บทที่ 3 สัมผัสกับความลึกลับ
บทที่ 3 สัมผัสกับความลึกลับ
ฟลินน์และโจชัวร์รู้สึกเปิดหูเปิดตา จากมุมมองของพวกเขาตอนนี้แม้แต่สิ่งธรรมดาๆ มักกลายเป็นเบาะแสให้คาฟฟี่ติดตา
คาฟฟี่กับพวกเขาสองคนออกจากสุสานจากด้านข้างเข้าไปยังป่าใกล้กับสุสานและเดินลึกเข้าไปด้านใน
หลังจากเดินไปนานกว่าหนึ่งชั่วโมงก็ปรากฏซากสัตว์ขึ้นต่อหน้าพวกเขา คนทั้งสามจึงก้าวไปข้างหน้าเพื่อตรวจสอบ มันเป็นซากศพของสัตว์ขนสีเทาขนาดประมาณสี่ฟุตนอนจมแอ่งเลือดแห้งกรัง
“ทำไมมีสุนัขตายอยู่ที่นี่” โจชัวร์ถามด้วยความประหลาดใจ
“ไม่ใช่ นี่ไม่ใช่ศพสุนัข แต่เป็นศพของหมาป่า” คาฟฟี่ส่ายศีรษะแล้วพูด
“หูของสุนัขบ้านมักจะห้อยตกลง แต่หูของศพนี้ชี้ขึ้นในแนวตั้ง ดังนั้นเมื่อเทียบกับสุนัขบ้านแล้ว จมูกของมันจะยาวและแหลมกว่า อีกทั้งปากของมันยังกว้างกว่ามาก นี่คือลักษณะของหมาป่า เป็นไปได้ไหมว่ามันจะถูกโจรปล้นสุสานฆ่า” ฟลินน์ถาม
คาฟฟี่ไม่ได้ตอบในทันที แต่ก้มลงเพื่อตรวจสอบร่างของหมาป่าและบริเวณข้างๆ บนคอของหมาป่ามีบาดแผลเหวอะหวะน่าสยดสยองเต็มไปด้วยเลือดเนื้อถูกกัดจนแหว่งและรอบ ๆ ยังมีร่องรอยการต่อสู้
เขาตัดสินใจได้อย่างหนึ่งและกล่าวว่า
“มันไม่น่าจะตายเพราะถูกโจรปล้นสุสานฆ่ามันดูเหมือนตายจากการต่อสู้กับสัตว์ร้ายตัวอื่นที่มีนิสัยชอบกินเนื้อและเลือดดิบๆ” ทั้งสามคนเดินทางต่อไป ในเวลานี้ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้วและอีกไม่นานก็จะมืดสนิทแล้ว
“กรุ๊ก กรุ๊ก กรู๊ก…” เสียงนกกาเหว่าร้อง
ภายในป่าเต็มไปด้วยเสียงร้องแหลมต่ำมาจากนกต่างๆ บนท้องฟ้าที่กำลังจะมืดลงนั้นช่างน่าขนลุกอย่างอธิบายไม่ได้ ต้นไม้ใหญ่ใบหนาแกว่งเป็นครั้งคราวตามสายลมยามเย็นราวกับว่ามีบางอย่างอยู่ในนั้น
ฟลินน์รู้สึกเสียวสันหลังอยู่เล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ได้จึงอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปใกล้โจชัวร์และคาฟฟี่ ดูเหมือนโจชัวร์จะรู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน เขามองไปรอบ ๆ และพูดกับคาฟฟี่
“คุณโคลอน ฟ้าเริ่มมืดแล้ว ทำไมวันนี้เราไม่กลับไปที่เมืองก่อนและวันพรุ่งนี้เราค่อยมาตรวจสอบอีกครั้ง”
“คุณโรมาโน่ คุณเป็นนายจ้าง ถ้านี่เป็นการตัดสินใจของคุณ ผมย่อมทำตาม แต่ผมเตือนคุณไว้อย่างว่าเมื่อปล่อยเวลาให้ผ่านไปเวลานานเท่าไหร่โอกาสที่จะพบร่องรอยก็จะน้อยลงเท่านั้น” คาฟฟี่หยุดและพูดกับโจชัวร์
“ถ้าอย่างนั้น… ไปต่อกันเถอะ” โจชัวร์กัดฟันพูด แม้ว่าเขาจะรู้สึกไม่สบายใจแต่ยังตัดสินใจที่จะค้นหากันต่อไป
“ครับ” คาฟฟี่พยักหน้า
สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน ดูเหมือนว่าเขาจะคาดหวังไว้ นักสืบหนุ่มหยิบกระบอกไม้ไผ่ออกมาจากเสื้อคลุมสีเทาของตัวเองและเมื่อเปิดออกมันก็กลายเป็นคบไฟ
แสงสีส้มสว่างขึ้นในป่าทึบปานไม้ขีดไฟ
เมื่อคาฟฟี่ถือคบไฟอยู่ข้างหน้า ทั้งสามค้นหาต่อไป แสงจากคบเพลิงส่องไปยังต้นไม้รอบๆ ทำให้เกิดเงาสีดำยาวเกินจริง
ฟลินน์เดินตามหลังเป็นคนสุดท้าย เขามองดูเงาดำที่เกิดจากแสงไฟไม่เพียงแต่เขาไม่ผ่อนคลายเท่านั้น แต่ยังรู้สึกวิตกมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อคบเพลิงเคลื่อนไป เงาดำสนิทเปลี่ยนไปราวกับว่ามันมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง
เขาอดคิดไม่ได้ว่าเบื้องหลังพุ่มไม้อาจจะมีปีศาจซ่อนอยู่ในเงามืดเหล่านี้หรือไม่และอาจจะกระโดดออกมาเมื่อไหร่ก็ได้
“ใคร...?” คาฟฟี่ที่เดินอยู่ข้างหน้า จู่ๆ ก็ร้องเสียงต่ำ ฟลินน์รีบกวาดตามองเงารอบข้างและมองไปข้างหน้าอย่างระแวดระวัง
มีคนหันหลังยืนอยู่ตรงหน้าของพวกเขา ชายคนนั้นก้มหน้าลงและดูเหมือนกำลังกินอะไรบางอย่าง เมื่อได้เห็นแผ่นหลังของบุคคลนี้ เขารู้สึกคุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ได้ ราวกับว่าเขาเคยเห็นแผ่นหลังที่คล้ายกันที่ไหนสักแห่ง
ฟลินน์ไม่เห็นว่าโจชัวร์ที่อยู่ต่อหน้าเขาในเวลานี้มีท่าทางประหลาดอย่างยิ่ง ใบหน้าของเขาซีดเผือดลงถนัดตา
ฟลินน์จำมันไม่ได้ แต่โจชัวร์จำได้ในทันที ด้านหลังของชายคนนี้คล้ายกับพ่อของเขามากจนเกือบจะเหมือนกันทุกประการ ยิ่งกว่านั้นเสื้อผ้าที่ชายผู้นี้สวมใส่นั้นมันเหมือนกับชุดที่พ่อของเขาสวมเมื่อตอนที่เขาถูกฝังลงกับพื้นดิน
เมื่อฟลินน์และพวกปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบเชียบทำให้ผู้คนที่หันหลังให้พวกเขาตื่นตระหนกก่อนที่เขาจะหยุดกินและหันกลับมา
ฟลินน์เห็นชายคนนี้ทั้งซูบผอมดูสกปรกและผมเผ้ารุงรัง
ในมือทั้งสองถือศพของสัตว์ป่า ศพถูกกัดจนขาดวิ่น แม้แต่ลำไส้ยังไหลทะลักออกมาจนไม่สามารถบอกได้อีกต่อไปว่ามันเป็นสัตว์ชนิดใด
การกินอย่างสัตว์ประหลาดทำให้ปากของเขาเต็มไปด้วยเลือดราวกับลิปสติกคุณภาพห่วย
ใต้คราบเลือดมีฟันสีเหลืองขนาดใหญ่เต็มปาก
เมือกที่น่าขยะแขยงไหลออกมาจากซอกฟันและปาก
เมื่อมองอย่างระมัดระวังที่ปากของเขาจะเห็นว่ากล้ามเนื้อทั้งสองข้างฉีกขาดจนเกือบถึงโคนหู
ตำแหน่งดวงตาทั้งสองข้างของเขามีสีเหลืองเย็นชาเหมือนสัตว์ประหลาดกระหายเลือด
“อาจารย์...?”
ฟลินน์ตกใจกลัว หนังศีรษะของเขาชาวาบไปชั่วขณะ เหงื่อเย็นหลั่งออกมาบนหน้าผากของเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
เมื่อเห็นใบหน้าของคนๆ นี้ ในที่สุดเขาก็จำได้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกว่าแผ่นหลังของตัวประหลาดตรงหน้าช่างคุ้นเคย
จากด้านหลังของบุคคลนี้ที่คล้ายคลึงกับอาจารย์ นั่นเพราะชายคนนี้เป็นอาจารย์ของเขาเอง
แม้ว่าจะมีเลือดเกรอะกรังบนใบหน้าของเขาแต่ฟลินน์ยังจำอาจารย์ของเขาได้ในพริบตา คนๆ นี้คือเรย์ โรมาโน่
อาจารย์ไม่ตายแล้วมาอยู่นี่ได้อย่างไร?
ทั้งยังอยู่ในสถานะอย่างประหลาดเช่นสัตว์ประหลาด?
“เป็นอะไร...เกิดอะไรขึ้น” ฟลินน์ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
ในขณะนี้เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงปีศาจและข่าวลืออื่น ๆ ที่แพร่สะพัดในเมืองคอนสตันท์ ถ้าเชื่อข่าวลือเหล่านี้ก็ถือว่าเป็นความโง่เขลาที่เกิดจากวิทยาการที่ยังด้อยพัฒนาเพราะเรื่องเช่นนี้มักจะปรากฏในความเชื่อของคนยุคก่อนเท่านั้น แต่หลังจากการพัฒนาทางวิทยาการสิ่งต่างๆ ล้วนได้รับคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์
ทว่าสถานการณ์ในปัจจุบันไม่สามารถอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์อีกต่อไป คนตายฟื้นคืนชีพจริง ๆ และสถานะหลังจากการฟื้นคืนชีพนั้นแปลกมากเมื่อคนตรงหน้ากลายเป็นสัตว์ประหลาด
เขาเลือกที่จะลืมเรื่องวิทยาศาสตร์ที่ไม่สามารถอธิบายการเดินทางข้ามเวลาของตัวเองได้ วิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายสิ่งแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นกับเขามานานแล้ว
“เป็นไปไม่ได้ ผมเห็นพ่อตายด้วยตาตัวเอง…” โจชัวร์ส่ายหน้าด้วยความสยดสยอง
เมื่อเขาเห็นแผ่นหลัง ชายหนุ่มมีลางสังหรณ์จาง ๆ ว่าคนคนนี้ดูเหมือนพ่อของตัวเองที่ตายไปแล้ว แต่ตอนนี้เมื่อเห็นด้านหน้าชัดๆ มันยืนยันได้ว่าชายตรงหน้าคนนี้คือพ่อของเขาที่ตายไปแล้ว
ความพรั่นพรึงในใจของเขาเกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน
โจชัวร์เห็นพ่อของเขาตายด้วยตาตัวเองทั้งยังสัมผัสลมหายใจและการอัตราการเต้นของหัวใจของพ่อด้วย ดังนั้นเขาจึงแน่ใจว่าชีวิตของพ่อของเขาหยุดลงในเวลานั้น
แต่เกิดอะไรขึ้นตอนนี้?
พ่อที่ตายไปแล้วฟื้นคืนชีพขึ้นมาจริงๆ
เขาสามารถฟื้นคืนชีพจากความตายได้!
โจชัวร์นึกถึงหลุมฝังศพที่ถูกขุดขึ้นมา หลุมฝังศพถูกขุดขึ้นมาจริงๆ หรือเปล่า เป็นไปได้ไหมว่าพ่อของเขาจะคลานออกมาจากหลุมศพด้วยตัวเอง?
“เป็นไปได้ไหม…” คาฟฟี่กลืนน้ำลาย เหงื่อเย็นไหลลงมาบนหน้าผากของเขาอย่างช่วยไม่ได้
จากคำพูดของฟลินน์และโจชัวร์ เขาได้ยินแล้วว่านี่คือศพที่พวกเขาตามหา แต่ในสภาพปัจจุบันมันไม่สามารถเรียกว่าศพได้
ในฐานะนักสืบ เขารู้มากกว่าคนทั่วไปและรู้ว่าข่าวลือบางอย่างไม่จำเป็นต้องเป็นเท็จเพียงแต่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน
ไม่คาดคิดว่าจะเจอครั้งนี้
“อะ…”