ตอนที่แล้วบทที่ 47-48
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 51-52

บทที่ 49-50


บทที่ 49

ช่างบังอาจนัก

ไม่แปลกใจเลยที่หญิงชราผู้หยาบคายคนนี้ไม่กลัวนาง ตอนนี้ไม่มีใครไม่รู้ว่าเมิ่งอวิ๋นเสียงเป็นไท่จื่อเฟยเพียงแค่ในนาม สวามีของนางไม่โปรดปรานนาง และนิสัยของนางก็เย่อหยิ่งและน่ารำคาญ ต่อให้นางจะถูกคนอื่นรังแก ไท่จื่อก็จะทำเป็นปิดตาข้างหนึ่งและเพิกเฉยเสีย ซึ่งทำให้นางเสียอำนาจในตำหนักบูรพาไป

ยิ่งกว่านั้นคือในตำหนักตอนนี้ บุคคลผู้เป็นที่โปรดปรานที่สุดของไท่จื่อคือไท่จื่อผินที่เพิ่งได้ตำแหน่ง ไท่จื่อปฏิบัติต่อนางราวกับเป็นสมบัติล้ำค่า ในสายตาของเหล่าคนรับใช้จึงมองว่าสถานะของไท่จื่อเฟยนั้นด้อยกว่าไท่จื่อผินยิ่งนัก และบางคนถึงกับคิดว่าอีกไม่นานไท่จื่อผินก็จะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นไท่จื่อเฟยแทน ทำให้คนในตำหนักปฏิบัติต่อไท่จื่อผินเป็นอย่างดี ซึ่งหญิงชราผู้นี้ก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น ดังนั้นตอนนี้นางจึงดูถูกเมิ่งอวิ๋นเสียงมากกว่าเดิม

เมื่อคิดว่าตนได้รับการสนับสนุนเบื้องหลังจากไท่จื่อผิน หญิงชราผู้หยาบคายก็ยิ่งไม่เห็นเมิ่งอวิ๋นเสียงอยู่ในสายตา และยิ่งแสดงท่าทางเย่อหยิ่งเสียยิ่งกว่าเดิม

“เมื่อครู่นี้ข้าได้ยินผิดไปอย่างนั้นหรือ?” เมิ่งอวิ๋นเสียงหันกลับไปถามหญิงสาวสองคนข้างนาง ชิงหลัวส่ายหน้าอย่างรุนแรง เมื่อหญิงชราเห็นเช่นนั้นก็หันไปถลึงตาใส่หงหลัน สายตาของนางเต็มไปด้วยความดุดัน

เมื่อหงหลันเห็นเช่นนี้ก็มองนางด้วยความหวาดกลัว แล้วก้มหน้าลงอีกครั้ง หญิงชราพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะมองเมิ่งอวิ๋นเสียง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “ดูสิ ไท่จื่อเฟย ข้าเกรงว่าพวกท่านจะฟังผิดกันทั้งคู่”

ก่อนที่นางจะพูดจบก็มีเสียงพูดแบบกัดฟันดังมาจากข้างหลังนาง “ไท่จื่อเฟยได้ยินถูกต้องแล้ว ท่านพูดจาหยาบคายและดูหมิ่นไท่จื่อเฟย”

หงหลันกัดริมฝีปากของตนขณะจ้องมองหญิงชราด้วยดวงตาแดงก่ำ ราวกับจะใช้สายตาแช่งชักหักกระดูกนาง

“ดูสิ พวกเราสามในสี่คนได้ยินเหมือนกัน ชิงหลัว บอกเปิ่นกงสิว่าเราควรทำอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้?” เมิ่งอวิ๋นเสียงหมุนไม้เท้าในมือของนางไปมา แล้วเหลือบมองหญิงชราอย่างเย็นชา ขณะที่แสร้งทำเป็นถามขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ

“ข้ารับใช้ที่บังอาจดูถูกเจ้านายตามใจชอบ ตามกฎแล้วมีโทษถึงตายเพคะ” ชิงหลัวพูดอย่างแช่มช้า

เมิ่งอวิ๋นเสียงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “เจ้าได้ยินหรือไม่?” หลังจากพูดจบแล้ว นางก็มองหญิงชราผู้หยาบคายอีกครั้ง

แต่แล้วนางก็เห็นหญิงชราผู้หยาบคายเงยหน้าขึ้นหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะมองเมิ่งอวิ๋นเสียงด้วยสายตาเยาะเย้ย แล้วพูดว่า “ท่านคิดว่าท่านมีสิทธิ์ใช้กฎนี้หรือ? ท่านคิดว่าตอนนี้ท่านมีสถานะเป็นไท่จื่อเฟยจึงคิดจะทำอะไรก็ได้ ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วมันเป็นแค่เปลือกที่กลวงเปล่า ข้าจะบอกให้ว่าแม้ว่าท่านจะเป็นไท่จื่อเฟย แต่ตอนนี้ท่านก็ไม่อาจแตะต้องข้าได้ ไม่ใช่แค่ข้าแต่เป็นทุกคนในตำหนักแห่งนี้ ท่านเป็นไท่จื่อเฟยเพียงในนามเท่านั้น หัดเจียมกะลาหัวเสียบ้าง!” เมื่อพูดจบนางก็หัวเราะอย่างทะนงตัวอีกครั้ง

จากนั้นนางก็จ้องหงหลันอีกครั้ง แววตาของนางเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม “ส่วนเจ้า วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าได้รู้ว่าจุดจบของคนที่ไม่เชื่อฟังข้านั้นเป็นเช่นไร”

เมื่อหงหลันเห็นหญิงชราผู้หยาบคายเดินเข้ามาหานาง นางก็ทรุดตัวลงกับพื้นด้วยความหวาดกลัว และร้องขอความเมตตาครั้งแล้วครั้งเล่า

ดวงตาของเมิ่งอวิ๋นเสียงเย็นชาเมื่อได้ยินคำพูดนั้น       นางจ้องมองหญิงชราแล้วพูดว่า “ช่างบังอาจยิ่งนัก กล้าเอ่ยวาจาหยาบคายออกมาโดยไม่เกรงกลัวกฎระเบียบ”

เมื่อนางพูดจบก็ยกไม้เท้าในมือขึ้น หมายจะฟาดหญิงชราด้วยความเร็วปานสายฟ้า

แต่ดูเหมือนว่าหญิงชราจะมีตาอยู่ข้างหลัง นางหันกลับมาแล้วยกมือใหญ่ขึ้นคว้าไม้ทันที ก่อนจะออกแรงเหวี่ยงอีกครั้งจนไม้เท้ากระเด็นออกไป

บทที่ 50

กฎระเบียบ

เมิ่งอวิ๋นเสียงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หญิงชราผู้นี้กำเริบเสิบสานนัก แม้ว่านางจะไม่มีอำนาจอย่างแท้จริง แต่นางก็ยังคงมีตำแหน่งเป็นไท่จื่อเฟย ตอนนี้คนเหล่านี้มองว่าตำแหน่งไท่จื่อเฟยเป็นสิ่งที่กลวงเปล่าจึงพากันเพิกเฉย

ขณะที่นางกำลังครุ่นคิดก็ได้ยินเสียงชิงหลัวกรีดร้อง เมื่อนางหันกลับไปมองด้วยความประหลาดใจ ก็เห็นว่าหญิงชราผู้หยาบคายกำลังจะตีนางด้วยไม้ เมิ่งอวิ๋นเสียงเห็นดังนั้นก็รีบหลบ แต่ก่อนที่นางจะทันได้โต้ตอบ หญิงชราก็พยายามใช้ไม้ตีหลายครั้ง นางรู้สึกได้ถึงความแรงจากเสียงของไม้ที่โบกไปมาในอากาศ หญิงชราคนนี้ต้องการโจมตีนางอย่างจริงจัง ดวงตาคู่งามของเมิ่งอวิ๋นเสียงหรี่ลง สายตาของนางฉายแววอำมหิต

หญิงชราไม่คิดว่าเมิ่งอวิ๋นเสียงจะปราดเปรียวถึงเพียงนี้ หลังจากออกแรงตีไปหลายรอบก็ยังไม่อาจแตะต้องนางได้เลย นางจึงตีให้เร็วขึ้นกว่าเดิม ทันใดนั้นเมิ่งอวิ๋นเสียงก็หยุดนิ่ง ทำให้หญิงชราคิดว่านางได้โอกาสแล้ว มุมปากของนางแสยะยิ้มอย่างพึงพอใจ ซึ่งในสายตาของคนอื่นนั้น รอยยิ้มนี้ช่างน่ากลัวและน่าสมเพชจริง ๆ ราวกับว่านางกำลังจะกลืนกินคนตรงหน้าเข้าไป

เมื่อนางคิดว่ากำลังจะเข้าถึงตัวเมิ่งอวิ๋นเสียงได้แล้ว จู่ ๆ เมิ่งอวิ๋นเสียงก็ดึงสิ่งที่เรียวยาวจากด้านหลังออกมาทักทาย หญิงชรายังไม่ทันได้ตอบสนองก็ถูกเมิ่งอวิ๋นเสียงใช้แส้ฟาดเข้าอย่างจัง ทันใดนั้นรอยเลือดก็ปรากฏขึ้นที่เอวของหญิงชรา เลือดไหลออกมาจากแผลยาวบนผิวหนัง

หญิงชราผู้หยาบคายเจ็บปวดจนกรีดร้องพลางดิ้นทุรน   ทุรายอยู่บนพื้น นางเป็นคนเดียวที่เฆี่ยนผู้คนอยู่เสมอ และไม่เคยมีใครเฆี่ยนนางมาก่อน แม้ว่านางจะอยู่ในตำหนักบูรพามาหลายปี แต่นางก็ไม่เคยได้รับความคับข้องใจใด ๆ เลย เพราะทักษะการประจบสอพลอของนาง และนางยังได้เป็นหัวหน้าแม่ครัวอีกด้วย หลายปีที่ผ่านมานางใช้ชีวิตแบบหญิงสูงวัยผู้มั่งคั่ง ใครจะไปคิดว่านางจะได้รับความทุกข์ทรมานเพราะเหตุการณ์ในวันนี้ ซึ่งทำให้นางรู้สึกราวกับเสียชีวิตไปครึ่งหนึ่ง

เมื่อคนได้ยินเสียงกรีดร้องของหญิงชราก็ตกใจมาก และรีบเข้าไปพยุงนางขึ้นจากพื้น แต่ก่อนที่จะได้แตะต้องนางก็ถูกแส้ลึกลับฟาดแต่ก็ยังดึงมือกลับได้ทัน พวกนางโกรธจนเกือบจะกล่าวคำผรุสวาทออกมา แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นไท่จื่อเฟยยืนอยู่ตรงหน้า พร้อมกับแส้โลหิตอสรพิษเงินในมือ

แม้ว่าจะยังไม่มีผู้ใดเคยเห็นแส้นี้มาก่อน แต่ย่อมเคยได้ยินเกี่ยวกับมัน เพราะไท่จื่อผินถูกไท่จื่อเฟยข่มเหงด้วยแส้นี้ ซึ่งผู้ติดตามของไท่จื่อผินเคยเห็นมันในตอนนั้น พวกนางคิดจะพูดเหน็บแนมไท่จื่อเฟย แต่ด้วยความเกรงกลัวพลังของแส้จึงไม่กล้าเอ่ยคำใดออกมา

นางทำได้เพียงมองแม่เฒ่าเฉินดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปช่วย

เมื่อเห็นแม่เฒ่าเฉินเป็นเช่นนั้น แม่เฒ่าหลี่ผู้เป็นหัวหน้าแม่ครัวอีกคนหนึ่งก็เหลือบมอง ก่อนจะก้าวเข้าไปหาอย่างระมัดระวัง “ถวายบังคมไท่จื่อเฟย โปรดบอกพวกข้าน้อยได้หรือไม่เพคะว่าสตรีผู้นี้ทำสิ่งใดให้ท่านโกรธเคือง?”

แม่เฒ่าหลี่คิดว่าหากเป็นในอดีต นางคงจะไม่คุยกับเมิ่งอวิ๋นเสียงในตอนนี้อย่างแน่นอน แต่เมื่อนางเห็นแม่เฒ่าเฉินนอนกลิ้งอยู่บนพื้นและเห็นหงหลันนั่งน้ำตานองหน้าอยู่ นางก็รู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ ยิ่งกว่านั้นคือหลังจากได้ฟังข่าวลือในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาและเห็นสถานการณ์ตรงหน้า นางก็ยิ่งมั่นใจในความคิดของตนมากขึ้นว่าไท่จื่อเฟยองค์นี้เปลี่ยนไป และทิศทางลมของตำหนักบูรพาแห่งนี้ก็จะเปลี่ยนไปในไม่ช้าด้วยเช่นกัน

เมื่อแม่เฒ่าเฉินที่นอนอยู่บนพื้นเห็นว่าแม่เฒ่าหลี่เดินเข้าไปใกล้เมิ่งอวิ๋นเสียง นางก็ตะโกนเสียงดังว่า “นางเฒ่าหลี่สารเลว ข้าบอกเจ้าแล้วว่าเจ้ามันโง่เขลา คิดจะช่วยข้าก็รีบมาก่อนจะสายเกินไป!”

ทุกคนต่างรู้ดีว่าทั้งสองคนนี้ไม่เคยเข้ากันได้เลย ดังนั้นอำนาจภายในครัวจึงแบ่งออกเป็นสองฝ่ายแบบครึ่งต่อครึ่ง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด