ตอนที่ 1251 เพื่ออิสรภาพ
บัณฑิตวัยกลางคนที่กำลังเล่นหมากรุกกับเย่ว์หยางเปลี่ยนภาพไปมุมมองอื่นที่กว้างขวาง
นั่นคือเงาที่จมอยู่ใต้น้ำ
เจดีย์ดำโลกวารี
นั่นคือสถานที่ซึ่งจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อแห่งหอทงเทียนถูกผนึกไว้ จักรพรรดิไร้เทียมทานยังคงถูกผนึกไว้มีอายุยืนยิ่งกว่านางพญาเฟ่ยเหวินหลีผู้มุ่งมั่นพิชิตแดนสวรรค์ การปรากฏตัวของเขาก็เพื่อปกครองแดนนรกปีศาจที่ยุ่งเหยิงวุ่นวาย เขาเป็นจักรพรรดิคนแรกของปีศาจแดนนรก
ครั้งหนึ่งเย่ว์หยางเคยสู้กับมนุษย์กระดูก,กาทองและสตรีล่องหนที่เป็นบริวารของจักรพรรดิไร้เทียมทานและได้เรียนรู้มากมายจากพวกเขา
แม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่เคยได้พบกับจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อแต่เขาน่าจะอยู่ระดับเดียวกับเจ้าตำหนักศักดิ์สิทธิ์จีอู๋ลี่
เทียบกับบุรุษลึกลับผู้ที่เขาต่อสู้อย่างดุเดือดที่ขุนเขาเหนือขุนเขา
เขาไม่รู้ว่าใครแข็งแกร่งมากกว่า
“นี่หมายความว่าอย่างไร?” เย่ว์หยางเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าบัณฑิตวัยกลางคนต้องการทำอะไร แต่ยังสับสนและไม่เข้าใจเจตนาของอีกฝ่าย
“ข้าคุยกับจักรพรรดิไร้เทียนทานจิ๋วซื่อแล้วเขาเห็นด้วยที่จะออกมาจากเจดีย์ดำอย่างเป็นทางการหลังจากถูกผนึกมาหลายหมื่นปีเพื่อเข้าร่วมศึกครั้งนี้” บัณฑิตวัยกลางคนไม่มีสีหน้าภูมิใจบนใบหน้าเลยและสีหน้าของเขาที่ประหลาดใจกับการปรากฏตัวของตั่วตั่วกลับคืนความเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง
“เขาพบว่าไม่จำเป็นต้องเป็นหมากให้เจ้าสินะ” เย่ว์หยางสงสัย
“ข้าเสนอเงื่อนไขแดนล่มสลายแห่งทวยเทพหนึ่งในสามให้เขา เขาตอบตกลงทันที” บัณฑิตวัยกลางคนอธิบายให้เย่ว์หยางฟังอย่างอดทน
“เหรอ,แม้ว่าเขายินดีจะเป็นหมาก แต่ถูกผนึกมานานหลายหมื่นปีต้องทนถูกทรมานอย่างนั้น แล้วเขายังจะเหลือพลังสักเท่าใด?” เย่ว์หยางสงสัยต่อ
“จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อไม่ได้ถูกลงโทษอยู่ในผนึก แต่ผนึกอย่างนั้นถ้าเขาต้องการออกมาเขาทำได้ตั้งแต่หมื่นปีที่แล้ว แต่เพื่อไถ่บาปที่เกิดขึ้นในปีนั้น เขาเต็มใจอยู่ในเจดีย์ดำหรือจะกล่าวอีกอย่างหนึ่งเขากลับมาอยู่ในสภาพแข็งแกร่งสูงสุด นอกจากนี้นั่นเป็นความมุ่งมั่นในการลงโทษตัวเองเป็นเวลาหลายพันปีอีกด้วย” บัณฑิตวัยกลางคนตอบยืนยัน “บางทียกเว้นเทียนอี้ผู้คลั่งไคล้ฝึกฝนวิทยายุทธแล้ว ทั้งโลกนี้คงไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ข้ารับประกันได้เต็มร้อย”
“ยอดฝีมือในยอดฝีมือระดับสูงผู้นี้เจ้าเชื้อเชิญด้วยสมบัติลับแดนล่มสลายแห่งทวยเทพหนึ่งในสามหรือ?” เย่ว์หยางรู้สึกประหลาดใจจริงๆ ยอดฝีมือผู้นี้กลายเป็นคนไร้ค่าตั้งแต่เมื่อไหร่?
“เพราะเทียนอี้เองต้องการหนึ่งในสามส่วน” บัณฑิตวัยกลางคนทำให้เย่ว์หยางตกใจ
“เทียนอี้ก็ไม่ใช่หมากของเจ้าแน่” เย่ว์หยางยืนยันได้อย่างแน่นอน
“ไม่ใช่จริงๆ” บัณฑิตวัยกลางคนเห็นด้วย “แต่เขาไม่สนใจมาที่หอทงเทียนเพื่อแบ่งสมบัติจากแดนล่มสลายแห่งทวยเทพหนึ่งในสาม”
“อีกหนึ่งในสามเป็นของเจ้าหรือ?” เย่ว์หยางขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่าหลายอย่างเริ่มยุ่งยากขึ้นเล็กน้อยตอนแรกก็ปลุกจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อ ตามมาด้วยเทียนอี้ ในโลกนี้จะมีสถานการณ์ที่เลวร้ายยิ่งกว่าเมื่อสองคนเข้าร่วมการต่อสู้พร้อมกันบ้างไหม? แม้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากนางพญาเฟ่ยเหวินหลี แต่ตอนนี้ใจของเย่ว์หยางยังไม่มั่นใจตนเองเต็มที่ที่สำคัญนางพญาเฟ่ยเหวินหลีจะสามารถแก้ปัญหาด้วยการสู้กับสุดยอดฝีมือหนึ่งต่อสองไม่น่าเป็นไปได้
“ไม่,ข้าต้องการเพียงหนึ่งในห้า” บัณฑิตวัยกลางคนมีใบหน้ายิ้มแย้ม “อีกสี่ในห้ามีข้อตกลงที่สมเหตุผลอื่นๆ”
“ใครบ้าง?” เย่ว์หยางใจเต้นแรง แต่สีหน้ายังคงสงบ
“เจ้าอาจไม่รู้จักจักรพรรดิอสูรในแดนสวรรค์บนนั่นคือราชันย์เผ่ามังกรบินแห่งเผ่าอสูร นอกจากนี้ยังมีพญาปักษาปีกทองและกาทองสามขาแห่งหุบเขาสุริยันต์ เขาปกครองเผ่าปักษาทั้งหมดเจ้าบอกซิว่าพวกที่ข้าเชิญมานี้มีพลังคุ้มค่ากับการอัญเชิญมาหรือไม่?” เขาบอกเย่ว์หยางว่าเขาสามารถทำกำไรได้มากมายและเขารับเพียงหนึ่งในห้าส่วนแค่นี้ก็นับว่าได้ผลกำไรมากมายแล้ว
“เจ้าและจักรพรรดิอสูรต่างรับคนละหนึ่งส่วนและที่เหลืออีกสามในห้าเป็นใคร?” เย่ว์หยางรู้สึกเหมือนกับมีตัวหมัดเกาะร่างและรู้สึกคันมีนักสู้ผู้แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาสองสามคน อย่างไรก็ตามเมื่อตัวผู้นำลงมือเอง ต่อให้มีมาเพิ่มอีกสองสามคน เขาก็ไม่ใส่ใจ
“ยังมีอีกคนหนึ่งเจ้าอาจรู้จัก นั่นคือบิดาขององค์ชายแปดอูไห่ที่เปิดเผยข้อมูลลับให้เจ้า จักรพรรดิทอง ราชันย์ผู้ปกครองเผ่ากาทองสามขาแห่งหุบเขาสุริยันต์ส่วนอีกคนหนึ่งก็คือผู้อาวุโสที่ก่อตั้งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ ราชันย์ไร้ใจ” บัณฑิตวัยกลางคนยิ้มขณะมองดูเย่ว์หยาง หมากในมือค่อยๆ วางลงบนกระดานหินช้าๆ ส่วนที่เหลือ ข้าคร้านจะบอกมันถูกส่งตรงให้ห้าจอมภพจากแดนสวรรค์ตะวันออกแดนสวรรค์ใต้และแดนสวรรค์ตะวันตกใช่แล้วรวมทั้งจอมภพแดนสวรรค์ตะวันตกที่เคยสู้กับเจ้า ซิวคง แม้ว่าเขาจะถูกจักรพรรดิอวี้ผนึกไว้เป็นพันปีแต่ความแข็งแกร่งของเขายังเหนือกว่าจอมภพแดนสวรรค์อีกสี่คน บางทีเขาอาจไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆแต่จากความเกลียดชังต่อหอทงเทียนและเจ้า เขาจะมาด้วยความเต็มใจ..”
“ข้าไม่ได้เป็นปฏิปักษ์กับเขา ถ้าไม่มีเราคุณชายปลดผนึกให้บางทีเขาอาจติดอยู่ในวังเทพจักรพรรดิอวี้ก็ได้” เย่ว์หยางแค่นเสียง
คุณผู้นี้ไม่รู้สึกขอบคุณและเชิญเขาไปร่วมกินข้าวด้วย
ทั้งยังคิดแก้แค้นอีกหรือ?
ดูเหมือนว่าตงฟางคนทรยศของหอทงเทียนไม่ใช่หมาป่าที่น่าเกรงขาม!
บัณฑิตวัยกลางคนมองดูเย่ว์หยางและรู้สึกงงเล็กน้อยนี่น่าสนใจอย่างมิต้องสงสัย แต่ทำไมเจ้าเด็กผู้นี้ดูผิดปกติเพียงเล็กน้อย ดูเหมือนเขาไม่ตื่นตระหนกไม่แปลกใจและไม่กลัวหรือ? หรือว่าเขามีทางออกอื่น
ว่ากันตามตรงแล้วเย่ว์หยางไม่มีลูกไม้อะไร!
ระดับหัวหน้าใหญ่จำนวนมากบุกเข้าหอทงเทียนเพื่อรังแกตัวของเขา คนที่ไม่เคยรู้จักไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนแล้วจะทำอะไรได้บ้าง? อย่างไรก็ตามสำหรับเย่ว์หยางผู้ชอบท้าทายต่อความยากลำบากในการสู้กับตัวบุคคลระดับหัวหน้าเรื่องแบบนี้ไม่ทำให้เขากลัวอยู่แล้ว! เขาเติบโตก้าวหน้าในการต่อสู้ที่ยากลำบากมาอย่างยาวนานแล้ว คุ้นเคยกับการเผชิญหน้ากับศัตรูที่ร้ายกาจสู้ด้วยยาก ถ้าไม่เช่นนั้นก็คงเป็นเรื่องแปลก!
เวลาก่อนนั้นเขาชอบเลือกระดับเกมภารกิจที่ยากเป็นพิเศษ เขาเกิดมาในดินแดนที่เจริญ ไม่อย่างนั้นเย่ว์หยางมีทักษะเอาตัวรอดได้อย่างไร?
ไม่ว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะยากเพียงไหนเขาก็เคยผ่านการต่อสู้ที่ดุเดือดมาแล้วไม่ใช่หรือ?
หลังจากข้ามโลกมิติมาแล้วเย่ว์หยางผู้ผสมผสานประสบการณ์มีความตั้งใจแน่วแน่เป็นอย่างดี
ระดับหัวหน้าคนเดียวตะลุยใส่กลุ่มหัวหน้าหลายคน
และยิ่งมีผลประโยชน์ให้กับหัวหน้าทั้งหลาย
นั่นคือปัญหาการแบ่งปันที่ไม่สม่ำเสมอ
ตามหลักการแบ่งปันผลประโยชน์ในปัจจุบันดูเหมาะสมไม่มีปัญหา แต่เย่ว์หยางผู้เคยได้ยินนิทานเรื่องข้าวหม้อใหญ่ความจริงก็คือข้าวหม้อใหญ่หุงสุกแล้วและทุกคนก็ได้กินด้วยกันแต่ในท้ายที่สุดกลับมีคนอดตาย!
“นั่นคืออะไร?” เย่ว์หยางรู้สึกว่าหัวใจและตับคือส่วนที่ต้องระมัดระวังแต่โชคดีที่เขาไม่กลัวตาย
“ข้าได้แนะนำสหายมากมายให้เจ้าได้รู้จักรวดเดียวจะเป็นการรบกวนเจ้าหรือเปล่า?” บัณฑิตวัยกลางคนกำลังคิดเรื่องเย่ว์หยาง
“ไม่เป็นไรข้าชอบมีเพื่อน มันครึกครื้นดี” เย่ว์หยางโบกมือและพูดอย่างห้าวหาญ “แต่ข้าไม่จำเป็นต้องบอกแนะนำว่าข้าเป็นใคร มีบทบาทอำนาจอะไร คนอื่นๆไม่จำเป็นต้องรู้”
“พูดได้ดีเหมือนกัน” บัณฑิตวัยกลางคนวางมือลงและมองดูเย่ว์หยางพร้อมกับยิ้มและพูดอย่างสุภาพ “ต้องเรียกว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์คือจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่ก้าวต่อไป เจ้าจะรับมืออย่างไรดี? เล่นหมากรุกกันหน่อยเป็นไร ถ้าเจ้ารู้สึกว่ายากลำบาก ข้าจะต่อให้เจ้าสักสองสามตาอย่างไรเสียข้าก็เป็นรุ่นอาวุโสของเจ้า!”
“........”ครั้งนี้ถึงคราวที่เย่ว์หยางต้องไตร่ตรองและตรวจสอบนานบ้าง สถานการณ์ของศัตรูเริ่มสดใสมากขึ้นแต่ก้าวแรกในการโต้ตอบจะเป็นอย่างไร?
ในพื้นที่ดินแดนกว้างขวาง
การต่อสู้จบลงแล้ว
คุณชายหลี่หมิงถูกจับเป็นเชลย และขุนพลเทพไท่หยางผู้หยิ่งยโสตาย เขาหยิ่งยโสคิดว่าสามารถเอาชนะกลุ่มเจ้าอ้วนไห่และพวกได้ผลจากพลังพรป่าโบราณที่ตั่วตั่วทิ้งไว้ให้ และหนามดินทำให้เจ้าอ้วนไห่และเย่คงกับพวกรีบออกจากดินแดนมิติรกร้างเพื่อเตรียมสู้ศึกครั้งใหม่
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่ารอจนต้นดอกหนามยักษ์ที่ตั่วตั่วทิ้งไว้ให้กลืนกินร่างขุนพลเทพไท่หยางจนเสร็จสิ้นเสียก่อน
เขาเห็นคุณชายหลี่หมิงถูกพันธนาการด้วยโซ่ล่ามเทพนอนอยู่บนพื้น
จะใช้ตัวประกันพิเศษนี้อย่างไรดี?
เห็นได้ชัดว่าคุณชายหลี่หมิงกลายเป็นหมากที่ถูกทอดทิ้งและตงฟางบิดาของเขาไม่สนใจความเป็นความตายของเขา อย่างไรก็ตาม แม้ว่าคุณชายหลี่หมิงนี้นับว่ามีคุณค่ามากก็ยังถูกจับได้เรื่องนี้เป็นสัญญาณที่ดีแน่นอน
“ความจริงแล้ว” อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเดินเข้ามาใกล้คุณชายหลี่หมิงลืมตาที่บวมปูดขึ้นทันที เสียงของเขาเยือกเย็นและชัดเจน “ข้าไม่ใช่คนโง่!”
“เจ้าต้องการพูดอะไร?” อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าประหลาดใจทำไมเขาพูดอย่างนี้?
“ตั้งแต่ตั่วตั่วปรากฏตัวข้ารู้ว่าหลายๆ อย่างไม่สามารถทำอะไรได้ เมื่อข้ามองดูตาของท่านพ่อข้าข้ารู้ชะตากรรมว่าต้องกลายเป็นหมากที่ถูกทอดทิ้ง ตั้งแต่ตอนนั้นข้าก็เริ่มแสดงตัวเองทำท่าทางโง่ๆ!” ทันใดนั้นร่างของคุณชายหลี่หมิงหายไปและปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าแทนที่จะถูกโซ่ล่ามเทพพันธนาการร่างไว้ บนหัวของคุณชายหลี่หมิงมีแสงรัศมีสีเขียวเหมือนใบไม้ฉายคลุมทั้งร่างทำให้ทั้งร่างของเขาดูโปร่งใสอย่างน่าพิศวง
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าตกตะลึงกับวิธีคลี่คลายปัญหาของคุณชายหลี่หมิง
คุณชายหลี่หมิงโบกมือส่งสัญญาณไม่ให้เขากังวลใจ “สุ่ยตงหลิว ข้าไม่ตั้งใจจะรุกรานเจ้าและข้าไม่สนใจจะเป็นศัตรูกับคุณชายสามตระกูลเย่ว์! ข้าเข้าใจตอนนี้แล้วว่าเย่ว์ไตตันไม่ใช่คนที่ข้าสามารถล่วงเกินได้! นอกจากนี้เมื่อตัวข้าเองถูกทิ้ง ข้ามีชะตากรรมกลายเป็นหมากที่ถูกทิ้งข้าตัดสินใจแล้วว่าข้าจะเลือกเดินตามเส้นทางที่เป็นของข้าเอง ที่สำคัญข้าอยากจะขอบคุณพวกเจ้าและคุณชายสามตระกูลเย่ว์ แม้ว่าพวกเจ้าจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม แต่ก็ทำให้ข้าได้มีโอกาสเช่นนี้ เพราะข้าถูกทอดทิ้งแล้ว ในที่สุดข้าก็กำจัดตัวเองออกมาจากท่านพ่อ และได้รับอิสระอย่างแท้จริง...เจ้าคงไม่รู้หรอกว่า การมีชีวิตเหมือนตัวหมากรุกบนกระดานไม่ต่างอะไรกับหุ่นเชิดที่ให้คนอื่นควบคุมอยู่ทุกที่ เป็นชีวิตที่อับโชคและน่าเจ็บปวดเหลือเกิน!”
“ข้าแกล้งทำเป็นฉลาดต่อหน้าพวกเจ้าและแกล้งทำเป็นฉลาดต่อหน้าท่านพ่อเพื่อให้ทุกคนรู้สึกว่าข้าเหมือนเด็กโง่ที่เต็มไปด้วยสมบัติ แต่ไม่เรียนรู้ที่จะทำอะไรเลย! ถูกแล้วข้ามักจะประพฤติต่อหน้าทุกคนแบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้การดูแลของท่านพ่อข้า ข้าต้องการแสดงความฉลาดของข้าในทุกที่! ข้าแกล้งเป็นคนอวดฉลาดเป็นจอมหลอกลวงที่ใหญ่ที่สุดแกล้งโง่ไปทุกที่ แต่ข้าก็ทำให้คนรู้สึกว่าคุณชายหลี่หมิงก็เป็นคนเช่นนี้! ฮ่าฮ่าฮ่า...ความจริงข้าไม่ต้องการสมบัติวิเศษอะไรแม้แต่น้อย ข้ามีพลังแข็งแกร่งเพียงพอจะปกป้องตัวเอง! ขุนพลเทพไท่หยางคอยติดตามดูทุกที่ แต่เขาเป็นเหมือนสุนัขที่ซื่อสัตย์ของท่านพ่อ เขาไม่มีอะไรเลย เขามาอยู่ข้างๆ ข้าทำให้ข้าเหมือนกับตัวตลก แม้ว่าจะโดดเด่นแต่ว่ายังมีน้ำหนักไม่พอ!” คุณชายหลี่หมิงโค้งศีรษะให้อาจารย์จิ้งจอกเฒ่า
“ข้าเคยโดนเจ้าเล่นงานมาก่อนทำไมต้องคำนับข้าด้วย?” อาจารย์จิ้งจอกเฒ่ายิ้มถาม
“เจ้ามีลูกศิษย์ที่แข็งแกร่งนี่คือเหตุผลที่ข้านับถือเจ้า เจ้ามิสติปัญญาที่มิอาจคาดเดาสามารถมองเห็นความโง่เขลาของข้าได้โดยไม่ตั้งใจ จงใจให้ไห่ต้าฟู่และเย่คงและคนอื่นปล่อยข้าไว้และสังหารขุนพลเทพไท่หยางโยนให้ต้นดอกหนามกิน นี่คือเหตุผลที่ข้านับถือเจ้า” คุณชายหลี่หมิงพยักหน้าอย่างจริงใจ “หากเจ้าถูกทำให้ด้อยค่าเจ้าจะสามารถกำจัดชะตากรรมนี้ได้อย่างไร? หากไม่ได้ใช้วิธีการเหล่านี้ข้าจะหนีพ้นจากการเฝ้าจับตาดูของท่านพ่อข้าได้อย่างไร?
“แต่ข้าไม่ได้คาดหวังสักนิดเลยว่าเจ้าจะมีสติปัญญาและความมุ่งมั่นเช่นนี้” อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าพยักหน้าช้าๆ ยอมรับว่าความเคลื่อนไหวก่อนหน้านั้นเขาไม่ได้ตั้งใจ
“อิสรภาพคือสิ่งที่ข้าโหยหามานานหลายพันปีแล้วและทุ่มเทเพื่อให้ได้มาอย่างสมเหตุสมผล” คุณชายหลี่หมิงมองขึ้นท้องฟ้า “อุดมคติของข้าคือมีพื้นที่ดินแดนของตนเองในแดนสวรรค์และเป็นจักรพรรดิอิสระนั่นคือความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้า ในแดนสวรรค์ คนอ่อนแอตกเป็นเหยื่อของคนแข็งแกร่ง โดยทั่วไปแล้วการได้เป็นจักรพรรดิอันดับหนึ่งจะเป็นตำแหน่งที่มีเสถียรภาพเพราะไม่ง่ายที่จะคุกคามคนอื่นที่เหนือกว่าและเป็นเรื่องยากที่คนอื่นจะมาคุกคามตนเอง หลังจากข้าไปจากหอทงเทียน ข้าจะมุ่งมั่นฝึกฝนอย่างตั้งใจเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ให้ได้ โปรดแจ้งบอกเย่ว์ไตตันข้าไม่ตั้งใจเป็นศัตรูกับเขาทั้งในแดนสวรรค์และในหอทงเทียน!”
“ขออวยพรให้เจ้าประสบความสำเร็จเดินทางโดยสวัสดิภาพ!” อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าอวยพรเขาอย่างจริงใจ
“โปรดบอกเจ้าอ้วนไห่และเย่คงกับพวกและศิษย์ของท่าน ข้าไม่ได้รู้สึกอายหรือเกลียดพวกเขา...แม้ว่าเราจะไม่ใช่สหาย แต่ข้าเชื่อว่าเราจะไม่กลายเป็นศัตรูอีก” คุณชายหลี่หมิงดึงธนูทองส่งให้อาจารย์จิ้งจอกเฒ่า
“เจ้าพวกบ้านั่นยังไม่ค่อยเข้าใจอะไรหลายๆอย่าง พวกเขาทำด้วยอารมณ์โกรธและบ้าเลือด!” อาจารย์จิ้งจอกเฒ่ารับธนูทองเปื้อนเลือดไว้
“นี่คือประโยชน์ของการมีอายุเยาว์...ข้าก็เป็นเหมือนพวกเขาตอนที่อายุน้อย อย่างไรก็ตามพวกเขาโชคดี ต่อให้พวกเขาทำผิดพลาด ก็ยังมีเย่ว์ไตตันอยู่เบื้องหลังข้าเข้าใจได้ไม่ผิด!”
คุณชายหลี่หมิงโบกมืออดนึกริษยาไม่ได้
ประตูทองโผล่ออกมา
เขาเปิด
ประตูทองแตกสลายในความว่างเปล่าคุณชายหลี่หมิงกลายเป็นแสงรุ้งทองและหายเข้าไปในนั้น
*********