ตอนที่ 1263 ไม่มีใครหลบหนีได้!
“ไม่ต้องพูดถึงการควบคุมพลังยักษ์ชะตาหรือการพัฒนาศักยภาพที่ไม่มีที่สิ้นสุดของเจ้าตราบใดที่เจ้าสามารถตื่นตัวอยู่ได้และควบคุมพลังยักษ์ชะตาหลายกิโลเมตรได้ก็เพียงพอต่อการเอาชนะตงฟางได้” จื้อจุนผู้มีจักษุทิพย์สามารถเข้าใจวิธีการที่แท้จริงและตัดสินเย่ว์หยางได้
“ตามความเร็วในการฝึกฝนของข้า ท่านคาดว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะควบคุมพลังยักษ์ชะตาที่สูงเป็นกิโลเมตรได้?” เย่ว์หยางถาม
“สามปี” จื้อจุนลังเลเล็กน้อย
“ตอนนี้เรามีเวลามากเท่าใด?” เย่ว์หยางเมื่อได้ยินที่หน้าผากมีเหงื่อผุดขึ้นทันที
“ด้วยความสงสัยระแวงของตงฟางอย่างมากเรามีเวลาเพียงสามวัน” จื้อจุนพูดเย่ว์หยางแทบเป็นลม
ภารกิจใช้เวลาอย่างน้อยสามปีจะทำให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ในสามวันได้อย่างไร? ต่อให้เขาเป็นอัจริยะที่ผิดมนุษย์ธรรมดาก็ตาม แต่เขาไม่มีความสามารถขนาดนี้! นี่ยากเกินไปเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์!
เพื่อแลกวลา
เย่ว์หยางยอมได้
นี่ไม่ใช่ปัญหาในเรื่องความขยันพยายามและทัศนคติ เขาจะทำอะไรได้ในสามวันนี้? ต่อให้ทุกวินาทีแบ่งออกเป็นสิบส่วนแต่ละส่วนก้าวหน้าได้ครั้งหนึ่งและในเวลาสามวันจะให้เชี่ยวชาญเท่ากับพลังฝึกปรือสามปีก็ยังไม่สามารถทำได้ ในการนับจริงๆ เย่ว์หยางรู้สึกว่าต้องมีเวลาพักกินพักเล่นสนุกเหมือนอย่างที่ทำ สามปีก็ยังทำไม่ได้! นอกจากนี้ตัวของเขาเองยังฝึกได้แม้ว่าจะหลับไปแล้ว ในดินแดนแห่งความฝันถ้าเป็นคนอื่นคงหลับอย่างสูญเปล่า
ถ้าเขาต้องการทำเช่นนี้เขาไม่ต้องเริ่มจากจุดเริ่มต้นใหม่เหมือนกับเป็นเศษขยะ และตอนนี้ถ้าจะเริ่มต้นในขอบเขตพลังระดับเทพ อย่างนั้นจะควบคุมยักษ์ชะตาที่ร่างใหญ่โตมโหฬารได้หรือไม่?
“.......” เย่ว์หยางอยากจะพูดในแง่ดีว่านี่เป็นงานขนมมากเขาใช้เวลาครึ่งวัน แต่คำพูดโอ้อวดนั้นมิได้ออกมา
“เย่-อวี่ (จักรพรรดินีราตรี)สละชีวิตนางสู้เพื่อเจ้าได้สามวัน เพื่อดึงดูดความสนใจของศัตรู นางจึงเปลี่ยนนิสัยการต่อสู้ตามปกติไปเผชิญหน้ากับนักสู้ระดับเทพที่ทรงพลังของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ด้วยทัศนคติที่แข็งกร้าว ถ้าควบคุมพลังชะตาได้ไม่ทันเวลาอย่างนั้นนางคงตายแน่นอน เพราะด้วยศักดิ์ศรีของนาง นักสู้ระดับเทพทั้งสามนั้นเคยฆ่าองค์หญิงประกายดาวมาแล้วทั้งตงฟางและเทียนอี้ไม่ยอมปล่อยให้นางได้เลื่อนระดับเป็นนักสู้ชั้นเทพแล้วยังมีชีวิตอยู่ในบันไดสวรรค์” คำพูดของจื้อจุนทำให้เย่ว์หยางไม่มีทางบอกปัดหลบเลี่ยงได้
พยายามอยู่สู้อย่างเต็มที่มีโอกาสพ่ายแพ้มาก
อย่างไรก็ตามถ้าเขาไม่กล้าแม้แต่จะสู้และนั่งงอมือรอความล้มเหลว เขายังจะเป็นลูกผู้ชายอีกหรือ?
แม้ว่าจื้อจุนจะยกมาแค่จักรพรรดินีราตรีมาเป็นตัวอย่าง แต่ในความเป็นจริงยังคงมีเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรวมอยู่ด้วย หากพวกนางล้มเหลวก็จะตายกันทั้งหมด.... นอกจากนี้ยังมีฝ่าบาทที่เป็นผู้ปกป้องทางเขาแดนล่มสลายแห่งทวยเทพที่แท้จริงแม่สี่ที่หาทางกลับบ้านและซวงเอ๋อก็ไม่มีข้อยกเว้น
ในกรณีนี้แม้ว่าเขาจะใช้เวลาสองสามปีหรือเป็นสิบปีแล้วชนะได้ในที่สุด
แต่จะมีความหมายอะไร?
“ข้า....” เย่ว์หยางกำหมัดแน่นเพื่อปกป้องความสุขที่สร้างขึ้นอย่างยากลำบากเพื่อปกป้องรอยยิ้มพิมพ์ใจของทุกคน สามวันก็สามวัน ถ้ายังมีความหวังเขาต้องอดทน แม้จะเป็นวินาทีเดียว เขาจะถนอมเอาไว้และไม่ยอมสูญเสียไปง่ายๆต่อให้ยากลำบากก็ต้องทำ!
“ข้าทำได้! ต้องทำให้ได้! ภายในสามวันข้าต้องควบคุมพลังยักษ์ชะตาให้ได้ ข้าจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง!”
ข้าคือใคร
“ข้าคุณชายสามตระกูลเย่ว์แห่งหอทงเทียนถูกขนานนามว่าเป็นอัจฉริยะที่ไม่ธรรมดามาหลายปี ข้าคืออัจฉริยะที่สร้างปาฏิหาริย์ไว้มากมายข้าคืออัจฉริยะที่ยากพบพานในรอบหลายพันปี ไม่, ต่อให้ข้าเป็นคนธรรมดา หรือเป็นสวะตราบใดที่ยังมีความหวัง ตราบใดที่ข้าเชื่อมั่นในปาฏิหาริย์ เชื่อมั่นในโชคชะตาข้าจะควบคุมชะตานั้นไว้ด้วยมือของข้าเอง ข้า ข้าคือเจ้าของชะตา ไม่ใช่ทาส ข้าคือเจ้านายของชีวิตตัวเอง ข้าจะควบคุมทั้งหมดด้วยตัวข้าเอง ข้าทำได้!”
เย่ว์หยางตะโกนกู่ก้องฟ้าราวกับฟ้าคำราม
ร่างของเขาสั่นด้วยความตื่นเต้น
นั่นไม่ใช่ความกลัว
แต่เป็นพลังปณิธานที่แผดเผาจนเกินขีดจำกัดพลังชีวิตปะทุขยายออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ในตอนนี้จื้อจุนมองดูนัยน์ตาของเขามีความรู้สึกพอใจและโล่งใจ เพื่อกระตุ้นให้เขาเกิดแรงบันดาลใจก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้นภารกิจของนางยากกว่าจักรพรรดินีราตรีเป็นร้อยเท่า
จักรพรรดินีราตรีไม่อาจล้มเหลว นางล้มเหลวไม่ได้
จักรพรรดินีราตรีหลังจากทุ่มเทต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งล้มเหลวอย่างดีก็แค่จักรพรรดินีราตรีตายคนเดียว แต่ถ้านางล้มเหลวในการขัดขวางศัตรู อย่างนั้นผลที่ตามมาจะทำให้สูญเสียพ่ายแพ้กันหมด สาวๆ ที่ติดตามเขาอาจไม่มีใครเหลืออยู่เนื่องจากความพ่ายแพ้ดังกล่าวอาจทำให้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหัวใจของเขา ไม่ต่อไปเขาจะเติบโตกล้าแข็ง และอาจกลายเป็นปีศาจบ้าเลือดเข่นฆ่าชาวสวรรค์และถูกผนึกโดยมหาเทพโบราณในที่สุด และไม่มีโอกาสออกมาได้
ผลลัพธ์แบบนั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาหรือทุกคนต้องการ
โชคดีที่เขาไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังแม้แต่งานที่ยากและท้าทายที่สุด เขาไม่กลัวที่จะท้าทาย
ด้วยความคิดเช่นนี้ด้วยแรงบันดาลใจเช่นนี้ ด้วยความยืนกรานเช่นนี้เขาจะประสบความสำเร็จได้ในที่สุด เพราะนี่จะเป็นหนึ่งในปาฏิหาริย์นับไม่ถ้วนที่สร้างขึ้นมาในชีวิตของเขา
พวกที่ยึดติดกับโชคชะตาของตนเองจะไม่มีทางถูกโชคชะตาตนเองทอดทิ้ง
เพราะเขาเป็นเจ้าแห่งโชคชะตาตนเอง!
“เจ้าจะประสบความสำเร็จ เพียงแต่เจ้าเชื่อมั่นในปาฏิหาริย์ของเจ้า ตราบเท่าที่เจ้ามีความหวังนิรันดรในหัวใจของเจ้า เจ้าจะไม่มีวันพ่ายแพ้ล้มเหลว” จื้อจุนอ้าแขนโอบเขาไว้อย่างอ่อนโยนสนับสนุนเขาด้วยความรู้สึกสบายใจ “ข้าจะช่วยเจ้าเช่นกันแค่ใช้วิธีลับที่มารดาเจ้าสอนข้าไว้ ทุกคนทุกคนจะสนับสนุนเจ้า... เจ้าจะต้องประสบความสำเร็จ!”
เย่ว์หยางเงยหน้ามองท้องฟ้า
เขากลัวว่าถ้าก้มหน้าลงพลังใจและแรงฮึดจะลดลง
มีภาพสลัวเบาบางปรากฏในสายตาอยู่สูงในท้องฟ้ากำลังยิ้มหวานให้เขามองมาทางตัวเขา เขางงงวยไม่สามารถเห็นนางได้อย่างชัดเจนเป็นภาพเลือนรางไม่ชัดเจนเหมือนกับภาพที่เห็นโดยบังเอิญหรือภาพฝัน เงาภาพคนรัก
ท่านแม่ นั่นท่านหรือเปล่า?
ท่านมักมองข้าอยู่บนท้องฟ้าอยู่เสมอหรือ?
ตำหนักซัคคิวบัส หุบเขาฝันปริศนา หอทงเทียนชั้นที่เจ็ด
เจ้าอ้วนไห่ เย่คงเสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวและสหาย เมื่อพวกเขามาถึงตำหนักซัคคิวบัสหุบเขาฝันพิศวงก็พบเจอสนามรบที่นองเลือดทหารแดนสวรรค์นับพันบุกตะลุยเข้ามาเหมือนกับสายน้ำโจมตีประตูใหญ่ตำหนักซัคคิวบัส ต่างจากกองกำลังต่อต้านที่ไม่อาจต้านทานได้อย่างป้อมสายฟ้าหอทงเทียนเผ่าซัคคิวบัสภายใต้การนำของนางพญาซัคคิวบัสและสี่ผู้อาวุโสต่างต้านทานได้เป็นอย่างดี
จิตวิญญาณที่ห้าวหาญเที่ยงธรรมนี้ทำให้บุรุษอย่างเจ้าอ้วนไห่และเย่คงรู้สึกละอายใจ
มีอยู่เพียงไม่กี่เผ่าพันธุ์ในหอทงเทียนที่กล้าต่อต้านการรุกรานจากแดนสวรรค์
เขาเกรงว่านั่นเป็นเพียงทหารกองทัพผสมที่บุกรุกเข้ามา
ยังไม่ใช่กองทัพชั้นสูงจากตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์
ในท่ามกลางเสียงร้องเข่นฆ่าเผ่าพันธุ์ซัคคิวบัสและทหารแดนสวรรค์ต่างล้มลงนับไม่ถ้วน สถานการณ์การต่อสู้แสดงให้เห็นถึงการยันกำลังกันทั้งสองฝ่ายต่างกัดฟันต่อสู้ไม่ยอมถอยหนี
เผ่าพันธุ์ซัคคิวบัสต่างต่อสู้เพื่อปกป้องบ้านเกิดตนเอง ขณะที่ทหารแดนสวรรค์ยืนอยู่ได้เพราะด้านหลังของเขามีขุนพลเทพอีกคนหนึ่งหนุนหลัง
ขุนพลเทพเทียนเฉิง
เขาตั้งใจมาที่นี่ตั้งใจมายังตำหนักซัคคิวบัสที่มีนางพญาซัคคิวบัสเพราะอสูรพิทักษ์ของสุดยอดนักสู้อย่างเทียนฟาคนผู้นี้เป็นนักสู้ระดับขุนพลเทพ หนึ่งในสิบแปดขุนพลเทพของตงฟาง ขุนพลเทพเทียนเฉิงไม่ได้ทรงพลังที่สุดและไม่ได้ฉลาดที่สุด ทั้งไม่ใช่ผู้ที่เจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางไว้ใจที่สุด อย่างไรก็ตามเขาเป็นผู้กล้าที่สุดในสิบแปดขุนพลเทพ
เพื่อให้ได้เปรียบมากขึ้น เขาจะต้องชนะเพื่อปูทางไปสู่อนาคตที่สดใส
เขาเลือกตำหนักซัคคิวบัสที่มีความเสี่ยงที่สุด
ทำลายบ้านของเทียนฟา
การรุกรานนักสู้ของหอทงเทียนถ้านักสู้ไม่มีจิตวิญญาณที่กล้าหาญ ก็ไม่มีทางทำเช่นนั้นได้ ตราบใดที่ไม่ใช่คนโง่สติปัญญาทรามก็สามารถบอกได้ว่าหอทงเทียนไม่ได้มีเย่ว์ไตตันเป็นนักรบเท่านั้น ตัวอย่างเช่นจื้อจุนมนุษย์, มารสัมฤทธิ์ฟ้า,มารกฎฟ้า, จักรพรรดิมังกร, จักรพรรดิใต้พิภพ ฯลฯ ภายใต้การนำของเย่ว์ไตตันกระบวนการพัฒนาฝีมือของพวกเขาก้าวกระโดด บางทีเทียนฟาอาจยังไม่เลื่อนถึงระดับเทพ แต่ภายใต้ชื่อเสียงที่โด่งดัง ขุนพลเทพจื่อเว่ยผู้แข็งแกร่งที่สุด ขุนพลเทพเทียนจีผู้ฉลาดที่สุด หรือแม้แต่หัวหน้าตงฟางหัวหน้าใหญ่ของขุนพลเทพทั้งสิบแปดก็ไม่กล้าดูถูกพลังความแข็งแกร่งของเทียนฟา
น่าเสียดายที่ขุนพลเทพเทียนเฉิงได้ส่งบริวารเข้าร่วมโจมตีอยู่ครึ่งค่อนวัน
เทียนฟายังไม่ปรากฏตัว
นางต้องได้รับเสียงร้องขอความช่วยเหลือไปแล้ว
ทำไมยังไม่มา
ขุนพลเทพเทียนเฉิงจะไม่คิดอย่างหยิ่งยโสว่าอีกฝ่ายกลัวตนเองแต่ยืนยันอีกข้อหนึ่งว่า ‘เทียนฟา’ จะต้องทำศึกกับนักสู้แดนสวรรค์ที่แข็งแกร่งกว่าแน่นอนเทียนฟา (มารกฎฟ้า) กำลังจะท้าทายผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์อย่างนั้นหรือ?
ถ้านางมีพลังขนาดนั้นจริงๆ อย่างนั้นเขาอาจพิจารณาถอนกำลัง
“ดูนั่น มีแมลงเกราะทอง!” เจ้าอ้วนไห่ได้รับพรจากป่าโบราณและพลังหนามโบราณเขาตะโกนไปทางขุนพลเทพเทียนเฉิง
“พูดมาก!” เย่คงถีบก้นเจ้าอ้วนไห่กระเด็นเข้าหาขุนพลเทพเทียนเฉิง
ในอีกด้านหนึ่ง องค์ชายเทียนหลัวและเสวี่ยทันหลางลอยตัวอยู่ในท้องฟ้าทั้งคู่
ราวมทั้งพี่น้องตระกูลหลี่
จากนั้นรีบไปยังที่ๆมีเผ่าซัคคิวบัสหนาแน่นที่สุด
พวกเขารู้กำลังของพวกเขาและรู้ตัวว่าพวกเขาควรทำอะไรมากที่สุดตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุดที่จะรุมล้อมขุนพลเทพ พวกเขาต้องให้ความช่วยเหลือเล็กน้อยกับพวกเผ่าพันธุ์ซัคคิวบัสที่เหนื่อยล้าแต่ยังต่อสู้อย่างกล้าหาญ
ขุนพลเทพเทียนเฉิงฉายประกายรัศมีออกไปและเทเลพอร์ตออกไปหมื่นเมตรทันที
เขา
หลบหนีสี่สหายเย่คง เจ้าอ้วนไห่เสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวอย่างง่ายดาย
เมื่อมองไปที่สีหน้าทึ่งเหลือเชื่อของเจ้าอ้วนไห่เขากล่าว “ข้าไม่ใช่เจ้างี่เง่าขุนพลเทพไท่หยาง เจ้านั่นหยิ่งยโสไม่ดูสถานะตัวเองได้พลังมาก็ต้องขอบคุณบรรพบุรุษของเขา เขาเป็นเด็กที่ได้รับมรดกพลังจากตระกูลแต่ไม่รู้ว่าการฝึกปรือคืออะไร ข้าแตกต่างจากเขาอย่างสิ้นเชิงข้าฝึกฝนไปทีละขั้นชั้น ตั้งแต่ระดับรากหญ้า พวกเจ้าเข้าใจไหม? ข้าเป็นนักสู้ระดับล่างในแดนสวรรค์มานานลำบากยิ่งกว่าพวกเจ้า... ข้าเข้าใจความคิดทั้งหมดของพวกเจ้าเพราะข้าทำอย่างนั้นมาแล้ว และข้าไม่มีลูกพี่คอยแนะนำเหมือนอย่างเย่ว์ไตตัน!”
“เฮ้, ข้าคือลูกพี่! เย่ว์ไตตันคือเด็กรุ่นน้องของข้าคุณชายผู้นี้นี่คือความจริงที่เขายอมรับกันทั่วหอทงเทียน ถ้าเจ้าไม่เชื่อ เจ้าไปถามใครๆดูก็ได้” เจ้าอ้วนไห่โอ้อวด
“เจ้างี่เง่าเจ้าพูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ ในเมื่อเจ้าเป็นคนงี่เง่า!” เย่คงตบและตะคอกใส่เขา
“......” เสวี่ยทันหลางขมวดคิ้ว นี่เป็นศัตรูที่แข็งแกร่งแน่นอนซึ่งแตกต่างจากขุนพลเทพไท่หยางดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีความหยิ่งเหมือนกับขุนพลเทพไท่หยางผู้หยิ่งยโส
ขุนพลเทพผู้นี้ไม่มีจุดอ่อนและระมัดระวังตัวเต็มที่
การสู้นี้ดูเหมือนจะสู้ได้ยาก!
องค์ชายเทียนหลัวเตือนพวกพ้องลับๆให้ระวังตัว
แทนที่จะเย้ยหยันการอวดอ้างของเจ้าอ้วนไห่ขุนพลเทพเทียนเฉิงตบมือชื่นชม “ไห่ต้าฟู่! ข้าได้รวบรวมข้อมูลของเจ้ามาแล้ว ความจริงแล้วเจ้าเป็นคนขี้ขลาดแต่ชอบคุยโม้โอ้อวด แต่หลังจากได้รับอิทธิพลจากเย่ว์ไตตันเจ้าเปลี่ยนแปลงไปเป็นนักรบที่มีความกล้าหาญมากเพียงแต่ความเจ้าเล่ห์และความหน้าด้านของเจ้ามักถูกใช้ปกปิดร่างกายอ้วนๆซกมกของเจ้าใช้คำพูดดูถูกและจงใจเปิดเผยข้อบกพร่องของเจ้าหลอกล่อศัตรูให้หลงกล ฟังให้ดีเจ้าอ้วนไห่ ถ้าเจ้าหลอกลวงขุนพลเทพไท่หยางได้คงจะไร้สาระถ้าจะเอามาใช้กับข้า อุบายของเจ้าข้าเคยทำมาก่อนแล้ว และทำได้ดีกว่าเจ้า! ไม่ว่ายังไงก็ตามเจ้าและสหายที่อยู่รอบตัวเจ้าเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าชื่นชม พวกเจ้าอายุยังน้อยและพลังความแข็งแกร่งยังห่างไกลจากข้า ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการทำอะไร แต่ข้าสามารถบอกได้ชัดๆเลยว่าใช้กับข้าไม่ได้ผล ก่อนที่พรของเทพที่อยู่ในตัวของเจ้ายังไม่สลายไปข้าจะไม่ลงมือกับพวกเจ้า ข้าไม่ใช่คนโง่!”
เย่คงฟังแล้ว ไม่ได้พูดอะไรอยู่นาน
เจ้าอ้วนไห่ต้องการเริ่มลงมือ แต่ถูกเย่คงห้าม
สีหน้าของเขามีแววจริงใจเขาเดินมาอยู่ข้างขุนเทพเทียนเฉิงและพูดขึ้น “เจ้าเข้าใจเราและรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเราถ้าเป็นเช่นนั้นเจ้ามาที่หอทงเทียนทำไม? ทำไมเจ้าต้องมาลงมือต่อเรา? เจ้าควรเข้าใจว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์เป็นคนแบบไหนเขาเป็นผู้ที่สร้างปาฏิหาริย์ จักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่ที่สามารถกวาดแดนสวรรค์ได้ในอนาคต แล้วทำไมเจ้าถึงมา?”
ขุนพลเทพเทียนเฉิงลังเลเล็กน้อย
เมื่อเขามองดูที่ท้องฟ้าเหนือหัวดูเหมือนมีดวงตาคู่หนึ่งอยู่ในท้องฟ้ากำลังมองมาที่เขา
เขาทำการยืนยันซ้ำแล้วซ้ำอีกและในที่สุดดูเหมือนตัดสินใจ และพูดอย่างจริงใจ “อันที่จริงแล้วข้าเห็นอกเห็นใจกับประสบการณ์ของพวกเจ้าหากบ้านข้าถูกชาวต่างถิ่นรุกราน ข้าจะสู้จนถึงที่สุด อย่างไรก็ตามข้ามาที่นี่ด้วยพลังแห่งโชคชะตาข้าไม่มีทางเลือก! หากข้าไม่มาทุกอย่างที่เป็นของข้าในแดนสวรรค์ก็จะไม่มีอีกต่อไป ข้าไม่มีอำนาจในการควบคุมชะตากรรมของข้าเอง ข้าไม่มีสิทธิ์นั้น เพื่อความอยู่รอดของข้าญาติสนิทและมิตรสหายของข้า ข้าต้องทำตามสิ่งที่ข้ามิอาจต่อต้านได้ นี่คือคำตอบของข้า ถ้าข้าต้องตายในสนามรบ ข้าจะไม่เสียใจเพราะนี่คือจุดจบที่ข้าสมควรได้รับแน่นอน ข้าเองคิดว่าความเป็นไปได้ของการพ่ายแพ้มีน้อยมากเพราะพวกเจ้ายังไม่ทราบความน่ากลัวของเจ้าตำหนักตงฟาง!”
จากนั้นเขาหยุด
ใบหน้าของเขามีความขัดแย้งกัน
อย่างไรก็ตามในที่สุดขุนพลเทพเทียนเฉิงก็ยังคงเลือกที่จะพูดออกมา เสียงของเขาเบาและเบาบางที่สุดแต่ได้ยินถึงในหูของพวกเขา “ท่านเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางมีทักษะแฝงเร้นพิเศษสามารถหลอมรวมประกายเทพของเขา แม้แต่เทพก็สามารถควบคุมได้ ภายใต้กฎของหมากรุกไม่มีใครสามารถหนีชะตากรรมของการเป็นตัวหมากรุกได้ทั้งเจ้าและข้า จักรพรรดิอวี้ในปีนั้นพ่ายแพ้ในเกมหมากรุกของเขาจริงๆ เจ้าไม่มีโอกาสชนะความหวังเดียวก็คือเย่ว์ไตตันที่สามารถทำลายพลังแห่งโชคชะตาได้... อย่างไรก็ตามเขายังอายุน้อยเกินไปและมีเวลาในการเติบโตไม่เพียงพอ นี่คือจุดอ่อนร้ายแรงของเขา ถ้าเขามีเวลามากกว่าร้อยปีทุกอย่างจะแตกต่างออกไป แต่เจ้าตำหนักตงฟางจะไม่ให้เวลาเขา”
“ในฐานะศัตรูดูเหมือนว่าไร้สาระที่มาพูดเรื่องนี้ แต่เมื่อเห็นการต่อสู้เพื่อโชคชะตาแบบเดียวกันข้าจะให้คำแนะนำที่มีค่าพวกเจ้าก็ได้ รีบหาที่ซ่อนตัวจะในโลกคัมภีร์หรือผนึกพิเศษในช่วงเวลาหนึ่งก็ได้ มันเป็นสถานที่ทำให้พวกเจ้าหนีพ้นจากชะตาตัวหมาก ตราบใดที่เจ้ายืนหยัดได้สักร้อยปี และรอให้เย่ว์ไตตันเติบโตก็ยังมีความหวังบ้าง”
คำพูดของขุนพลเทพเทียนเฉิงพูดยังไม่ทันจบทันใดนั้นมีเสียงดังจากท้องฟ้า “ไม่มีใครสามารถหนีพ้นไปจากกระดานหมากรุกของข้าได้รวมทั้งเย่ว์ไตตันที่เจ้าพูดถึง เจ้าไม่ควรเสียเวลาของเจ้า”