามกับทักษะฟื้นฟู,ซึ่งหากซูเห่าต้องการใช้ทักษะนี้เป็นหลัก,จำเป็นต้องศึกษาให้มากกว่านี้,สามารถใช้รูนสร้างสนามพลังแทนได้หรือไม่,โดยที่ไม่จำเป็นต้องผลาญพลังชีวิตของตัวเองไป,เช่นนั้นทักษะ“เสื่อมสภาพ”จะกลายเป็นทักษะที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก.
หลังจากกลายเป็นจุดสูงสุดของลำดับมนุษย์เกราะ,ที่มีทักษะฟื้นฟูที่ทรงพลัง,จุดสูงสุดของการฟื้นฟู,เป็นไปได้ว่าทำให้ได้รับทักษะ,“เสื่อมสภาพมา” นี่คือส่วนกลับของทักษะฟื้นฟูที่ร้ายกาจมาก.
“ต้องศึกษาพัฒนาต่อ”ซูเห่าที่ออกจากพื้นที่พินบอล,ขณะจ้องมองทักษะที่ทรงพลังของตัวเอง.
“บางทีร่างกายนี้ก็แข็งแกร่งเกินไป,ในสภาวะปัจจุบันคงไม่ต้องเพิ่มอะไรแล้วเกี่ยวกับร่างกาย,เปลี่ยนไปพัฒนาส่วนอื่นแทน!”
......
หลังจากนั้นเมื่อซูเห่าฟื้นฟูพลังงานที่หายไป,ก็ส่งข้อความไปหาหยาซาน“หยาซาน,มาหาข้าที่ห้องทดลอง!”
หลังจากนั้นไม่นาน,หยาซานก็มาหาซูเห่า“พี่ใหญ่เหว่ย,ข้ามาแล้ว!”
ซูเห่าเอ่ย“คนของแก๊งสี่ราชาเป็นอย่างไรบ้าง?”
หยาซานเอ่ย“ไม่มีปัญหา,พวกเขากำลังศึกษา,จรรยาบรรณของมนุษย์กลายพันธ์,ไกลี่ใช้เวลาสองเดือนก็สามารถร่วมงานกับพวกเราได้อย่างยอดเยี่ยม,เขามีความสามารถในการเรียนรู้และปรับตัวที่ร้ายกาจมาก,เป็นคนที่มีพรสวรรค์ที่หมื่นปีจะมีสักคน”
ซูเห่าเอ่ย“ศาสดาพยากร,ค่อนข้ามีความสามารถพิเศษ,ตอนนี้ขอบเขตจักรพรรดิปฐพีของเจ้า,ปรับสภาพเป็นอย่างไรบ้าง?”
เอ่ยถึงเรื่องดังกล่าว,หยาซานก็ตื่นเต้นมาก“แข็งแกร่งมาก! การควบคุมพลังของข้าเพิ่มมากขึ้น,ด้วยการใช้ร่วมกับรูนอักขระแล้ว,แทบจะกลายเป็นคนที่ไร้เทียมทานไปแล้ว,ข้าคิดว่าแม้แต่แขนของมนุษย์กลายพันธ์ขั้นเจ็ดก็สามารถหักได้,บุตรแห่งฆาตกรรมนั่น,ข้าคิดว่าไม่น่ากลัว,ขอเพียงเขากล้ามา,บางทีข้าอาจสังหารเขาได้!”
ซูเห่าเผยยิ้ม“ขั้นเจ็ดมนุษย์กลายพันธ์นั้นมีทักษะที่แข็งแกร่งเกินจินตนาการ,อย่างไรก็ตาม,เจ้าเองก็บอกว่า บางทีอาจสังหารเขาได้,หากสังหารไม่ได้ล่ะ? ไม่ใช่ว่าเจ้านำคนอื่น ๆ ไปหาความตายหรอกรึ?”
หยาซานเผยยิ้มอักอ่วน“พี่ใหญ่เหว่ยพูดถูก.”
จากนั้นเขาก็เอ่ยออกมาว่า“พี่ใหญ่เหว่ย,พวกเราได้รับข้อมูลที่แน่นอน,บุตรแห่งฆาตกรรมนั้นไล่ล่าสังหารมนุษย์กลายพันธ์เป็นเรื่องจริง,มนุษย์กลายพันธ์ที่เมืองอันเหลียงถูกสังหารไปจนหมด,ไม่มีคนส่งข่าวออกมา,ดังนั้นตอนนี้พวกเราไม่อาจบอกได้ว่าบุตรแห่งฆาตกรนั้นอยู่ที่ใด,ไม่รู้ว่าไปปรากฏที่เมืองใด,อาจจะมาที่เมืองเราหรือไม่ก็อาจเป็นไปได้,นอกจากนี้มนุษย์กลายพันธ์หลายคนได้ยินข่าวแล้ว,รู้สึกหวาดกลัว,จนเดินทาออกจากเมืองซือหลิน มุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออกแล้ว.”
ซูเห่าพยักหน้ารับ”ระมัดระวังเอาไว้ให้ดี,อย่าได้ประมาท,หากสถานะการณ์ไม่ดีก็เตรียมอพยพทันที.
ซูเห่าที่ครุ่นคิดในใจ“บุตรแห่งฆาตกรรมไม่ว่าจะไปทางใหน,ข้าต้องหารให้เจอ,มันคงไม่ดีนักหากให้อีกฝ่ายมาถึงหน้าบ้าน.”
อย่างไรก็ตามซูเห่าไม่เร่งรีบนัก,เขายังไม่มีข่าวของอีกฝ่ายเลย,หากได้พบกับอีกฝ่ายก็ดีอาจสามารถนำมาศึกษาวิจัยได้.
หยาซานที่ราวกับนึกอะไรได้จึงเอ่ยออกมาว่า“พี่ใหญ่เหว่ย,วิชายุทธ์ของไท่นี่ไปถึงขีดจำกัดสูงสุดแล้ว,เธอถามข้าทุกวันว่าวิวัฒนาการได้รึยัง,จนแทบไม่เป็นอันทำงาน,ท่านคิดว่าจะให้เธอวิวัฒนาการหรือไม่?”
ซูเห่าขมวดคิ้วไปมา,รู้ว่าหยาซานต้องการให้บุตรสาวตัวเองมีความสามารถปกป้องตัวเอง,จึงเอ่ยออกมาว่า“เกือบลืมว่าสาวน้อยยังไม่วิวัฒนาการ! แล้วเธอเลือกลำดับอะไร?”
หยาซานเอ่ย“เธอบอกว่าต้องการกลายเป็นจักรพรรดิปฐพี.....”
ซูเห่าพยักหน้ารับ“จักรพรรดิปฐพีก็ไม่เลว,เจ้าให้เธอเตรียมตัว! อย่างไรก็ตาม,เจ้าต้องคิดให้ดี,บุตรแห่งฆาตกรรมกำลังไล่ล่าสังหารมนุษย์กลายพันธ์อยู่,การให้ไท่นี่วิวัฒนาการเวลานี้,ไม่ใช่ว่าทำให้เธอเสี่ยงภัยหรอกรึ?”
หยาซานเอ่ย“ข้าเข้าใจที่พี่ใหญ่เหว่ยเอ่ย,ทว่าไท่นี่ต้องการบินได้,หากต้องพบกับบุตรแห่งฆาตกรรมจริง,ก็คงทำอะไรไม่ได้,นอกจากนี้ข้าคิดว่ากับความวุ่นวายในอนาคต,อย่างน้อยก็ควรให้เธอมีความสามารถปกป้องตัวเองสักเล็กน้อยก็ยังดี.”
ซูเห่าพยักหน้ารับ“เจ้าจัดการตามสมควร!”
“ใช่แล้วหยาซาน,ข้าเพิ่งไปเมืองฮุยหยางมา,พบว่ามีขั้นเจ็ดมนุษย์กลายพันธ์ลำดับมนุษย์เกราะ,บุตรแห่งชีวิตอยู่ที่นั่น,ข้าได้เนื้อกลับมาแล้ว,หากเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว,สามารถวิวัฒนาการเป็นบุตรแห่งชีวิตเวลาใหนก็ได้.”
หยาซานที่ดวงตาเบิกกว้างกลมโต,เอ่ยเสียงสั่น“อะ...อะไรนะ? พี่ใหญ่เหว่ย,ข้าได้ยินไม่ชัด.”
ซูเห่าเอ่ย“เมืองซือหลินนับว่าเป็นเมืองที่ดี,ทว่าเล็กไปหน่อย,เวลานี้ที่เมืองฮุยหยางมนุษย์กลายพันธ์ขั้นเจ็ดตายกันไปหมดแล้ว,หลังจากเจ้ากลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ขั้นเจ็ด,ให้นำคนของแก๊งซือหลินที่ไว้ใจได้,เพิ่มความแข็งแกร่งแล้วไปยึดครองที่นั่นซะ!”
หยาซาน“.....”
เรื่องราวที่เกิดขึ้นทันทีทันที,ทำให้หยาซานต้องยกมือถูขมับไปมา.