ตอนที่แล้วChapter 175 Uniting
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 177 Only 7 levels

Chapter 176 Running its own course


自生自灭

การต่อสู้ของซูเห่ากับจักรพรรดิปฐพีและจักรพรรดิหมอกนั้น,มีผู้คนมากมายของเมืองหลินหยวน ที่ได้เห็น,แม้นว่าพวกเขาจะรีบหาที่ซ่อนตอนแรก,ทว่าการต่อสู้ที่ทรงพลังของมนุษย์กลายพันธ์นั้น,ก็ทำให้พวกเขาต้องการเห็นด้วยเช่นกัน.

นอกจากนี้เผ่าพันธุ์จูเห่าเหรินยังสายตาที่ดีมาก,พวกเขาสามารถมองเห็นได้แต่ไกลตั้งแต่ต้นจนจบ.

แม้แต่บางคนที่มีวิธีรักษาชีวิตตัวเองจากมนุษย์กลายพันธ์ที่แข็งแกร่ง,เพื่อที่จะดูการต่อสู้ให้ชัดเจน,มีหลายคนที่ซวยถูกเขตแดนมังกรเพลิงของซูเห่าเผาไปด้วย,ทว่าพวกเขาก็ไม่ตาย,สามารถลอกคราบรอดชีวิตมาได้.

หลังจากที่ซูเห่าจากไปแล้ว,เหล่าคนทั่วไปที่ซ่อนอยู่ไกล ๆ ก็เริ่มส่งเสียงดังอื้ออึง.

“มนุษย์กลายพันธ์สองคนที่ทรงพลังทำลายเมืองไป,ตายแล้ว....”

“ร้ายกาจเกินไปแล้ว!”

“ร่างในเกราะโลหะที่งดงามนันเป็นใครกัน? ถึงได้สามารถสังหารเจ้าตัวร้ายกาจสองคนนั่นได้!

“เมื่อครั้งที่ข้าเห็นยักษ์ปรากฏ,ข้าคิดว่าสวรรค์คงพังทลายแล้ว,ไม่คาดคิดว่ายักษ์ที่ใหญ่ยักษ์นั่น,จะพ่ายแพ้กระทั่งตกตายไป,มนุษย์เกราะโลหะนั้นทรงพลังมาก,ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย.”

“แล้วหลุมใหญ่นั่น,เสียงระเบิดดังมาก! มันน่าเหลื่อเชื่อมาก!”

“มนุษย์กลายพันธ์,แข็งแกร่งได้ขนาดนี้....หากข้า...”

“ใครรู้ว่ามนุษย์เกราะโลหะนั้นเป็นใคร?”

“ไม่รู้....”

“ทิศทางที่ไปคือเมืองซือหลิน,เป็นไปได้ว่า,เขามาจากเมืองซือหลิน?”

“เป็นไปได้!”

“เป็นเขาหรือไม่,เจ้าจำไม่ได้รึ? สี่ปีก่อน คนที่สังหารจักรพรรดิสวรรค์แสตน,ทำลายแก๊งเทียนซาไป!”

“ใช่แล้วจะต้องเป็นเหว่ยเมืองซือหลินแน่.”

“พวกเราไปเมืองซือหลินกัน! ที่นั่น จะต้องเป็นสถานที่หลบภัยที่ดีที่สุดแน่นอน!”

“ข้าไปด้วย!”

......

จากนั้น,การอพยพครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้น,โดยที่หยาซานไม่ทันได้ทันตั้งตัว.

อย่างไรก็ตาม,เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับซูเห่ามากนัก.

เขาบินกลับมาร่อนลงที่นอกเมือง,เปลี่ยนเป็นโลหะกลืนกินร่างกายจมลงบนพื้นและกลับไปยังห้องทดลอง.

หลังจากนั้น,ร่างกายของเขาก็ผุดขึ้นที่ห้องทดลอง.

ซูเห่าโยนศพทั้งสองไปด้านข้าง,พ่นลมหายใจยาว,ไม่ได้เหนื่อยล้าอะไรนัก,ทว่าเขาไม่ได้นอนทั้งคืน,ควรจะพักผ่อนสักหน่อย.

ซูเห่าทำการเก็บศพทั้งสองนำไปแช่ด้วยน้ำยาพิเศษเพื่อรักษาสภาพเนื้อให้สดอยู่เสมอ,ก่อนที่จะกลับไปนอน.

ไม่มีใครรบกวนเขา,จวบจนถึงเช้าอีกวัน,เขาก็ก้าวออกมาจากห้องด้วยสภาพสดชื่น,ความเหนื่อยล้าทั้งหมดมลายหายไป.

รู้สึกหิวเล็กน้อย.

ในเวลานั้นข้าง ๆ หยาซาน,โลหะสั่นส่งเสียงออกมา“หยาซาน,ข้าหิวแล้ว,กลับมาทำอาหารให้ข้าด้วย.”

สำหรับหยาซาน,กำลังจัดการงานเกี่ยวกับแก๊งซือหลินอะไรหรือไม่? ซูเห่าไม่รู้,สิ่งสำคัญเวลานี้คือการเติมเต็มท้องของเขาต่างหาก.

หยาซานลุกขึ้นเอ่ยออกมาทันที“วางใจได้! พี่ใหญ่เหว่ย,รอข้าพักหนึ่ง,ข้าจะไปทันที.”

จากนั้นหยาซานที่วางมือจากงานทั้งหมด,เอ่ยออกมาว่า“ไท่นี่,เรื่องทั้งหมดเจ้ามีอำนาจจัดการเต็มที,จะจัดการอย่างไรก็แล้วแต่เจ้า,ข้าเชื่อมั่นในตัวเจ้า!”

ไท่นีกลายเป็นงงไปเลย,ขณะจ้องมองปิศาจเคี้ยวโนวหลินด้วยความงงงวย.

ไท่นี่ก้าวไปนั่งบนที่นั่งหยาซาน เอ่ยออกมาอย่างช่วยไม่ได้“พี่สาวโนวหลิน,ปรกติมีเขาก็เหมือนไม่มีอยู่แล้ว,พวกเราลงมือกันต่อเถอะ!”

โนวหลินพยักหน้า.

หยาซานนั้นถือว่าเป็นเทพพ่อครัวของเมืองซือหลินเลยก็ว่าได้,อาหารจานผัดทุกอย่างที่ได้รับการชี้แนะจากซูเห่า,เวลานี้เขาอยู่ในขั้นผู้เชี่ยวชาญ.

ไม่นานหลังจากนั้น,อาหารก็ถูกเตรียมเอาไว้เต็มโต๊ะ,ส่งกลิ่นหอมกระจายออกมา.

ซูเห่าที่ก้าวเข้าไปนั่งกินพร้อมกับเอ่ยออกมาว่า“หยาซาน,เจ้าเองก็มากินด้วยกันสิ!”

หยาซานที่ก้าวเข้ามานั่ง,ขณะที่เห็นพี่ใหญ่เหว่ยกินอย่างเอร็ดอร่อย,ก็เผยความพอใจ,ขณะยกน้ำชาขึ้นจิบ.

ผ่านไปนานเหมือนกัน,ซูเห่าที่กินจนพึงพอใจเอ่ยออกมาว่า“หยาซาน,ฝีมือของเจ้าดีขึ้นมาก!”

หยาซานเองก็เอ่ยอย่างพึงพอใจ“อิ อิ พี่ใหญ่เหว่ยสอนได้ดี! ก่อนที่จะพบกับพี่ใหญ่,ข้าพอทำอะไรได้เล็กน้อยเท่านั้น!”

ซูเห่าเอ่ย“กินได้กี่ดีแล้ว,อย่าได้ทุ่มเทกับมันมากนัก!”

หยาซานพยักหน้ารับ“รับทราบ!”

ซูเห่าเอ่ยเพิ่ม“หยาซาน,เร็ว ๆ นี้ โลกนี้อาจไม่สงบ,ตามข่าวที่ข้าได้รับมา,ที่เมืองอันหยางนั้นมีมนุษย์กลายพันธ์ บุตรแห่งฆาตกรรมไล่ล่าสังหารมนุษย์กลายพันธ์ด้วยกัน,เจ้าจะต้องเตรียมการเอาไว้ให้ดี.”

หลังจากนั้นซูเห่าก็เล่าถึงสถานการณ์ทั่วไปให้หยาซานฟัง“หากสถานการณ์ไม่ดี,เจ้าจำเป็นต้องเตรียมการอพยพเล็กน้อย.”

ในเวลานั้น,หยาซานกลายเป็นเงียบ.

เขาเข้าใจคำพูดของพี่ใหญ่เหว่ย,อพยพเล็กน้อย,หมายความว่านำผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไว้ใจได้จากไป,ส่วนคนอื่น ๆ อาจจะปล่อยไปตามยถากรรม.

หลังจากที่จัดการดูแลแก๊งซือหลินมาระยะหนึ่งแล้ว,เขามีสัมพันธ์ภาพที่ดีกับทุกคน,ไม่ค่อยยินดีนักที่เขาจะอพยพเล็กน้อย.

อย่างไรก็ตาม,พี่ใหญ่เหว่ยเอ่ย,ในเมื่อต้องอพยพ,เช่นนั้นเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องใส่ใจ,อย่างไรก็ตาม,เขายังไม่เข้าใจ,บุตรแห่งฆาตกรรมนั้นแข็งแกร่งขนาดใหน,ถึงจำเป็นต้องอพยพ.

ส่วนซูเห่าในเมื่อได้เอ่ยออกไปแล้ว,เขาก็ไม่ใส่ใจอีกต่อไป,สำหรับหยาซาน,ซูเห่าจำเป็นต้องแจ้งเขา,ส่วนการที่เขาจะตัดสินใจอย่างไร,ก็ขึ้นอยู่กับเขา.

กล่าวตามจริง,ทุกคนมีอิสระที่จะเลือกทำได้ตามใจ,ขอเพียงไม่ขัดขวางเส้นทางของกันและกันก็พอ.

นี่ถึงจะเรียกว่าอิสระทางความคิด.

ทุกคนสามารถไปทุกหนแห่งได้,สามารถอยู่บ้านตลอดเวลาทั้งวัน,สามารถเรียนรู้อย่างหนักหรือขี้เกียจได้ตามใจปรารถนา.

ทว่าก็มีเหตุผลหลายอย่างที่ไม่อาจปล่อยวางได้เช่นกัน,เหมือนกับหยาซานในเวลานี้,เขาไม่ต้องการละทิ้งแก๊งซือหลิน,แม้แต่ต้องการผ่านอุปสรรคไปด้วยกัน.

เป็นความจริง,เพราะภาระความผิดชอบที่มันอยู่บนไหล่ของหยาซานแล้ว,ทำให้ความคิดของเขาไม่ได้เป็นอิสระอีกต่อไป.

ในเวลานั้น,ซูเห่าลุกขึ้นเอ่ยออกาว่า“หยาซาน,สภาพของเจ้าเวลานี้นับว่าพร้อมแล้ว,ตามข้ามา,ข้าจะวิวัฒนาการเจ้าเป็นจักรพรรดิปฐพี!”

ในเวลานั้นใบหน้าของหยาซานที่กลายเป็นงงงวย“วิวัฒนาการอะไร,จักรพรรดิปฐพีอย่างงั้นรึ?”

ซูเห่าไม่ได้เอ่ยอธิบายอะไร,ลุกขึ้นก่อนที่จะก้าวเข้าไปในห้องทดลอง.

หยาซานที่เก็บถ้วยชามเสร็จ,ก่อนเร่งรีบตามพี่ใหญ่เหว่ยไป.

หลังจากเข้ามาในห้องทดลอง,เขาก็พบศพสองศพที่ถูกแช่ในอ่าง,อดไม่ได้เลยที่จะเผยความประหลาดใจ“พี่ใหญ่เหว่ย,นี่คือ......”

ซูเห่าเอ่ย“นี่คือ ศพของ จักรพรรดิปฐพีและจักรพรรดิหมอก.”

หยาซานที่ดวงตาเบิกกว้างกลมโตขึ้นมาทันที“จักรพรรดิปฐพี,จักรพรรดิหมอก,ใช่สองคนที่มาใหม่ที่เมืองหลินหยวนหรือไม่? พี่ใหญ่เหว่ยไปสังหารพวกเขาเมื่อไหร่?”

จะไม่ให้หยาซานตกใจได้อย่างไร,สองสามวันก่อนพวกเขาได้ยินเรื่องที่แก๊งสี่ราชาเอ่ยถึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่เมืองหลินหยวน,ไม่คาดคิดว่าสองคนที่สร้างปัญหาขับไล่แก๊งสี่ราชาออกมา,กับมานอนอยู่ในห้องทดลองของพี่ใหญ่เหว่ยแล้ว,เรื่องนี้....

พี่ใหญ่เหว่ย,ร้ายกาจเกินไป,ไม่คาดคิดเลยว่าจะจัดการพวกเขาได้อย่างง่ายดาย.

ซูเห่าเอ่ย“มา,หยาซานนอนลง,ข้าจะเก็บตัวอย่างโลหิตของเจ้าก่อน.”

หยาซานที่ถอยเสื้อคลุมออก,ก่อนที่จะขึ้นไปนอนบนเตียงทดลอง,พร้อมกับยื่นแขนออกไปอย่างรู้ความ.

แม้นว่าเขาจะมีสภาพจิตใจที่มั่นคง,ทว่าเมื่อรู้ว่าตัวเองจะได้วิวัฒนาการ,ก็ยากจะใจเย็นได้เหมือนกัน.

เขาที่ติตามพี่ใหญ่เหว่ยมา,ไม่ว่าจะประสบกับอะไร,ต้องสุขุม.

เขาไม่คาดคิดเช่นกัน,ว่าจะมีโอกาสได้เป็นมนุษย์กลายพันธ์ขั้นหก.

จากอ่อนแอที่สุดจนก้าวไปถึงแข็งแกร่ง,ทุกอย่างอยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว.

สิ่งนี้ควรจะเรียกว่าเกียรติยศในชีวิตหรือไม่?

พี่ใหญ่เหว่ยคือผู้นำเกียรติยศมาให้กับเขา!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด