ตอนที่ 1257 ทักษะแฝงเร้นเสน่ห์นางงาม
ราวกับว่าตื่นจากความฝันสี่ขุนพลเทพที่เหลือตอบสนอง ยกเว้นขุนพลเทพจื่อเว่ยที่ถูกสหายอีกสามคนบดบังสหายสามคนที่เหลือพุ่งเข้าหาสาวงามโล่วฮัวทันที
ต้องไม่ปล่อยให้นางควบกลั่นแสงอุษาอีก!
ลำแสงอุษาน่าหวาดหวั่นสยดสยองต้องไม่ปรากฏเป็นครั้งที่สอง
ขุนพลเทพเหวินชีบุกทางซ้ายขุนพลเทพอู่ชีบุกทางขวา ขุนพลเทพจู้เหมินบุกตรงกลางเข้าหาด้วยความเร็วสูง
ตอนนี้พวกเขารู้ถึงจุดอ่อนของเจ้าเมืองโล่ฮัว การโจมตีด้วยแสงอุษาของนางนั้นทรงพลังและความเร็วในการโจมตีนั้นเร็วกว่าฟ้าผ่าโชคไม่ดีที่ใช้เวลาควบกลั่นนานเกินไปหากไม่ใช่เพราะเต๋อเจี๋ยคิดแต่จะหยอกล้อมากเกินไปรอให้เจ้าเมืองโล่วฮัวโจมตีอย่างหยิ่งยโสเขาก็สามารถฆ่านางได้แน่นอนในช่วงกลั่นแสงอุษา...ตอนนี้เต๋อเจี๋ยถูกเจ้าเมืองโล่วฮัวสังหารฉับพลันเหลือขุนพลเทพสี่คนไม่มีทางจะยอมเปิดโอกาสให้เจ้าเมืองโล่วฮัว
“ตาย!” ขุนพลเทพอู่ชีบุกทางด้านหนึ่งมือถือดาบเซียนสีม่วงทองเงื้อมือเตรียมสังหารเจ้าเมืองโล่วฮัวด้วยตัวเองในตอนนี้เขาไม่มีใจรักหยกถนอมบุปผา ไม่มีความเมตตาและไม่ยั้งมืออีกต่อไป
“โล่กระจก” ขุนพลเทพเหวินชีระมัดระวังตัวมากกว่าขุนพลเทพอู่ชีเขาเตรียมโล่กระจกสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์
โล่กระจกสมบัติไม่เพียงแต่มีพลังป้องกันสุดยอด แต่ยังใช้สะท้อนพลังการโจมตีของนาง
แม้ว่าขุนพลเทพเหวินชีจะไม่แน่ใจว่าจะรับพลังโจมตีที่ทรงพลังอย่างแสงอุษาที่ควบกลั่นเป็นเวลานานได้เต็มร้อย
แต่เขาเชื่อว่า
เพียงพอแล้วที่ใช้ในการป้องกันหรือหักเหแสงอุษาของสาวโล่วฮัว
ถ้าบอกว่าเจ้าเมืองโล่วฮัวซ่อนพลังไว้ ทักษะพลังของนางคงไม่เพีงพอยิงลำแสงอุษาเป็นพันๆ สาย ไม่น่าเชื่อว่าจะฆ่าเขาได้ เหตุผลที่นางไม่ทำอย่างนั้นในตอนนี้ก็คือยิ่งแสงอุษาต้องใช้เวลากลั่นพลังนานขึ้นก็ยิ่งมีพลังงานมากขึ้นต้องใช้เวลานานกว่าจะกลั่นสร้างเป็นพลังแสงอุษาที่ทรงพลังที่สุด แน่นอนว่าต้องไม่ตัดประเด็นที่ว่านางอาจสร้างความสับสนให้กับทุกคนออกไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสับสนเพียงไหนเป็นไปไม่ได้ที่จะยิงแสงอุษาออกไปดังนั้นแค่ใช้โล่กระจกก็เพียงพอแล้ว
ขุนพลเทพอู่ชีและขุนพลเทพเหวินชีกลับเลือกวิธีที่แตกต่างออกไป คนหนึ่งรุกอีกคนหนึ่งป้องกันเหมือนว่านี่เป็นการกระทำตามปกติของเขา
ขุนพลเทพจู้เหมินที่บุกโจมตีตรงกลางก็ไม่ยกเว้น
ในบรรดาสิบแปดขุนพลเทพผู้ที่ระวังมากที่สุดและเอาใจใส่มากที่สุดเหมือนสตรีไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นขุนพลเทพจู้เหมิน
ขุนพลเทพจู้หมินไม่ได้โจมตีหรือป้องกันด้วยอาวุธเขาแค่เพ่งมองไปที่หญิงงามโล่วฮัวข้างหน้าเตรียมพร้อมตอบสนองทันทีที่อีกฝ่ายมีการเปลี่ยนแปลงใดๆเมื่อเทียบกับสมบัติเทพแล้วเขาเชื่อว่าปฏิกิริยาและภูมิปัญญาตัวของเขาเองเหนือกว่า
อาวุธเทพอาจมีวันล้มเหลว อสูรเทพ อสูรศักดิ์สิทธิ์อาจมีวันหักหลังสหายศึกอาจถูกทรยศขายทิ้งเพื่อผลประโยชน์ได้
เขาเชื่อเช่นนั้นจริงๆ
เขาเชื่อแต่มือตัวเอง
ขุนพลเทพอู่ซีปรากฏตัวที่ด้านหลังเจ้าเมืองโล่วฮัวขณะที่ขุนพลเทพเหวินชีและขุนพลเทพจู้เหมินเข้ามาใกล้ปรากฏหมอกขาวพร้อมกับกลิ่นหอมปรากฏขึ้น ในหมอกขาวดูเหมือนว่าจะมีสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งโบกหางเบาๆด้วยท่วงท่าสวยงามต่อเนื่องแต่ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน
แม้แต่ขุนพลเทพจื่อเว่ยที่แข็งแกร่งที่สุดซ่อนตัวอยู่และเฝ้ามองในระยะไกลก็ยังไม่สามารถมองฝ่าหมอกขาวจางได้
กลิ่นหอมติดจมูกแทบละลายใจ
เมื่อขุนพเทพอู่ชีฟันดาบสีทองม่วงใส่เขาเห็นภาพที่แปลกประหลาดและน่ากลัว
ข้างหน้าเขามีเจ้าเมืองโล่วฮัวสองคน
เจ้าเมืองโล่วฮัวสองคนมองดูเหมือนพี่น้องฝาแฝดลักษณะเหมือนกันไม่ว่าพวกเขาจะมองดูอย่างไรหรือต่อสู้อย่างไรพวกเขาไม่สามารถมองเห็นความเหมือนหรือแตกต่างกันได้เลย ทั้งสองคนยืนเคียงคู่กันเงียบๆราวกับเป็นพี่น้องฝาแฝดตั้งแต่เกิด นี่ไม่ใช่สิ่งที่แปลกที่สุด สิ่งที่ทำให้ขุนพลเทพอู่ชีกลัวมากที่สุดคือเจ้าเมืองโล่วฮัวทั้งสองคนต่างควบกลั่นแสงอุษาไว้ในมือทั้งสองของพวกนาง
กล่าวอีกนัยหนึ่งมือดุจหยกทั้งสี่ข้างต่างกลั่นควบกลุ่มพลังแสงอุษาสังหารและมีความเป็นไปได้ว่าพร้อมจะยิงออกมาได้ทุกเมื่อ
เจ้าเมืองโล่วฮัวต้องมีเพียงคนเดียวเท่านั้น
ผู้ใดจริง?ผู้ใดปลอม?
คนที่ตัดสินใจผิดพลาดกลัวกับการพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ภายใต้แสงอุษาของนาง!
“ฮ่าห์!” ร่างของโล่วฮัวทั้งสองร่างตวาดพร้อมกันแสงอุษาในมือทั้งสี่ของพวกนางเล็งไปที่ขุนพลเทพอู่ชีบนท้องฟ้า ขุนพลเทพเหวินชีทางด้านขวาขุนพลเทพจู้เหมินที่อยู่ตรงกลางและขุนพลเทพจื่อเว่ยที่อยู่ในระยะไกลทุกคนมีส่วนร่วมและวิธีการโจมตีที่ไม่เคยล้มเหลวมาก่อนทำให้ขุนพลเทพอู่ชีฟันใส่ทันทีเขารู้สึกถึงเงาทะมึนในใจ เพราะระยะห่างระหว่างเขากับเจ้าเมืองโล่วฮัวทั้งสองนั้นอยู่ใกล้กันเกินไปใกล้กันชนิดที่ว่าเขาไม่มีเวลาสนองตอบได้ ดาบทองม่วงของเขาฟันลงบนศีรษะของเจ้าเมืองโล่วฮัวหลังจากผ่านไปหนึ่งวินาทีร่างนั้นก็ถูกฟัน ทั้งสองศีรษะร่วงตกลงพื้น
ขณะนั้น
ในเวลาไม่ถึงหนึ่งในหมื่นวินาที
ลำแสงอุษาสังหารทั้งสี่สายระเบิดพลังออกมาพร้อมกัน... “สู้!” ขุนพลเทพอู่ชีไม่ทันมีเวลาได้หลบ เขาฟันดาบทองม่วงในมือและเสริมพลังผลักดันสูงสุดเพื่อสู้ต่อ
น่าเสียดาย เขาไม่มีโอกาส
แสงอุษาจากมือซ้ายของเจ้าเมืองโล่วฮัวด้านหลังเร็วเกินกว่าจะคิดคำนวณผ่านดาบทองม่วงปะทะเข้าที่หน้าของขุนพลเทพอู่ชีและระเบิดใส่เขา
แม้ว่าจะไม่ได้ผลเหมือนขุนพลเทพเต๋อเจี๋ยสังหารฉับพลันแต่แม้แต่คนตาบอดก็มองออกว่าสภาพขุนพลเทพอู่ชีไม่อยู่ในสภาพที่ดี
ไม่เพียงแต่ขุนพลเทพอู่ชีเท่านั้นแม้แต่ขุนพลเทพเหวินชีก็ถูกยิงกระเด็นเหมือนกัน
เจ้าเมืองโล่วฮัวที่อยู่ข้างหน้ายิงลำแสงอุษาออกมาจากมือขวาของนางระเบิดใส่ขุนพลเทพที่อยู่ด้านหลังโล่ศักดิ์สิทธิ์ลำแสงอุษานี้ทรงพลังและน่าสะพรึงกลัวสะท้านฟ้าสะเทือนดินทำให้โล่กระจกสีเงินบริสุทธิ์ที่สามารถสะท้อนพลังแสงได้เกือบทั้งหมดถูกทำลาย ขุนพลเทพเหวินชีที่หลบอยู่หลังโล่ปลิวกระเด็นขึ้นไปในอากาศ
ขุนพลเทพเหวินชีส่งเสียงร้องโหยหวนเจ็บปวดร่างพุ่งโด่งโค้งไปไกลถึงหมื่นเมตร
แน่นอนว่าเขายังป้องกันตัวเองได้สถานการณ์ของเขาดีกว่าขุนพลเทพอู่ชีที่ถูกยิงใส่หน้าโดยตรง
ขุนพลเทพอู่ชีถูกยิงกระเด็นไปทั้งร่างนางโกรธแล้วเล็งยิงไปที่ขอบฟ้า
ร่างนั้นเห็นเหมือนจุดดวงดาว
เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น
ไม่ทราบว่าเขาจะร่วงลงมาอีกเมื่อใด
ขุนพลเทพจื่อเว่ยยืนอยู่ในระยะห่างเห็นแสงอุษาของเจ้าเมืองโล่วฮัวยิงมาถึงข้างหน้าเขา แม้ว่าพลังของเขาจะเหนือกว่าสหายแต่เขาไม่กล้าประมาท
เขาไม่ได้โจมตีป้องกันแค่เพียงขยับตัวถอยหนึ่งก้าว
เอนตัวท่อนบนเหมือนสะพานเหล็ก
หลบหลีกพลังแสงอุษาอย่างชาญฉลาด
แสงอุษาเฉียดจมูกของเขาและเขาไม่รู้เจ็บอะไรมีแต่เส้นผมบางเส้นที่กระพือจากหลังศีรษะของเขาถูกแสงละลายหายไปขุนพลเทพจื่อเว่ยสีหน้าเปลี่ยนไปทันที แสงอุษาที่ยิงออกมาจากมือมีพลังเช่นนี้ได้จริงๆทรงพลังเกินกว่าเขาจะจินตนาการ ถ้าเขาไม่มีพลังที่แข็งแกร่งและไพ่สำคัญเขาจะไม่ตอแยสองพี่น้องฝาแฝดที่มีพลังน่ากลัวอย่างเจ้าเมืองโล่วฮัวแน่นอน!
ข้อมูลที่รวบรวมไว้ก่อนหน้านั้นผิดอย่างสิ้นเชิง
เจ้าเมืองโล่วฮัวมีพี่น้องฝาแฝด
ไม่น่าแปลกใจที่นางสามารถเอาชนะคู่สู้ที่มีระดับความแข็งแกร่งสูงได้อย่างง่ายดายเพราะนางมีกันสองคน คือนางกับน้องสาวฝาแฝดที่มีความเข้าใจร่วมกัน!
“ฮ่าห์....” ขุนพลเทพจู้เหมินยังไม่ได้พ่ายแพ้เพราะจู้เหมินจะระมัดระวังตัวมากที่สุด
เมื่อลำแสงอุษาในมือขวาของเจ้าเมืองโล่วฮัวซึ่งยืนอยู่ด้านหลังเขาในเวลานั้นเขาไม่ได้บุกโจมตีเหมือนขุนพลเทพอู่ชีไม่ได้ทำหน้าที่ป้องกันเหมือนขุนพลเทพเหวินชี แต่มือของเขาขาดและเขาอยู่ริมมิติว่าง มิติเวลาข้างหน้าเขาถูกฉีกออก
เขาลื่นเข้าไปในประตูมิติเวลา
อาศัยกฎธรรมชาติของมิติเวลาเขาหลบหลีกจากลำแสงอุษาได้หวุดหวิดและเทเลพอร์ตไปอยู่ด้านหลังขุนพลเทพจื่อเว่ย
ไม่ว่าจะเป็นเจ้าเมืองโล่วฮัวหรือพี่น้องฝาแฝดของนางขุนพลเทพจู้เหมินไม่เต็มใจจะต่อสู้กับพวกนางทั้งนั้นนี่เป็นศัตรูที่ร้ายกาจคงกระพัน เพราะนางมีความสามารถในการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดลำแสงอุษา! ภายใต้แสงอุษาสังหารที่สามารถทำลายได้ทุกอย่างแม้ว่าบางคนจะมีความสามารถเอาชนะทั้งสองคนได้ แม้แต่จะฆ่าก็ตามแต่เป็นเรื่องยากมากที่จะหลบหนีพ้นจากการตอบโต้ถึงชีวิต... ขุนพลเทพจู้เหมินคิดว่าภารกิจของตัวเขาสำเร็จแล้ว แต่ผู้รับผิดชอบทำลายสวนลอยฟ้าขุนพลเทพเต๋อเจี๋ยตายในการต่อสู้
ไม่มีความจำเป็นที่ตัวเขาต้องสู้กับเจ้าเมืองโล่วฮัวทั้งสองคนนี้อย่างสิ้นหวัง
ต่อให้สู้ก็ไม่สามารถเอาชนะได้
ในขณะนั้นยังมีขุนพลเทพจื่อเว่ยเป็นหัวหน้าปฏิบัติการไม่ใช่หรือ? เขาเป็นหัวหน้า และเป็นผู้ทรงพลังที่สุดเขาควรจะลุกขึ้นยืนและตัดสินใจไม่ว่ายังไงก็ตามเขาจะไม่ยุ่งกับภารกิจอย่างนี้ สำหรับงานที่เจ้าตำหนักใหญ่ได้มอบหมายก่อนหน้านี้ที่ว่าจำเป็นต้องจับตัวประกันเพื่อใช้คุกคามเย่ว์ไตตันขุนพลเทพจู้เหมินไม่คิดว่านี่เป็นความคิดที่ดี ขุนพลเทพจื่อเว่ยเป็นหัวหน้าที่แข็งแกร่งที่สุดเกรงว่าเขาจะไม่มีความสามารถพอจับฝ่ายตรงข้ามเป็นตัวประกันโดยลำพังตัวเขาเอง
ดังนั้นป้องกันตนเองเป็นสิ่งเดียวที่เขาต้องทำตอนนี้
ขุนพลเทพจู้เหมินพ่ายแพ้ศึกอย่างสิ้นเชิงเขามองดูขุนพลเทพเหวินชีผู้ปลิวลอยไปกับโล่และเห็นว่าเจ้าผู้นี้มืดดำไม่ต่างอะไรกับถ่านผิวของเขามีกลิ่นเนื้อไหม้.. อู่ชียังล่องลอยเป็นดาวในท้องฟ้าโดยยังไม่ตกร่วงลงมา เขายังไม่รู้เหตุการณ์เฉพาะหน้า
แต่ขุนพลเทพจู้เหมินคาดว่าสถานการณ์ของเจ้าผู้นั้นอาจไม่ดีไปกว่าขุนพลเทพเหวินชี
เจ้าเมืองโล่วฮัวทั้งสองคนไม่ได้โจมตีอีกครั้ง
พวกนางกำลังรอ
และเงยหน้าขึ้น
ดูเหมือนว่าขุนพลเทพอู่ชีซึ่งลอยไปถึงสวรรค์เก้าชั้นฟ้ากำลังร่วงลงมา
พวกนางทำอะไรกัน? รอให้อู่ชีร่วงลงมารับสี่ลำแสงหรือ?
ขุนพลเทพจู้เหมินลอบปาดเหงื่อ เขาคิดว่าถ้าเป็นอย่างนี้อู่ชีน่าจะกลายเป็นหมูย่างแสนอร่อยยิ่งกว่าเหวินชีร้อยเท่า!
รอคอยอย่างน้อยครึ่งนาทีอู่ชีซึ่งถูกลำแสงอัดกระแทกค่อยร่วงลงมาบนพื้นพร้อมกับดาบม่วงทอง
เขาหมดสติร่วงลงมาเหมือนดาวตก
ด้วยความเร็วไม่มีขีดจำกัด
จากนั้นมีเสียงบึ้มที่พื้น...เขากังวลว่าเจ้าเมืองโล่วฮัวทั้งสองคนอาจฉวยโอกาสยิงลำแสงอุษาอีก ไม่ว่าจะเป็นขุนพลเทพจื่อเว่ยขุนพลเทพจู้เหมิน และขุนพลเทพเหวินชีที่กำลังฟื้นจากสภาพร่างถูกย่างไม่มีการช่วยเหลือขุนพลเทพอู่ชี เขาถูกปล่อยให้ลงกระแทกพื้นอย่างแรง อย่างไรก็ตามขุนพลเทพอู่ชีไม่ว่าร่างกายจะบาดเจ็บแตกหักอย่างไรก็ไม่สามารถฆ่าเขาได้ ดังนั้นการช่วยเหลือรักษาบางอย่างก็สามารถทำได้!
ขุนพลเทพอู่ชีที่กำลังมึนงงคลานออกมาจากพื้น
อีกหนึ่งนาทีต่อมา
ถึงเขาจะไม่ตายก็ตาม
แต่ไม่ว่าจะเป็นขุนพลเทพเหวินชีหรือขุนพลเทพจู้เหมิน แม้แต่ขุนพลเทพจื่อเว่ยที่แข็งแกร่งมากที่สุดก็ยังรู้สึกกลัว
“เกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้าเมื่อเห็นว่าข้าร่วงลงมาทำไมไม่รับข้า!” ขุนพลเทพอู่ชีโกรธสหายของเขา แต่เขารู้สึกแปลกทันที เพราะเขาพบว่าเสียงของเขาเปลี่ยนไป เสียงบุรุษที่เยือกเย็นและทรงพลังดั้งเดิมหนักแน่นกลายเป็นเสียงของสตรีทรงเสน่ห์น้ำเสียงอย่างนี้น่าอึดอัดใจราวกับว่าเสียงของเขาถูกสตรีนั้นยึดไป
ขุนพลเทพอู่ชีตกตะลึงตอนแรก จากนั้นนั้นกรีดร้อง “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมอกข้าถึงใหญ่ขึ้น?”
ขุนพลเทพจื่อเว่ยเมื่อเห็นถึงกับเหงื่อผุดเต็มหน้าผาก
ขุนพลเทพจู้เหมินและขุนพลเทพเหวินชีหลั่งเหงื่อเยียบเย็นเท่าที่พวกเขามองดูความผิดปกติของสหายของเขา พวกเขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
พวกเขาไม่มีใครตาบอด พวกเขาสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าอู่ชีสหายของพวกเขากลายเป็นสตรีกลายเป็นกระเทยที่มีทั้งความเป็นบุรุษและความเป็นสตรี!
เคราที่ยังไม่โกนยังอยู่บนใบหน้า แต่อกนั้นขยายใหญ่เหมือนสตรีสะโพกและกระดูกเชิงกรานขยายกว้างคล้ายหญิงสาว แต่มีความคุ้นเคยกันระหว่างสหาย ผู้นี้กลายเป็นตัวประหลาดไม่ชายไม่หญิง ส่วนล่างที่ควรเป็นบุรุษไม่มีความเป็นบุรุษอีกต่อไป
เขาไม่มีความเป็นบุรุษอีกต่อไประหว่างขาว่างเปล่า
เพียงแต่การเปลี่ยนแปลงคราวนี้
ไม่สมบูรณ์
ในแง่การเปลี่ยนแปลงร่างกายการเปลี่ยนเป็นสตรีอาจจะเสร็จสิ้นไปมากกว่าครึ่ง ดังนั้นจึงกลายเป็นรูปแบบกระเทยที่น่ากลัว ไม่หญิงไม่ชายแต่มีเครื่องเพศทั้งสองเมื่อโดนแสงอุษาจะเสียความสามารถของบุรุษกลายเป็นกระเทยด้วยหรือ?
ขุนพลเทพจื่อเว่ย จู้เหมินและเหวินชีมองดูเจ้าเมืองโล่วฮัวสายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ในทางตรงกันข้ามพวกเขาค่อนข้างจะถูกพลังแสงอุษาโจมตีจากด้านหน้าของเจ้าเมืองโล่วฮัวดังนั้นแม้จะกลายเป็นหมูย่างเจ็บปวดมากกว่าแต่ยังดีกว่ากลายเป็นกระเทยไม่หญิงไม่ชายไม่ใช่หรือ?
ขุนพลเทพเหวินชีรู้สึกว่ายังโชคดี!
ถ้าแสงอุษาแปลงเพศยิงมาที่เขาแทนที่จะเป็นอู่ชีอย่างนั้นเขาคงต้องฆ่าตัวตายแน่นอน!
“ทักษะแฝงเร้นหญิงเจ้าเสน่ห์สามารถเปลี่ยนบุรุษเป็นสตรีได้ และสามารถทำให้สตรีเป็นสตรีมากยิ่งขึ้น ยิ่งร่างกายและจิตใจบริสุทธิ์มากเท่าไหร่การเปลี่ยนแปลงของร่างกายจะสูงขึ้นและเวลาเปลี่ยนแปลงสั้นลง” เจ้าเมืองโล่วฮัวยืนอยู่ข้างหน้านางยิ้มเหมือนเจ้าเล่ห์ ชี้ไปที่ขุนพลเทพอู่ชีและยิ้มกล่าว“อย่างเจ้าที่สกปรกทั้งกายและใจต้องใช้กระบวนการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างน้อยหลายพันปี ยินดีด้วยเจ้ามีเวลาสนุกกับกระบวนการเปลี่ยนแปลง!”
“มีทักษะแฝงเร้นอย่างนี้ในโลกได้อย่างไร!” ขุนพลเทพอู่ชีกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง
“นั่นเป็นเทพโบราณประทานให้ข้าเป็นพิเศษเอาไว้ชำระตัดสินอาชญากรรมนับไม่ถ้วนที่เจ้าก่อไว้! ทุกวันเจ้าจะต้องทนแบกรับความเจ็บปวดของสตรีที่เจ้าล่วงเกินและประสบการณ์ทนทุกข์ทรมานที่พวกนางได้รับทั้งหมดจนกระทั่งจบสิ้นการเปลี่ยนแปลง” เจ้าเมืองโล่วฮัวที่ยืนอยู่ด้านหลังโบกกลิ่นหอม “ลืมบอกเจ้าไปกลิ่นหอมบริสุทธิ์นี้จะทำให้ความเจ็บปวดของเจ้าเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่า!”
*** *** ***