ตอนที่ 1264 แปลงร่าง!
เมื่อได้ยินเสียงนี้ขุนพลเทพเทียนเฉิงสีหน้าเปลี่ยนทันที
เจ้าอ้วนไห่ และเย่คงและคนอื่นๆ
ตะลึงเป็นไก่ตาแตก
นี่คือตงฟางหรือ? คนทรยศหอทงเทียนเมื่อหมื่นปีก่อน?คนเลวอย่างนี้กลายเป็นนักสู้ระดับเทพได้หรือ?
นอกจากนี้ยังมีทักษะแฝงเร้นที่ผิดธรรมดา นี่ไม่มีเหตุผลชัดๆ คนแข็งแกร่งทรงพลังไม่ธรรมดานี้ไม่ยอมปกป้องดินแดนมาตุภูมิ เขากลับยินยอมทรยศด้วยตัวเองและนำคนต่างถิ่นกลับมาบุกดินแดนมาตุภูมิของตนเอง เจ้าผู้นี้เป็นโรคจิตหรือเปล่า?
ขุนพลเทพเทียนเฉิงคุกเข่าทันที
เขาหลั่งเหงื่อเยียบเย็นและในดวงตามีแววหวาดกลัวไม่มีที่สิ้นสุด
เขากำลังสั่น
วิญญาณของเขา
ใกล้พังทลาย
ด้วยทัศนคติที่เคร่งครัดและเคารพเขาคุกเข่ากล่าวพร้อมกับหมอบศีรษะแนบพื้น
“เทียนเฉิง! ข้าให้โอกาสเจ้าเพราะความพยายามของเจ้า! เจ้าต้องจำไว้ว่าในโลกนี้มีคนมากมายที่มีพลังอำนาจและผู้คนมากมายที่ต้องการโอกาสหากมีคนไม่เต็มใจจะเป็นตัวหมากของข้าและต้องการกระโดดออกจากกระดานหมากรุก เขาจะถูกทำให้เป็นหมากที่ถูกทิ้ง ยิ่งไปกว่านั้นในโลกนี้ไม่มีปัญหาการขาดแคลนตัวหมากที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ทุกๆ วินาทีมีตัวหมากมากมายพวกเขาพร้อมอาสารับใช้ผู้บัญชาการตัวหมากไม่รู้จักสิ้นสุดนี่คือโอกาสสุดท้ายที่ข้ามอบให้เจ้า และยังเป็นคำแนะนำสุดท้ายสำหรับเจ้าถ้าเจ้าไม่มีความสามารถในการเล่นหมากรุก เจ้าก็ต้องมีส่วนร่วมเป็นประจำ ในฐานะที่เป็นตัวหมาก ตัวหมากไม่มีความคิดใดๆ หากตัวหมากรุกมีความคิดนั่นไม่ใช่เรื่องดีถ้าตัวหมากมีความคิดของมันเองก็หมายความว่ามันอยู่ไม่ห่างจากการเป็นหมากที่ถูกทิ้ง” เสียงที่ดังมาจากท้องฟ้านั้นดังเบามากแต่ส่งผลกระทบต่อจิตใจขุนพลเทพเทียนเฉิงรุนแรง เขากลัวจนไม่กล้าเคลื่อนไหวได้แต่คุกเข่าในท่าที่เคารพที่สุดและทำให้ใจของขุนพลเทพสงบลง นั่นคือไฟแห่งการทำลายล้าง
เสียงที่ดังมาจากท้องฟ้านั้นไม่ได้จำกัดอยู่ที่ขุนพลเทพเทียนเฉิงเท่านั้น
ทันทีที่พูดจบเสียงก็หายไปไม่เหลือร่องรอย
เหมือนกับว่าไม่เคยปรากฏมาก่อน
อย่างไรก็ตามหน้าของขุนพลเทพเทียนเฉิงเปลี่ยนไป ทัศนคติของเขาเปลี่ยนไป เขากลายเป็นคนบ้าคลั่งและกระหายเลือดทันที
เขายืนขึ้นช้าๆและมองตาเจ้าอ้วนไห่และเย่คงและคนอื่นๆ ดวงตาของเขากลายเป็นสัตว์ร้ายกระหายเลือด “ข้าเทียนเฉิง มีคุณสมบัติได้เป็นหมากตัวหนึ่งศัตรูทั้งหมดที่ขวางอยู่หน้าข้า ต้องตาย!”
“เจ้าบ้าไปแล้ว!” เจ้าอ้วนไห่ร้องลั่น
“ใช่, ข้าบ้าไปแล้ว เจ้าผลักดันให้ข้าบ้าคลั่ง! เดิมทีข้ามีคุณสมบัติเป็นหมากตัวหนึ่ง ข้าไม่มีความคิด แต่เจ้าทำให้ข้ามีความคิด สำหรับคนที่เป็นหุ่นเชิดมานานนับพันปี นี่เป็นเรื่องอันตรายมากมันเกือบทำลายชีวิตและตระกูลของข้าได้ทั้งหมด! ตอนนี้ข้าต้องการบอกพวกเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย และบอกพวกเจ้าเป็นคำสุดท้าย พวกเจ้าเหลือเวลาเพียงสิบนาทีสุดท้าย!”
ขุนพลเทพเทียนเฉิงพูดจบ มือของเขาสั่น
ขุนศึกแดนสวรรค์ที่อยู่บนพื้นทุกคนเปล่งแสงสีแดงประหลาด
เหมือนกับว่ากำลังคายความร้อน
งดงามเหมือนดอกไม้
สีหน้าของนักรบแดนสวรรค์เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงสีหน้าที่ยินดีสนุกสนานเพลิดเพลิน แต่หน้าของพวกเขาแข็งเหมือนรูปปั้น
แม้ว่านักรบหญิงแห่งเผ่าซัคคิวบัสจะทำร้ายพวกเขาล้มลงแต่สีหน้าของพวกเขาที่ล้มลงบนพื้นไม่มีอาการรู้สึกเจ็บปวดแม้แต่น้อย เหมือนมีความรู้สึกตื่นเต้นยินดีไม่รู้จักจบสิ้น
สีหน้าของพวกเขามีความสุขมิอาจบรรยายได้
เทียบกับบุรุษและสตรีพวกเขามีความรู้สึกคลั่งไคล้มากยิ่งกว่า
ถ้ากองทัพผสมจากแดนสวรรค์ เจ้าอ้วนไห่และพวกพ้องคิดว่าคงเป็นนักรบซัคคิวบัสใช้ความสามารถในการตรึงวิญญาณ แต่นักรบแดนสวรรค์ทั้งหมดเป็นแบบนี้ฉากภาพนั้นแตกต่างจริงๆ ฉากภาพเห็นแล้วอดหนาวยะเยือกไม่ได้ ไม่ถึงสามวินาทีนักรบซัคคิวบัสทั้งหมดก็มีปฏิกิริยา แม้ว่าพวกทหารที่มีตาแดงก็ดูน่าหวาดกลัว... “ถอย นี่เป็นการเสียสละ!” นางพญาซัคคิวบัสสั่งคนในเผ่าให้ถอยทันที
“รีบหนีไปจากที่นี่ ไปที่หอทงเทียนชั้นที่สี่จะมีคนออกมาพบเจ้า” องค์ชายเทียนหลัวไม่สนใจเปิดเผยสถานการณ์ทางทหาร อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถปกปิดเรื่องนี้ได้เป็นเวลานานดังนั้นเขาแจ้งให้ทุกคนทราบเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตงฟางมีทักษะแฝงเร้นทำทุกอย่างบนโลกให้เป็นหมากรุกเป็นไปไม่ได้ที่ส่งเผ่าพันธุ์ซัคคิวบัสย้ายไป อย่างไรก็ตามเมื่อตั่วตั่วนำแผนนี้ให้สุ่ยตงหลิวดำเนินการก็ไม่มีความคิดจะซ่อนจากหูตาทหารแดนสวรรค์อยู่แล้ว
“ไม่มีใครไปไหนได้ทั้งนั้น พวกเจ้าต้องตายกันทั้งหมด” ขุนพลเทพเทียนเฉิงชูมือสูง แสงสีแดงเชื่อมกับมือของเขาพลังชีวิตนับไม่ถ้วนเข้ามารวมอยู่ในฝ่ามือเหนือศีรษะของเขา
ทหารแดนสวรรค์เกือบหมื่นคนเหมือนกับดอกไม้บาน
ในพริบตาเดียว
ในที่สุดพลังชีวิตของทหารแดนสวรรค์ทุกคนถูกดึงดูดไปรวมอยู่ที่ฝ่ามือของขุนพลเทพเทียนเฉิง ร่างทหารแดนสวรรค์กลายเป็นซากแห้งล้มลงกับพื้นศีรษะแขนขากระจัดกระจาย
ขุนพลเทพเทียนเฉิงดูดเอาพลังชีวิตของคนหมื่นคนแทนที่จะโลภกลืนกินเหมือนกับนักสู้แดนสวรรค์คนอื่นๆ เขากลับบิดพลิกส่งบอลพลังชีวิตสีแดงและซัดไปที่ร่างเจ้าอ้วนไห่ เย่คง เสวี่ยทันหลางองค์ชายเทียนหลัวและพี่น้องตระกูลหลี่
เจ้าอ้วนไห่และพวกโดดออกจากระยะการโจมตี
แต่กลุ่มบอลพลังงานสีแดงเหมือนเชื้อเกาะกระดูกไม่สามารถกระแทกกระจายให้หายไปได้
กลุ่มพลังงานปีศาจที่รวดเร็วนี้ไล่ติดตามพวกเขาทันทีที่ชนร่างเจ้าอ้วนไห่ เย่คงและคนอื่นๆ ก่อให้เกิดผลร้ายต่อร่างกายลับๆ ทันที
มลพิษนี้ไม่มีผลต่อร่างกายของเจ้าอ้วนไห่กับพวก แต่พรของป่าโบราณและหนามป่าโบราณที่ตั่วตั่วมอบให้เริ่มจางหายไปอย่างรวดเร็วเหมือนสายน้ำ ขุนพลเทพเทียนเฉิงกำจัดพรของเทพธิดาบุปผาตั่วตั่วได้สำเร็จด้วยการสังเวยชีวิตนี้ เพียงแต่คุณค่าที่ต้องจ่ายออกไปก็คือชีวิตของทหารแดนสวรรค์เกือบหมื่นคน
“เจ้าบ้าคลั่งไปแล้ว!” เจ้าอ้วนไห่ถอนหายใจเบาๆ เขาเดาผลของการกระทำของฝ่ายตรงข้ามได้
“ตอนนี้ ข้าคือหมากที่ไม่มีความคิด เพื่อชัยชนะข้าทำได้ทุกอย่างที่ข้าต้องการ และเพิกเฉยต่อทุกสิ่งได้ นี่คือสิ่งที่ข้าจำเป็นต้องทำ!” ลึกลงไปในสายตาของขุนพลเทพเทียนเฉิงมีแววเจ็บปวดลึก
แต่ในไม่ช้า
กลับถูกแทนที่ด้วยความป่าเถื่อนกระหายเลือด “ตาย! พวกเจ้าสูญเสียพลังพรของเทพไปแล้วเป็นไปไม่ได้ที่จะต้านรับข้าได้ถึงสามนาที!”
นอกจากชั้นเจ็ดหอทงเทียนแล้วยังมีเกาะอัคคี
เผ่าทะเลสถานที่ซึ่งเย่ว์หยางกับไห่หลานพบกันครั้งแรกความทรงจำในชีวิตที่ทรงค่ามากที่สุดของจักรพรรดินีสมุทรคนใหม่
ในสถานที่นี้นางไม่เพียงแต่ได้พบกับบุรุษที่สำคัญที่สุดในชีวิตแต่เป็นเพราะเขาทำให้นางโชคดีได้รับการยอมรับจากบิดานางจักรพรรดิสมุทร ได้รับมรดกจากจักรพรรดิสมุทร นางคือธิดานอกสมรสผู้โดดเดี่ยวเดียวดายแห่งเผ่าทะเลแต่ได้กลายเป็นจักรพรรดินีสมุทร! ตั้งแต่วันที่นางพบกับเขาชีวิตของนางเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงนางได้เริ่มต้นเส้นทางแห่งจักรพรรดินีสมุทรซึ่งตัวนางเองมิกล้าคิดฝัน... เกาะอัคคีนางรู้ว่าเป็นสถานที่โชคดีของนาง
ที่นี่ครั้งหนึ่งในชีวิตของเขาเขาได้รับอุทกแม่ธรณีหมื่นปีช่วยเร่งอัตราความก้าวหน้าพัฒนาฝีมือของเขาเป็นไปอย่างก้าวกระโดด
จนกระทั่งเขาเข้าสู่ดินแดนมิติฝึกฝีมือ
เสร็จสิ้นการฝึกฝนออกมาแล้ว
ศักยภาพของอุทกแม่พระธรณีหมื่นปีที่ผนึกอยู่ในร่างกายของเขาก็ยังไม่ถูกดึงดูดออกมาใช้เต็มที่
สมาชิกครอบครัวและสหายที่ไม่ยอมรับที่นี่หรือสมบัติและผลประโยชน์ลับที่มีอยู่ที่นี่นางจำสถานการณ์ที่มีความรักอยู่กับเขาที่นี่นางไม่ลืมทะเลครามเกาะเพลิงแห่งนี้... ที่นี่เทียบได้กับหมู่เกาะฝนดาวตกแห่งหอทงเทียน เทียบได้กับวังสมุทรที่งดงาม
นางชอบที่นี่
เกาะอัคคี
เกาะเล็กๆเต็มไปด้วยความทรงจำในชีวิตของนาง บ้านน้อยที่อบอุ่น นางยิ้มทุกครั้งที่คิดถึง
อย่างไรก็ตามเมื่อไห่หลานพาสหายของนางรีบเร่งไปถึงเกาะที่ครั้งหนึ่งเคยสวยงามและเปลี่ยนโชคชะตานางให้กลายเป็นโชคดีและเป็นการเดินทางที่มีความสุขนางพบว่ามันกลายเป็นเกาะที่มีไฟลุกไหม้ ภาพอาคารที่ปรากฏให้เห็นถูกเปลวไฟเผาไหม้รุนแรง และเรือที่ลอยลำอยู่เป็นหมื่นถูกไฟเผาไหม้ลามเลียควันม้วนตัวหนาทึบเหมือนปากปีศาจกลืนกินท้องฟ้าเหนือทะเลทะเลสีฟ้าบริสุทธิ์บัดนี้กลายเป็นสีแดงเพลิง
นั่นคือภาพที่ปรากฏต่อสายตาไห่หลานในตอนนี้
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุดการรอคอยของข้าก็จบลง สิ่งมีชีวิตในหอทงเทียนนี่มันเป็นยังไงกัน? เป็นกลุ่มพวกไม่มีสมองใช่ไหม? เพราะอาคารที่ถูกทำลาย และบางอย่างที่ตายแล้วถึงกับต้องเสี่ยงชีวิตเข้ามา ในโลกนี้มีอะไรสำคัญยิ่งกว่าชีวิตพวกมันบ้างไหม? ช่างมันเถอะ!ข้าไม่ต้องการสำรวจพื้นฐานเรื่องแบบนี้อย่างลึกซึ้งมากนักมีคำพูดกล่าวว่าอย่าพยายามเข้าใจความคิดของคนโง่ เพราะนั่นเป็นแค่เพียงปริศนา!” ขุนพลเทพที่ซ่อนตัวอยู่ในเปลวไฟควันไฟมองเห็นสามสาวไห่หลาน ไป่ลู่และสาวยักษ์ลี่เยี่ยนบินเข้ามาใกล้ เขากระโดดออกมาจากเปลวไฟด้วยความยินดีทันที
“.....” ไห่หลานไม่ได้มองเขา แต่น้ำตาไหลมองดูเกาะที่ถูกไฟแผดเผา
“ข้าชื่อเทียนถง ถ้าพวกเจ้าไม่อยากสู้อย่างนั้นเราขุนพลเทพจะลงโทษพวกเจ้าแค่เพียงเล็กน้อย แต่ถ้าเจ้าไม่เชื่อฟังแต่โดยดี ข้าไม่รังเกียจที่จะบอกพวกเจ้าว่าทัณฑ์สวรรค์คืออะไร!” ขุนพลเทพผู้อ้างตัวว่าชื่อเทียนถงประกาศตัวเองด้วยท่าทีสบายๆราวกับเป็นบิดาหรือญาติผู้ใหญ่ของจักรพรรดินี
“เลวจริงๆ ข้าจะเลาะเอากระดูกเจ้าออกมา!” หัวหน้าลี่เยี่ยนไม่ได้พูดในฐานะหัวหน้ามานานแล้วตอนนี้ดูเหมือนนางโกรธจริงๆ
“โอว, ขึ้นอยู่กับเจ้าคนเดียวหรือไง?” ขุนพลเทพพบว่าสาวน้อยผู้นี้หนึ่งในฝาแฝดที่อยู่ด้านหลังจักรพรรดินีสมุทรมีรูปร่างเป็นสาวน้อยอ่อนแอและอ่อนโยน ญาติผู้ใหญ่ในตระกูลไม่ได้สอนไว้หรือไงว่าความกลัวคืออะไร?
“แปลงร่าง!” หัวหน้าลี่เยี่ยนสวมเกราะรบพญาเต่าดำที่เย่ว์หยางสร้างให้เป็นพิเศษนางคืนสภาพสาวยักษ์ทันที
ในมือของนางถือเสาเจ็ดดาวจักรพรรดิอวี้ที่เย่ว์หยางเตรียมไว้ให้ทุกคนได้ฝึก
และหวดเสาเจ็ดดาวลงที่ศีรษะ
ขุนพลเทพเทียนถงมัวแต่ยืนตะลึงไม่มีเวลาสนองตอบแต่ไม่ทันยับยั้งเสาที่ฟาดใส่ศีรษะจนจมลงไปในพื้น