ตอนที่ 1253 จักรพรรดิอสูรคือใคร?
สำหรับการเดินหมากที่สองของเย่ว์หยางทำให้บัณฑิตวัยกลางคนขมวดคิ้วลึก
เขาไม่เข้าใจ
ทำไมตาเดินต่อไปถึงเป็นเช่นนี้?
เย่ว์หยางไม่ใส่ใจอะไรเลยนี่เป็นเหตุผลที่มีมาตามธรรมชาติ ไม่ว่าคนภายนอกจะตั้งคำถามอย่างไรก็ตามตราบเท่าที่เขารู้สึกถูกต้อง
“หมากตาที่สองของเจ้าเลือกสู้กับจักรพรรดิอสูรหรือ?” บัณฑิตวัยกลางคนไม่เข้าใจอย่างแท้จริง นอกจากจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อแล้ว เย่ว์ไตตันเลือกเดินตาที่สองกับจักรพรรดิอสูรไม่ใช่จักรพรรดิทองแห่งเผ่ากาทองสามขาแห่งหุบเขาสุริยันต์ ไม่ใช่เลือกหัวหน้าผู้อาวุโสราชันย์ไร้ใจแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ และไม่ใช่ห้าจอมภพแดนสวรรค์ที่ใช้วิชาลับลอบเข้ามา... ตาเดินคราวนี้ไม่ได้รับการท้าทายอย่างแข็งขัน ไม่ใช่ว่าการโจมตีครั้งแรกจะอ่อนแอที่สุด แต่เขากลับเลือกเล่นกับจักรพรรดิอสูรเขาคิดไม่ออกจริงๆ
“มีปัญหาอะไรไหม?” เย่ว์หยางถามแปลกๆ
“ดูเหมือนว่าที่แข็งแกร่งที่สุดจะเป็นเจ้าตำหนักสูงสุดไม่ใช่หรือ? เจ้าปล่อยเขาไว้ตามลำพังได้อย่างไร?” บัณฑิตวัยกลางคนเตือน
“เจ้าตำหนักสูงสุดไม่ใช่ตัวหมากของเจ้า!” เย่ว์หยางปฏิเสธ เนื่องจากเจ้าตำหนักสูงสุดไม่ใช่หมากของตงฟาง ไม่สำคัญว่าตงฟางจะจัดหมากอย่างไรแต่นี่มันคือเรื่องของเขา!
“เจ้าตำหนักสูงสุดไม่ฟังคำสั่งข้าก็จริงแต่ข้าได้โน้มน้าวราชันย์ไร้ใจให้เข้าร่วมการต่อสู้ด้วย” บัณฑิตวัยกลางคนมองดูเย่ว์หยางเพื่อดูว่าเขาจะอธิบายได้อย่างไรว่าเขาจะไม่เผชิญกับระดับหัวหน้าของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ เย่ว์หยางแบมือยักไหล่และพูดทั้งยิ้ม “ทันทีที่ข้าได้ยินชื่อคนผู้นี้ข้ารู้ความคิดและพฤติกรรมของคนประเภทนี้ เป็นที่รู้กันดีว่าคนอย่างราชันย์ไร้ใจนี้มักเกียจคร้านแต่เขาฉลาด เขามักจะอยู่หลังฉากเจ้าแล้วจะยอมออกมาก่อนได้อย่างไร เขาต้องออกมาเป็นคนท้ายๆ เพื่อต่อรองข้า ทำไมข้าต้องควบคุมเขาตอนนี้ด้วย?”
บัณฑิตวัยกลางคนตกใจ
จากนั้นก็หัวเราะ
เขาปรบมือชมเชย “คุณชายสามตระกูลเย่ว์สมกับเป็นอัจฉริยะไม่มีใครเทียบได้จริงๆเป็นเหตุผลสนับสนุนที่กล้าหาญ แต่ก็น่าชื่นชมด้วยเช่นกัน! ถ้าราชันย์ไร้ใจไม่เคลื่อนไหวต่อสู้ในศึกแรกแล้วจักพรรดิทองแห่งเผ่ากาทองสามขาเล่า? เผ่าของเขาได้รับการยอมรับอย่างสูงจากตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ ในอดีตพวกเขาถูกขับออกจากเผ่าบูรพาอมตะต้องเร่ร่อนสร้างศัตรูทุกแห่งหนตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ยอมรับพวกเขาอย่างจริงจังและให้พวกเขาตั้งถิ่นฐานในแดนสวรรค์ได้ นี่ยังไม่ต้องพูดถึงจักรพรรดิทองมีมิตรภาพกับข้าอย่างลึกซึ้งไม่ธรรมดา ตอนนี้ข้าเชิญชวนให้เขามาช่วยข้า เขาไม่ได้รับรู้ชื่นชมมิตรภาพของเจ้ากับองค์ชายแปดอูไห่เลย เจ้าไม่คิดว่าเขาน่าสนใจหรอกหรือ?”
เย่ว์หยางส่ายหน้าเบาๆ “แน่นอนว่าข้าไม่เพิกเฉยทำตาบอดหูหนวกเรื่องนี้ ข้ากำลังส่งน้องสาวข้าไปปราบเขา!”
บัณฑิตวัยกลางคนถึงกับหัวเราะลั่น “บางทีเจ้าอาจคิดว่ามันใช้ได้ผล แต่น่าเสียดายข้าต้องบอกเจ้าไว้ก่อน แค่กิเลนเด็กที่เจ้าส่งไป ไม่มีทางโน้มน้าวจักรพรรดิทองได้
เย่ว์หยางยืนยันต่อ “ถ้านางไม่สามารถโน้มน้าวได้ ข้ายังมีน้องอีกสองคน พวกนางทำได้!”
“ไม่!” บัณฑิตวัยกลางคนส่ายหัวโบกมือ “ต่อให้เจ้าเพิ่มสองสาวมังกรเทพธิดาศึก (ราชันย์ปีศาจใต้) หรือแม้แต่จะเพิ่มสาวมังกรไร้เขาที่เป็นเหมือนอาวุธลับของเจ้าก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำร้ายจักรพรรดิทอง! จักรพรรดิทองไม่กล้าทำร้ายเผ่าอมตะ แต่เขาจะไม่รับคำสั่งจากพวกเขาอย่างไม่เป็นธรรมตราบใดที่เขาไม่ได้ฆ่าคนเผ่าบูรพาอมตะ แม้ว่าหอทงเทียนจะถูกทำลายลงทั้งหมดก็ไม่มีความสัมพันธ์ใดเกี่ยวข้องกับพวกเขา เรื่องนี้ข้าคิดไว้เป็นอย่างดีแล้ว!”
“ถ้าเจ้าไม่ลองแล้วเจ้าจะรู้ผลลัพธ์ที่แท้จริงได้อย่างไร? นอกจากนี้ยังไม่มีอันตรายใดๆ ในการลอง!” เย่ว์หยางยืนยันอย่างเรียบเฉย
“อย่างนั้นก็แล้วแต่เจ้า” บัณฑิตวัยกลางคนพยักหน้าจริงจังไม่คัดค้านต่อไป
“ไม่มีปัญหาเราจะผนึกเกมไว้ก่อน วันนี้เหนื่อยมากพอแล้ว เราค่อยมาเล่นต่อกันวันพรุ่งนี้!” เย่ว์หยางดูเหมือนไม่ทราบว่านี่เป็นการต่อสู้เสี่ยงเป็นตาย แต่เหมือนกับการเล่นหมากรุกระดับมืออาชีพ
“ถ้าเจ้าต้องการไม่เป็นไรหรอกนะถ้าเจ้าจะพักสักสามวัน” บัณฑิตวัยกลางคนเห็นด้วย เพื่อชัยชนะเด็ดขาด ทุกอย่างไม่สำคัญ
“ถ้าอย่างนั้นก็วันนี้แหละ!” เย่ว์หยางวางหมากลงบนโต๊ะ
“ขอให้ข้าได้เตือนเจ้าไว้ก่อนว่าพลังของห้าจอมภพนั้นไม่อ่อนด้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อห้าจอมภพสู้ด้วยกันโปรดอย่าลืมพวกเขาสามารถเป็นตัวหมากได้ พวกเขาไม่มีความเสียใจเมื่อเป็นหมากที่ถูกกินนั่นคือข้อสรุปสำคัญ ถึงเวลานั้นแม้เสียใจก็สายเกินไป!” บัณฑิตวัยกลางคนเตือนเย่ว์หยาง
“ถ้าเจ้าไม่ไม่บอกข้าเกือบลืมไป ใครบางคนจากห้าจอมภพไม่ต้องการให้ข้ากังวล” เย่ว์หยางหยิบเข็มทิศสามพิภพออกมาและเทเลพอร์ตจากไปทันที
บัณฑิตวัยกลางคนไตร่ตรอง
หลังจากไตร่ตรองอยู่ชั่วขณะเขาค่อยๆ เอื้อมมือหยิบหมากที่เป็นตัวแทนของมังกรปีศาจที่เย่ว์หยางเพิ่งใช้ตอนนี้
ในตอนแรกเขาตกใจและประหลาดใจมากแต่ในที่สุดคิ้วของเขาคลายตัวและเขายิ้มออก กลับกลายว่าเป็นของปลอม ไม่มีมังกรปีศาจเข้าร่วมในการต่อสู้ไม่เช่นนั้นหมากชิ้นนี้จะไม่มีทางหยิบขึ้นมาได้เลย! เจ้าเด็กนี่ใช้อสูรศึกมาหลอกข้า เขาสามารถซ่อนทักษะแฝงเร้นหมากรุกของข้าได้หรือ? เหลือเชื่อจริงๆ! อย่างไรก็ตามการโกงหมากรุกไม่มีประโยชน์หากเจ้าเด็กนั่นหลอกลวงหมากตานี้ ก็ต้องสร้างขึ้นเพื่อหลอกลวงต่อเป็นสิบตา เขากล้าพอจะเมินหลีกเลี่ยงเจ้าตำหนักสูงสุดและราชันย์ไร้ใจ แต่คาดว่าเจ้าหลบจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อไม่พ้นแน่?เจ้าคิดว่าราชันย์ไร้ใจแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์จะยอมออกมาสู้เพราะการบุกตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์? เจ้าวางแผนสวยหรู แต่น่าเสียดายที่เจ้าไม่รู้ว่าราชันย์ไร้ใจเป็นใครเขาทำอะไรไว้ให้กับตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ความคิดที่รอบคอบของเจ้าจะมีหลายชั้นนับไม่ถ้วนได้อย่างไร... ห้าสุดยอดฝีมือที่เจ้าตั้งใจจะใช้นางพญาผู้พิชิตเข้าสู้ มิน่าเล่าเจ้าถึงอยากจัดการจักรพรรดิทองและราชันย์ไร้ใจ เจ้ายังคงมีความคิดอย่างนี้! แผนหลายชั้นของเจ้าล้มเหลวแน่นอน แต่ข้าชอบแบบนี้ เพียงแต่โลกและสวรรค์แบบนี้ก็คือเกมหมากรุก ชัยชนะชีวิตทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเขา
บัณฑิตวัยกลางคนรำพึง
มีการเปลี่ยนแปลงต่างๆในภาพ หน้าของเขาผ่องใสรู้สึกพอใจและมีความสุข เหมือนกับยอดศิลปินมองดูผลงานชิ้นโบว์แดงของตน
“นี่เป็นสิ่งจำเป็นต้องจัดการต่อไปข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเด็กเจ้าเล่ห์พลิกสถานการณ์การต่อสู้ได้” บัณฑิตวัยกลางคนสงบจิตใจได้ทันที เขาดึงตัวหมากที่เป็นตัวแทนของมังกรปีศาจกลับมาอีกครั้งและมองดูหมากอย่างระมัดระวัง จากนั้นค่อยๆ วางหมากในตำแหน่งที่ถูกต้องเบาๆ หลังจากเห็นว่ารูปแบบหมากสมบูรณ์แบบแล้วเขากลายเป็นแสงสีทองหายไปในความว่างเปล่า
ขณะเดียวกัน
เย่ว์หยางกลับไปที่ประตูวังเทียนหลัว
เมื่อเขาเทเลพอร์ตกลับมาทหารองครักษ์ที่เฝ้าประตูวังลอบถอนหายใจ
นี่เป็นเพราะมีศัตรูที่แข็งแกร่งมากมาถึงด้วยพลังของพวกเขาเป็นไปไม่ได้ที่จะป้องกันความปลอดภัยของฝ่าบาทได้ ตอนนี้เย่ว์หยางกลับมาแล้ว ที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาคือแขกห้าคนที่ไม่ได้รับเชิญ แม้ว่าจะไม่รู้ว่ามีระดับพลังเพียงไหนแต่แม้กระทั่งองครักษ์ประจำตำหนักที่อ่อนแอที่สุดก็ยังเข้าใจว่าทั้งห้าคนนี้เป็นนักสู้จากแดนสวรรค์แน่นอนสามารถทำลายโลกได้เพียงแค่ยกมือขึ้นเท่านั้น ที่อยู่ข้างหน้าเขาเป็นนายทหารที่จิตใจแข็งแกร่งดุจเหล็กเขาไม่อาจยืดตัวตรงได้ ได้แต่ก้มหน้างอตัวคุกเข่าเหมือนกับถูกขุนเขาใหญ่ห้าลูกกดทับ ทุกครั้งที่ร่างกายสั่นสะท้านก็แทบค้ำยันร่างไม่อยู่จนกระทั่งเย่ว์หยางกลับมาถึง เขาจึงล้มลงกับพื้น
เย่ว์หยางมองดูจากด้านซ้ายอสรพิษเก้าหัวหนอนเก้าหัว วิหคเก้าหัว ปีศาจเก้าหัวและอสูรเก้าหัว
เขาใช้จักษุญาณทิพย์มองดูก็สามารถมองเห็นว่าร่างหลักที่แท้จริงของเผ่าภูตบูรพาเหล่านี้ แต่เขาไม่สามารถพบเจอว่าใครคือจักรพรรดิอสูร! ในเผ่าเก้าหัวทั้งห้าคนนี้หรือว่าอสรพิษเก้าหัวจะเป็นจักรพรรดิอสูร? ตามสถานะวิหคเก้าหัวอยู่ตรงกลางดูเหมือนจะสมเหตุผลมากกว่า! ถ้ามองดูจากสภาพร่างกายมีแนวโน้มว่าอาจเป็นปีศาจเก้าหัวก็ได้และอาจจะเป็นอสูรเก้าหัวก็เป็นไปได้มาก
เผ่าอสูรเก้าหัวทั้งห้าคนนี้มองอย่างผิวเผินไม่เพียงแต่คุ้นเคย แต่ร่างก็ยังคุ้นเคย แม้แต่พลังก็แทบจะเหมือนกัน
อสรพิษเก้าหัวดูคล้ายกับหนอนเก้าหัวมาก วิหคเก้าหัวมีปีก ปีศาจเก้าหัวก็มีเช่นกัน และปีศาจเก้าหัวมีร่างกายคล้ายกับเต่าดำ แต่อสูรเก้าหัวก็ยังคงเหมือนกันใครเป็นจักรพรรดิอสูรที่แท้จริงกันแน่
ถ้าจักรพรรดิอสูรที่แท้จริงอยู่ในกลุ่มทั้งห้าคนนี้อย่างนั้นเย่ว์หยางคงต้องระวังให้มากขึ้น
เพราะถ้าด้วยพลังจักษุญาณทิพย์ในปัจจุบันของเย่ว์หยางยังไม่สามารถมองเห็นพลังของจักรพรรดิอสูรได้ อย่างนั้นตาเดินครั้งต่อไปคงเล่นได้ยาก! อย่างน้อยพลังของจักรพรรดิอสูรก็เหนือกว่าที่เย่ว์หยางคาดไว้มาก! ที่ขุนเขาเหนือขุนเขาบุรุษลึกลับนับว่าแข็งแกร่งมากพออยู่แล้ว และเทพปีศาจเว่ยกวงก็เล่นงานเย่ว์หยางจนแทบหายใจไม่ทันแต่พลังของพวกเขาก็ยังอยู่ในการคาดการของเย่ว์หยาง
ถ้าพลังของจักรพรรดิอสูรเหนือกว่าบุรุษลึกลับหรือเทพปีศาจเว่ยกวงมากอย่างนั้นศึกนี้ก็ยากจะทนทานได้!
“พวกเจ้าใครคือจักรพรรดิอสูร?” เย่ว์หยางมองแล้วมองอีกก็แทบจะมองไม่เห็น
“แล้วเจ้าคิดว่าใครเล่า” อสรพิษเก้าหัวที่ยืนอยู่ทางด้านซ้ายยิ้มและมองเย่ว์หยาง “เจ้าเป็นเด็กที่น่าสนใจ ดังนั้นถ้าเจ้ายินดีจะแบ่งสมบัติแดนล่มสลายแห่งทวยเทพให้เราครึ่งหนึ่งอย่างนั้นเราจะเป็นมิตรที่ดีต่อกัน!”
“ฝันไปเถอะ!” เย่ว์หยางปฏิเสธ
“แดนล่มสลายแห่งทวยเทพไม่ใช่ของเจ้า ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นว่าเจ้ามีความสัมพันธ์เล็กน้อยกับเรา ทำไมเราต้องมามัวเสียเวลาคุยเรื่องไร้สาระกับเจ้า ฆ่าเจ้าในท่าเดียวก็สิ้นเรื่อง” เสียงของหนอนเก้าหัวแทบจะคล้ายกันกับอสรพิษเก้าหัว แม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่สามารถจำแนกความต่างกัน แต่เย่ว์หยางมั่นใจว่าหนอนเก้าหัวนี้ไม่ได้มีเสียงเหมือนกับอสรพิษเก้าหัว
“ฆ่าข้าในท่าเดียว?” เย่ว์หยางหัวเราะ เขาชูนิ้วทั้งห้า “มาลองดูก็ได้!”
“ฆ่าเจ้าไปคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ คาดว่าจะมีมือคอยช่วยอยู่ที่นี่ จะมีคนรอปิดผนึกเราเราไม่สามารถกินเพื่อให้เกิดการสูญเสียนั้นได้ คนเก่าแก่ของเผ่าภูตบูรพานั้นไม่มีใครอยู่หนุนหลังเรา ผนึกนั้นยังเป็นขนาดเบาแต่ก็น่ารำคาญจริงๆ เป็นไปได้ว่าอาจจะฆ่าเราได้ เราไม่ยอมถูกหลอก” เสียงของวิหคเก้าหัวแหลมและดุ “แต่ตราบเท่าที่เจ้าไม่ถูกฆ่าเอาแค่ให้เจ้าคลานหาฟันตัวเองก็คงไม่เป็นปัญหา แนวทางพื้นฐานอย่างนี้เรายังควบคุมได้”
“วันนี้พวกเจ้าจะทุบตีข้าให้ถึงกับคลานหาฟันตัวเอง บางทีพรุ่งนี้ข้าอาจนำคนไปที่หน้าประตูบ้านฆ่าคนในเผ่าของเจ้า เจ้าคือเผ่าเก้าหัวเจ้าแน่ใจนะว่าจะสู้กับข้าได้?” เย่ว์หยางแค่นเสียงเยือกเย็น
“การใช้แดนล่มสลายแห่งทวยเทพเพื่อล่อลวงเป็นเรื่องยิ่งใหญ่เสียงของปีศาจเก้าหัวนั้นชัดเจนที่สุด และเขาดูใจดีที่สุด
“หลายอย่างไม่ใช่ของๆเจ้า พวกเจ้าก็ไม่ควรมาเอา” เย่ว์หยางถอนหายใจ
“เราไม่รับ แค่รอให้เจ้าไปเอาสมบัติจากนั้นค่อยแบ่งกับเราครึ่งหนึ่ง เราไม่โลภมากของแค่ครึ่งหนึ่ง!” อสูรเก้าหัวบอกว่ายังพอมีทางหนึ่งเช่นวิธีจับเย่ว์หยางซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุด เหตุผลที่พวกเขาล่วงหน้ามายังวังเทียนหลัวก็คือเร่งรีบตัดหน้าจักรพรรดิทองและราชันย์ไร้ใจจับตัวเย่ว์หยางก่อนและจากนั้นหาทางเอาสมบัติของแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ พวกเขาเป็นเผ่าภูตบูรพาระดับสูง มีกฎมากมายในแดนบูรพา พวกเขามีความชัดเจนที่สุดคือถ้าต้องการฆ่าเย่ว์หยางโดยไม่มีเหตุผลแม้แต่น้อยแล้วชิงสมบัติผลก็คือไม่ได้อะไร แต่ถ้าพวกเขาเอาชนะเย่ว์หยางเจ้าเด็กนี่ได้ก็ไม่น่าเป็นปัญหาใหญ่อะไรผู้เดียวที่ต้องระวังก็คือจักรพรรดิทองและราชันย์ไร้ใจ
“เจ้าคิดว่าข้าจะยอมร่วมมือโดยไม่มีการสู้ใช่ไหม?” เย่ว์หยางแค่นเสียง
“แน่นอนว่าไม่” อสรพิษห้าหัวส่ายหน้าและมองเย่ว์หยางจริงจัง “แต่เรามีเวลามากพอ เราจะทรมานเจ้าช้าๆ จนโค่นเจ้าลง เดิมทีเผ่าเก้าหัวต้องการเพียงหนึ่งเดียว แต่เราทั้งห้ามารับสมบัติจากแดนล่มสลายแห่งทวยเทพไม่คิดว่าจะล้มเหลว”
“อย่างนั้นมาพนันกัน ถ้าเจ้าชนะ ข้าไม่มีอะไรจะพูด แต่ถ้าข้าชนะอย่างนั้นพวกเจ้าต้องออกไปจากหอทงเทียนทันทีและอย่ากลับมาที่นี่อีก หอทงเทียนที่นี่คือถิ่นของข้า!” เย่ว์หยางค่อยๆกลั่นสร้างกระบี่ดำกุยจ้างกระบี่ขาวซวงหัวและกระบี่แดงชี่เสี่ยวเหลียนต่อหน้าทั้งห้าและเดิมพันสู้กับศัตรูถึงหนึ่งต่อห้า
*** *** ***