ตอนที่ 1243 ย้อนเวลา?
เย่ว์หยางสกัดทุกย่างก้าวจนบัณฑิตวัยกลางคนพูดไม่ออก
เป็นเวลานาน
เขาแค่ถอนหายใจ “ข้าแค่ต้องการเอาสิ่งที่เป็นของข้าคืนเรื่องนี้ข้าผิดอะไรด้วย?”
เย่ว์หยางเถียงโต้อย่างจริงจัง “ใครจะสนใจเล่าว่าท่านถูกหรือผิด?ข้าแค่อยากบอกว่า ตราบใดที่ข้ายังอยู่ในหอทงเทียนแม้เพียงวันเดียวข้าจะไม่ยอมให้ท่านเอาอะไรไปทั้งนั้นแม้จะเป็นทรายเม็ดเดียวก็ตาม! เพราะที่นี่ไม่มีอะไรที่เป็นของท่าน!”
บัณฑิตวัยกลางคนส่ายหัวเบาๆและขึ้นเสียงบ้าง “พ่อหนุ่มบางทีเจ้าอาจเคยหลั่งเลือดและหยาดเหงื่อให้หอทงเทียนมาบ้างเล็กน้อยแต่เทียบกับข้าแล้วยังไม่ถึงหนึ่งในพัน? ข้าทุ่มเทเลือดเนื้อหยาดเหงื่อกับหอทงเทียน ในที่สุดก็ไม่มีความเป็นธรรมให้กับข้า นับว่าไม่ยุติธรรมกับข้า ข้าทุ่มเทไปมาก ข้าก็ควรจะได้รับ อย่างน้อยข้าก็ควรได้คืนมาบ้างซึ่งมันก็ไม่น้อย ตอนนี้เมื่อข้ากลับมาข้าต้องการได้รับส่วนแบ่งของข้า ก่อนหน้านั้นข้าคิดว่า ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรและใครก็ตามไม่มีสิทธิ์ตำหนิข้า ตระกูลที่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อในหอทงเทียน”
“เมื่อจ่ายเงินไปแล้วย่อมต้องได้ผลกำไรกลับมา”
เย่ว์หยางพยักหน้ายืนยัน
แต่แล้วก็ส่ายหน้าอีกครั้ง “ถ้าเจ้าไม่จ่ายออกไปเจ้าก็ควรหาเหตุผลของตัวเอง หากเจ้ารู้สึกว่า จ่ายไปโดยไม่ได้รับอะไรคืนมา นั่นก็แสดงว่าเจ้าไม่ได้จ่ายจริงๆ ดังนั้นจึงไม่มีผลกำไรที่แท้จริง!”
การปฏิเสธนี้ทำให้บัณฑิตวัยกลางคนไม่สามารถสงบอารมณ์ได้อีกต่อไป
ข้อสรุปของเขาเกี่ยวกับเย่ว์หยางนั้นแทบให้เขาบ้าคลั่งราวกับสิ่งที่น่ากลัวขัดขืนไม่ได้ของเขาถูกเย่ว์หยางเยาะเย้ย
ถ้าเย่ว์หยางพูดคุยคำอื่นแม้ว่าจะรุนแรงมากเกินไปและแหลมคม มันเป็นไปไม่ได้ที่จะกระทบจิตใจของเขา แต่ตอนนี้ การปฏิเสธนี้ทำให้บัณฑิตวัยกลางคนแม้ว่าจะมีจิตใจระดับราชันย์ ก็ไม่สามารถอดกลั้นต่อความโกรธในใจได้ เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อข่มไฟโกรธในอกเขาและต่อต้านความคิดจะลงมือกับผู้เยาว์
บัณฑิตวัยกลางคนโบกแขนเสื้อของเขาฉากภาพมิติเปลี่ยนไปทันที
ดูเหมือนว่าเวลาจะย้อนกลับทันที
ฉากภาพกำลังย้อนกลับ
พื้นทะเลสีฟ้ากลายเป็นทุ่งกว้าง
ฉากภาพกระพริบต่อสายตาของเขา
มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งปรากฏอยู่ในมุมมองสายตาของเย่ว์หยางดูเหมือนจะวัยเดียวกับเด็กหนุ่มผู้ข้ามมาจากโลกอื่น เขากับสหายกำลังสู้รบต่อต้านการบุกรุกของปีศาจแดนนรก ในสนามรบเขาเป็นคนกระตือรือมากที่สุดอาบเลือดต่อสู้อย่างหนักเหมือนดาวเด่นที่ไม่มีใครอาจเพิกเฉยต่อการดำรงคงอยู่ของเขา
เด็กหนุ่มนี้ไม่เพียงแต่กล้าหาญไม่เกรงกลัวสิ่งใดแล้วแต่ยังฉลาดมาก
เพราะการแสดงสติปัญญาและความกล้าหาญของเขาทวีปมังกรทะยานซึ่งแต่เดิมเป็นผู้เสียเปรียบได้ฟื้นกลับขึ้นมาภายใต้คำสั่งของเขาอีกครั้งและในที่สุดก็สามารถพลิกสถานการณ์การต่อสู้ทั้งหมดลดความเสียเปรียบสิ้นเชิงกลายเป็นชัยชนะทั่วทั้งแผ่นดินอย่างยิ่งใหญ่! ในท่ามกลางความร่าเริงของเหล่าสหายศึกและทหารที่กำลังแบกสหายที่บาดเจ็บหนักไม่รู้สึกตัวเดินกลับไปทีละก้าว....ทุกคนสามารถฉลองกับชัยชนะ มีเพียงแต่เขาที่บาดเจ็บอย่างหนักไม่อาจเข้าร่วมพิธีเฉลิมฉลองชัยชนะที่ทรงเกียรตินี้ได้
เด็กหนุ่มไม่สนใจชื่อเสียงและโชคลาภไม่ได้อิจฉาสหายของเขาแม้ว่าเขาจะเก่งกว่าดีกว่าสหายของเขาก็ตาม
อย่างไรก็ตามเด็กหนุ่มนี้ยังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยสหายของเขา
เมื่อสหายของเขาขึ้นรับตำแหน่งจอมพล
เด็กหนุ่มวางแผนการรบที่สมบูรณ์ช่วยเหลือเขา
แต่สหายผู้เป็นจอมพลนั้นไม่ฟังคำแนะนำความโลภอยากได้ความดีความชอบทำให้เขาบุกตะลุยอย่างย่ามใจและประกอบกับศัตรูนั้นน่ากลัว ทำให้เขาพบกับสถานการณ์ยากลำบาก เมื่อสถานการณ์ต่อสู้หมิ่นเหม่ต่อความตายเด็กหนุ่มผู้นี้มุ่งมั่นสามารถพลิกสถานการณ์ควบคุมทิศทางการต่อสู้เขาจัดการกับศัตรูที่แข็งแกร่งคว้าชัยชนะได้อีกครั้ง
เพื่อให้ได้ชัยชนะเด็กหนุ่มล่อลวงศัตรูด้วยตนเอง
เขาทำให้ตนเองตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายครั้งแล้วครั้งเล่าต้องสละหยาดเหงื่อเลือดเนื้อไปมาก ต้องพยายามอย่างหนักโดยไม่มีใครรู้
หลังจากได้รับชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่บุรุษหนุ่มไม่ได้ภูมิใจตนเอง แต่เขาเจียมเนื้อเจียมตัวช่วยสนับสนุนบุตรชายคนเล็กของสหายให้ได้รับตำแหน่งที่สูงกว่าแทน สำหรับสหายคนก่อนที่เป็นผู้บัญชาการถูกปลดสำหรับตัวเขาเองยอมสละตำแหน่งจอมพลยินดีกลับมาอยู่หลังฉากอีกครั้งคอยจัดการผู้บังคับกองทัพทั้งสามทำให้ลูกชายของสหายมีอำนาจมากขึ้นเป็นร้อยเท่าด้วยความพากเพียรทำงานอย่างหนักเพื่อสถานการณ์และชัยชนะโดยรวม สำหรับความมุ่งมั่นไม่ว่าจะเป็นคำพูดของคนที่รู้จักผู้สนับสนุนและคนแปลกหน้าจะพูดให้พวกเขาศรัทธาได้อย่างไร
ความเพียรพยายามทั้งหมดก็เพื่อชัยชนะเพื่อทวีปมังกรทะยาน
ในการทำสงครามของเขาทวีปมังกรทะยานไม่เคยล้มเหลวพ่ายแพ้
อย่างไรก็ตามมีพวกโจรชั่วหลายคนที่อิจฉาบุรุษหนุ่มผู้นี้ และมักทำร้ายเขาด้วยคำพูดที่ไม่ดีใส่ร้ายทำลายชื่อเสียงของเขาด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อสร้างโศกนาฏกรรมต่างๆและโทษว่าบุรุษหนุ่มผู้นี้
บุรุษหนุ่มต้องออกจากกองทัพที่สร้างทำงานมาอย่างยากลำบากต้องทนต่อการดูหมิ่นกลับไปยังบ้านเกิดภูมิลำเนาของเขา ต้องทนทุกข์ทรมานจากสายตาชาวโลก
ในสนามรบพอไม่มีบุรุษหนุ่มอยู่ด้วยกองทัพพ่ายแพ้มากกว่าชนะ ภายใต้การหลอกล่อของศัตรูที่แข็งแกร่งผู้บัญชาการหน้าใหม่ผู้ทรงเกียรติพ่ายแพ้กองทัพปีศาจจากแดนนรกอย่างง่ายดายจ้าวปีศาจฉีกร่างแม่ทัพผู้ขลาดเขลาตายในที่นั้นทันที ขุนทัพนายกองกำลังใจพังทลายพบกับความพ่ายแพ้ ในท่ามกลางความสิ้นหวัง บุรุษหนุ่มผู้ทุกข์ทรมานจากสายตาดูถูกเหยียดหยามของชาวโลกเข้าสู่สนามรบอย่างห้าวหาญราวกับทหารเทพยดานำทหารล่าถอยอย่างไม่สับสนวุ่นวายและต่อสู้อย่างหนักเป็นเวลาแปดวันแปดคืนในที่สุดก็พลิกสถานการณ์ยันทัพปีศาจได้ก่อนจะเอาชนะในสนามรบ
และเหตุการณ์ดำเนินไปเช่นนี้หลายศตวรรษนับไม่ถ้วน
บุรุษหนุ่มกลายเป็นบุรุษวัยกลางคน
แต่หัวใจของเขา
ไม่เคยเปลี่ยน สติปัญญาและความกล้าหาญของเขาไม่เคยเปลี่ยน!
การสู้รบเนื่องเพราะการเผชิญหน้าระหว่างทวีปมังกรทะยานและแดนปีศาจนรกได้มีการพัฒนาขึ้นเมื่อสนามรบขนาดเล็กระหว่างทวีปมังกรทะยานและแดนนรกไม่สามารถรองรับพลังของบุรุษหนุ่มผู้นั้นได้อีกต่อไป เขาเริ่มต่อสู้จนเหนือหอทงเทียนระดับชั้นที่หกขึ้นไปและภายในไม่กี่ร้อยปีเขาบุกไปถึงแดนสวรรค์ นอกจากนี้ยังนำทัพหอทงเทียนต่อสู้อีกหลายครั้งหากรวบรวมเลือดของเขาที่ต้องหลั่งออกในช่วงที่ผ่านมาบางทีอาจสะสมเป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่สามารถท่วมคนตายได้หลายร้อยคน
ต่อสู้เพื่อทวีปมังกรทะยานเขาจะเข้าต่อสู้อาบเลือดมาโดยตลอดจนเป็นดาวสังหารในสนามรบเสมอมาสร้างความหวาดกลัวให้กับนักรบปราณฟ้าแห่งแดนสวรรค์
เขาน่าเกรงขามและมีปัญญาเฉลียวฉลาด
ไม่แยแสชื่อเสียงโชคลา�
มีความดีโดดเด่น
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาได้รับตอบแทนนั้นน่าผิดหวังเล็กน้อยและน่าขายหน้าราวกับว่าเขาเกิดมาเป็นขอทาน นั่นเป็นสิ่งที่ทำร้ายจิตใจเขาอย่างมาก
ไม่ต้องพูดถึงสหายและญาติมิตรที่กลัวเขา พวกนักสู้ปราณฟ้าที่ถูกเขาสังหารก็ยังรู้สึกว่าเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม
ทำไมกัน? คนที่เก่งและทำงานหนักมากถึงไม่ได้รางวัลที่เขาสมควรได้รับแต่กลายเป็นว่าคนที่น่ารังเกียจและไร้ยางอายขโมยผลงานการต่อสู้ของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า? ปล้นสิ่งที่เป็นของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า...ในที่สุดหอทงเทียนก็ไม่สามารถทนรับการกระทำของบุรุษหนุ่มผู้รักบ้านเกิดของเขาและยอมสละเลือดเพื่อบ้านเกิดของเขา เขาต้องหลั่งเลือดและน้ำตา ต้องถูกไล่ล่าโดยญาติและสหาย ต้องบุกเข้าไปในค่ายศัตรูเพื่อหาที่หลบภัยเพราะกลัวตายในเงื้อมมือของสหายที่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาในอดีตและภาพก็กลับมาถึงปัจจุบัน
เย่ว์หยางยังคงเงียบ
เด็กหนุ่มจากโลกอื่นไม่เคยคิดว่าศัตรูที่อยู่ข้างหน้าจะมีอดีตเช่นนั้น
“ข้าตงฟาง เป็นคนผู้นั้น”บัณฑิตวัยกลางคนยิ้มให้กับตนเองเล็กน้อย “ไม่ว่าข้าจะได้ทำสิ่งใดไปมากน้อยแค่ไหน ไม่ว่าข้าจะทำอะไรข้าจะไม่ได้รับการยอมรับจากคนอื่นราวกับว่าพวกอื่นเหมือนที่ข้าควรทำ เลือดและเหงื่อของข้าสูญเสียไปราวกับน้ำพุแต่กลับไม่มีค่าเท่ากับน้ำพุ! ทุกสิ่งที่ข้าทำกลายเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ ไร้สาระ! หลังจากนั้นหลายปีที่ผ่านมาข้ารู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะกลับไปเป็นเหมือนในอดีตได้ตลอดไป แต่ข้ารู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม ใช่..มันไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ต้องการสิ่งอื่นใด ข้าแค่ต้องการความเป็นธรรม ข้าต้องการสิ่งเหล่านี้ที่เป็นของข้าเท่านั้นแม้ว่าสิ่งที่เป็นของข้าจะไม่อยู่ที่นั่นอีกต่อไป”
“.....” เย่ว์หยางยังคงเงียบ
“เจ้านึกว่าข้าโกหกเจ้าหรือ? คิดว่าฉากภาพทั้งหมดนี้เป็นของปลอมหรือ?” บัณฑิตวัยกลางคนรู้สึกประหลาดใจกับความเงียบของเย่ว์หยางในตอนนี้
“มันเป็นเรื่องจริง” เย่ว์หยางส่ายหน้าช้าๆ “แม้ว่าข้าจะไม่มีทักษะหกรับรู้แต่ข้ามีสัญชาตญาณในสนามรบที่ไม่เลว เมื่อครู่นี้ภาพที่เจ้าสร้างขึ้นนั้นเป็นจริง เพียงแต่เจ้าไม่ได้พูดถึงฉากที่เป็นเท็จ”
“อย่างนั้นเจ้าก็ตัดสินแล้ว มันสมเหตุสมผลแล้วหรือที่การทุ่มเทหลายปีของข้ากลับได้ผลลัพธ์ดังกล่าว?” บัณฑิตวัยกลางคนมองดูเย่ว์หยางอย่างเฉยเมย ไม่ว่าคำพูดเย่ว์หยางจะบอกว่ายุติธรรมหรือไม่ก็ตามเขาเชื่อว่าจิตใจเขาจะไม่หวั่นไหว เพราะหัวใจของเขาแตกสลายมานานเกินไป
ถ้าคิดได้เช่นนั้น
เย่ว์หยางรู้สึกว่าถ้าเขาลงแรงพยายามอย่างหนักต้องเสียเลือดและเหงื่อมากมายและในที่สุดปล่อยให้คนอื่นดูถูกเหยียดหยามคาดกันว่าเขาคงไม่เต้นผางคว้ามีดไล่ฟันผู้มีพรสวรรค์อื่นทันที! จ้าวปีศาจเข่นฆ่าหรือถูกฆ่าก็ตามผู้บัญชาการกองทัพทั้งสามกลับไม่ผสานร่วมมือกันได้ ไม่ได้มีสาวน้อยปะปนอยู่ด้วยนั่นทำให้คนอื่นสงสัย เรื่องนี้มีเหตุผลธรรมดาหรือไม่?
แน่นอนว่าเย่ว์หยางไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น
คิดว่าเขาต้องทำเหมือนอย่างนี้ด้วยหรือ?
เป็นไปไม่ได้!
งานอดิเรกของเย่ว์หยางก็คือเก็บตัวอยู่ในโลกคัมภีร์เพลิดเพลินกับชีวิตรักทุกวันต่อให้มีเหตุการณ์เข่นฆ่ากันระดับชาติก็ตาม
ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่เพราะแดนสวรรค์บุกรุกเตรียมทำลายถิ่นที่อยู่เขาและทำให้ฮาเร็มของเขาลุกเป็นไฟ ดังนั้นเย่ว์หยางจึงไม่สามารถพักผ่อนสุขสำราญกับสาวๆของเขาได้ เด็กหนุ่มต้องรีบกลับมาอย่างเร่งรีบ... สำหรับประสบการณ์ชีวิตที่น่าสลดใจของบัณฑิตวัยกลางคนเขาไม่มีอะไรจะพูด ในฐานะที่เขาข้ามโลกมาจากที่อื่นเขาเป็นเหมือนผู้สังเกตการณ์ผุ้ใจแข็งมากกว่า
“เป็นโศกนาฏกรรมชีวิตที่น่าเห็นใจ เจ้าตั้งใจจะให้ข้าเป็นเจ้าภาพตั้งโต๊ะเลี้ยงกาแฟเจ้าใช่ไหม? จะเติมกาแฟอีกสักแก้วไหมเล่า?” หากเปิดโอกาสให้เย่ว์หยางได้พูดคำพูดเขาก็แทบทำให้บัณฑิตวัยกลางคนแทบกระอักโลหิตออกมาสามชาม
“เจ้า!” บัณฑิตวัยกลางคนไม่เคยคิดเลยว่าทั้งชีวิตของเขาจะต้องมาทำหน้าเขียวหน้าคล้ำต่อหน้าผู้เยาว์อย่างเย่ว์หยาง
เจ้าผู้นี้ทำโศกนาฏกรรมชีวิตของผู้อื่นราวกับว่าเป็นการละเล่นน่าสนุก!
ทำไมฟ้าถึงไม่ลงโทษคนแบบนี้!
ใจจืดใจดำ ไร้ความเห็นอกเห็นใจ? นี่คือเหตุผลที่ยอดเยี่ยมของเจ้าผู้นี้หรือ?
เมื่อเผชิญหน้ากับความโกรธของบัณฑิตวัยกลางคนเย่ว์หยางจึงตั้งสมาธิมากขึ้น เขาเอนตัวอยู่ขอบหินไขว่ห้าง เขาหยิบเหล้าหวานออกมาจากที่เก็บและชิมดู ในขณะที่ต่างคนต่างมองดูด้วยความสนใจ ดูเหมือนว่าเขาต้องการรอให้อีกฝ่ายแสดงละครฉากเศร้าในชีวิตอีกครั้งดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่ให้ความบันเทิงเขามากพอ
นอกจากนี้เขายังพูดบางประโยคอย่างไม่ใส่ใจจนบัณฑิตวัยกลางคนได้ยินแล้วแทบจะกระอักโลหิต “ถ้าเจ้าต้องการจะแสร้งแสดงละครต่อไปเพื่อต้องการความเห็นอกเห็นใจ ข้าเห็นว่าไม่มีความจำเป็น ไม่ว่าเจ้าจะพูดและทำอะไรข้าก็ไม่มีทางเห็นอกเห็นใจ ในทางกลับกันยิ่งเจ้ามีทุกข์ความเจ็บปวดมากขึ้นเท่าใด ข้ายิ่งมีความสุขมากขึ้น! เพราะเจ้าคือศัตรูของข้า! ผู้รุกราน, ไม่สิ, ตงฟางกบฏแห่งหอทงเทียน ตอนนี้เจ้าจะพูดอะไรตามที่ต้องการก็ได้ เจ้าจะพูดสักสามวันสามคืนก็ได้ แต่ข้าไม่เชื่อเจ้าเด็ดขาด!”