ตอนที่ 1247 ต้นดอกหนาม ไม่ใช่อสูรอ่อนแอ
เย่ว์หยางหยิบหมากขึ้นมาตัวหนึ่ง
เขาต้องการวางหมากลงบนกระดานแต่เขาแปลกใจที่พบว่ามือของเขาไม่สามารถวางหมากในเกมที่ต้องการความช่วยเหลือที่สุดได้
นี่มันเรื่องอะไรกัน? ทำไมเจตจำนงราชันย์ของเขาจึงไม่สามารถทำลายทักษะแฝงเร้นหมากรุกนี้ได้? สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่เพียงแค่นี้ แต่เป็นเจตจำนงราชันย์ของเขาเองไม่สามารถเข้าร่วมในเกมหมากรุกนี้ได้...เป็นไปได้ยังไงที่ตงฟางกบฏหอทงเทียนผู้นี้จะเข้าถึงระดับเทพได้แล้วและเข้าใจหมากรุกได้อย่างไม่รู้จบ?
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” บัณฑิตวัยกลางคนหัวเราะลั่นเขาส่ายหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าขณะมองหน้าเย่ว์หยาง “เข้าใจหรือยัง เด็กน้อย? ถ้าไม่ได้รับความยินยอมจากข้า เจ้าไม่มีคุณสมบัติได้เล่นหมากรุกเจ้าไม่มีคุณสมบัติจะเดินเกมที่ดีที่สุด เจ้าจะเล่นได้แต่หมากที่น่าสมเพชเท่านั้น”
หลังจากเยาะเย้ยแล้วเขาโบกมือตามธรรมดา
และกล่าวว่าเขายินยอมเย่ว์หยางจึงเล่นได้ตอนนี้
อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางยังเล่นไม่ได้ตามใจปรารถนาเพราะแม้พลังกฎสวรรค์จะคลายตัวลงมาก แต่ยังมีกฎสวรรค์ที่ไม่ชัดเจนมากมาย
เขาต้องการวางหมากแต่ก็ยังไม่สามารถวางหมากลงบนกระดานได้
บัณฑิตวัยกลางคนหัวเราะอีกครั้ง “เด็กน้อย, ข้าจะสอนให้เจ้าแบบไม่คิดสตางค์ ในการเล่นหมากรุก เจ้าจะต้องมีตัวหมากนั่นคือเจ้าต้องมีต้นทุนที่จะเล่นกับข้าหากเจ้าไม่มีต้นทุนหรือหมากที่สำคัญแล้วเจ้าจะเล่นกับข้าได้อย่างไร? ในทำนองเดียวกันถ้าเจ้าไม่มีหมากอยู่กับตัวเจ้า เจ้าจะเอาหมากออกมาจากอากาศได้อย่างไร?ฟังให้ดี จากนี้ไปทุกขั้นตอนในการวางหมากในมือเจ้า ไม่ควรจะพูดถึงญาติสนิทมิตรสหาย เพราะไม่เช่นนั้นเจ้าจะต้องใช้ชีวิตของพวกเขาเป็นหมากเพื่อเล่นกับข้านั่นแหละจะทำให้เจ้ามีสิทธิ์เล่นกับข้าได้!”
ต้องใช้ชีวิตคนในครอบครัวและสหายเป็นเดิมพันหรือ? ต้องใช้ทุกอย่างที่ข้ามีจึงจะสามารถเปลี่ยนเป็นตัวหมากในมือได้กระนั้นหรือ?
ถ้าเขาบุ่มบ่ามไม่ระมัดระวัง อย่างนั้นผลที่ตามมา....
ขณะที่เย่ว์หยางยังลังเลไม่ตัดสินใจฉากภาพที่ส่งเข้ามามีการเปลี่ยนแปลงใหม่
เมื่อขุนพลเทพไท่หยางเผชิญหน้ากับเย่คงและเสวี่ยทันหลาง เขาแค่เหยียดนิ้วสบายๆผสานพลังสร้างดวงอาทิตย์สีทอง
กลุ่มพลังงานสีทองฉายลงบนพื้นและจมหายเข้าไปในดิน
พวกเสวี่ยทันหลางบุกเข้าสู้แต่ทว่า
หมัดนั้นช้าเกินกว่าจะต่อยใส่หน้าขุนพลเทพไท่หยาง
ใต้เท้าของพวกเขาเกิดแรงระเบิดใหญ่ที่น่ากลัวดินหินระเบิดหายไปและท้องฟ้าห่างออกไป เกิดระเบิดมิติขึ้นรอยแยกมิติบิดตัวแยกกว้างเหมือนปากอสูรยักษ์กลืนกินทุกอย่างรอบตัว เสวี่ยทันหลางตอบสนองอย่างรวดเร็วเขาสวนหมัดโต้ตอบขุนพลเทพไท่หยางป้องกันอยู่หน้ารอยแยกมิติ ส่วนที่เท้ามีพลังลมหมุนวนปั่นพี่น้องตระกูลหลี่และองค์ชายเทียนหลัวที่ลอยอยู่ให้วนอยู่ในวังวนลมหมุน
พี่น้องตระกูลหลี่และองค์ชายเทียนหลัวหลบหนีได้อย่างราบรื่น แต่เสวี่ยทันหลางตกอยู่ในศูนย์กลางแรงระเบิด
รอยแยกบิดเบี้ยวของมิติเวลาที่เหมือนสัตว์ประหลาดกลืนเขาทันที
เสวี่ยทันหลางไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่น้อย
เหมือนกับคนธรรมดาที่ติดอยู่ในบ่อทรายดูดค่อยๆ ถูกดูดลงไปจนจมทั้งตัว
หลุมดำมิติไม่ได้รับผลกระทบจากพลังด้านนอกไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างหนักเพียงไหน สุดท้ายก็ช่วยไม่ได้...ขณะที่เสวี่ยทันหลางกำลังจะติดอยู่ในมิติว่างไร้ที่สิ้นสุดไปตลอดกาล เจ้าอ้วนไห่ที่สมควรตายเอาศีรษะกระแทกใส่อย่างบ้าคลั่งและใช้มือง้างรอยแยกที่ปิดลงอย่างต่อเนื่องด้วยพลังทั้งหมดที่เขามีในขณะนั้น นั่นเป็นความเคลื่อนไหวที่โง่งมอย่างมิต้องสงสัย อย่างไรก็ตามเจ้าอ้วนไห่รู้ว่าถ้าปล่อยไปอย่างนี้เสวี่ยทันหลางจะต้องตกลงไปสู่มิติว่างเปล่าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
“ไสหัวไป!” เสวี่ยทันหลางบุรุษน้ำแข็งพูดไม่ออกกับการกระทำที่โง่เขลาของเจ้าอ้วนไห่ แม้ว่าเขาจะซาบซึ้งแต่เขารู้ว่านี่เป็นการกระทำที่โง่ที่สุดและไม่พึงทำ เขาหวังจะได้รับการช่วยแต่ไม่ต้องการให้สหายช่วยแน่นอน เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจะทำให้เจ้าอ้วนไห่ซ้ำรอยติดตามเขาไปแน่นอน
“หุบปาก ข้าคุณชายคือรุ่นพี่ของเจ้า!” เจ้าอ้วนไห่มีเลือดเต็มใบหน้า หน้าของเขาบิดเบี้ยวดวงตาแข็งกร้าว ปากมีเลือดเต็มขณะตะโกนลั่น “ในฐานะรุ่นพี่ ข้าต้องปกป้องพวกเจ้ารุ่นน้อง...”
เสวี่ยทันหลางไม่เคยยอมรับเจ้าอ้วนไห่เป็นรุ่นพี่เขาและเขาไม่คิดว่าเจ้ามีคุณสมบัติใดพอจะเป็นรุ่นพี่ได้
อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาไม่มีข้อโต้แย้ง
แม้ว่าเจ้าอ้วนไห่ไม่สมควรเป็นรุ่นพี่แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าในบางครั้ง เขาก็ทำสิ่งที่รุ่นพี่สมควรทำเช่นกัน! ตัวอย่างเช่นการช่วยเหลือแบบไม่ประมาณกำลังตนเองในคราวนี้ความสามารถเล็กน้อยแต่น่าซาบซึ้งใจ เสวี่ยทันหลางรู้สึกจากใจจริงทั้งที่เขาเป็นคนเย็นชา แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าดวงตาร้อนผ่าวได้อย่างไร?
เมื่อเห็นว่าเจ้าอ้วนไห่ต่อสู้อย่างดุเดือดราวกับจ้าวปีศาจภูเขาเสวี่ยทันหลางที่มีพลังน้ำแข็งมากมายกลับมีพลังฮึดขึ้นอีกครั้ง
คุณชายหลี่พุ่งหอกสั้นซ้ำ
ด้วยอาวุธสมบัติระดับกึ่งเทพนามว่าหนามมังกรนั่นคืออาวุธที่ไม่มีอะไรหยุดได้
เจ้าอ้วนไห่ไม่สามารถหลบได้ เขาไม่เห็นการลงมือลอบทำร้ายของคุณชายหลี่หมิงและเขามัวแต่ทุ่มเทพลังช่วยเสวี่ยทันหลาง...มีเงาร่างผอมสูงเหมือนเหล็กแว่บมาปรากฏที่ด้านหลังเจ้าอ้วนไห่
หอกสั้นพุ่งด้วยกำลังแรงทะลุมือของเงาร่างนั้นและค่อยๆ แทงเข้าไปทีละนิดๆ ไม่สามารถหยุดยั้งได้ขณะที่เลือดทะลักออกมาหอกแทงลึกไปที่อกของร่างเงาและทะลุหลัง ปลายหอกสั้นหยุดทันทีเมื่อสัมผัสหลังเจ้าอ้วนไห่เพราะมือของร่างเงานั้นยึดหอกสั้นเอาไว้แน่น
เป็นเย่คง
บุรุษผู้นี้ลงมือมากกว่าพูด เขาเป็นสหายร่วมกลุ่มที่เชื่อถือได้ตลอดเวลาเขาใช้ร่างกายผอมบางของเขาบังป้องกันการโจมตีอย่างรุนแรงของคุณชายหลี่หมิง
หญิงสาวเท้าเปล่าแปลงร่างเป็นนางนวลสายลมพุ่งไปหาเย่คงและเจ้าอ้วนไห่ราวกับสายฟ้าและพลิกร่างแปลงกายใช้มือบอบบางคว้าเสวี่ยทันหลางที่ยังอยู่ในมิติว่างไร้ที่สิ้นสุดในท่ามพลังไฟฟ้าท่วมตัวนางจับเสวี่ยทันหลางที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งไม่ให้หล่นไปในมิติว่างไร้ที่สิ้นสุด
คุณชายหลี่หมิงแค่นเสียง
ในมือมีประกายแสงสีทอง
ธนูทองหลายสิบหลายร้อยระดมยิงใส่เย่คงเจ้าอ้วนไห่ เสวี่ยทันหลางและนางนวลสายลมดุจสายฝน
คราวนี้ไม่จำเป็นที่เย่คงจะใช้ตัวกันลูกศรอีกมีเงาร่างสองสายเข้ามาขวางข้างหน้าพวกเขาไว้แล้ว...ธนูทองปักเข้าร่างของสองคนนอกจากศีรษะและหน้าที่พวกเขาเอามือบังไว้ ร่างกายของพวกเขาถูกธนูปักเหมือนกับมนุษย์เม่น
แน่นอนว่าสองคนนั้นคือพี่น้องตระกูลหลี่ที่กลับมาช่วยสหาย
ไม่เพียงแต่พี่น้องตระกูลหลี่เท่านั้นองค์ชายเทียนหลัวยิงโซ่ออกมาสองสายจากระยะไกลพันรอบเอวนกนางนวลสายลมเส้นหนึ่งและพันรอบขาของเย่คงอีกเส้นหนึ่ง เย่คงหมุนตัวเตะก้นเจ้าอ้วนไห่จากนั้นกางแขนเหนี่ยวคอสองพี่จ้องตระกูลหลี่และถูกองค์ชายเทียนหลัวดึงกลับมาหลบรัศมีการโจมตีของคุณชายหลี่หมิงได้
นางนวลสายลมใช้ขาเรียวบางคว้าผมของเสวี่ยทันหลาง
นางไม่มีเวลาพอจะเล็งเลือกส่วนไหนได้
จากนั้นใช้กรงเล็บเกี่ยวเข้าไปในปากของเจ้าอ้วนไห่จากส้นเท้าสีชมพูกลายเป็นกรงเล็บนกจับที่ลิ้นและฟันเจ้าอ้วนไห่หนีไปพร้อมกับคนเจ้าปัญหาผู้นี้...ด้านหลังของเขารอยแยกมิติเวลาพังทลายทันทีและก้นเจ้าอ้วนไห่ถูกรอยแยกมิติตัดหายไปชิ้นเล็กๆ
หากช้าไปเพียงหนึ่งในสิบวินาทีคาดว่าร่างกายท่อนล่างของเจ้าอ้วนไห่ทั้งหมดจะหายไปในมิติช่องว่าง
“เร็วเข้า! สหายของเจ้าจะไม่อาจทนอีกต่อไปได้ แม้ว่าไท่หยางจะไม่ได้มีพลังอยู่ในยอดสิบขุนพลเทพจากสิบแปดคนแต่สหายของเจ้าอ่อนแอจริงๆ ต่อให้ใช้ลูกเล่นก็ยังไม่อาจต้านทานได้!” บัณฑิตวัยกลางคนมองเย่ว์หยางอย่างอารมณ์ดีพร้อมยิ้มอย่างเป็นกันเอง “คุณชายสามตระกูลเย่ว์ อย่าบอกข้านะว่าเจ้าไม่สามารถแก้หมากที่ยากนิดหน่อยนี้ได้ถ้าเป็นอย่างนั้นข้าคงผิดหวังมากจริงๆและต้องจัดการเจ้าในฐานะศัตรูของชีวิตคนหนึ่ง!”
“พูดมากจริงๆข้าเพิ่งบอกเจ้าไปแล้วว่าเกมหมากรุกนี้ ข้าจะเล่นกับเจ้าจนจบ!” เย่ว์หยางตบหมากลงพื้นกระดานอย่างโมโห
คราวนี้เขา
ไม่ได้วางหมากที่จำเป็นต้องช่วยเหลือที่สุดในสถานการณ์หมากรุกเลย ไม่ใกล้เคียงด้วยซ้ำ
เย่ว์หยางวางหมากได้อิสระโดยไม่มีข้อจำกัดใดๆและไม่มีอิทธิพลใดๆ หมากถูกเขาส่งมาด้วยใจแต่เขาวางหมากในพื้นที่ว่างเหมือนไม่ได้ตั้งใจ แม้แต่บัณฑิตวัยกลางคนก็ไม่สามารถคาดเดาได้ หากกระดานนี้ไม่นับสถานการณ์อื่นหมากเดินตอนนี้เท่านั้นที่ง่ายเป็นอิสระเหมือนกับนางฟ้าที่บินอยู่รอบนอกเกินกว่าที่บัณฑิตวัยกลางคนจะคาดหมาย
บัณฑิตวัยกลางคนไม่คาดฝันเลยว่าเย่ว์หยางจะใช้หมากนี้เดินได้
เขาไม่อาจค้นเจอได้อย่างสิ้นเชิง
ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?
หมากเดินต่อไปนี้น่าจะเป็นอันตรายต่อสถานการณ์โดยรวมการเดินหมากคราวนี้ไม่เพียงแต่ไม่เป็นตาเดินที่จำเป็นที่สุดเพื่อให้การช่วยเหลือก่อน แต่กลับวางไว้ในจุดที่ไม่สำคัญได้
“หืม?” บัณฑิตวัยกลางคนไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งชั่วขณะหนึ่ง แต่เขายังไม่แน่ใจเรื่องนี้เย่ว์หยางจงใจเดินหมากที่รบกวนความคิดของเขา เขาตั้งใจทำอะไรกันแน่ในการเดินหมากตานี้? จะมีผลกระทบต่อสถานการณ์โดยรวมอย่างไร? เย่ว์หยางเด็กคนนี้ไม่ใช่คนโง่เขลาที่กล้าบ้าบิ่น หมากรุกนี่เป็นเรื่องเกี่ยวพันกับความเป็นความตายอย่างแน่นอนเกี่ยวข้องกับความอยู่รอดของหอทงเทียน ไม่ว่าเด็กคนนี้จะถูกความรู้สึกส่วนตัวครอบงำมากแค่ไหนก็ตาม เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเดินหมากอย่างสะเพร่า ตาเดินนี้ต้องมีความหมายลึกซึ้งต่อเขาแน่นอน บัณฑิตวัยกลางคนไตร่ตรองสอบสวนอยู่เป็นเวลานาน
ฉากภาพโปร่งใสในเวลานี้มีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
ในพื้นที่มิติกว้างใหญ่คนที่เผชิญหน้ากับขุนพลเทพไท่หยางที่ทรงพลังและคุณชายหลี่หมิงก็คือเย่คงเจ้าอ้วนไห่และเสวี่ยทันหลางพวกเขายืนเคียงข้างกันไม่มีพลังสำหรับต่อต้านและปกป้องตนเองให้พ้นจากอันตราย!
ในฐานะครูของพวกเขาอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าที่ได้ค้นการเทเลพอร์ตผ่านมิติ ตอนนี้เขาทำอะไรอยู่บ้าง?
ตั้งแต่เข้ามาอาจารย์จิ้งจอกเฒ่ามองดูเย่ว์หยางที่กำลังเล่นหมากรุกอยู่กับบัณฑิตวัยกลางคนในท้องฟ้า
เขาถือไม้เท้าลุกขึ้นยืน
แม้ว่าเสวี่ยทันหลางจะตกอยู่ในอันตราย แต่พวกเขาไม่ได้ให้ความสนใจและตั้งใจมองดูเย่ว์หยาง...จนกระทั่งเย่ว์หยางปรับจิตใจได้หยิบตัวหมากชิ้นหนึ่งตบลงบนกระดานหมากรุก อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าโล่งใจและทุกคนผ่อนคลาย เขาเรียกคัมภีร์อัญเชิญระดับทองออกมาช้าๆและเอาสปอร์พืชออกมาจากในมิติคัมภีร์อัญเชิญ และปลูกลงบนพื้นข้างหน้าอย่างระมัดระวัง
ขุนเทพไท่หยางและคุณชายหลี่หมิงทั้งสองมองดูทั้งคู่พวกเขาไม่เข้าใจว่าตาแก่ที่บาดเจ็บเหลือแต่ลมหายใจรวยรินต้องการจะทำอะไร?
สปอร์ถูกโปรยลงพื้น
ในไม่ช้า
มันงอกยาวขึ้นอย่างรวดเร็ว
กลายเป็นต้นดอกหนามเล็กที่บอบบางเหมือนต้นไม้อ่อนธรรมดา
หากไม่ได้รับการปกป้องจากโล่ม่านพลังของคัมภีร์อัญเชิญระดับทองคาดว่าคุณชายหลี่หมิงคงแกล้งจามเพื่อถอนรากถอนโคนต้นดอกหนามง่ายๆ
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าสับสนไปแล้วหรือเปล่า? นี่เจ้ากำลังจะเอาต้นดอกหนามมาใช้ต่อสู้หรือ? พระเจ้า! ฮ่าฮ่าฮ่า ต้นดอกหนามที่บอบบางนี้มีแต่บ้านนอกอย่างหอทงเทียนเท่านั้นถึงจะมีแต่ของอ่อนแออย่างนี้ เกรงว่าต้นดอกหนามที่น่าสงสารนี้อาจไม่รอดวันนี้ไปได้ แค่วินาทีเดียวยังจะรอดหรือเปล่าก็ไม่รู้? จะใช้ต้นดอกหนามโจมตีข้ากับขุนพลเทพไท่หยางหรือ? ข้าได้รับการบอกเล่ามาว่าเจ้าเป็นชายชราที่มีพรสวรรค์กว้างขวางเหมือนทะเล จิ้งจอกเฒ่า ชื่อนี้ใช่ไหม? สมแล้วที่เป็นจิ้งจอกเฒ่าจริงๆข้าเกือบถูกหลอกเสียแล้ว แค่เล็กน้อยเท่านั้น....” คุณชายหลี่หมิงเห็นแล้วหัวเราะจนน้ำตาไหล
“น่าเบื่อจริงๆ เราขุนพลเทพเสียเวลาชีวิตกับพวกเจ้ามากเกินไปแล้ว!” ขุนพลเทพไท่หยางพูดไม่ออก เขาตัดสินใจลงมือต่อ นักรบหอทงเทียนพวกนี้สติปัญญามีปัญหากันทั้งนั้น ต้องกำจัดให้หมดสิ้นตลอดไปต้องทำลายให้หมดไม่เหลือแม้แต่วิญญาณ
“ต้นดอกหนาม?” ต่างจากพวกเขาบัณฑิตวัยกลางคนที่อยู่หน้าเย่ว์หยางขมวดคิ้ว
“ข้าจะพูดอะไรน่ะหรือ? อสูรศึกทุกชนิดล้วนแต่มีทักษะความสามารถไม่เคยมีอสูรขยะ มีแต่พวกเจ้าของโง่เขลาที่หยิ่งยโสสำคัญตัวเองว่าสูงส่งเกินไป! ต้นดอกหนามไม่ใช่อสูรอ่อนแอ และไม่มีทางเป็นเช่นนั้น ถ้าเจ้ารู้ว่าความสามารถพิเศษของสปอร์ดอกหนามนี้มีความสามารถเช่นใดพวกเจ้าคงจะไม่พูดเช่นนี้” อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าพูดอย่างจริงจัง แต่น่าเสียดายที่คุณชายหลี่หมิงและขุนพลเทพไท่หลางไม่ได้รู้สึกขอบคุณเขา
“ข้าละกลัวแทบตาย!” คุณชายหลี่หมิงได้ยินแล้วหัวเราะลั่น “ต้นดอกหนามน่ะหรือเป็นอสูรศึกที่น่ากลัว? โอยข้ากลัวตายจริงๆ! โอว.. อสูรศึกน่ากลัวนี้ปรากฏแล้วในสนามรบ แล้วข้าจะเป็นอย่างไรกันนี่? สงสัยว่าต้องคุกเข่าร้องขอความเมตตากระมัง? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
“เจ้าแก่! เจ้าเตรียมตัวตายได้แล้ว!” ขุนพลเทพไท่หลางตัดสินใจไม่ยอมเปลืองน้ำลายอีกต่อไป
เขาเหยียดมือสีทองออก
เตรียมลงมือต่อไป
เตรียมบดขยี้จิ้งจอกเฒ่าเย่คงและพวกๆ ที่อยู่ข้างหน้าเขาให้สลายเป็นผุยผง
อย่างไรก็ตามวินาทีต่อมาก่อนที่เขาจะยิงพลังสังหารดอกหนามที่อ่อนแอลอยกระจายอยู่ในท้องฟ้าและท้องฟ้ามีกลีบดอกไม้โปรยปรายร่วงหล่นพร้อมกลิ่นหอมกระจายเหมือนกับหิมะร่วงปกคลุมไปทั้งพื้นที่ ดอกไม้นับไม่ถ้วนงอกจากพื้นและบานทันทีด้วยความเร็วที่มองเห็นด้วยตาเปล่า
ร้อยบุปผาบานสะพรั่ง!
ตอนนี้พื้นดินที่พังทลายกลายเป็นทุ่งดอกไม้บานพรึ่บพร้อมกัน
บัณฑิตวัยกลางคนที่อยู่ตรงข้าเย่ว์หยางมองเห็นสีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันที
คุณชายหลี่หมิงและขุนพลเทพไท่หยางมองดูด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ เกิดอะไรขึ้น? ตอนนี้พวกเขารู้สึกสับสน!”