ตอนที่ 1252 ใครกล้ารังแกน้องข้า
เย่ว์หยางอยู่ในระหว่างการเล่นและกำลังไตร่ตรอง
เขาไม่สามารถเดินหมากได้
บัณฑิตวัยกลางคนรอคอยอย่างสงบและอดทนสำหรับหมากที่กำหนดแล้วว่าจะต้องชนะในท้ายที่สุด เขาไม่มีเหตุผลต้องรำคาญเสียใจ ตราบใดที่เขาแพ้อย่างรวดเร็วอย่างนั้นเขาจะรู้สึกหงุดหงิดและกระสับกระส่ายเหมือนอย่างเย่ว์หยาง ในตอนนี้เขารู้สึกอึดอัดจนต้องทุบโต๊ะโวยวายออกมาบ้าง “หมากไร้สาระอะไรอย่างนี้ความรู้สึกมีน้อยมากไม่รู้สึกถึงหมากหยกที่ดีกว่านี้แล้วหรือ ตัวหมากเน่าอย่างนี้จับไปแล้วจะมีแรงบันดาลใจอะไรได้!”
ทุกคนรู้ว่าการเล่นหมากรุกไม่เกี่ยวอะไรกับตัววัสดุหมากสีผิวของชิ้นหมากส่วนเหล่านี้ไม่ส่งผลอะไร
เขารู้สึกว่าคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องทุกประเภท
จะพ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว!
เย่ว์หยางดูเหมือนเป็นคนแบบนี้...บัณฑิตวัยกลางคนเปลี่ยนมุมมองลองคิดว่าตัวของเขาเป็นคุณชายสามตระกูลเย่ว์ และเมื่อเผชิญกับสุดยอดนักสู้ต่างๆหลายคนเช่นเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อ จักรพรรดิอสูรจักรพรรดิทอง ราชันย์ไร้ใจ เขารู้สึกว่าศีรษะพองโตแทบระเบิด อย่าว่าแต่สองสามคนที่กล่าวข้างต้นเลยห้าจอมภพจากแดนสวรรค์ส่วนต่างๆ ทั้งตะวันออก ตะวันตก และใต้ คนเหล่านี้ไม่ใช่จะตอแยกันได้ง่ายๆ
ในอดีตจักรพรรดิออวี้ต้องยอมเสียสละตนเองยอมผนึกสามจอมภพแดนสวรรค์ตะวันตก
ในเวลานี้ไม่เพียงแต่เย่ว์หยางต้องเผชิญกับห้าจอมภพแดนสวรรค์พร้อมกันแต่ยังต้องเผชิญห้าสุดยอดฝีมืออย่างเทียนอี้ จักรพรรดิไร้เทียมทาน จักรพรรดิอสูรจักรพรรดิทองและราชันย์ไร้ใจ ทั้งสิบคนเหมือนกับขุนเขาใหญ่ทั้งสิบ แค่คนใดคนหนึ่ง ก็เพียงพอจะพิชิตเขาได้ทั้งหมดแล้ว แต่ตอนนี้มาถึงสิบคนพร้อมกันเหตุการณ์เศร้าครั้งนี้ยากจะหลีกเลี่ยง
บัณฑิตวัยกลางคนคิดว่าถ้าเขาเป็นเย่ว์ไตตันต้องมาถือไพ่เช่นนี้ไว้ในมือ ภายใต้แรงกดดันของศัตรูทั้งสิบมีผลสุดท้ายคือตายอย่างเดียว
ไม่มีทางชนะ
ต้องการจะชนะหมากนี้ปืนป่ายขึ้นสวรรค์ยังจะง่ายเสียกว่า!
คิดว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์คงจะคิดหาทางเอาชนะไม่ได้ และเขาคิดว่าตนเองไม่มีเหตุผลใดที่จะแพ้
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้บัณฑิตวัยกลางคนคิดว่าเขาสามารถวางใจลงได้บ้างเล็กน้อยสำหรับหมื่นปีที่หดหู่วางแผนอย่างรอบคอบรอคอยผลแห่งชนะอย่างใจเย็นหลังจากที่ได้ฝึกฝนฝีมือมานานเป็นหมื่นปี บัดนี้เป็นเวลาที่ควรชื่นชมยินดีต่อความเจ็บปวดและความเกรี้ยวกราดของศัตรูเป็นการโต้ตอบระบายความผิดหวังเมื่อหมื่นปีที่แล้ว บัณฑิตวัยกลางคนเงยหน้ามองท้องฟ้าและยิ้มอย่างสดชื่น ในอดีตคนที่เข้าใจผิดเหล่านี้คนโง่เหล่านี้ปฏิเสธจะสนับสนุนตัวเขาให้ขึ้นเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของหอทงเทียนไม่ใช่หรือ? หากจิตวิญญาณวีรบุรุษของพวกเจ้าอยู่ไม่ไกลจงใช้สายตาของพวกเจ้ามองดู เป็นเพราะความดื้อรั้นและความผิดพลาดของพวกเจ้า พวกเจ้าพลาดผู้สืบทอดที่ดีที่สุดไป เพราะหอทงเทียนจะต้องถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง ความสง่างามจึงต้องหยุดยั้งเพียงเท่านี้
นี่คือทางเลือกของพวกเจ้า
เป็นเพราะพวกเจ้าเป็นเพราะพวกเจ้าไม่เลือกข้า หอทงเทียนจึงมีสภาพดังทุกวันนี้ ทุกอย่างเป็นความผิดของพวกเจ้า!
หอทงเทียนเอยในเมื่อข้าไม่ได้มันมา คนอื่นก็จะไม่ได้เช่นกัน! ในเมื่อข้าไม่ได้รับ อย่างนั้นข้าจะทำลายมันเอง ข้าจะทำบ้านเกิดที่สวยงามแห่งนี้กลายเป็นนรกที่แท้จริง เปลี่ยนให้เป็นนรกที่โหดร้ายเลือดนองเป็นท้องธารทำให้คนนับล้านล้านถูกฝังร้องไห้คร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดเป็นครั้งสุดท้าย
บัณฑิตวัยกลางคนค่อยๆกำหมัดช้าๆ เหมือนกับว่ากุมชะตาของหอทงเทียนไว้ได้แล้ว
ปัง
เย่ว์หยางหยิบตัวหมากชิ้นหนึ่งวางบนกระดานหินทันที
มีเสียงดังผิดปกติ แม้ว่าสีหน้าของเขาจะไม่ได้โกรธ แต่ก็เหมือนกับไม่ตั้งใจ
เมื่อบัณฑิตวัยกลางคนเห็นเช่นนี้ใบหน้าของเขามีรอยยิ้ม เขาผายมือแนะนำ “เด็กน้อย, เล่นหมากรุกอย่าหุนหันพลันแล่น เจ้าก็รู้ว่าบางครั้งมือข้างเดียวสามารถกำหนดทิศทางของรูปเกมทั้งหมดความอดทนและความสังเกตเป็นเรื่องสำคัญมากเจ้าแน่ใจนะว่าต้องการทำตามตาเดินนี้? แน่ใจหรือเปล่า? นี่เห็นว่าเจ้าเป็นสหายรุ่นหลังหรอกนะ ข้าจะทำให้เจ้าเสียใจกับการเดินผิด เจ้าควรคิดดูให้ดีแล้วค่อยเดินหมากก็ยังไม่สายเกินไป!”
“เป็นคนรุ่นหลังของเจ้านั่นเป็นเรื่องน่าอับอาย ดีที่สุดอย่าไปพูดถึงมัน” เย่ว์หยางจ้องมองบัณฑิตวัยกลางคนตาคมกร้าวเหมือนดาบ “เราคุณชายกำลังเล่นหมากรุก เจ้าก็ชอบไม่ใช่หรือ ถ้ารู้สึกอึดอัด เจ้าฆ่าตัวตายได้!”
“คนกำลังจะชนะย่อมไม่ฆ่าตัวตายแน่นอน การฆ่าตัวตายเป็นเรื่องของคนแพ้” บัณฑิตวัยกลางคนหัวเราะลั่น
“ข้ายังไม่แพ้!” เย่ว์หยางตะโกนลั่น
“ตอนนี้เจ้ายังไม่แพ้ แต่คาดว่าคงเร็วๆ นี้”บัณฑิตวัยกลางคนไม่คิดว่าเป็นไปได้ที่เจ้าเด็กนี่จะมีโอกาสกู้สถานการณ์กลับมา เขามองดูหมากบนกระดานและชี้ไปที่ตัวหมากสีขาวบนโต๊ะหินยิ้มให้เย่ว์หยาง “หมากนี้ของข้าคือจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อใหญ่พอจะกินหมากบนกระดานได้ทุกตัวเจ้ามีหมากใช้ขัดขวางหมากใหญ่นี้ได้หรือ?”
“ข้ายังมีหมากใหญ่อยู่ตัวหนึ่ง!” เย่ว์หยางขยับบอกไม่ให้บัณฑิตวัยกลางคนก่อกวนการเดินหมากของเขา
“หมากของเจ้าจะยิ่งใหญ่แค่ไหนเชียว?” บํณฑิตวัยกลางคนไม่คิดว่าหมากนี้จะมีพลังพอหยุดหมากที่เข้มแข็งทรงพลังอย่างจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อของเขาได้
สามารถป้องกันจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อได้มีแต่นางพญาผู้พิชิตเฟ่ยเหวินหลี
น่าเสียดายนี่ไม่ใช่นาง
แม้ว่าการเดินหมากนี้จะถูกนางขัดขวางอย่างนั้นก็ยังมีเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ จักรพรรดิอสูรจักรพรรดิทองและราชันย์ไร้ใจ? ใครยังจะขัดขวางได้อีก?
เย่ว์หยางเตรียมวางหมากสีดำเพื่อต้อนหมากอีกฝ่ายให้กลับเข้าที่เดิมพร้อมกับเตือนอย่างจริงจัง “อย่าแตะต้องหมากนี้ของข้า! ตามธรรมชาติข้าก็เป็นอย่างนี้ หมากของเจ้าคือจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อ คิดว่าใหญ่พอแล้วใช่ไหม? แต่หมากของข้าในอดีตเคยกวาดมาทั่วอาณาจักรสวรรค์มาแล้ว มังกรปีศาจจะคอยขัดขวางจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อเอง นี่คือของขวัญเล็กๆ น้อยๆ จากข้า!”
“มังกรปีศาจ?” บัณฑิตวัยกลางคนไม่เข้าใจเย่ว์ไตตันรู้จักกับเจ้าโง่อย่างมังกรปีศาจได้อย่างไร เขาขมวดคิ้วพูดกับเย่ว์หยาง“พื้นเพอย่างเจ้า ไม่ รู้ จัก มังกร ปีศาจ!”
“ข้าไม่รู้จักมังกรปีศาจหรือ? ข้าปล่อยเขาออกมาเองแล้วจะไม่รู้จักเขาได้อย่างไร?” เย่ว์หยางพูดเยาะเย้ยคืน “ในโลกนี้นอกจากข้ายังจะมีใครอื่นที่ปลดผนึกเขาได้ นอกจากเราคุณชายผู้นี้ใครเล่าที่มากอดขาข้าขอให้ข้ายอมรับเป็นพี่น้อง นั่นเป็นเพราะเขาร้องขอต้องการเป็นพี่ใหญ่ข้าเขาบอกว่านั่นคือความฝันของเขา!”
“ต่อให้มังกรปีศาจเป็นพี่ใหญ่เจ้าเขาก็มาหอทงเทียนไม่ได้ และเป็นไปได้น้อยมากที่เขาจะเป็นศัตรูกับจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อ!” บัณฑิตวัยกลางคนหัวเราะลั่น
“ทำไมล่ะ?” ครั้งนี้เป็นเย่ว์หยางที่ไม่เข้าใจบ้าง
“เพราะเขาเพิ่งออกจากผนึกยังไม่ฟื้นฟูพลังสุดยอดของตนเอง” บัณฑิตวัยกลางคนหัวเราะลั่นและส่ายศีรษะ “ตอนนี้เขาต้องซ่อนตัวเพื่อฟื้นฟูพลังตนเอง ต่อให้เจ้าต้องการพบเขา ก็ไม่มีทางหาเจอได้”
“ข้าแจ้งเขาไม่ได้หรือไง?แจ้งผ่านคัมภีร์อัญเชิญ!” เย่ว์หยางว่าเขาส่งข้อความแจ้งไปแล้วง่ายๆ
“เป็นไปไม่ได้!” บัณฑิตวัยกลางคนส่ายหน้า “มีแต่เฉพาะคนสำคัญของหอทงเทียนเทียนเท่านั้นถึงจะแจ้งส่งผ่านข้อมูลจากคัมภีร์อัญเชิญได้ในช่วงเวลาสั้นๆ เช่นการเรียกระดมกำลังหรือการส่งข้อมูลเหมือนเจ้า นอกจากนี้ไม่มีวิธีอื่น! หรือจะกล่าวอีกนัยหนึ่ง มังกรปีศาจไม่ใช่คนหอทงเทียนเขาไม่มีทางรับข้อมูลจากเจ้าได้ และข้อมูลนี้จะส่งไปไม่ถึงเขาเพราะหอทงเทียนทั้งหมดรู้จักแต่เจ้าคุณชายสามตระกูลเย่ว์ส่วนมังกรปีศาจไม่มีใครรู้จัก! ในที่สุดสิ่งที่ข้าต้องการจะบอกก็คือ กุญแจของหอทงเทียนก็คือความทุ่มเทของข้า เพราะหลังจากที่ใช้ไปแล้วจะทำให้ตลอดหนึ่งปีในหอทงเทียนไม่สามารถส่งแจ้งข้อมูลได้อีกครั้ง คัมภีร์อัญเชิญของหอทงเทียนทั้งหมดจะหยุดทำงานส่วนนี้หนึ่งปีเพื่อฟื้นฟูพลังงานเชื่อมต่อ อย่ามองข้าแบบนั้น คุณชายสามตระกูลเย่ว์ บางทีเจ้าอาจคิดว่าข้าไม่ใช่คนฉลาด แต่ความเป็นจริงข้าไม่ได้โง่กว่าเจ้าไม่ช้ากว่าเจ้า ข้าแค่ไม่ได้มีชะตาเป็นที่รักของสวรรค์เหมือนกับเจ้าเท่านั้น!”
บัณฑิตวัยกลางคนกินเบี้ยสีดำที่เย่ว์หยางเพิ่งวางบนกระดานและโยนออก
เขาคิดว่า
การเดินตานี้เป็นหมากที่สูญเปล่า
อย่างไรก็ตามในทันใดนั้นมีมือยื่นออกมาจากช่องว่างของโลกและสวรรค์ทันทีและจับตัวหมากรุกไว้ได้อย่างง่ายดายพร้อมกับโยนกลับมายังตำแหน่งที่เย่ว์หยางเคยวางไว้อย่างนุ่มนวล
ขณะนั้นเองบุรุษวัยกลางคนหน้าเปลี่ยนสีมีเสียงเกียจคร้านเสียงหนึ่งดังขึ้น “ความจริงข้าไม่ใช่คนจมูกยาวยุ่งเรื่องของคนอื่น แต่ถ้ามีคนมารังแกถึงหน้าประตูบ้านขู่เด็กที่หน้าบ้านข้า ในฐานะพี่ใหญ่ไม่มีเหตุผลใดที่ข้าจะไม่ลุกขึ้นเพื่อพูดอะไรเสียบ้าง แม้ว่าข้าจะถูกผนึกมาแสนปีแต่มิใช่ว่าข้าจะไม่มีอยู่จริงไหม? ปกติแล้วข้ามักจะเป็นฝ่ายแกล้งรังแกคนอื่น คาดไม่ถึงว่าผ่านไปแสนปีกลับมีคนมารังแกข้าถึงหน้าบ้าน ถ้าผู้เฒ่าเทพมังกรทองรู้เข้าเกรงว่าเขาคงมาตีข้าจนขาหัก!”
“มังกรปีศาจ!” บัณฑิตวัยกลางคนร้องตกใจ “เป็นเจ้าจริงๆ!”
“ข้ารู้สึกอายจริงๆที่ทำให้การคำนวณของเจ้าล้มเหลว เจ้าฉลาดแต่น่าเสียดายที่เจ้าไม่เคยคาดคิดว่าข้าจะซ่อนตัวฟื้นฟูพลังอยู่ในหอทงเทียนใช่ไหม? เด็กน้อยถ้าเจ้าต้องการเล่นเกมระหว่างครอบครัว ข้าเป็นผู้อาวุโส ตามความเป็นจริงแล้ว ข้าไม่สามารถทำอะไรได้มาก แต่เจ้าไม่อาจกล่าวหาว่าข้าไม่มีอยู่จริงหากเจ้าต้องการกลั่นแกล้งว่าข้าไม่มีตัวตนก็ต้องรอให้ข้าตายก่อนแล้วค่อยมายืนโม้คุยโตบนหลุมศพของข้า” เสียงที่ฟังดูเกียจคร้านที่ยืนอยู่ต่อหน้าบัณฑิตวัยกลางคนเหมือนกับกำลังสอนเด็กๆ บัณฑิตวัยกลางคนมีอายุมานานหมื่นปีเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาที่มีอายุนานแสนปีก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กน้อย
สีหน้าของบัณฑิตวัยกลางคนเปลี่ยนไป แต่เขายังคงสงบได้
มีเพียงมังกรปีศาจผู้เดียวที่พลังยังห่างจากระดับสุดยอดก็เท่ากับไม่มีอะไร เขายังจะสามารถขัดขวางจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อได้หรือ? ยากจะกล่าวได้ ต่อให้สามารถขัดขวางได้เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้, จักรพรรดิอสูร จักรพรรดิทองและราชันย์ไร้ใจพวกเขาคงไม่งอมืองอเท้าดูอยู่เฉยๆ แน่!
และได้กวาดล้างมังกรปีศาจที่อยู่ในสภาพอ่อนแออย่างนี้นับเป็นโอกาสที่ดีในรอบหลายพันปีใครกันแน่ที่ควรจะตื่นเต้น
บางทีการต่อสู้ครั้งนี้ไม่เพียงแต่นับเอาคุณชายสามตระกูลเย่ว์เท่านั้นแต่ยังถือโอกาสกำจัดมังกรปีศาจในรวดเดียวได้ด้วย
“เด็กน้อย ข้าคือพี่ใหญ่ของเจ้า ข้าเคยกอดต้นขาเจ้านิดหน่อย แต่ข้าเคยร้องไห้ด้วยหรือ? นั่นมันเรื่องตื่นเต้นกระมัง?” เสียงเกียจคร้านดังขึ้น “ข้าดีต่อเจ้ามากและจำได้ว่าพูดคำสองสามคำต่อหน้าเทพมังกรทอง จะดีที่สุดควรให้เจ้าได้แต่งงานกับธิดาผู้งดงามที่สุด ถ้าข้ามีลูกสาวข้าจะพิจารณาว่าจะให้แต่งงานกับลูกชายเจ้าดีไหม?”
“ไปเลย” เย่ว์หยางสบถด้วยความตื่นเต้น “ท่านก็เหมือนกันท่านต้องการจะแต่งงานกับเจ้าหญิงมังกรสักคน ก็ไม่ควรไปติดคุกนานๆ รีบๆไปจากที่นี่เลย”
“เจ้าเด็กบ้า ข้าอุตส่าห์เป็นห่วงเด็กน้อยเจ้า!” มังกรปีศาจรู้สึกพูดไม่ออก
“ใครจะสนใจเล่า ท่านมีความสามารถก็ไปฆ่าเทียนอี้เลย!” เย่ว์หยางไม่จำเป็นต้องสนใจว่าใครจะรับสาวงาม
“ข้าก็อยากไปฆ่าเทียนอี้ตอนนี้ แต่ก็ยังมาพล่ามเสียเวลาอยู่ที่นี่แทนที่จะตรงไปที่ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์โดยตรงแต่เจ้าเด็กที่ไหนไม่รู้พล่ามหวังจะให้เราผู้เฒ่าเข้ามาในนี้เพื่อไม่ต้องถูกรังแก” มังกรปีศาจกลัวว่าเย่ว์หยางจะส่งมอบภารกิจอีกเขาหยุดพูดและหายไปทันทีโดยไม่พูดต่อ
“เดินตาหมากแรกเจ้าก็พบเห็นอยู่แล้วตอนนี้เราคุณชายเดินหมากตาที่สอง ใครบอกว่าข้าแพ้กันเล่า?” เย่ว์หยางตบหมากดำกลับไปบนโต๊ะหินอีกครั้ง