Chapter 181 By sentiment of money tarnish
被金钱玷污的感情
ซูเห่าเอ่ยด้วยความสงสัย“ง่ายรึ?”
เสี่ยวปู้เอ่ยออกมาทันที“แน่นอน,สามวันหลังจากนี้เมืองฮุยหยางจะจัดงานเทศกาลเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงครั้งใหญ่” ครั้งนี้ เจ้านายบุตรแห่งชีวิตเป็นประธาน,เมื่อถึงเวลาเจ้าก็จะได้เห็นอีกฝ่ายอย่างแน่นอน!”
ซูเห่าพยักหน้ารับ,ภายในใจลอบคิด,“รออีกสามวัน? พอรับได้!”
เสี่ยวปู้เอ่ย“เหว่ย,เจ้าชื่นชมบุตรแห่งชีวิตมากรึ?”
ซูเห่าพยักหน้ารับ“ก็นะ,เขาเป็นคนร้ายกาจมาก!”
เสี้ยวปู้ที่ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ“ใช่ ๆ เจ้านายบุตรแห่งชีวิตเป็นเหมือนกับเทพเมืองฮุยหยางของพวกเรา! ทุก ๆ คนต่างก็เอ่ยว่า,หากไม่มีบุตรแห่งชีวิต,เมืองฮุยหยางก็คงไม่มีวันนี้.”
บางทีเพราะเห็นแววตาสงสัยของซูเห่า,เสี่ยวปู้จึงเอ่ยออกมาอย่างมีความสุข“ก่อนหน้านี้เมืองฮุยหยางไม่ได้มีสภาพเช่นนี้,ข้าได้ยินมาว่าเมืองฮุยหยางเต็มไปด้วยความวุ่นวาย,มีมนุษย์กลายพันธ์มากมายไล่ล่าสังหารกัน แม้กระทั่งกลางวัน,ทว่านับตั้งแต่เจ้านายบุตรแห่งชีวิตปรากฏขึ้น,เมืองฮุยหยางก็เปลี่ยนไป,อย่างที่เจ้าเห็น,มันสงบเป็นอย่างมากเหมือนที่เจ้าเห็น,ข้าชอบที่นี่มาก!”
ซูเห่าพยักหน้ารับ“แล้วเจ้านายคนอื่น ๆ พวกเขาปกป้องเมืองฮุยหยางเหมือนบุตรแห่งชีวิตหรือไม่?”
เสี่ยวปู้ยังเอ่ยต่อ“ไม่รู้,ทว่าข้าได้ยินมาว่าคนอื่น ๆ ต่อหน้าบุตรแห่งชีวิต,บุตรแห่งแสง,บุตรแห่งความมั่นคง,บุตรแห่งความเงียบต่างก็อยู่กันอย่างสงบ,ไม่รู้ว่าพวกเขาต่อสู้กันหรือไม่? ข้าเองก็ไม่เข้าใจ,แต่ข้าคิดว่าบุตรแห่งชีวิตนั้นมีความสำคัญที่สุด.”
ความแข็งแกร่งและจิตวิญญาณ,หากไม่ได้ถูกส่งต่อไป,ทุกสิ่งที่สร้างขึ้นมา,เกรงว่าคงจะสลายหายไปตามกาลเวลา.
ตำหนักตงหลิงอยู่ไม่ไกลแล้ว,ทว่าเสี่ยวปู้ยังคงเดินพูดคุยกับซูเห่าราวกับว่าไม่รู้สึกเหนื่อยเลย,นอกจากนี้ซูเห่ายังยินดีคุยกับเธอด้วยดี,ทำให้เธอตื่นเต้นมาก,ยิ่งมองซูเห่าเท่าไหร่,ดวงตาของเธอยิ่งหวานเยิ้มขึ้นทุกที.
สายตาของเธอที่ราวกับกำลังหาคู่,สายตาที่ทำให้ซูเห่าสั่นสะท้าน,รู้สึกอึดอัด,ใครจะรู้ล่ะว่าสาวน้อยคนนี้จะลากเขาเข้าห้องเลยหรือไม่? ทางทีดีควรจะรีบจากไปก่อน.
บางทีนี่คือปัญหาของการเกิดมาหล่อเหลาหรือไม่!
นี่คือสิ่งที่เรียกว่า“ถึงติดปีกก็บินหนีไปใหนไม่รอด” กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว.
หลังจากซูเห่าที่ตามเสี่ยวปู้มาจนถึงตำหนักตงหลิง,เขาไม่อาจทนได้อีกต่อไป เอ่ยออกมาว่า“เสี่ยวปู้! ขอบคุณเจ้าที่บอกเรื่องราวข้ามากมาย,ไว้มีโอกาสหน้าค่อยพบกันใหม่!”
กล่าวจบเขาก็หันหลังกลับจากไปทันที,เสี่ยวปู้ที่เร่งรีบวิ่งตาม,คว้าแขนเสื้ออีกฝ่ายไว้“เจ้าไม่บอกหน่อยรึ?ว่าจะพบเจ้าได้ที่ใหน!”
ซูเห่าที่สงบอารมณ์ ก่อนที่จะสะบัดแขนเสื้อ“ไม่ต้องไปหาข้า,ข้าจะออกจากเมืองฮุยหยาง,สองสามวันนี้!”
ไม่รอให้เสี่ยวปู้เอ่ยอะไร,เขาก็หายไปในฝูงชนทันที.
เสี่ยวปู้ที่ยืนงง ๆ จ้องมองซูเห่าหายไปในฝูงชนแววตาเต็มไปด้วยความเศร้า,เธออยากร้องไห้ขึ้นมา,ราวกับว่าเป็นหญิงสาวที่เพิ่งอกหัก.
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่,เสี่ยวปู้ที่ยื่นเซ่ออยู่กับที่,จู่ ๆ ก็มีคนมาสะกิดไหล่.
เธอที่ได้สติ,หันกลับไปมอง.
“เหว่ย!!!?”
เสี่ยวปู้ไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เห็น,เธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ,ที่ได้พบกับเหว่ยอีกครั้ง.
ซูเห่าที่ส่งถุงเงินให้กับเธอ,เอ่ยออกมาเล็กน้อย“เสี่ยวปู้,ขอบคุณที่ให้ข้อมูลกับข้าวันนี้,นี่รางวัลของเจ้า,โปรดรับไปด้วย!”
จากนั้น,ซูเห่าก็หันหลังกลับหายไปในฝูงชนอีกครั้ง.
เสี่ยวปู้ที่ถือถุงเงินด้วยความงงงวย,ยืนนิ่งอยู่กับที,ถึงกับทำอะไรไม่ถูก.
ผ่านไปนานเหมือนกัน,เธอก็ได้สติเผยความเหลือเชื่อออกมา“เยอะเหมือนกัน! วันนี้ได้กำไรสองเท่าเลย,ร่ำรวยแล้ว!”
......
ไม่เป็นไรถ้าต้องรออีกสามวัน,นอกจากนี้ซูเห่ายังคงหาคนอื่นเพื่อสอบถามเกี่ยวกับบุตรแห่งชีวิตและงานเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงครั้งใหญ่,เป็นไปไม่ได้ที่จะฟังเรื่องราวจากเสี่ยวปู้เพียงคนเดียว.
แม้นว่าข่าวที่ได้มาจะไม่แตกต่าง,ทว่ายังมีข่าวที่เขาได้มาเพิ่มเติมด้วย,อีกสามวันจะเป็นงานเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงครั้งใหญ่,นอกจากนี้ งานเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงครั้งนี้ยังเป็นงานที่ใหญ่กว่าครั้งก่อน ๆ เพราะมีบุตรแห่งชีวิตที่ออกมาจัดการด้วยตัวเอง.
อีกหนึ่งเรื่องซูเห่าพบว่า,บุตรแห่งแสงผู้ยิ่งใหญ่ผู้หนึ่งของเมืองฮุยหยางตกตายไป,เมืองฮุยหยางควรจะวุ่นวาย,แต่กับเงียบลงอย่างรวดเร็ว,เห็นชัดเจนว่าบุตรแห่งชีวิตนั้นมีอำนาจมาก,สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว.
นอกจากนี้ตลอดสองวันมานี้,ผู้คนที่เดินทางมายังเมืองฮุยหยางมากขึ้นเรื่อย ๆ,เกรงว่าครบสามวัน,คงไม่มีแม้แต่ที่ให้ยืน.
นอกจากนี้,จากเรดาร์ของซูเห่า,ยังพบว่ามีมนุษย์กลายพันธ์ขั้นหกได้ปรากฏมากขึ้นเรื่อย ๆ.
ด้วยเหตุนี้ซูเห่าเริ่มสัมผัสได้ถึงความผิดปรกติ,และคิดว่าอาจจะเหมือนกับที่จักรพรรดิปฐพีตงหลานเอ่ย,บุตรแห่งชีวิตเมืองฮุยหยาง,ใกล้สิ้นอายุขัย,อาจมีใครบางคนต้องการเสี่ยงโชค.
นอกจากนี้คงไม่ใช่แค่จักรพรรดิปฐพีจากเมืองอันเหลียงแล้วที่มาที่นี่,จักรพรรดิปฐพีทั้งแผ่นดินอาจจะมารวมตัวกันที่นี่,รอให้บุตรแห่งชีวิตตายลง.
แน่นอนว่าคงไม่ใช่แค่บุตรแห่งชีวิต,ยังคงมีขั้นหกจากลำดับอื่น ๆ ด้วย,พวกเขามาที่นี่เพราะรอการต่อสู้ใหญ่เกิดขึ้น,อาจจะสามารถจับปลาน้ำขุ่นได้.
การวิวัฒนาการของมนุษย์กลายพันธ์แต่ละขั้นนั้นไม่ง่ายเลย,ไม่อาจนำไม่เทียบกับหยาซานที่ซูเห่าช่วยวิวัฒนาการได้อย่างรบรื่น,การวิวัฒนาการของจักรพรรรดิปฐพีเป็นบุตรแห่งชีวิต,มีอัตราการตายสูงมาก.
การจะวิวัฒนาการเป็นขั้นต่อไป,จำเป็นต้องสะสมพลังงานมหาศาล,เพื่อโอกาสที่จะวิวัฒนาการสำเร็จมากขึ้น,ดังนั้นการมาเก็บชิ้นส่วนเนื้อจากการต่อสู้ที่นี่ ก็ถือเป็นการเตรียมตัวอย่างหนึ่ง.
ซูเห่ามีวิธีในการสะสมจิงซี,ทว่าคนของโลกนี้ไม่มีวิธีการดังกล่าว,พวกเขาจะต้องผ่านการฆ่ากินเนื้อมนุษย์กลายพันธ์ขั้นเดียวกัน,ปล้นชิงชิ้นส่วนยีนเพื่อสะสมจิงซี.
ขั้นหกของมนุษย์กลายพันธ์ไม่ง่ายที่จะสังหาร,ทว่าหากฝ่ายตรงข้ามผ่านการต่อสู้ที่หนักหน่วงมาก,การลอบโจมตีและเก็บเกี่ยวก็มีความเป็นไปได้.
ดังนั้น,เหล่ามนุษย์กลายพันธ์ขั้นหกที่ต้องการวิวัฒนาการ,จึงไม่ยอมพลาดโอกาสที่นี่,ที่นี่จะต้องเกิดการต่อสู้ใหญ่ขึ้นมาแน่นอน,แต่ละคนล้วนแต่รอฉกฉวยโอกาสที่อาจโชคดีได้รับเนื้อจากการปะทะกันของคนอื่น,หรือแม้แต่อาจจะโชคดีได้กินเนื้อของขั้นเจ็ดคำเล็ก ๆ ก็จะเพิ่มพลังจิงซีมหาศาลแล้ว.
ดังนั้นมนุษย์กลายพันธ์,ที่ได้ข่าว,พวกเขาจะต้องเข้ามายึดพื้นที่สักแห่งในเมือง,รอเก็บเกี่ยวและฉกฉวยโอกาส.
คงจะไม่เกินเลย หากจะกล่าวว่าเหล่าผู้ต้องการวิวัฒนาการทั้งหมดแล้วแต่เดินทางมาที่นี่กันหมดแล้ว.
ซูเห่าที่ถอนหายใจ“คนทั่วไปเมืองฮุยหยาง,หวังที่จะให้บุตรแห่งชีวิตมีชีวิตรอด,ส่วนจักรพรรดิปฐพีทั้งหมดล้วนแต่หวังให้บุตรแห่งชีวิตตาย.”
ไม่ว่าเขาจะทำอะไร,ล้วนแต่มีบางคนให้เขาเป็นคนดี,บางคนก็หวังให้เขาเป็นคนไม่ดี.
ตลอดสองวันมานี้,ซูเห่าไม่ได้ทำอะไร,เขาตะเวนไปรอบ ๆ,เฝ้ามองมนุษย์กลายพันธ์หลากหลายที่เดินทางมาที่นี่มากขึ้นเรื่อย ๆ.
....
ห้องหนังสือตำหนักตงหลิง,คืนก่อนงานเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงครั้งใหญ่.
ชายชราผู้หนึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์,ผมของเขาที่เป็นสีขาวล้วน,ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอย,ผิวที่แห้งเหี่ยว,ปลายหูที่ย่นงอลงมา,เขาดูเหมือนกับชายชราธรรมดา,ทว่ายังมีเค้าโครงความสง่างามเหลืออยู่,ไม่มีใครกล้ามองเขาตรง ๆ,แม้นว่าจะเป็นชายชรา,แต่ก็มีกลิ่นอายที่เกินพรรณนาแผ่ออกมา,ทำให้เหล่ามนุษย์กลายพันธ์ล้วนแต่หวาดกลัว.
แม้นว่าเขาจะแก่แล้ว,แต่ก็ไม่มีใครกล้าท้าทายศักดิ์ศรีของเขา.
เขาก็คือบุตรแห่งชีวิตเมืองฮุยหยาง-ซิว
ที่ด้านหน้าบุตรแห่งชีวิต ซิว,มีชายวัยกลางคน,เป็นบุตรชาย,จักรพรรดิปฐพี,จี๋.
บุตรแห่งชีวิตซิวไม่เอ่ยอะไร,ผลักถาดไปด้านหน้า.
จักรพรรดิปฐพี,จี๋ที่จ้องมองบางสิ่งในถาด,ดวงตาหรี่เล็ก,กระแสไฟที่ราวกับแล่นพล่าน,เต็มไปด้วยความยินดีใจเต็มหัวใจ,เขารู้ว่า,ขอเพียงกินเนื้อของบุตรแห่งชีวิต,เมื่อกลืนมันไปแล้ว,เขาก็จะวิวัฒนาการเป็นลำดับเจ็ดของมนุษย์เกราะ,กลายเป็นบุตรแห่งชีวิตอีกคน,กลายเป็นตัวตนบนจุดสูงสุดของโลกใบนี้.
เขาและคนอื่น ล้วนแต่รอสิ่งนี้มานานมากแล้ว.
อย่างไรก็ตาม,ถึงเขาจะตื่นเต้นเป็นอย่างมากแต่ก็ต้องระงับอาการ,ไม่กล้าเผยความโลภออกมา,แสร้งเอ่ยสอบถามด้วยความสงสัย“เจ้านาย,บุตรแห่งชีวิตนี่คือ....”
ใช่แล้ว,ถึงเขาจะเป็นบุตรชาย,แต่ก็ไม่กล้าเรียกอีกฝ่ายว่าพ่อ.