บทที่ 11-12
บทที่ 11
พาสตรีไปหอคณิกา
แม่เล้าร่างท้วมมีบั้นท้ายอวบอิ่ม ใบหน้าแต่งแต้มด้วยแป้งจนนวลผ่องและสวมใส่สร้อยไข่มุก กลิ่นของเครื่องสำอางสีแดงบนร่างกายของนางค่อนข้างฉุนแรง
จิ่งฮวากะพริบตาอย่างสงบ แต่เมิ่งอวิ๋นเสียงที่อยู่ข้างหลังตื่นเต้นและมองนางด้วยความสนใจมาก ราวกับว่านางได้เห็นบางสิ่งที่หายาก
แม่เล้าเหลือบมองนางด้วยสายตามีเลศนัย และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เหตุใดสตรีผู้นี้จึงแสร้งปลอมตัวเป็นบุรุษ เป็นไปได้หรือไม่ว่า... พึงใจสตรีเพศ?”
ดวงตาของนางเป็นประกาย นางยกยิ้มอย่างมีความหมาย ก่อนจะใช้มือโอบรอบเอวของเมิ่งอวิ๋นเสียง
เมิ่งอวิ๋นเสียงปัดมือนางออกแล้วกระโดดหนีไปสองสามก้าว แล้วพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “อย่าเอ่ยวาจาไร้สาระ ข้าพึงใจบุรุษเพศเท่านั้น” นางยกแขนดึงตัวจิ่งฮวาที่กำลังดูด้วยความสนุกอยู่ ก่อนจะก้มศีรษะแล้วยกยิ้ม นางเลิกคิ้วขึ้นแล้วกล่าวยั่วยุว่า “เห็นหรือไม่ นี่คือคนที่ข้าพึงใจ”
เมื่อแม่เล้าเห็นชายหนุ่มรูปงามอย่างจิ่งฮวาก็อ่อนโยนมากขึ้น นางอดไม่ได้ที่จะดึงเขาเข้ามาแล้วถามด้วยความสงสัยว่า “คุณชายช่างใจกว้างนัก เหตุใด... จึงพาหญิงสาวมาหอคณิกาด้วยเล่า?”
จิ่งฮวาแอบกลอกตาแล้วผายมือไปทางเมิ่งอวิ๋นเสียง ก่อนจะปิดหน้าด้วยพัดและกระซิบกับนางว่า “ข้าขอบอกว่าสตรีผู้นี้เข้มแข็งนัก ระวังวาจาของเจ้าด้วย”
แม่เล้ายกยิ้มก่อนจะโบกผ้าเช็ดหน้า แล้วคลี่ยิ้มให้ เมิ่งอวิ๋นเสียง “แม่นางอย่าได้กังวล เจ้าสำราญราวเมามายในความฝันแห่งนี้มีทั้งโถงสีเขียวและโถงสีแดง ยินดีต้อนรับทั้งบุรุษและสตรีในฐานะแขกให้เปรมปรีดิ์ก่อนกลับบ้าน”
“โถงสีเขียวหรือ?” เมิ่งอวิ๋นเสียงรู้สึกทึ่งอยู่ครู่หนึ่ง คิ้วของนางเลิกขึ้นสูงด้วยความตื่นเต้น ดวงตาของนางกลอกไปมา และถามแม่เล้าว่า “หมายถึงหอโสเภณีชายใช่หรือไม่?”
เมื่อเห็นท่าทางสนใจของเมิ่งอวิ๋นเสียง แม่เล้าก็ยกยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วตอบว่า “ถูกต้อง ให้ข้าพาแม่นางไปชมหรือไม่?”
เมิ่งอวิ๋นเสียงตอบตกลงทันที แต่นางก็นึกขึ้นได้ว่ามี จิ่งฮวายืนอยู่ข้างนาง นางจึงอดไม่ได้ที่จะมองเขาอย่างเขินอาย แน่นอนว่านางไม่อาจถามออกไปได้ว่า อาฮวา จะรังเกียจหรือไม่หากมีคนบอกว่าเจ้าพึงใจในเพศเดียวกัน
ดังนั้นเมิ่งอวิ๋นเสียงจึงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “อาฮวา เจ้าต้องการไปพบเด็กในโถงสีเขียวด้วยกันหรือไม่? จนถึงตอนนี้ข้าก็ยังคิดว่าคงไม่มีใครหล่อเหลาเท่าเจ้าแล้ว”
คำเยินยอนี้ช่างไพเราะ จิ่งฮวาจึงตอบตกลง
แม่เล้าไม่ค่อยพึงพอใจนัก “คุณชายท่านนี้หล่อเหลาราวกับเทพบุตร แต่เหล่าคุณชายของข้าก็ไม่เหมือนใคร”
เมิ่งอวิ๋นเสียงขมวดคิ้วแล้วมองนางด้วยท่าทางผ่อนคลาย ก่อนจะเชิดหน้าเย้ยหยันนาง “เพียงวาจาหรือจะเท่าเห็นด้วยตาตนเอง!”
แม่เล้าเลิกหว่านล้อมและพานางและจิ่งฮวาเข้าไปทันที
ภายในเจ้าสำราญราวเมามายในความฝันแห่งนี้ไม่ได้สวยงามนัก และโถงเขียวก็แตกต่างไปจากหอคณิกาอื่น
ห้องโถงทรงกลมมีราวไม้และโต๊ะเล็กจำนวนยี่สิบสองโต๊ะที่เต็มไปด้วยแขก ด้านบนเป็นเวทีสูงที่มีม่านลูกปัดอยู่ทุกด้าน และถูกเปิดออกบางส่วนสำหรับการแสดงของนักเต้นและนักร้อง
ด้านนอกทางเดินมีพื้นที่รูปวงแหวนที่มี “กู่ฉิน หมากรุก การเขียนพู่กัน ภาพวาด การเต้นรำ ขลุ่ย” มีการร้องรำทำเพลง และเสียงดนตรีอันไพเราะดังอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เมื่อเดินขึ้นบันไดแล้ว ผนังด้านบนมีฉากกั้นเป็นหลายห้อง และทิวทัศน์ก็งดงามอย่างยิ่ง ด้านหนึ่งเป็นห้องของเหล่าหญิงสาว ซึ่งมีพู่สีแดงและพู่สีเหลืองห้อยอยู่เพื่อแยกความแตกต่าง
แม่เล้าพาเมิ่งอวิ๋นเสียงและจิ่งฮวาเข้าไปในพื้นที่เล่นกู่ฉิน หญิงสาวที่กำลังเล่นกู่ฉินมีรูปร่างบอบบาง งดงามราวบุปผา และดวงตาสดใสของนางมีเสน่ห์ นางมองจิ่งฮวาด้วยสีหน้าท่าทางเขินอาย
ไม่รู้ว่าจิ่งฮวาผู้นี้เข้าใจความนัยที่ส่งมาหรือไม่ เขาใช้กลยุทธ์เปลี่ยนจากแขกเป็นเจ้าบ้าน เขาจึงนั่งบนฟูกปักลาย แล้วยกถ้วยชาขึ้นดื่มอย่างแผ่วเบา
หญิงสาวต้องการเข้ามาใกล้เขา แต่แม่เล้าหยุดนางเอาไว้และกระซิบคำสองสามคำกับนาง ดวงตาคู่งามราวผลบ๊วยเบิกกว้าง นางเหลือบมองจิ่งฮวาที่กำลังนั่งดื่มชาอย่างไม่เชื่อสายตา ทันใดนั้นนางก็กัดริมฝีปากสีแดงของตน และก้าวถอยหลังอย่างไม่เต็มใจ
บทที่ 12
รักร่วมเพศ
เมิ่งอวิ๋นเสียงนั่งลงข้างเขาแล้วหยิบถ้วยชาขึ้นมา เมื่อหันไปเห็นภาพนั้นนางก็หัวร่องอหาย มือข้างหนึ่งของนางสั่นอย่างควบคุมไม่ได้จนทำให้ถ้วยชาสั่น
จิ่งฮวาเหลือบมองนางด้วยความสงสัยแล้วถามว่า “เจ้าหัวเราะอะไร?”
เมิ่งอวิ๋นเสียงยกใบหน้างามน่ารักที่ก้มจนเกือบติดถ้วยชาขึ้นมา พลางหัวเราะเสียงดังก่อนตอบว่า “เจ้าลองเดาสิว่าเมื่อสักครู่นี้แม่เล้าบอกกับสตรีผู้นั้นว่าอย่างไร?”
จิ่งฮวาหรี่ตามองดูนางด้วยความสงสัย
เมิ่งอวิ๋นเสียงขยิบตาให้เขาอย่างซุกซน “หากข้าบอก เจ้าห้ามตีข้านะ”
จิ่งฮวารับปาก
เมิ่งอวิ๋นเสียงมองไปยังแม่เล้าที่ยืนอยู่นอกประตู ก่อนจะขยับริมฝีปากบางตอบแบบไม่มีเสียง
จิ่งฮวาจ้องมองริมฝีปากของนาง ปากของนางเปิดปิดโดยปราศจากเสียงแปดคำ “ชอบตัดแขนเสื้อ รักเพศเดียวกัน”
แม้ว่านางจะขยับปากกว้างมากแต่ก็ไม่รู้ว่าจิ่งฮวาเข้าใจนางหรือไม่ ดวงตาราวดอกท้อที่อ่อนโยนคู่นั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ขณะจ้องมองนาง
เมื่อเมิ่งอวิ๋นเสียงเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย
แม่เล้าผู้นั้นมองนางขณะคลี่ยิ้มและพูดอย่างรวดเร็วว่า “บริการสุภาพสตรีผู้นั้น”
เมื่อนางโบกมือ ชายร่างสูงกำยำกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาจากข้างหลังนาง
เมิ่งอวิ๋นเสียงหยุดชะงักขณะมอง ก่อนจะขมวดคิ้วพลางส่ายหน้า หลังจากมองชายเหล่านั้นอยู่สองสามครั้ง นางก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากพูดกับแม่เล้าว่า “เจ้าคิดว่าข้าต้องการองครักษ์หรืออย่างไร? ก่อนก้าวข้ามธรณีประตูเข้ามานี้ได้คัดเลือกก่อนหรือไม่? โถงสีเขียวแห่งนี้มีแต่แตงคดและพุทราเหี่ยวน่าเกลียดอยู่ มันช่าง... มีเอกลักษณ์เสียจริง”
นางเน้นเสียงพยางค์สุดท้ายเพื่อเหน็บแนมอย่างชัดเจน สีหน้าของแม่เล้ากลายเป็นบูดบึ้ง นางดึงตัวชายหนุ่มคนหนึ่งแล้วผลักเขาออกไป “ไป ไปเชิญพวกคุณชายออกมา!”
ไม่นานนักชายหนุ่มสองคนผู้สวมชุดลายพระจันทร์เสี้ยวสีขาว คนหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีม่วง อีกคนสวมเสื้อคลุมสีแดง ผมสีดำขลับผูกไว้เป็นมวยก็ออกมาตั้งหน้าตั้งตาอวดโฉม
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีม่วงเดินเข้ามา ดวงตาคู่นั้นของเขาเย้ายวนหาใดเปรียบ ส่วนชายหนุ่มชุดแดงยิ่งร้ายกาจมากกว่าเดิม ชุดสีแดงเด่นสะดุดตา ใบหน้าหล่อเหลา ผิวขาวเสียยิ่งกว่าหิมะ ผมนุ่มสลวยเป็นมันเงา เอวบางราวกับต้นหลิว ดวงตาเรียวยาวของเขามีเสน่ห์ เขาเดินเข้ามาอย่างแช่มช้า
เมิ่งอวิ๋นเสียงจับขอบโต๊ะ นางเกือบจะนั่งอย่างไม่มั่นคง แม่เล้าชี้ไปยังชายหนุ่มทั้งสองแล้วแนะนำอย่างกระตือรือร้น “นี่คือจื่อถานและนี่คือหนีเฟิง แม่นางคิดว่าเป็นอย่างไรบ้าง?”
ถึงจะแพ้ก็ไม่แสดงออกว่าแพ้ ยิ่งไปกว่านั้นคือจิ่งฮวาที่อยู่ด้านข้างกำลังมองอยู่ด้วยแววตาสดใส เช่นนั้นก็...
ไม่ควรแสดงความพึงพอใจออกมามากเกินไป ทั้ง ๆ ที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เมิ่งอวิ๋นเสียงแสร้งทำเป็นกระแอมเบา ๆ แล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “เท่านี้ก็ถือว่าพอใช้ได้!”
จิ่งฮวามองนางแล้วเอ่ยชื่นชม “อาเสียง จิตใจของเจ้าช่างหนักแน่น!”
แม้ว่านางจะได้รับคำชม แต่เมิ่งอวิ๋นเสียงก็ยังไม่พอใจ นางคิดในใจว่าชายผู้นี้ไม่มีเจตนาหลงตัวเองสำหรับผิวที่ไม่มีใครเทียบได้ของเขา ก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ อีกครั้ง
เมื่อหันไปมองจื่อถานและหนีเฟิง นางก็ยกยิ้มแล้วกล่าวว่า “แต่หากเจ้าจะให้คุณชายทั้งสองมารินสุราให้ ข้าก็ยังพอยอมรับได้แม้จะไม่เต็มใจนัก”
สีหน้าของแม่เล้าบ่งบอกว่ากำลังจะระเบิดความโกรธออกมา ขณะที่นางกำลังจะอ้าปากปฏิเสธ จื่อถานที่ยืนข้างนางก็ก้าวเข้ามาทรุดตัวลงข้างจิ่งฮวาอย่างแผ่วเบา แล้วมองเขาอย่างเสน่หาด้วยดวงตาสีเข้มคู่นั้น “ข้าขอรับใช้นายท่านผู้นี้...”
มือของเมิ่งอวิ๋นเสียงที่กำลังถือถ้วยชาอยู่สั่นอีกครั้งอย่างไม่อาจควบคุมได้ เมื่อเห็นจิ่งฮวาขมวดคิ้วและจ้องมองมา นางก็แสร้งทำเป็นมองโคมไฟที่แขวนอยู่เหนือหัวของนางทันที
หนีเฟิงหยุดห่างออกไปไม่กี่ก้าว ขณะมองดูทั้งสองอย่างดูถูก ซึ่งเมิ่งอวิ๋นเสียงจับสีหน้าของเขาได้ทัน
เมื่อเขาหันมาสบตากับนางโดยไม่ได้ตั้งใจ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป แต่เมิ่งอวิ๋นเสียงไม่ได้สนใจมากนัก นางเลิกคิ้วขึ้นแล้วกวักมือเรียกเขา “มานี่ รินสุราให้นายของเจ้า”
มือทั้งสองของจื่อถานแตะหลังมือของจิ่งฮวา เมื่อจิ่งฮวาได้ยินคำพูดที่ร่าเริงของเมิ่งอวิ๋นเสียง แขนของเขาก็ชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง แต่เขาก็ไม่ได้สะบัดมือของจื่อถานออก
หนีเฟิงยืนนิ่งอยู่กับที่ หลังจากได้ยินคำพูดนั้นเขาก็ไม่อาจขยับตัวได้