บทที่ 25-26
บทที่ 25
การจัดการครอบครัวที่สะเพร่า
“ไร้ยางอาย เปิ่นหวางถามเจ้าว่าเหตุใดเข่าของเยวี่ยเอ๋อถึงบวมแดงจนเดินไม่ได้?” ทันทีที่เขากลับถึงตำหนัก เขาก็ถูก ปี้เหลียน หญิงรับใช้คนสนิทของเยวี่ยเอ๋อฟ้องว่า เมิ่งอวิ๋นเสียงทรมานเยวี่ยเอ๋ออย่างไร้มนุษยธรรม ด้วยเหตุนี้เขาจึงโกรธจัดจนรีบมาที่นี่ โดยที่ยังไม่ได้เปลี่ยนชุดราชสำนัก
“นั่นคือเข่าของนาง แต่ท่านกลับมาถามข้าอย่างนั้นหรือ?” เมิ่งอวิ๋นเสียงกลอกตา
“เจ้า...” เมื่อจิ่งหรงถูกถามโดยไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้ เขาก็โกรธจนพูดไม่ออก
เมิ่งอวิ๋นเสียงนอนทั้งวันจนรู้สึกว่ามีอาการปากแห้ง นางจึงยกผ้าห่มขึ้นเพื่อลุกจากเตียง ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะน้ำชาแล้วจิบชาเพื่อดับกระหาย
หลังจากดื่มชาแล้วนางก็ค่อย ๆ เดินกลับไปนอนบนเตียงแล้วห่มผ้าห่ม โดยทำราวกับว่าจิ่งหรงเป็นคนงี่เง่า ก่อนจะพูดอย่างแช่มช้าว่า “ไท่จื่อ หากท่านไม่มีอะไรทำก็อย่ามารบกวนการนอนของข้า อีกอย่างคือเมื่อท่านออกไปแล้วก็ช่วยปิดประตูให้ข้าด้วยนะเพคะ”
จิ่งหรงมองท่าทางของเมิ่งอวิ๋นเสียงด้วยความประหลาดใจ ใบหน้าเย็นชาของเขาจ้องมองนางอย่างโกรธเคือง “เมิ่งอวิ๋นเสียง ลุกขึ้นมาพูดกันดี ๆ”
หลังจากพูดจบเขาก็ก้าวเข้าไปฉุดเมิ่งอวิ๋นเสียงออกจากเตียง เมิ่งอวิ๋นเสียงเจ็บแขนเพราะการจับของเขา นางสะบัดมือของจิ่งหรงออก แล้วจ้องมองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง “ท่านไม่รู้หรือว่านี่คือเนื้อ...”
“เจ้า...” จิ่งหรงพูดไม่ออก นี่คือเนื้ออย่างนั้นหรือ? แล้วใครบอกว่าเป็นผนัง
หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดอีกครั้งว่า “เจ้าต้องไปกับเปิ่นหวางเดี๋ยวนี้ ไปขอโทษเยวี่ยเอ๋อ”
“ขอโทษหรือ? เหตุใดต้องขอโทษ?” เมิ่งอวิ๋นเสียงมอง จิ่งหรงด้วยสีหน้าราวกับกำลังฟังเรื่องอาหรับราตรีอยู่ ขณะถามด้วยความขบขัน
“เข่าของเยวี่ยเอ๋อบวมแดงจนไม่สามารถเดินได้เลย” เมื่อใดก็ตามที่จิ่งหรงนึกถึงดวงตาสดใสของเยวี่ยเอ๋อที่กำลังจะร้องไห้ เขาก็จะรู้สึกปวดใจขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก
“แล้วเกี่ยวอะไรกับข้า? ไท่จื่อ ท่านก็รู้ว่านี่คือสิ่งที่นางสมควรจะทำ ข้าเป็นชายาเอกผู้สูงศักดิ์กว่านาง แล้วนางสนมเช่นนางจะทักทายข้าตามธรรมเนียมไม่ได้หรือ? หากเป็นดังที่ท่านกล่าว เหล่าพระสนมทุกองค์ในวังจะต้องขอโทษนางสนมยศต่ำกว่าทุกคน ในฐานะที่เป็นต้นเหตุให้พวกนางเจ็บเข่าหรือเพคะ?” เมิ่งอวิ๋นเสียงทำได้เพียงกลั้นหัวเราะ ขณะมองจิ่งหรงที่มองนางด้วยสายตาโกรธจัด
“เหลวไหล...” จิ่งหรงโมโหยิ่งนักเมื่อถูกนางจ้องมอง แต่เขาก็ยังคงอดทน
“เฮ้อ... ท่านก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องเหลวไหล ในฐานะ ไท่จื่อแห่งตำหนักบูรพา เมื่อเห็นว่านางสนมยศต่ำกว่าไม่ยอมคำนับพระชายา ท่านไม่เพียงแต่ไม่ว่ากล่าวแต่ยังยอมรับด้วย หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ท่านอาจมีความผิดในข้อหาจัดการครอบครัวด้วยความสะเพร่า และข้าคือพระชายา แต่กลับถูกท่านตำหนิและให้ไปขอโทษนางสนมยศต่ำกว่า ท่านปล่อยให้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น...”
ใบหน้าของเมิ่งอวิ๋นเสียงแดงก่ำ นางพูดด้วยความเหนื่อยล้า แต่คำพูดของนางดังก้องและทรงพลัง จนสามารถเชือดเฉือนหัวใจของจิ่งหรงได้คำต่อคำ สตรีผู้นี้คือคนเดียวกับที่เคยไล่ตามเขา และต้องการขับไล่สตรีทุกคนรอบตัวเขาออกไปด้วยความอิจฉาริษยาหรือ?
“เปิ่นหวางก็แค่...” จิ่งหรงไม่อาจคิดหาคำใดมาหักล้างนางได้
“อย่าบอกนะว่าแค่บอกโดยที่ไม่ทำตามก็ได้ ไท่จื่อ ตอนแรกท่านสั่งให้นางข้าหลวงอาวุโสอวี่มาอบรมมารยาทให้ข้า และข้าก็เพียงแค่นำคำสอนของนางมาปฏิบัติตาม นอกจากนี้คือข้าจะไปพักผ่อนแล้ว หากไม่มีอะไรแล้ว ไท่จื่อก็ได้โปรดอย่ารบกวนการพักผ่อนของข้า มิฉะนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าครอบครัวของท่านกับเยวี่ยเอ๋อจะเป็นเช่นไร” นางเหลือบมองจิ่งหรงอย่างเย็นชา เมิ่งอวิ๋นเสียงลูบแขนที่รู้สึกหนาวเย็นของตน ก่อนจะนอนห่มผ้าบนเตียง
จิ่งหรงพูดไม่ออก เขาทำได้เพียงเฝ้ามองท่าทีของนาง ก่อนจะยืนนิ่งถอนหายใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันหลังเดินจากไป
บทที่ 26
ไม่สบาย
เมื่อเมิ่งอวิ๋นเสียงตื่นในวันรุ่งขึ้น นางก็นวดขมับที่ปวดเมื่อยของตน เมื่อคืนนางคุยกับจิ่งหรงทั้งคืนและไม่รู้ว่าเขาเข้าใจหรือไม่
เมื่อนางได้สติกลับคืนมา นางก็เรียกชิงหลัวให้ไปเตรียมน้ำสำหรับอาบและช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้า หลังจากอาหารเช้า เมิ่งอวิ๋นเสียงก็นอนอยู่บนเตียงและถอดกางเกงออก เผยให้เห็นบั้นท้ายที่เปลือยเปล่าและร่องรอยจากการอบรมมารยาท
ชิงหลัวหยิบขวดยาขนาดเล็กขึ้นมา แล้วทายาตามปกติ “ไท่จื่อเฟย ดูสิเพคะ เกือบจะหายดีหมดแล้ว”
“จะดูได้อย่างไร เจ้ามองเห็นก้นตัวเองด้วยหรือ... โอ๊ย... ชิงหลัว แม้ว่าอาการจะดีขึ้นเจ้าก็ต้องใจเย็นก่อน นั่นเนื้อข้านะ!”
เมิ่งอวิ๋นเสียงถอนหายใจ หญิงสาวผู้นี้มือหนักเสียจริง
“ไท่จื่อเฟย ท่านคิดว่าไท่จื่อจะสั่งให้นางข้าหลวงอาวุโสอวี่อบรมท่านอีกนานเพียงใดหรือเพคะ?” เมื่อถึงเวลานางข้าหลวงอาวุโสอวี่จะมาที่นี่ตรงเวลาเสมอ และหลังจากนั้นไม่นานก็จะได้ยินเสียงไม้เรียวสะบัดไปมาในอากาศ พร้อมกับเสียงร้องไห้คร่ำครวญของไท่จื่อเฟยอันสุดแสนจะไพเราะ
หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง ชิงหลัวก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ นางวางขวดยาในมือลงก่อนจะวิ่งไปที่ประตู แล้วมองไปรอบ ๆ และกลับมาร้องว่า “ไท่จื่อเฟย วันนี้นางข้าหลวงอาวุโสอวี่มาสาย...”
นานมากแล้วแต่ก็ไร้วี่แววของนางข้าหลวงอาวุโสอวี่ ช่างแปลกยิ่งนัก...
เมิ่งอวิ๋นเสียงกระโดดไปที่เตียงแล้วซุกตัวอยู่ในผ้าห่ม และพูดด้วยเสียงอู้อี้ว่านางจะไม่กลับมาอีก
ชิงหลัวตกตะลึงและต้องการจะถามนางเพิ่มเติม แต่เมิ่งอวิ๋นเสียงบอกให้นางออกไป
เมิ่งอวิ๋นเสียงคิดว่าหลังจากไล่นางข้าหลวงอาวุโสอวี่ออกไปได้แล้ว ชีวิตของนางจะสงบสุขได้สักระยะหนึ่ง แต่แม้ว่านางจะวางแผนมาอย่างดีแล้ว นางก็คาดไม่ถึงว่าตนจะไม่สบาย
วันนี้หมอหลวงมาดูอาการป่วยของเมิ่งอวิ๋นเสียง ก่อนจะจากไปเขาบอกว่านางป่วยเป็นไข้หวัด และให้ยาจีนโบราณไว้จำนวนมาก
เมิ่งอวิ๋นเสียงทำหน้าราวกับจะร้องไห้ สิ่งที่นางเกลียดที่สุดในชีวิตคือยาจีนโบราณ ต่อให้น้ำตาและน้ำมูกของนางจะไหลมารวมกันเต็มหน้า นางก็ยังคงอยากจะปฏิเสธยาจีนโบราณ
ชิงหลัวและไป๋เฉาไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ทั้งสองไม่อาจทนสีหน้าที่น่าสมเพชของนางได้ แม้แต่ไป๋เฉาที่ปกติจะเย็นชาในวันธรรมดาก็มีสีหน้าอ่อนโยนลง และค่อย ๆ เกลี้ยกล่อมให้เมิ่งอวิ๋นเสียงกินยา
เมิ่งอวิ๋นเสียงรู้สึกว่านางไม่ควรดื้อดึงมากจนเกินไป ไม่ต้องพูดถึงว่าในสมัยโบราณนั้นยายังคงด้อยคุณภาพ ไข้หวัดเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็มีแนวโน้มที่จะคร่าชีวิตนางได้ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็กัดฟันดื่มยาจีนจนหมด เมื่อดื่มเสร็จนางก็เห็นแววตาโล่งใจของไป๋เฉา
“ข้าคาดไม่ถึงเลยว่ายาจีนโบราณจะเป็นจุดอ่อนของพี่สะใภ้ ช่างน่าแปลกใจยิ่งนัก...” นางได้ยินเสียงเขาแต่ยังไม่เห็นตัวเขา จิ่งฮวาโบกพัดสีขาวขณะเดินออกมา เสียงใสกังวานดังขึ้นขณะที่คุณชายผู้หล่อเหลาปรากฏตัว
เนื่องจากเมิ่งอวิ๋นเสียงไม่ถูกกับยาจีนโบราณ นางจึงไม่มีทางยอมรับมุกตลกของจิ่งฮวา
นางขมวดคิ้วขณะเคี้ยวผลไม้แช่อิ่มชิ้นใหญ่ในปาก แล้วตอบเสียงอู้อี้ว่า “หากเป็นไปได้ข้าอยากจะเทยาจีนโบราณเข้าปากเจ้า ให้เจ้าได้ลองลิ้มรสมันดู”
เมื่อจิ่งฮวาได้ยินคำพูดนั้นก็หัวเราะ แล้วส่ายหัวโดยไม่ได้เอ่ยคำใด
“จิ่งฮวามาที่นี่ครั้งนี้เพื่อดูว่าพี่สะใภ้ป่วยหนักมากเพียงใด” จิ่งฮวาก้าวเข้าไปหา แล้วยกมือขึ้นวางมือลงบนหน้าผากของเมิ่งอวิ๋นเสียง ก่อนจะขมวดคิ้วและบ่นว่ามันยังคงร้อนนัก
เมิ่งอวิ๋นเสียงปัดมือของเขาออก “เจ้ามาที่นี่เพื่อหัวเราะเยาะข้าหรือ?”
จิ่งฮวาหรี่ตาอีกครั้ง ดวงตาคู่งามราวดอกท้อเปี่ยมไปด้วยแรงดึงดูด และรอยยิ้มของเขาก็ช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน