ตอนที่ 1255 ข้าชอบกินมังกร!
แท่นบูชายัญ
มีบางคน
นั่งอยู่ใต้เทวรูปที่ไม่ปรากฏชื่อ
อีกคนหนึ่งลุกขึ้นมายืนต่อหน้าแท่นบูชายัญเขายิ้มและทักทายเย่ว์หยางและคนอื่น สำหรับบัณฑิตวัยกลางคนผู้นี้มีรอยยิ้มเต็มหน้าใบหน้าของเขาคือสิ่งที่เย่ว์หยางคิดว่าอยากต่อยหมัดใส่จมูกและปากที่เต็มไปด้วยฟันและปล่อยให้เขากลืนลงท้องไปทั้งหมด... แน่นอนว่าสิ่งนี้เขาได้แต่คิดหากต้องการทุบตีคนอย่างเจ้าตำหนักใหญ่นักกลยุทธ์ที่ฉลาดที่สุดของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ คงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก
“ยินดีต้อนรับ!” เมื่อเห็นเย่ว์หยางมาหาบัณฑิตวัยกลางคนอารมณ์ดีและเข้ามาต้อนรับอย่างสุภาพ “ถ้าเจ้าไม่คิดว่าข้าเจ้าตำหนักใหญ่นั้นเสียมารยาทข้ายินดีให้การรับรองทุกคนแทนคุณชายสามตระกูลเย่ว์แห่งหอทงเทียน เผ่าเก้าหัวเผ่ามังกรฟ้า เผ่าปีศาจทมิฬ ทั้งสามเผ่าใหญ่ ข้าสัญญาได้ว่าจะให้ความยุติธรรมในฐานะพยานที่เป็นกลาง ขอสาบานด้วยเจตจำนงเทพโบราณว่าข้าจะไม่เข้าไปแทรกแซงการจัดการของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแน่นอน”
“ขอบคุณตงฟาง,เจ้าเป็นคนที่มีปัญญาที่สุดที่เรารู้จัก เราเชื่อในตัวเจ้า” มังกรสองหัวแห่งเผ่ามังกรฟ้ายิ้มตอบ
“เราไม่มีความคิดเห็น” ปีศาจหมีดำและปีศาจหมูป่ามองหน้ากัน
โดยที่พวกเขาเป็นผู้วางแผนฝ่ายราชาปีศาจพวกเขาจึงรู้สึกทนไม่ได้แสดงตัวอย่างตรงไปตรงมา
พวกเขาทุกคนคิดว่าเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางอยู่ที่นี่คนส่วนใหญ่รู้สึกไม่สบายใจที่แข่งขันกันแย่งดินแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ และกลัวว่าทุกคนจะเจรจากับเย่ว์ไตตันเพื่อร่วมมือกัน
อาจมีข้อตกลงลับๆ กับคนเผ่ามังกรฟ้าอยู่ก็ได้ มิฉะนั้นพวกมังกรฟ้าคงไม่กล้าท้าทายเผ่าเก้าหัวเป็นแน่
อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายกับการมาของเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟาง
อย่างน้อยเกี่ยวกับการต่อสู้
เป็นเรื่องที่ดี
พอมีเขาคิดจะลงมือกับเย่ว์ไตตันต่อไปย่อมไม่ใช่เรื่องดี
ไม่ว่าเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางจะมีส่วนร่วมในการต่อสู้หรือไม่เจ้าเด็กคนนี้ถึงวาระที่จะล้มเหลวแน่นอน เพราะเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางจะไม่ยอมให้เจ้าเด็กผู้นี้พลิกโอกาสกลับมา!
บุรุษผู้หยิ่งผยองผู้อยู่กับปีศาจหมีและปีศาจหมูป่าแค่นเสียง แต่เขาไม่คัดค้านแต่อย่างใด ส่วนใหญ่เขายังคงหงุดหงิดจากการที่เย่ว์หยางโจมตีและปฏิเสธพวกเขา ตลอดชีวิตของผู้นี้เขามักจะสบถด่าผู้คน น้อยนักจะชื่นชมคน แต่เขาไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มคุยผูกมิตรกับคนอื่นก่อนนึกไม่ถึงว่าในเวลานี้เย่ว์ไตตันไม่เพียงแต่ป่าเถื่อนปฏิเสธเขาเท่านั้นแต่ยังทำให้เขาหงุดหงิดไม่มีที่ระบาย
คนเผ่าเก้าหัวมองหน้ากันเองและหัวเราะ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
รอจนกระทั่งบัณฑิตวัยกลางคนมองผ่านเข้ามา
อสรพิษเก้าหัวพูดในนามตัวแทนเผ่า “ท่านเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางยินดีเป็นพยาน นั่นเป็นเรื่องดียิ่ง แต่ข้าไม่รู้ว่าฝ่ายเย่ว์ไตตันจะว่ายังไง?”
“ข้าเพิ่งพนันกับพวกเจ้าไปแล้วไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา!” เย่ว์หยางไม่สนใจบัณฑิตวัยกลางคน เขายิ้ม “ตราบเท่าที่เจ้าเอาชนะข้า อย่างนั้นอย่าว่าแต่แดนล่มสลายแห่งทวยเทพเลยทั่วทั้งหอทงเทียน รวมทั้งทวีปมังกรทะยาน แดนนรก บันไดสวรรค์ หอทงเทียนทั้งหมดข้าจะส่งมอบให้ทั้งหมด! สำหรับข้อตกลงที่เจ้ามีกับเขา ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับข้า!”
“ดี!” มังกรสองหัวรูปหล่อปรบมือชื่นชม “ใจกล้ามาก เรามาพูดข้อตกลงกัน! อย่างไรก็ตามมีแค่หอทงเทียนเท่านั้นอาคันตุกะที่ต้องการครอบครองมีเป็นจำนวนมาก ข้าไม่รู้ว่าใครเต็มใจจะขึ้นไปสู้กับคุณชายสามตระกูลเย่ว์ก่อน?”
เขากล่าวอย่างนี้ คนชมดูเงียบกันหมด
การขึ้นไปคนแรกอาจไม่ใช่เรื่องดี
การเปิดตัวครั้งอาจหมายถึงการโดนกำจัดคนแรก
การสู้ที่ดีบ่อยครั้งที่ฉากต่อมามักเป็นฉากสุดท้ายที่ขึ้นสู้คนแรกอาจเป็นบุคคลระดับรองๆ.... พวกเขาพยายามอย่างหนักเพื่อมาถึงหอทงเทียนต้องจ่ายออกไปในราคาที่คุ้ม ไม่มีใครอยากเป็นบันไดให้คนอื่นก้าวไปสู่ความสำเร็จทุกคนอยากเป็นคนหัวเราะตอนจบ!
บุรุษผู้นั่งอยู่เงียบๆภายใต้เทวรูปใหญ่ลุกขึ้นยืนและอาสาทันที “ในเมื่อทุกคนมัวแต่ถ่อมตัว อย่างนั้นข้าขออาสาเป็นคนแรก!”
ทันทีที่เขาพูดราวกับว่ามีก้อนหินถูกโยนลงบนพื้น
คนที่อยู่ในที่นั้นตกใจ
หอทงเทียนชั้นที่หก ป่าหยกเขียวฟ้า
ขุนพลเทพเทียนเหลียงหนึ่งในสิบแปดขุนพลเทพบริวารของเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางกำลังจุดไฟอย่างบ้าคลั่งทำลายป่าสมบัติสีเขียวนี้
ห่างออกไปหลายสิบไมล์ ทอเรนเลโอฟ่านหลุนเถี่ย สี่สาวเผ่าคิวบัวร์ เอลฟ์ทองสองสามีภรรยาล้มลงกับพื้นอย่างเจ็บปวดแต่ไม่สามารถยืนหยัดเพื่อหยุดยั้งศัตรูที่ทรงพลังนี้ไม่ให้ทำลายป่าหยกได้อย่าว่าแต่พวกเขาหลายคนเลย ขนาดเจ้าอ้วนไห่เย่คงและพวกพบเจอกับขุนพลเทพไท่หยางก่อนนั้นก็ยังสู้อย่างยากลำบากหากไม่ใช่เพราะได้รับพรพลังจากตั่วตั่ว ได้พลังป่าโบราณและพลังหนามป่าพลังเทพทั้งสองช่วยเจ้าอ้วนไห่และสหายไว้ คงเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะขุนพลเทพไท่หยาง!
ตอนนี้ขุนพลเทพเทียนเหลียงกำลังเผาป่าหยกเขียวฟ้าอย่างบ้าคลั่ง
นอกจากเลโอและฟ่านหลุนเถี่ยที่เป็นกลุ่มของเย่ว์หยางแล้วนักรบหอทงเทียนที่เหลือซึ่งเข้ามาช่วยล้วนถูกฆ่าตาย
เหตุผลที่ต้องปล่อยพวกเขาไว้เป็นเรื่องเล็กน้อยเพราะเป็นการออกคำสั่งของเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟาง เช่นเดียวกับขุนพลเทพไท่หยางที่กำลังจะฆ่าเจ้าอ้วนไห่และเย่คงอาจารย์จิ้งจอกเฒ่า พวกเขาต้องการโจมตีจิตใจและความรู้สึกของเย่ว์หยางตลอดเวลา สำหรับเขาคนเหล่านี้ที่เป็นหมากเบื้องล่างหากถูกฆ่าจะทำให้เย่ว์หยางโกรธมากขึ้น และระเบิดพลังที่แข็งแกร่งออกมา
แต่ถ้าเขาควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ในมือทำร้ายจิตใจเย่ว์หยางอย่างต่อเนื่องอย่างนั้นเย่ว์หยางจะสงบสติอารมณ์ต่อสู้ไม่ได้
แม้ว่าในเกมหมากรุก เขาจะชนะแล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตามเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางยังคงระมัดระวังและหวังว่าจะสามารถได้เปรียบเย่ว์หยางจึงวางแผนเป็นชั้นๆ เพื่อจัดการคู่ต่อสู้อย่างเย่ว์หยางให้ได้สมบูรณ์แบบ “ก็เหมือนอย่างเคย” ขุนพลเทพเทียนเหลียงรู้สึกว่างานนี้ง่ายจริงๆ นั่นคือจับชาวพื้นเมืองไม่กี่คนที่อ่อนแอเหมือนแมลงตัวน้อยและวางเพลิงเผาป่านี้ หลังจากเผาเสร็จสิ้นก็ไปจับเจ้าเมืองโล่วฮัวคนรักของเย่ว์ไตตันที่บ้านเก่าสวนลอยฟ้าและส่งมอบให้ขุนพลเทพจื่อเว่ยแห่งสิบแปดขุนพลเทพ
ในโลกนี้ มีงานง่ายกว่านี้อีกไหม?
ขุนพลเทพเทียนเหลียงคิดว่าครั้งเป็นงานง่ายเกินไป พวกเทียนถง เทียนฝู เทียนเฉิงล้วนถูกส่งไปที่สถานที่สำคัญอื่นๆ เช่นป้อมสายฟ้า เกาะเพลิง และตำหนักซัคคิวบัส แต่เขากลับได้งานขยะ? วางเพลิงเผาป่า?
ความจริงงานที่ดีที่สุดควรจะเป็นจุดไฟเผาทวีปมังกรทะยานบ้านเกิดเย่ว์ไตตันมากกว่า
น่าเสียดายที่ครั้งนี้เขาโชคไม่ดีได้งานเผาป่าหยกเขียวฟ้า
ได้ความดีความชอบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“นักสู้ที่แท้จริงของหอทงเทียนมาเสียทีเถอะ! งานง่ายขนาดนี้มันน่าเบื่อจริงๆ!” ขุนพลเทพเทียนเหลียงหวังว่าเขาจะได้พบคู่ต่อสู้ มิฉะนั้นเขาคงไม่รู้สึกกระตือรือร้นในหัวใจ แน่นอนว่าเขารู้ว่าเป็นไปไม่ได้ในชนบทอย่างหอทงเทียน ไม่มียอดฝีมือพิเศษอื่นใด นอกจากเย่ว์ไตตันแล้วหอทงเทียนมีนักรบอื่นอีกบ้างไหม? ขุนพลเทพเทียนเหลียงไม่คิดว่าหอทงเทียนจะให้กำเนิดอัจฉริยะที่ไม่ธรรมดาอย่างเย่ว์ไตตันคนที่สองขึ้นมาอีก
“ตามที่เจ้าต้องการได้เลย!” เงาร่างหนึ่งปรากฏตัวอยู่ด้านหลังขุนพลเทพเทียนเหลียงเงียบๆ
“หือ?” ขุนพลเทพเทียนเหลียงประหลาดใจ
“โอว ข้ากำลังรีบพอดีข้าคงต้องใช้เวลากับเจ้าสักหนึ่งวินาที แต่ถ้าเจ้าต่อสู้อย่างรุนแรงขนาดนั้น ข้าจะทำให้เจ้าพอใจในรวดเดียว!”ขณะที่ประโยคนี้ก้องอยู่ในหูของขุนพลเทพเทียนเหลียงก็มีแส้หวดเข้าที่หลังของขุนพลเทพเทียนเหลียงอย่างรุนแรง
แส้อาญานี้ไม่เพียงแต่ทำร้ายถึงวิญญาณเท่านั้นแต่ยังคงมีเพลิงศักดิ์สิทธิ์ปะทุเผาผลาญถึงวิญญาณ
ร่างของเขามีไฟเผาผลาญร้อนรุนแรง
ไขกระดูกร้อนจนกระดูกแทบระเบิดออก
ขุนพลเทพเทียนเหลียงสูดหายใจและพบว่าเขาหายใจไม่ออกระหว่างจมูกของเขามีเปลวไฟเทพสีม่วงที่น่ากลัวเผาผลาญ
ศัตรูทรงพลังมาถึงแล้ว! และเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งสุดยอด! เขามีประสบการณ์การรบมากมายรีบสนองตอบอย่างถูกต้องทันที แทนที่จะหนีแต่เขาสู้ตอบโต้ด้วยพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขาและโจมตีตอบโต้ศัตรูเบื้องหลังเขาอย่างเด็ดขาด
ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งและพละกำลังมหาศาลเขาเชื่อมั่นว่าชัยชนะสุดท้ายยังคงเป็นของเขา
ไม่ว่าศัตรูจะทรงพลังแค่ไหน
เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะตัวเขาได้ เพราะเขามีพลังร่างกายที่แข็งแกร่งกว่าร้อยเท่า
ในสิบแปดขุนพลเทพ แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่เขามีพลังชีวิตที่อดทนที่สุด
“มาได้ดี!” ขุนพลเทพเทียนเหลียงฝืนทนเจ็บปวดในวิญญาณที่ถูกเผาไหม้เขากัดฟันแน่นรวบรวมพลังที่ยิ่งใหญ่ของเขายิงใส่ศัตรูที่แข็งแกร่งข้างหลังเขาอย่างรุนแรงทันทีพลังคนพื้นถิ่นหอทงเทียนไม่ว่าจะทรงพลังเพียงใดร่างกายและพลังของพวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งมากยกเว้นนักรบเผ่าภูตบูรพา
“วีดดดดดด!”
ยังไม่ทันยิงพลังโต้ตอบขุนพลเทพไท่หยางก็ได้ยินเสียงหวีดในหูจนหัวแทบระเบิด
เสียงหวีดร้องนี้ไม่ใช่หวีดธรรมดาแต่เป็นเสียงหวีดที่ทำให้จิตใจสั่นสะท้านและแตกสลาย... ขุนพลเทพเทียนเหลียงรู้สึกเหมือนศีรษะถูกค้อนขนาดหมื่นตันทุบใส่ทั้งร่างตนเองและวิญญาณรู้สึกเหมือนระเบิด วิญญาณอยู่ในสภาวะล่มสลายสมองว่างเปล่าและติดอยู่ในความสับสนคิดอะไรไม่ได้เป็นเวลานาน รอจนตื่นขึ้นเขาพบว่าตนเองนอนอยู่บนพื้น
เหนือศีรษะของเขาเป็นนางพญากระหายเลือดมีปีกเพลิงทองม่วงไฟลุกท่วมกำลังมองลงมาที่เขาไม่ไกลกันนั้นเป็นสาวเผ่าทอเรน (หัววัว) ที่ล้มบาดเจ็บหนักก่อนนั้นไม่รู้ว่านางยืนขึ้นได้ตั้งแต่เมื่อใดบาดแผลบนร่างกายหายเกือบสนิทและมีพลังมากกว่าเดิมถึงสิบเท่า
เกิดอะไรขึ้น
เขาหมดสติไปนานเท่าไหน?
ขุนพลเทพเทียนเหลียงพร้อมจะต่อสู้ด้วยพลังที่แข็งแกร่งของเขากับศัตรูสุดแข็งแกร่งข้างหน้าเขา คิดจะฆ่าเขาที่เด่นในเรื่องพลังที่แข็งแกร่งอย่างนั้นหรือ ไม่ง่ายอย่างนั้นแน่นอน!
นางพญากระหายเลือดที่อยู่บนท้องฟ้ามิได้ตอบสนอง
ดวงตาของนาง
ดูถูกเหยียดหยามอย่างนั้นหรือ?
นางกำลังดูแคลนตัวเขาหรือ?
เมื่อความอับอายผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจขุนพลเทพเทียนเหลียงพบด้วยความเหลือเชื่อว่าเขาไม่สามารถยืนได้
“ไม่” ขุนพลเทพเทียนเหลียงพบว่าตนเองค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นแกะ เป็นแกะที่น่าสงสารและอ่อนแอไม่มีพลังกายที่น่าภาคภูมิใจอีกต่อไป ตอนนี้เขาเป็นเพียงแกะที่อ่อนแอจนคนอื่นสามารถหักหลังหักคอได้ในครั้งเดียว มันเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร? เขาเป็นขุนพลเทพ เว้นแต่พลังเทพของเทพแท้ใครอื่นจะมาเปลี่ยนร่างเขาให้เป็นแกะได้อย่างรี? ไม่ นี่เป็นไปไม่ได้!
“เปลี่ยนเป็นแกะ มีเวลาสิบนาทีข้าจะปล่อยเขาให้เจ้าจัดการ” อาหงดึงผังอักขระรูนจากท้องฟ้า แล้วใช้องค์ประกอบพลังกักขังตรึงเข้าไปในร่างของขุนพลเทพเทียนเหลียงด้วยพลังเทพ
ขุนพลเทพเทียนเหลียงพบว่าเขากลายเป็นแกะ
เป็นไปไม่ได้ที่จะหลบหนีจากไป
เขาถูกจองจำอย่างสิ้นเชิง
แม้แต่กระพริบตาก็ยังเป็นไปไม่ได้!
ถึงตอนนี้เขาไม่เหลือความยอดเยี่ยมอยู่อีกเลยและต้องการจะร้องขอความเมตตาจากศัตรู ขอให้อีกฝ่ายไว้ชีวิตเขา...แต่น่าเสียดายที่เขาพบว่าความคิดนี้มาถึงช้าไป และตอนนี้เขาต้องการขอความเมตตาแต่เขาไม่อาจพูดได้
“เจ้าสู้ก่อนข้าค่อยตัดหัวเขาทีหลัง ขุนพลเทพผู้งามสง่าอย่างนี้ ข้าต้องการตัดหัวมาทำเครื่องประดับ” สาวทอเรนฟ่านหลุนเถี่ยคำนับอาหงแสดงความรู้สึกขอบคุณก่อนจากนั้นโบกมือให้สี่สาวเผ่าคิวบัวร์ลงมือก่อน นางตัดสินใจว่านางจะลงมือคนสุดท้ายศีรษะของขุนพลเทพแห่งแดนสวรรค์ถือว่าเป็นสินสงครามที่ดีที่สุด
“เราต้องตัดเนื้อบางส่วนไปด้วย!” สี่สาวเผ่าคิวบัวร์รู้สึกว่าพวกนางยังไม่ได้กินเนื้อพวกนางคงรู้สึกเสียใจมากที่ไม่ได้กิน เพราะขุนพลเทพนี้เดินทางมาไกลเป็นพันๆ ไมล์
“......” ขุนพลเทพเทียนเหลียงอยากร้องไห้ แต่ภายใต้การตรึงแม้แต่น้ำตาแห่งความสิ้นหวังก็ไม่ไหลออกมา
ป้อมสายฟ้า
ต่างจากขุนพลเทพเทียนเหลียง ขุนพลเทพเทียนฝู่กำลังสนุก
กล่าวกันว่านี่คือที่มั่นของเย่ว์ไตตัน เขาสามารถทำลายพื้นดินในสิบนาที แต่เขาไม่รีบ เขาเสนอให้ชาวพื้นเมืองหอทงเทียนที่ดูแลอยู่ที่นี่ไม่ว่าใครก็สามารถมาท้าทายได้ แต่ถ้าคนนั้นแพ้ เขาจะทำลายบ้านของเย่ว์ไตตัน ในท่ามกลางความสิ้นหวังของคู่ต่อสู้ เขาหวังจะทำลายชื่อเสียงของเย่ว์ไตตันและฐานที่มั่น สร้างความเจ็บปวดและความเศร้าโศกให้กับคนพื้นเมืองเหล่านี้
“คนต่อไป ใครจะออกมาสู้? ถ้าไม่มีใครสู้อย่างนั้นข้าคงต้องเผาสวนของเย่ว์ไตตัน! ไม่มีนักรบผู้กล้าหาญออกมาใช่ไหม? คนหอทงเทียนขี้ขลาดกันหมดหรือไง? ฮ่าฮ่าฮ่า คนหอทงเทียนขี้ขลาดเป็นพิเศษหรือไง? มาเลย มาท้าทายข้าตามลำพัง!” ขุนพบเทพเทียนฝู่โบกมือโยนบอลพลังงาน อาคารรอบๆป้อมสายฟ้าถูกกวาดหายไปหลังแล้วหลังเล่า
“ให้ข้าลองได้ไหม?” มีเสียงใสไพเราะดังขึ้นที่ข้างหลังเทียนฝู่
“เจ้าน่ะหรือ?” ขุนพลเทพเทียนฝูหันหลังกลับไปดูและพบว่าเป็นเด็กสาวที่ดูอ่อนแอ ไม่ พูดให้ถูกนี่คืออสูรร่างเด็กสาว เป็นอสูรพิทักษ์! ร่างเดิมไม่สามารถมองเห็นได้แม้แต่น้อย และเขาไม่รู้ว่านางเติบโตมาได้อย่างไรขุนพลเทพเทียนฝู่ถามด้วยความสงสัย “ร่างแท้จริงเจ้าล่ะ? มังกรยักษ์หรือ?”
“ไม่ใช่มังกรยักษ์” นางยิ้มหวานไม่ต่างจากหญิงมนุษย์ “แต่ข้าชอบกินมังกรยักษ์มาก!”