ตอนที่แล้วบทที่ 45-46
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 49-50

บทที่ 47-48


บทที่ 47

ดูหมิ่นเหยียดหยาม

นางเดินตามชิงหลัวไปที่ห้องครัวด้านหลัง ทันทีที่เข้ามาถึงห้องครัวด้านหลัง เมิ่งอวิ๋นเสียงก็ตกตะลึงกับภาพที่เห็นตรงหน้า หากห้องครัวหลังเล็กของนางสามารถเรียกได้ว่าเป็นห้องครัว ที่นี่ก็คงเรียกได้ว่าเป็นวัง ทันใดนั้นคำด่าทอด้วยความโกรธแค้นก็ผุดขึ้นในหัวของเมิ่งอวิ๋นเสียงครั้งแล้วครั้งเล่า

จิ่งหรง เจ้ายังเป็นคนอยู่หรือไม่? ไท่จื่อเฟยมีชีวิตที่น่าสังเวช แต่สามีของนางกลับได้กินดื่มอยู่ที่นี่ หากวันนี้ข้าไม่ได้เอาของดีจากในครัวของเจ้ากลับไปครึ่งหนึ่งก็ถือว่าข้าไม่ใช่คนสกุลเมิ่งแล้ว

“ไปเร็ว เดินตามพี่สาวมา” เมื่อนางพูดจบก็ก้าวเข้าไปข้างใน

แต่ก่อนที่นางจะก้าวเข้าไปในห้องครัว ทันใดนั้นก็มีน้ำสาดมาและเกือบจะกระเซ็นใส่ทั้งสอง แต่โชคดีที่ชิงหลัวโต้ตอบได้ทันท่วงทีด้วยการไปขวางหน้าเพื่อปกป้องเมิ่งอวิ๋นเสียง ผู้กระทำความผิดก็ประหลาดใจเช่นกัน และกำลังจะกล่าวคำขอโทษ แต่เมื่อเห็นคนที่นางเกือบจะสาดน้ำไปโดน ดวงตาของนางก็เป็นประกายทันที คำขอโทษที่นางกำลังจะพูดกลับกลายเป็นคำเย้ยหยัน นางพูดขณะยืนเท้าสะเอวว่า “โอ้ นี่ใช่ชิงหลัว หญิงรับใช้ต่ำศักดิ์ของไท่จื่อเฟยหรือไม่? นานมากแล้วที่ข้าไม่เห็นเจ้ามาขออาหารที่นี่ เหตุใดวันนี้เจ้าจึงมาที่นี่อีก?”

เมื่อชิงหลัวได้ยินคำพูดนั้น ใบหน้าของนางก็แดงก่ำ ทุกครั้งที่นางมาที่นี่ นางจะต้องถูกพวกนางทำให้อับอายขายหน้าเสมอ หลังจากที่ถูกพวกนางดูหมิ่นเสร็จแล้ว นางถึงจะได้รับอาหารจากพวกนาง หากวันใดนางกล้าตอบโต้ วันนั้นนางจะไม่ได้รับอาหารและอาจถูกทำร้ายร่างกายด้วย

เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยจนชิงหลัวเคยชินนานแล้ว และครั้งนี้ก็จะรอให้นางพูดจบ แต่นางลืมไปว่ามีสตรีผู้หนึ่งอยู่ข้างหลังนางด้วย ซึ่งนางจะปล่อยให้คนอื่นมาดูหมิ่นเหยียดหยามคนของนางได้อย่างไร

“เจ้าว่าอย่างไรนะ?” ทันใดนั้นเสียงอันมืดมนและเย็นชาก็ดังขึ้นจากด้านหลัง ชิงหลัวจึงฟื้นคืนสติ มีเพียงนางเท่านั้นที่รู้ว่าคราวนี้นางไม่ได้มาที่นี่เพื่อถูกรังแก นางยืดตัวตรงก่อนจะเท้าเอวขณะจ้องไปยังหญิงปากร้ายโดยไม่รู้ตัว

หงหลันรู้สึกประหลาดใจกับเสียงของคนที่อยู่ข้างหลังนาง แต่นางก็คิดว่าคนพูดคือไป๋เฉาที่มักจะมากับชิงหลัว แต่นางคาดไม่ถึงว่าชิงหลัวจะกล้าจ้องมองนางด้วยสายตาเช่นนี้ นังเด็กเมื่อวานซืนสองคนนี้กินดีหมีหัวใจเสือมาหรืออย่างไร นางตวาดเสียงดังว่า “ข้าพูดถูกแล้วไม่ใช่หรือ? ปกติพวกเจ้าสองคนก็ทำตัวเป็นขอทานบากหน้ามาขออาหารทุกวัน ซึ่งข้าเองก็อุตส่าห์มีใจเมตตาทำอาหารให้ แต่ตอนนี้พวกเจ้ากล้าเหิมเกริมกับข้าอย่างนั้นหรือ? ข้าบอกเจ้าไว้เลยว่าทันทีที่ข้าทูลเรื่องนี้แก่ไท่จื่อ ท่านจะต้องรับสั่งให้แม่ครัวกลับมาที่นี่ ซึ่งจะทำให้เจ้าและเจ้านายที่ไร้ประโยชน์ของเจ้าอดตายได้”

“บังอาจยิ่งนัก หญิงรับใช้ต่ำต้อยกล้ากล่าววาจาจาบจ้วง และอวดตนว่าสามารถสั่งไท่จื่อให้ทำตามใจตนได้ เจ้าคิดว่าตัวเองมีค่าพออยู่ในสายตาของไท่จื่อหรือ?” คนข้างหลังชิงหลัวพูดอย่างเย็นชา ตอนนี้จิ่งหรงค่อนข้างมีประโยชน์มาก เพราะหญิงรับใช้ชั้นต่ำต้อยผู้นี้มีท่าทีหวาดกลัวอย่างได้ชัด

นางลังเลก่อนจะตอบว่า “แล้ว... แล้วอย่างไรเล่า อย่างไรเสียก็ไม่มีใครรู้ และข้าไม่กลัวว่าเจ้าจะไปฟ้องด้วย ดูสิว่าไท่จื่อจะเชื่อในตัวข้าหรือเจ้าสองคน” เหตุผลนี้ยกมาเพื่อปลอบใจตัวเอง เมื่อหงหลันคิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ นางก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นราวกับว่าสิ่งที่นางพูดจะกลายเป็นความจริง

“นี่คือสิ่งที่เจ้าพูดออกมาเอง เปิ่นกงยินดีที่ได้ฟังเช่นนั้น”

“เปิ่นกงหรือ?”

เมื่อเห็นคนที่อยู่ข้างหลังก้าวออกมาข้างหน้า เสียงดังโครมก็ดังขึ้น อ่างในมือของนางหล่นลงสู่พื้น “ไท่... ไท่จื่อเฟยหรือ?”

นางมองเมิ่งอวิ๋นเสียงด้วยความตกใจสุดขีด และสงสัยว่าเหตุใดไท่จื่อเฟยจึงมาปรากฏตัวที่นี่ เป็นไปได้หรือไม่ว่านางจะมาขออาหารกับชิงหลัว เป็นไปไม่ได้ ไท่จื่อเฟยเป็นผู้ที่เย่อหยิ่งที่สุดและรักศักดิ์ศรียิ่งนัก ต่อให้นางจะหิวโหยเพียงใดก็ไม่เคยมาปรากฏตัวให้เห็นเลย แล้วเหตุใดตอนนี้นางถึงมาอยู่ที่นี่?

บทที่ 48

ท่านได้ยินผิดแล้ว

“เป็นอะไรไป เจ้ากลัวหรือ?” เมิ่งอวิ๋นเสียงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความประชดประชัน ขณะมองหงหลันที่ยืนขาสั่นราวกับตะแกรงร่อนแกลบ รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของนาง

ก่อนที่หงหลันจะตอบ เสียงเกรี้ยวกราดของหญิงชราก็ดังมาจากข้างหลังนาง “หงหลัน นางไพร่ชั้นต่ำ เจ้ามัวทำบ้าอะไรอยู่ ข้าบอกให้เจ้าเอาน้ำในอ่างไปเท แต่เจ้ากลับเจ้าเล่ห์เพทุบาย แอบอู้งานจนทำให้ข้าต้องมาตามถึงที่นี่”

เนื่องจากชิงหลัวและเมิ่งอวิ๋นเสียงยืนอยู่ข้างหลังนาง สตรีหยาบคายผู้นี้จึงคิดว่าหงหลันกำลังมัวพูดคุยกับคนอื่นอย่างเกียจคร้าน ดังนั้นนางจึงตวาดเสียงดังใส่ แต่นางคาดไม่ถึงว่า  หงหลันจะยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ราวกับไม่ได้ยิน เมื่อเห็นเช่นนี้ หญิงชราที่หยาบคายก็โกรธจัดจนก้าวเข้าไปหานาง แล้วยกเท้าขึ้นถีบหงหลันอย่างแรง

หงหลันล้มลงด้วยความเจ็บปวดและน้ำตาไหลทันที ดูจากแรงถีบแล้วก็ไม่แน่ว่าซี่โครงอาจจะหักหนึ่งหรือสองซี่ก็เป็นได้

“นางหญิงชั่ว เจ้าไม่เข้าใจสิ่งที่ข้าพูดหรือ? เจ้าไม่เชื่อฟังสิ่งที่ข้าพูด ฉะนั้นให้ข้าจะส่งเจ้าไปวังหลัง เพื่อให้เจ้าไม่มีวันออกมาได้อีกดีหรือไม่?” หญิงชราผู้หยาบคายไม่สนใจอาการบาดเจ็บของนางและด่าทอต่อไป ทั้งหมดที่นางรู้คือนางกำลังถูกท้าทายอำนาจ

หงหลันกลั้นน้ำตาไว้และเจ็บปวดจนพูดไม่ออก แต่ทันทีที่ได้ยินคำว่า “วังหลัง” นางก็ไม่สนใจความปวดร้าวของร่างกายอีกต่อไป แล้วเดินไปทรุดตัวลงแทบเท้าของหญิงชราผู้หยาบคาย “ข้าน้อยไม่กล้าเจ้าค่ะ ก็แค่ไท่จื่อเฟย...”

นับตั้งแต่เมิ่งอวิ๋นเสียงปรากฏตัว หงหลันก็ตกตะลึงกับแววตาของนางจนไม่อาจขยับตัวได้ เมื่อนางสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านออกมาจากอีกฝ่ายหนึ่ง นางก็ต้องการหนีโดยสัญชาตญาณ แต่นางก็ไม่อาจหลบหนีสายตาที่จ้องมองมาเช่นนี้ได้

“ไท่จื่อเฟยหรือ? วันนี้เจ้ากินดีหมีหัวใจเสือมาหรือ? ต่อให้เจ้าจะไม่เชื่อฟังข้า แต่กล้าดีอย่างไรถึงใช้ชื่อของนางปีศาจนั่นมาขู่ข้า? วันนี้ข้าจะสอนบทเรียนให้เจ้า” ขณะพูดเช่นนั้น แววตาของหญิงชราที่หยาบคายก็เต็มไปด้วยความชั่วร้าย นางหยิบไม้เท้าขึ้นมาและง้างขึ้นสูงหมายจะฟาดลงบนตัวของหงหลัน

เมื่อเห็นดังนั้น หงหลันก็หลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง แต่หลังจากรออยู่นาน นางก็ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดจากไม้ที่ฟาดลงบนตัวนาง เมื่อลืมตาขึ้น นางก็พบว่าหญิงชราใจร้ายกำลังจ้องมองหญิงสาวทั้งสองที่ยืนอยู่ตรงหน้านาง

เมิ่งอวิ๋นเสียงจ้องตานางขณะจับไม้เท้าของหญิงชราไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง เมื่อชิงหลัวเห็นเช่นนั้นก็รีบเข้าไปช่วยหงหลันที่นอนอยู่บนพื้น

เมื่อหญิงชราหยาบคายเห็นพวกนางก็รู้ว่าหงหลันไม่ได้โกหกจริง ๆ ในขณะที่นางกำลังจะปล่อยไม้เท้าในมือ จู่ ๆ        เมิ่งอวิ๋นเสียงก็ตบหน้านางฉาดใหญ่ หญิงชรารู้สึกเจ็บปวดจึงรีบปล่อยมือทันที ภายในชั่วพริบตาไม้เท้าก็อยู่ในมือของ             เมิ่งอวิ๋นเสียง

เนื่องจากเมิ่งอวิ๋นเสียงเป็นไท่จื่อเฟย นางจึงไม่อาจพูดอะไรได้และทำได้เพียงระงับความโกรธ แล้วฝืนยกยิ้มก่อนพูดว่า “ไท่จื่อเฟย ท่านเสด็จมาทำอะไรที่นี่หรือเพคะ? ข้าน้อยกำลังสอนบทเรียนให้แม่สาวน้อยผู้นี้อยู่ ไท่จื่อเฟยโปรดอย่าเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องเลยนะเพคะ”

เมื่อเมิ่งอวิ๋นเสียงได้ยินคำพูดนั้น นางก็หมุนไม้เท้าในมือไปมา แล้วจ้องมองหญิงชราที่แสร้งทำเป็นยกยิ้มด้วยสายตาเย็นชา “หากเจ้าสั่งสอนคนของเจ้า แน่นอนว่าข้าย่อมไม่สนใจอยู่แล้ว แต่ข้าไม่พอใจที่เจ้าบังอาจมาด่าข้า”

เมื่อได้ยินดังนั้น หญิงชราก็ขมวดคิ้วแล้วจ้องเขม็งไปที่หงหลันที่กำลังหลั่งน้ำตา แล้วหันมามองเมิ่งอวิ๋นเสียงด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “ไท่จื่อเฟยหูฝาดไป ท่านได้ยินผิดแล้ว ข้าน้อยยังไม่ได้พูดอะไรเลยเพคะ” แม้ว่าจะไม่มีถ้อยคำดูหมิ่นเมิ่งอวิ๋นเสียงในประโยคดังกล่าว แต่น้ำเสียงของนางไม่ได้แสดงออกถึงความเคารพเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังแฝงไปด้วยการเสียดสีอีกด้วย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด