บทที่ 39-40
บทที่ 39
นักดนตรีหญิงผู้ลึกลับ (1)
ถนนเต็มไปด้วยผู้คนเดินกันขวักไขว่และมีร้านค้ามากมาย เสียงเรียกให้ซื้อสินค้าหลายชนิดดังขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด มันเป็นบรรยากาศที่น่าเพลิดเพลินใจ แต่มีเพียงจิ่งฮวาคนเดียวที่ขมวดคิ้ว
เมิ่งอวิ๋นเสียงเห็นเช่นนั้นแล้วก็มีรอยยิ้มบนริมฝีปากของนาง ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้ง จิ่งฮวามองไปด้านข้างแล้วถามว่า “อาเสียง มีเรื่องน่ายินดีอะไรหรือ เหตุใดเจ้าดูอารมณ์ดียิ่งนัก?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เมิ่งอวิ๋นเสียงก็ส่ายหน้า “ไม่ใช่ว่าอารมณ์ดีหรอก แต่เป็นเพราะข้าไม่รู้ว่าเหตุใดอาฮวาต้องขมวดคิ้วด้วย หากเจ้าบอกข้ามา ข้าก็จะอาจจะช่วยคลายความกังวลของเจ้าได้”
หลังจากพูดจบนางก็เอามือกุมท้องหัวเราะ คราวนี้นางเหิมเกริมมากกว่าเดิม
นับตั้งแต่ตอนที่พวกเขาออกเดินมาตามถนนมาจนถึงตอนนี้ ขณะที่เดินไปก็จะมีสตรีมาชนจิ่งฮวาเป็นระยะ หลังจากถูกชนบ่อยเข้านางก็จะบอกว่าพาจิ่งฮวาไปหาหมอ นอกจากถูกชนแล้วก็จะมีบางคนโยนถุงเงินใส่จิ่งฮวา แล้วบอกว่าจิ่งฮวาเป็นคนขโมยของของพวกนาง นอกจากนี้แต่ละคนยังมีกลอุบายที่แตกต่างกัน เพราะต้องการรู้ว่าจิ่งฮวาเป็นใครและอาศัยอยู่ที่ใด แต่จิ่งฮวาก็ปิดปากสนิท โดยเขาเอ่ยปากไล่สองหรือสามครั้ง แต่ก็ไม่เท่ากับจำนวนที่เขาถูกชน
ทันทีที่จิ่งฮวาได้ยินเช่นนั้นก็รู้ว่านางกำลังล้อเลียนตน เขารู้สึกรำคาญจึงจับมือเมิ่งอวิ๋นเสียง แล้วเดินเข้าไปในตรอก เมิ่งอวิ๋นเสียงตกใจ นางคิดว่าชายผู้นี้จะโกรธจนลากตนเข้าไปสังหารในตรอกอันมืดมิด
เมื่อคิดได้ดังนั้นเมิ่งอวิ๋นเสียงก็กำลังจะร้องขอความเมตตา แต่ในชั่วพริบตานางก็มายืนอยู่หน้าอาคารที่ประดับประดาด้วยโคมไฟสว่างจ้า และมีเสียงร้องเพลงเคล้าไปกับเสียงหัวเราะ โดยมีคนที่คุ้นเคยยืนโบกผ้าเช็ดหน้าอยู่ตรงประตู และเมื่อนางเห็นทั้งสองคน นางก็เอ่ยทักทายอย่างอบอุ่น
ทรวดทรงของแม่เล้ายังคงอวบอัดเช่นเคย นางยังคงแต่งหน้าจัดและสวมใส่สร้อยไข่มุกเต็มตัว กลิ่นของเครื่องสำอางสีแดงบนร่างกายนางส่งกลิ่นฉุนแรง
“โอ้ ท่านผู้มีเกียรติทั้งสองกลับมาแล้ว มา มา มา กรุณาเข้ามาเจ้าค่ะ” นอกจากทั้งสองจะมีรูปลักษณ์ตราตรึงใจที่ยากจะลืมเลือนได้แล้ว พวกเขายังมีใจกว้างอีกด้วย ดังนั้นแม่เล้าย่อมไม่ปล่อยให้ปลาใหญ่หลุดมือไปได้
ทั้งสองพยักหน้า แม่เล้าจึงเดินนำหน้าและทั้งสองเดินตามหลัง เมิ่งอวิ๋นเสียงเอียงศีรษะไปหาจิ่งฮวาที่เดินเคียงข้างกัน แล้วกระซิบว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าต้องการมาที่เจ้าสำราญราวเมามายในความฝัน?”
จิ่งฮวาตอบว่า “เจ้ายังเที่ยวไม่หนำใจไม่ใช่หรือ?”
ทันทีที่พูดจบ แม่เล้าที่เดินนำหน้าก็หยุดแล้วชี้ไปที่ทางเดินสองทาง ก่อนจะหันกลับมามองทั้งสองคนอย่างประจบสอพลอ แล้วถามด้วยรอยยิ้มว่า “วันนี้ท่านทั้งสองจะยังไปที่โถงสีเขียวอีกหรือไม่เจ้าคะ?”
เมิ่งอวิ๋นเสียงได้ยินเช่นนั้นก็เหลือบมองจิ่งฮวา แล้วยกยิ้มอย่างมีเลศนัย “ไม่ วันนี้ข้าจะไปที่โถงสีแดง”
ใช่แล้ว ครั้งล่าสุดที่นางไปโถงสีเขียว นางคิดว่าจะไปโถงสีแดงด้วยแต่ถูกจิ่งหรงขัดไว้เสียก่อน รอบนี้นางจึงคิดจะไปให้ครบทั้งสองแห่งเพื่อประสบการณ์ที่ดี
แม่เล้ารับคำแล้วหันหลังเดินไปตามทางเดินทางหนึ่ง และพาทั้งสองเข้าไปในห้องที่มีหญิงสาวนั่งเล่นกู่ฉินอยู่ด้านใน รูปร่างของนางอ้อนแอ้นอรชรราวบุปผางาม เมื่อนางเห็นทั้งสองเดินเข้ามาก็เงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาหยาดเยิ้ม เมื่อเหลือบไปเห็นจิ่งฮวา ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำทันที
คราวนี้แม่เล้าไม่ได้ไล่หญิงสาวที่เล่นกู่ฉินออกไป แต่กลับพูดคุยกับนางแทน ไม่นานก็มีกลุ่มหญิงสาวที่แต่งตัวงดงามและแต่งหน้าอย่างวิจิตรบรรจงเดินเข้ามา
เมื่อเมิ่งอวิ๋นเสียงเห็นว่าเพลงใกล้จะจบแล้ว แม่เล้าก็มองนางด้วยรอยยิ้มที่รู้ทันแล้วพูดอีกครั้ง “เข้ามาเลยสาวน้อย”
สิ้นเสียงตะโกนของแม่เล้า เมิ่งอวิ๋นเสียงก็เห็นหญิงสาวผู้มีใบหน้างดงามมีเสน่ห์ปรากฏกายขึ้นตรงหน้า
ขณะนี้จิ่งฮวาที่นั่งเฝ้าดูความตื่นเต้นอยู่ข้างนางหยุดชะงักไป และขมวดคิ้วเล็กน้อยหลังจากเห็นใบหน้านั้น
บทที่ 40
นักดนตรีหญิงผู้ลึกลับ (2)
“ดีมาก ช่างงดงามยิ่งนัก” เมิ่งอวิ๋นเสียงเอ่ยชมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนที่ไปโถงสีเขียวครั้งล่าสุดทำให้นางประทับอย่างมาก แต่นางคาดไม่ถึงว่าคนในโถงสีแดงแห่งนี้จะหน้าตางดงามไม่ด้อยไปกว่ากันเลย โดยเฉพาะสตรีที่เข้ามาเป็นคนสุดท้าย
นางสวมกระโปรงยาวสีแดงสด และสวมเสื้อคลุมสีแดงตัวใหญ่ไว้ด้านนอก ที่เอวผูกแถบผ้าไหมสีทอง บนศีรษะของนางประดับด้วยปิ่นปักผมหยก รูปร่างของนางผอมเพรียว มีเสน่ห์และเย้ายวน ผิวของนางขาวผ่อง ลมหายใจของนางราวกับดอกกล้วยไม้ ท่าทางขมวดคิ้วและคลี่ยิ้มของนางราวกับจะท้าทายขีดจำกัดของหัวใจชาย ในที่สุดเมิ่งอวิ๋นเสียงก็เข้าใจความรู้สึกของโจวโยวหวง หากมีสตรีที่งดงามถึงเพียงนี้ข้างกายก็ไม่จำเป็นต้องสนใจโลกรอบตัวแล้ว
ราวกับว่าแม่เล้าอ่านใจเมิ่งอวิ๋นเสียงได้ นางเดินเข้ามาตรงหน้าเมิ่งอวิ๋นเสียง แล้วหัวเราะจนทำให้ผงสีขาวบนใบหน้าของนางร่วงหล่น “คุณชาย นี่คือนางคณิกาชั้นสูงของเราผู้มีนามว่าเหยาจี นางออกมาบริการเพียงวันละครั้งเท่านั้นและไม่ขายเรือนร่าง หากนางทำให้ท่านขุ่นเคืองในภายหลัง คุณชายโปรดให้อภัยด้วยนะเจ้าคะ”
เหยาจีหรือ? นามนี้ช่างไพเราะ
เมิ่งอวิ๋นเสียงได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้า แล้วหยิบตั๋วเงินส่งให้แม่เล้าและบอกให้นางพาคนอื่นออกไป โดยปล่อยให้เหยาจีอยู่คนเดียว
ทันทีที่เหล่านางคณิกาจากไป เมิ่งอวิ๋นเสียงก็เอนตัวไปตรงหน้าเหยาจี หลังจากเดินไปรอบ ๆ นางก็เอ่ยชื่นชมซ้ำแล้วซ้ำอีกราวกับว่ากำลังชื่นชมของสะสมอันสวยงามล้ำค่า แต่เหยาจีไม่ได้สนใจ นางก้มหน้าลงและยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ขณะที่แววตาของนางฉายแววเย็นชา
หลังจากที่เมิ่งอวิ๋นเสียงเดินไปรอบ ๆ แล้ว นางก็ตะโกนไปทางจิ่งฮวา “อาฮวา เจ้าดูสิ นี่คือความงามที่แท้จริง”
เมื่อเห็นว่าคนที่นางเรียกไม่ขยับตัว เดิมทีนางคิดว่าสมาธิของคนธรรมดาเทียบไม่ได้กับชายผู้นี้ แต่สุดท้ายเขาก็ถูกความงามของหญิงสาวทำให้ตะลึงงันได้ เมิ่งอวิ๋นเสียงรู้สึกปลื้มปริ่มยิ่งนัก นางแอบมองจิ่งฮวาแล้วกระโดดไปตรงหน้าเขาและพูดว่า “อาฮวา ตาไม่กะพริบเลยนะ”
คนผู้นั้นมองราวกับจะเกิดเรื่องใหญ่
เพียงแต่นางไม่ได้สังเกตว่า หญิงงามผู้นั้นตัวสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อได้ยินชื่อของเขา
เมื่อเมิ่งอวิ๋นเสียงกำลังจะพูดบางอย่าง จู่ ๆ คนที่นางพูดด้วยเมื่อสักครู่ก็ลืมตาขึ้น ดวงตาที่มีขนตางอนยาวของเขาเปิดขึ้นจ้องมองสตรีตรงหน้าราวกับมีแสงแวบเข้ามาในดวงตา เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เหตุใดเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่?”
เมิ่งอวิ๋นเสียงสับสน นางกำลังคิดว่าจิ่งฮวาดื่มมากเกินไปจนพูดไร้สาระหรือไม่ แต่ทันใดนั้นนางก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่ได้พูดกับตน แต่พูดกับสตรีที่อยู่ข้างหลังนางต่างหาก
เมื่อหญิงสาวได้ยินคำพูดนั้น นางก็ยิ่งก้มหน้าลงมากกว่าเดิม ก่อนจะเปิดริมฝีปากสีแดงพูดอย่างแช่มช้าว่า “ชีวิตถูกบังคับ ไม่มีทางเลือกเพคะ”
เมื่อเมิ่งอวิ๋นเสียงได้ยินคำตอบนั้นก็สะดุ้งจนเกือบจะพ่นชาออกจากปาก และจู่ ๆ ก็รู้สึกราวกับว่านางได้หวนคืนไปสู่สังคมสมัยก่อน
“เหตุใดหญิงงามเช่นเจ้าจึงมาเป็นนางคณิกา?” จิ่งฮวาถามเสียงเบาหลังจากส่งผ้าเช็ดหน้าให้เมิ่งอวิ๋นเสียงข้างเขา น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวัง
เมิ่งอวิ๋นเสียงกลอกตา พี่ชาย ไม่ได้ยินหรืออย่างไรว่านางพูดว่าชีวิตถูกบังคับ?
ในฐานะที่นางเป็นคนอยากรู้อยากเห็น นางจึงรู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองนั้นต้องไม่ธรรมดา และนางต้องการรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองจริง ๆ แต่คำพูดของทั้งสองคนเต็มไปด้วยคำสุภาพ และไม่มีข้อมูลใดที่เป็นประโยชน์
นางกลอกตาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก็นึกข้ออ้างขึ้นมาได้ว่าอยากกินผลไม้เคลือบน้ำตาล นางจึงบอกให้จิ่งฮวาออกไปซื้อมาให้นางเพื่อไล่เขาออกไป แต่เมื่อเมิ่งอวิ๋นเสียงคิดทบทวนดูอีกครั้งก็รู้สึกกลัวขึ้นมา เพื่อสนองความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง นางถึงกับกล้าสั่งให้หวงจื่อลำดับที่หกผู้สง่างามไปซื้อผลไม้เคลือบน้ำตาลมาให้ โชคดีที่อาฮวาไม่ได้ว่าอะไร มิฉะนั้นนางคงถูกถลกหนังแน่