ตอนที่ 1256 แสงอุษาสังหาร
สวนลอยฟ้าหอทงเทียนชั้นสี่
แม้ว่าสาวงามโล่วฮัวเพิ่งมาจากแดนสวรรค์ นางไม่ค่อยอยู่ในสวนลอยฟ้าบ่อยนัก ว่ากันตามตรงตั้งแต่นางพบกับเย่ว์หยาง นางอยู่ในสวนลอยฟ้าและมีสัมพันธ์รักครั้งแรกจากนั้นพอนางเป็นภรรยา นางมักจะอยู่ในโลกคัมภีร์ของเขา
อย่างไรก็ตามที่สำคัญนางเคยพักอาศัยที่นี่มาตลอดหลายปีและนางใช้ความพยายามมากมายนับไม่ถ้วนเพื่อจัดการตกแต่งและสร้างแปลงดอกไม้ที่มีค่ามากมาย เช่นบุปผาปีศาจงามและหญ้าครามดวงดาวนางขนย้ายไปปลูกในโลกคัมภีร์ ในขณะเดียวกันที่นี่คือสถานที่แห่งความทรงจำพิเศษระหว่างนางกับตัวร้ายโลกใบเล็กที่สัมพันธ์รักครั้งแรกของนางเริ่มขึ้นที่นี่จึงมีค่าต่อจิตใจนางอย่างมิต้องสงสัย
เดิมทีโล่วฮัวและเชี่ยนเชี่ยนตั้งใจไปทวีปกวงหมิงหอทงเทียนชั้นสิบด้วยกันเพื่อขัดขวางมิให้พวกแดนสวรรค์รุกรานผ่านที่นั่น
แต่ไปได้ครึ่งทางมีคนผู้น้อยคนหนึ่งที่เย่ว์หยางส่งไปหานาง
และตามทัน
รายงานข่าวที่ทำให้นางโกรธจัด
เจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางคนทรยศหอทงเทียนสั่งให้ทำลายความปรารถนาของเย่ว์หยางจึงสั่งให้ทำลายสวรรค์น้อยๆของนางกับเย่ว์หยางอย่างไร้ยางอายที่นี่คือรังรักอบอุ่นครั้งแรกของนางกับเย่ว์หยาง สวนลอยฟ้า
แน่นอนว่าบริวารของเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางไม่ใช่แค่เข้าทำลายสวนลอยฟ้าเท่านั้นไม่ว่าจะเป็นบ้านของแม่สี่ที่เมืองไป๋ซือเฉิงที่ครั้งหนึ่งแม่สี่ซวงเอ๋อและเย่ว์หยางเคยอาศัยอยู่ทำลายปราสาทตระกูลเย่ว์ที่ซึ่งเย่ว์หยางได้กู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมาและแม้แต่อาณาจักรต้าเซี่ยจนถึงสถาบันฉางชุนเฉิงในเมืองฉางเทียนก็ยังไม่สามารถพ้นไปจากเงื้อมมือมารได้ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ใดที่เย่ว์หยางเคยมีสัมพันธ์เล็กน้อยก็จะอยู่ในรัศมีโจมตีทำลายของเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางไม่ว่าจะเป็นสวนลอยฟ้า ป้อมสายฟ้าป่าหยกเขียวฟ้า เกาะเพลิงและทะเลฝนดาวตก ล้วนตกเป็นเป้าหมายโจมตี
ปรากฏว่ากลุ่มแต่เดิมที่ตั้งใจมุ่งตรงไปที่หอทงเทียนชั้นที่สิบเพราะทราบข่าวนี้จึงต้องแยกกัน
หญิงงามโล่วฮัว
นางกลับมาจากหอทงเทียนชั้นที่สิบด้วยความโมโห
แม้ว่านางจะไม่สามารถกู้คืนและหยุดยั้งมิให้สวนลอยฟ้าถูกทำลายนางโกรธจัด และตัดสินใจฆ่าศัตรูด้วยแสงอุษาเก้าเกลียวของนาง มิฉะนั้นคงยากจะกำจัดความแค้นในใจ
“หา....” นางไม่เคยเห็นสวนลอยฟ้าที่ดอกไม้ร่วงหล่นมาก่อนบัดนี้สวนลอยฟ้าทรุดโทรมถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง เกาะลอยฟ้าถูกทำลาย น้ำตกลอยฟ้าไม่มีอีกต่อไป ต้นไม้ใบหญ้าสมุนไพรล้วนหายไปหมดแม้แต่สนามหญ้าเล็กๆที่ครั้งหนึ่งเคยมีความสุขโลกส่วนตัวที่หวานชื่นกับคนรักของนางก็ถูกเผาวอดวายหมดสิ้น หญิงงามโล่วฮัวโกรธอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนดังนั้นนางจึงไม่คิดอะไรอีกต่อไป สิ่งที่คุกรุ่นอยู่ในใจนั้นคือความโกรธแค้น
ตอนนี้นางคิดจะล้างแค้นอย่างเดียว
ถ้าผู้ทำลายบ้านนางไม่ตายต่อหน้านางทันที อย่างนั้นความโกรธของนางยากจะลดลงได้ครึ่งหนึ่ง
“แสงอุษา!” หญิงงามโล่วฮัวกลั่นควบแสงอุษาสังหารถือไว้ในมือฉากภาพที่เกี่ยวข้องกับเขาในปีนั้นผ่านเข้ามาในใจของนาง เช่นครั้งแรกที่พบเขาเขาอยู่หน้าด่านสิบสองวิหารนักษัตรเขาบอกว่าจะท้าทายผ่านด่านราศีแกะด้วยต้นดอกหนาม นางออกค่าธรรมเนียมผ่านด่านให้เขา ในเวลานั้นเขาทั้งน่าหลงใหลทั้งซุกซนทำให้เห็นแล้วยากจะลืมได้
ครั้งที่สองที่ได้พบเขาก่อนปีศาจจากแดนนรกรุกราน
เวลานั้นเขาต่อสู้ระบายความแค้นให้น้องสาวที่ถูกสหายรังแกและทุบตีนักเรียนสถาบันฉางจิงไปหลายคนผลที่ตามมาคือคนทรยศเปิดประตูโลหิตเรียกปีศาจแดนนรกออกมาสร้างความปั่นป่วนจำนวนมาก
นางออกคำสั่งและนำเขากับพวกเสวี่ยทันหลางเข่นฆ่าพวกแดนปีศาจ
ผลก็คือเขาซ่อนพลังเอาไว้และเข่นฆ่าปีศาจไปมากมาย
ต่อมาเขาไปที่หอมังกรฟ้าของนางพญาฟ้าที่ชั้นสามเพื่อจับเอาดอกปีศาจงามและภายใต้การต่อสู้กับขุนพลเผ่าปีศาจหม่าเหลียงนางหมดสติไปและเขาแบกนางขึ้นหลังหนีไป วันนั้นเขาไม่เพียงแต่ได้นางพญากระหายเลือดอาหง แต่ยังได้หัวใจนาง... เวลานั้นนางหยอกล้อเขาและขอให้เขาเป็นองครักษ์ประจำตัวเจ้าเมืองโล่วฮัวตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผ่านไปวันแล้ววันเล่าพวกเขาสนิทกันมากยิ่งขึ้นได้ปีนขึ้นไปบนทะเลสาบเทียมเมฆร่วมกับเขาได้รับพลังจากผังภูมิอักขระรูนโบราณและสู้กับมารดินจากตำหนักมารเก็บหญ้าครามดวงดาวที่หายากและมีค่าไว้ได้....ส่วนที่น่าจดจำที่สุดก็คือสวนลอยฟ้าแห่งนี้
นางเองที่พาเขามาที่นี่
เป็นสวนงามแห่งนี้
กลายเป็นที่ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ของนาง
สัมพันธ์รักครั้งแรก
นางไม่เคยลืมครั้งแรกของนางกับเขามีทั้งความสุขปนความเจ็บปวดเล็กน้อยที่นี่
ที่นี่คือบ้านน้อยที่แสนสบายของคู่รักเป็นโลกที่แบ่งปันกันเพียงนางกับเขาไม่ว่านางจะอยู่ในโลกคัมภีร์นานเพียงไหน ไม่สำคัญว่านางจะมีความสุขกับเขามากเพียงไหนแต่ที่นี่ยังคงเป็นสถานที่แห่งความทรงจำเสมอ อย่างไรก็ตามสถานที่อย่างนี้ไม่สมควรกลายเป็นสนามรบและไม่สมควรถูกโจมตีทำลายโดยศัตรูที่ไร้ยางอาย
อย่างนี้แล้วจะไม่ให้เจ้าเมืองโล่วฮัวไม่โกรธได้อย่างไร?
“ตัวร้าย! บ้านของเราพังแล้ว เจ้ารู้ไหม?บางทีเจ้าคงรู้แล้ว แต่เจ้ามิอาจเศร้าได้มากกว่านี้ เพราะหัวใจเจ้าถูกโจมตีอย่างหนักเจ็บปวดยิ่งกว่าข้าเป็นร้อยเท่า! ข้ารู้ว่าเจ้าโกรธมาก! เพราะแม้แต่ข้าก็ยังโกรธมาก ตอนนี้เจ้าไม่มีเวลาว่างไม่มีทางต่อสู้กับความเย่อหยิ่งของศัตรู ข้าไม่โกรธโทษเจ้า ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ข้าในฐานะภรรยาจะต้องลุกขึ้นยืนหยัดแบ่งปันความเจ็บปวดและความกดดันร่วมกับเจ้า!” หญิงงามโล่วฮัวพึมพำ แต่เมื่อนางพูดจบความเศร้าบนใบหน้าของนางถูกแทนที่ด้วยความมุ่งมั่น เจ้าเมืองโล่วฮัวกลั่นแสงอุษาในมือในสายตาแฝงความมุ่งมั่นที่ไม่มีใครโยกคลอนได้ “ข้าคือผู้ที่ชาวหอทงเทียนรู้จักกันในนามว่าเจ้าเมืองโล่วฮัวจะตามล่าสังหารปีศาจที่ทำลายความสุขในชีวิตรักของข้า! ไม่ว่าพวกมันจะมาจากที่ใดมีความแข็งแกร่งขนาดไหน ผลที่พวกมันได้รับจะมีเพียงประการเดียวคือ ประหารชีวิต!”
“อ่าฮะ, ข้าเห็นอะไรกันนี่?หนอนไร้บ้านที่น่าสงสาร!” ทำลายสวนลอยฟ้าแต่ไม่ได้จากไปแต่กลับจงใจรออยู่ที่นี่ ขุนพลเทพตี้เจี๋ยต้องการรวบแหในคราวเดียวจึงลอยออกมาจากความว่างเปล่าแล้วหัวเราะ
“เฮ้, ระวังหน่อยสาวน้อยดูเหมือนว่านางจะโกรธมาก”ขุนพลเทพจู้เหมินซึ่งทำลายเมืองไป๋ซือเฉิงอดเตือนสหายไม่ได้
“นางโกรธนักหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่าข้าต้องการให้นางโกรธอยู่แล้ว ถ้านางไม่โกรธ อารมณ์ข้าก็คงไม่ดีนัก!” ขุนพลเทพเต๋อเจี๋ยไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย
“พูดถูกแล้ว พวกเราขุนพลเทพมีกันถึงห้าคนต่อให้นางมีความสามารถยิ่งใหญ่ นางก็ถูกตัดสินให้อยู่ในสถานการณ์พ่าแพ้ ไม่มีอะไรต้องกังวลเต๋อเจี๋ยข้าอิจฉาเจ้าที่โชคดีจริงๆ ข้าทำลายปราสาทตระกูลเย่ว์แต่ไม่มีใครวิ่งกลับมาช่วยแต่เจ้าดีแค่ไหนแค่ทำลายสวนดอกไม้กลับมีเจ้าเมืองโล่วฮัววิ่งกลับมาให้จับกลับไปเป็นตัวประกัน! นี่คือสตรีของเย่ว์ไตตัน ถ้าเจ้าจับนางข่มขืนและฆ่าหรือทำทารุณกรรมบางอย่าง เย่ว์ไตตันก็จะบ้าคลั่ง เจ้าตำหนักใหญ่คำนวณได้แม่นยำจริงๆ เป็นไปไม่ได้ที่จะหาเชลยจากที่อื่นๆ แทนที่จะมาที่นี่ เจ้าตำหนักใหญ่ให้ทุกคนมารวมตัวกันที่นี่และให้ข้าจื่อเว่ยเป็นหัวหน้าดูแลสถานการณ์ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว!” ภาพก่อนหน้านี้เป็นขุนพลเทพอู่ชีทำลายปราสาทตระกูลเย่ว์เขาปรบมือสรรเสริญสติปัญญาของตงฟางทั้งยังชมโชคดีของขุนพลเทพเต๋อเจี๋ย
“ไม่ใช่พวกเราที่อยู่กันที่นี่ตำหนักซัคคิวบัสบนหอทงเทียนชั้นเจ็ด เกาะอัคคีพิโรธ เป็นไปได้ว่าจะจับตัวประกันได้เทียนฟามีแนวโน้มว่าจะไปช่วยที่ตำหนักซัคคิวบัสและจักรพรรดินีสมุทรมีแนวโน้มว่าจะไปช่วยที่เกาะอัคคีพิโรธ น่าเสียดายที่สาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์และเด็กแซ่เซี่ยอ่อนแอเกินกว่าจะต่อรองได้ไม่อย่างนั้นขุนพลเทพเทียนฝู่คงได้ประโยชน์” ขุนพลเทพเหวินชีที่ทำลายสถาบันฉางชุนเฉิงในเมืองฉางจิงกอดอกอย่างสบายๆมองดูอย่างสงบ
“ตำหนักซัคคิวบัสยังลำบากกว่า และเทียนฟาก็เป็นนักสู้ที่มีชื่อเสียงของหอทงเทียน” ขุนพลเทพจู้เหมินขมวดคิ้วหนา
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ขุนพลเทพที่มีชื่อเสียงของหอทงเทียนน่ะหรือ? นักสู้ในสถานที่บ้านนอกอย่างนี้จะแข็งแกร่งเท่าไหนกัน? ปราณก่อกำเนิด? ปราณฟ้า?” ขุนพลเทพเต๋อเจี๋ยหัวเราะลั่น “หอทงเทียนในรอบร้อยปีเป็นไปไม่ได้ที่จะให้กำเนิดขุนพลเทพ!”
“ตามข่าวกรองเป็นเช่นนี้แน่แต่เย่ว์ไตตันเป็นสิ่งมีชีวิตที่พิเศษทำให้นักรบหอทงเทียนในช่วงไม่กี่ปีมานี้พัฒนารุดหน้าแบบก้าวกระโดดและดูได้จากกลุ่มของไห่ต้าฟู่กับพวกพ้อง เดิมทีไห่ต้าฟู่ไม่ได้เป็นระดับนักสู้ปราณดินด้วยซ้ำแต่ช่วงสองสามปีต่อมากลับก้าวล่วงระดับปราณดินและระดับปราณฟ้านั่นเป็นเรื่องเหลือเชื่อในแดนสวรรค์ ข้าคิดว่าต้องมีอะไรบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเย่ว์ไตตัน อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับสามัญสำนึกอย่าเอามาใช้สรุป มิฉะนั้นจะเจ็บตัวพ่ายแพ้ง่ายๆ” ขุนพลเทพจู้เหมินระมัดระวังมากกว่าและพิจารณาลึกซึ้งมากกว่า
“ต่อให้ไห่ต้าฟู่พัฒนาขึ้นไปถึงระดับปราณฟ้าแล้วจะทำอะไรได้? ฝีมือแค่นี้ยังไม่พอเราแค่ใช้นิ้วเดียวก็ฆ่าพวกเขาได้ อย่าว่าแต่นักสู้อย่างไห่ต้าฟู่ในหอทงเทียนจะมีสักเท่าไหร่กัน? ฝูงมดแมลงถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าตำหนักใหญ่ให้เราสงวนกำลังไว้ ข้าสามารถกวาดหอทงเทียนชั้นสี่ได้ทั้งชั้นได้สบาย” ขุนพลเทพเต๋อเจี๋ยรู้สึกว่าในหอทงเทียนนี้เขาคือผู้ไร้เทียมทาน ไม่มีใครคุกคามเขาได้
“ไห่ต้าฟู่เจ้าอ้วนงี่เง่าฝีมือยังไม่เท่าไหร่จริงๆ แต่หอทงเทียนยังมีนักสู้อย่างเย่ว์ไตตัน” ขุนพลเทพอู่ชียิ้ม
“เย่ว์ไตตันในหอทงเทียนมีเพียงคนเดียว” ขุนพลเทพเต๋อเจี๋ยยักไหล่ แต่เจ้านั่นเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้าตำหนัก
“นอกจากเย่ว์ไตตันแล้วยังมีวังเทียนหลัว ไม่สิยังมีอีกคนหนึ่ง กล่าวคือจื้อจุนชาวมนุษย์ นางทรงพลังมากนางร่วมมือกับเย่ว์ไตตันก็สามารถสังหารจักรพรรดินีฟ้าแห่งเผ่าเก้าแสงได้แม้แต่เจ้าตำหนักใหญ่ก็ยังให้ความสนใจเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตามจื้อจุนไม่ได้ปรากฏตัวในช่วงเวลาที่ผ่านมาคนหายตัวไปไม่พบร่องรอย บางทีอาจเดินทางไปแดนสวรรค์และถ้านางรีบกลับมายังหอทงเทียนก็จะเป็นปัจจัยที่ไม่แน่นอน.....” ขุนพลเทพอู่ชีพูดถึงจื้อจุน ตามข่าวกรองที่รวบรวม พวกเขาสามารถทำได้อย่างดีที่สุด แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่เคยรู้ว่าหลังจากเอาชนะจักรพรรดินีฟ้าแห่งเผ่าเก้าแสงจื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีก็มุ่งหน้าฝึกปรืออยู่ที่บันไดสวรรค์เป้าหมายไปให้ถึงขั้นที่หนึ่งล้าน และห้าแสน พลังของพวกนางตอนนี้ไม่เหมือนเดิม เหมือนในอดีตที่เอาชนะจักรพรรดินีฟ้า
สิ่งที่สำคัญที่สุดเลือดของจื้อจุนและเย่ว์หยางได้ผสมกันจึงมีความรู้สึกจิตวิญญาณในการต่อสู้ร่วมกัน
ในเวลานั้นทั้งสองคนไม่รู้ตัวเพราะการต่อสู้ดุเดือดรุนแรงมาก
อย่างไรก็ตามในช่วงที่กำลังฝึกฝนในภายหลังการรู้แจ้งทางจิตวิญญาณของทั้งคู่มีผลต่อกันเงียบๆเมื่อเย่ว์หยางเข้าสู่ดินแดนมิติฝึกฝน การเลื่อนระดับแต่ละครั้งจะส่งผลต่อองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน หญิงงามโล่วฮัวคนรอบๆ และส่งผลต่อจื้อจุนที่กำลังเข้าสู่บันไดสวรรค์ขั้นที่ล้านโดยไม่รู้ตัว ในทำนองเดียวกันเมื่อจื้อจุนก้าวเข้าสู่บันไดสวรรค์ขั้นที่ล้าน ทุกครั้งที่นางยกระดับทุกครั้งที่นางรู้สึกนางจะส่งความรู้สึกกลับไปที่เย่ว์หยาง...เพราะผลสะท้อนต่อกันระหว่างพวกเขา จึงทำให้เย่ว์หยางฝึกฝนในมิติดินแดนฝึกฝนได้สำเร็จอย่างรวดเร็ว และจื้อจุนไต่ระดับบันไดสวรรค์ผ่านขั้นที่ล้านได้โดยใช้เวลาไม่ถึงสิบปี
จื้อจุนไม่เพียงแต่ได้รับอิทธิพลจากเย่ว์หยางเท่านั้น แต่ยังผ่านทดสอบการทดสอบของบรรพบุรุษเป็นล้านครั้งอีกด้วย
ได้รับตกทอดพลังเทพโบราณกลับคืนตำแหน่งจื้อจุนแห่งหอทงเทียน
นางจะน่ากลัวสักเท่าใด?
นี่คือสิ่งที่คนทั่วไปไม่สามารถคาดคิดได้มิฉะนั้นเย่ว์หยางจะเชิญเผ่าเก้าหัว เผ่ามังกรฟ้า เผ่าปีศาจทมิฬไปยังแท่นบูชายัญได้อย่างไร?
“เจ้าพูดพอหรือยัง?” หญิงงามโล่วฮัวไม่มีความรู้สึกว่าตนอ่อนแอเลยไม่ใช่เพราะคนทั้งสี่ที่อยู่ข้างหน้า หรือแม้แต่จะมีขุนพลเทพถึงห้าคนก็ตาม ในดินแดนมิติฝึกฝนฝีมือนางได้รับการเลื่อนระดับพลังพร้อมกับเย่ว์หยางคนรักนางหลายครั้งรวมทั้งการฝึกพลังคู่รักและได้รับพลังลึกลับบางอย่างในฝันของนาง เจ้าเมืองโล่วฮัวไม่จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือเหมือนตอนที่โจมตีตอบโต้ปีศาจจากแดนนรกอีกต่อไป
นางยังเป็นเจ้าเมืองโล่วฮัว
แต่นางไม่อ่อนแอเหมือนกับตัวนางเมื่อก่อนอีกต่อไป
นางยังคงหัวเราะและสงบนิ่งเหมือนเดิมแต่ระดับพลังของนางยังคงก้าวหน้าไปอย่างไม่สิ้นสุด และกำลังมุ่งตรงสู่ระดับเทพเป็นไปไม่ได้ที่คนที่เรียกว่าขุนพลเทพไม่กี่คนจะสั่นสะเทือนเจตจำนงราชันย์ของนาง.... ผังภูมิรูนระดับเทพแกนพลังรูนโบราณและสัญลักษณ์เทพที่สร้างขึ้นด้วยเจตจำนงของเย่ว์หยางค่อยๆปรากฏออกมาจากร่างของนางพร้อมกับชุดรบจันทราชุดรบพิเศษที่คนรักนางสร้างให้นางโดยเฉพาะ กลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับโลกชุดรบจันทราคุณภาพสูงเทียบได้กับสมบัติระดับเทพ
กลิ่นหอมจางๆของดอกไม้กระจายออกจากร่างนาง
ขยายอยู่รอบวิญญาณนาง
ระหว่างมือของนาง
แสงอุษาสังหารสะสมพลังจนถึงขีดสุด
แสงอุษาเก้าเกลียวชั้นแต่ละเกลียวเป็นหัวมังกรหมุนวนหมื่นรอบต่อวินาทีและอีกแปดเกลียวพันรอบอยู่ในแกนแสงอุษาสังหารภายใต้เจตจำนงของนางไม่ว่าชีวิตใดแตะต้องถูกมัน ผลจะมีเพียงประการเดียว
นั่นคือถูกกำจัด!
“เจ้าพูดคำสุดท้ายเสร็จแล้วใช่ไหม? อย่างนั้นก็ตายได้แล้ว!” หญิงงามโล่วฮัวอัดความโกรธเกรี้ยวไว้ในแสงอุษาในมือนางเตรียมใช้ประหารศัตรู
“ระวังด้วย เต๋อเจี๋ย ลำแสงนี้เต็มไปด้วยพลังเทพ!” มีสิ่งมีชีวิตแฝงตัวอยู่ในอากาศเมื่อแสงอุษาของนางเปล่งออกมา เขาปรากฏตัวทันที ทันทีที่ปรากฏตัวก็เหมือนกับดวงดาวสว่างไสวในท้องฟ้า ต่อให้สหายเขาแข็งแกร่งก็ไม่สามารถครอบงำความเป็นเอกลักษณ์ของเขาได้ สหายคนนี้เข้ามาบังร่างทันทีเตือนขุนพลเทพเต๋อเจี๋ยว่าอย่าละเลยหญิงงามโล่วฮัว
“ลำแสงที่ใช้เวลาควบกลั่นเป็นเวลานานเชื่องช้าอย่างนี้จะใช้ตบยุงได้ทันหรือ?” ขุนพลเทพเต๋อเจี๋ยคิดว่าจะทรงพลังสักแค่ไหนเชียว?ของอย่างนี้จะทำร้ายร่างขุนพลเทพได้หรือ? นอกจากนี้ความเร็วในการโจมตีก็ช้ามีหรือจะโจมตีขุนพลเทพอย่างเขาได้ทัน? เลิกล้อเล่นได้แล้ว
“ช้าเหลือเกิน!” ขุนพลเทพอู่ชีเห็นด้วยว่าการโจมตีของนางช้ากว่าเต่าคลานเสียอีก
วินาทีต่อมา
ต้องบอกให้ถูกว่าหนึ่งในหมื่นวินาที
แสงอุษาเก้าเกลียวที่เย่ว์หยางช่วยปรับปรุงพัฒนาให้โล่วฉัวก็ได้สำแดงอานุภาพในนามแสงอุษาสังหาร
จากนั้นผลที่ตามมา
นั่นคือความตาย
หนึ่งในหมื่นวินาทีที่ขุนพลเทพเต๋อเจี๋ยพอใจกับการอาบแสงอุษาสังหารไม่ทันแม้แต่จะดิ้นรนและกรีดร้อง แต่โดนลำแสงทำลายโดยตรงแม้แต่วิญญาณก็ถูกทำลายไปพร้อมกัน คัมภีร์อัญเชิญของเขาลอยออกมาจากตัวร่วงหล่นลงในสวนลอยฟ้าที่พังพินาศ
ผ่านไปวินาทีเดียวแสงอุษาสังหารก็หายไปในท้องฟ้า
ขุนพลเทพเต๋อเจี๋ยเหมือนกับว่าไม่เคยปรากฏตัวในโลกนี้มาก่อน
หายสาบสูญไป
มีแต่ความว่างเปล่าระหว่างฟ้ากับดิน
สหายที่เหลือสี่คนพากันตกตะลึงทั้งหมด