ตอนที่ 1240 กลับบ้าน กลับสู่หอทงเทียน!
เย่ว์หยางต้องการพูดคุยกับสาวหิมะ
แต่เขาหาไม่พบ
ก่อนองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจะสงบอารมณ์หายโกรธ เขาตัดสินใจไปพักกับไห่หลานและเพลิดเพลินกับความอ่อนโยนเอาใจของจักรพรรดินีสมุทรในระหว่างทางเขาพบเซี่ยอี สาวน้อยผู้นี้เหมือนกับต้องการจะพูดบางอย่าง แต่ก็กลัวที่จะพูดในท้ายที่สุดก็ไม่พูดออกมาทำให้เย่ว์หยางรู้สึกสับสน
“มีอะไรหรือ?” เย่ว์หยางถามอย่างไม่แน่ใจ
“ไม่เป็นไร” เซี่ยอีกัดริมฝีปากเบาๆนางยกกำมือยกขึ้นเหมือนว่ามีบางอย่างจะพูดแต่ทันใดนางกล้ำกลืนคำพูดอีกครั้งแล้วขยี้เท้าขึ้นเสียง “ปล่อยข้าไว้ตามลำพังเถอะ”จากนั้นวิ่งหายไปราวกับควัน เย่ว์หยางพบว่าเด็กสาวนี้ดูเหมือนจะโกรธเล็กน้อย แต่ว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่? จิตใจของสตรีนั้นยากจะคาดเดา ไม่ต่างอะไรกับการงมเข็มในมหาสมุทร
เมื่อเขาไปหาไห่หลานเขาอดพูดถึงเหตุการณ์แปลกประหลาดไม่ได้
จักรพรรดินีสมุทรหัวเราะ
นางกระซิบที่หูเย่ว์หยางทำให้เด็กหนุ่มข้ามโลกได้ตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาถึงตบหน้าผากตนเอง “ข้านี่โง่จริงๆ ข้าน่าจะคิดออกแล้ว!”
“ผู้อื่นเป็นสตรียังก็หน้าบ้างและอ่อนโยนเป็นธรรมดา บุรุษตัวโตควรเป็นฝ่ายเริ่มก่อน!” จักรพรรดินีสมุทรไม่ใช่สตรีที่ปากหนักไม่พูดอะไรเลยนางเป็นสหายที่ดีของบุรุษหมาป่าในการทำศึกรัก เมื่อการโรมรันพันตูเริ่มขึ้นไม่ง่ายที่ตัดสินแพ้ชนะหาผลลัพธ์ มือน้อยๆของนางพยายามจุดประกายชีวิตเริ่มความสุขอย่างชาญฉลาดเย่ว์หยางมังกรหิวโหยสนองตอบทันที
“ต้องนุ่มนวล..นั่นยังใช้ไม่ได้!” จักรพรรดินีสมุทรแม้จะพูดอย่างนี้ แต่หมาป่าผู้หิวโหยไม่สนใจไห่หลานทั้งรักทั้งโกรธได้แต่สนองตอบ
ศึกรักร้อนแรงยังคงอยู่ต่อไป
ไม่มีใครรู้ว่าที่ด้านนอกห้องโถงใหญ่
หอยมุกยักษ์เปิดตัวเงียบๆอย่างคาดไม่ถึง
ตื่นขึ้นหลังจากผ่านไปหนึ่งคืนเย่ว์หยางลืมตา ยังไม่ทันไรอาหงก็รีบวิ่งเข้ามาหาเขา นางไม่ได้เข้ามาเพื่อร่วมศึกรักแต่สีหน้าของนางกังวล ดูเหมือนว่ามีเรื่องเกิดขึ้น
“หอทงเทียนถูกแดนสวรรค์รุกราน!” เมื่ออาหงเอ่ยปากเย่ว์หยางพรวดพราดลุกขึ้นทันที
“ว่าไงนะ?” ไห่หลานเพิ่งตื่นนอนและรู้สึกสับสนเล็กน้อยเหมือนได้ยินไม่ชัดเจน แต่อาหงพูดซ้ำเป็นครั้งที่สอง นางตกใจลุกขึ้นนั่งและสวมเสื้อผ้าและวิ่งออกไปหาเย่ว์หยางทันที นางรู้ว่าตอนนี้เขาต้องรีบทำเวลาไม่อาจรอช้าได้แม้แต่วินาทีเดียว เย่ว์หยางพุ่งออกไปราวกับลูกศร อาหงก็รีบตามมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน
เย่ว์หยางกลับไปยังห้องโถงใหญ่และพบว่าทุกคนรออยู่ที่นั่นแล้ว
นางเซียนหงส์ฟ้า ราชันย์ปีศาจใต้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน ทุกคนมีสีหน้าหนักใจ
เมื่อพวกนางเห็นเย่ว์หยางกลับมาสีหน้าพวกนางรู้สึกโล่งใจมากขึ้น เขาคือเสาหลักของทุกคนเมื่อหอทงเทียนตกอยู่ในห้วงเวลาวิกฤต แต่โลกนี้ไม่มีอุปสรรคที่ผ่านไม่ได้
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเย่ว์หวี่ทักทายเขาพร้อมกันและขอร้องให้เขาไม่ต้องกังวลเกินไป “เราเพิ่งได้รับข้อมูลนี้ ก่อนหน้านี้ภาพนิมิตในความฝันของเจ้าเป็นลางจริงๆบางทีนั่นอาจเป็นเสียงเพรียกหาจากหอทงเทียน หรืออาจมีนักสู้ที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษกำลังเรียกหาเจ้าด้วยความสามารถพิเศษ.. หอทงเทียนถูกรุกรานโดยกองทัพแดนสวรรค์แน่นอนว่าต้องเป็นคนของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ เราเพิ่งได้รับข้อมูลจำนวนมากจากระยะไกลสามชุดที่ส่งมาโดยผู้เฒ่าหนานกงหมิงเยี่ยกวง และนักสู้ผู้ไม่ปรากฏชื่อคนหนึ่ง เวลาผ่านมานานหลายวันแล้วเพราะเราอยู่ภายใต้กฎสวรรค์จำกัดขของมิติดินแดนฝึกฝน จึงไม่ได้รับข้อความที่ส่งมาจนกระทั่งเจ้าฝึกฝนจนได้บทสรุปสุดท้าย และเมื่อวานนี้เจ้าถึงได้แยกออกจากกฎสวรรค์ที่จำกัดนี้ได้”
เราอยู่ในมิติดินแดนฝึกฝนไม่ใช่หรือ?
พูดให้ถูก แม้จะอยู่ในโลกคัมภีร์แต่มิติและเวลาในจุดที่อยู่นั้น ยังไม่ออกจากขุนเขาเหนือขุนเขา!
ยิ่งกว่านั้นพวกเขาไม่ได้รับข้อมูลใดๆ แต่ทำไมพวกนางถึงได้รับคำเตือนจากทุกฝ่ายเล่า?
เย่ว์หยางเต็มไปด้วยความสงสัยแต่ก่อนที่เขาจะพูด องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเข้าใจข้อสงสัยของเขา นางอธิบาย “ตอนแรกอู๋เสียพบว่าเราไม่มีพลังหน่วงเหนี่ยวนี้นางพบจากดินแดนฝันของเจ้าและใช้สำนึกเทพเคราะห์ดู เพราะเราอยู่ในกฎสวรรค์ขุนเขาเหนือขุนเขายังไม่สามารถแยกออกจากขีดจำกัดของกฎสวรรค์นางก็ยังไม่สามารถรับข่าวข้อมูลนี้ได้ แต่โชคดีที่นางพญาเฟ่ยเหวินหลีได้ให้การยืนยันสัญญาณในฝันของเจ้า”
“หลังจากเราได้รับการยืนยัน เราขอร้องหย่งเหิงพาเจ้าออกจากมิติดินแดนฝึกฝนทันทีที่ออกมา ผลก็คือทุกคนได้รับข้อความ” เย่ว์หวี่เปิดคัมภีร์อัญเชิญของนาง โล่วฮัวก็ทำอย่างเดียวกัน เย่ว์หยางจึงพบทันทีว่าผู้เฒ่าหนานกงส่งข้อความระดมพลนักรบทั่วทั้งหอทงเทียน ทุกคนได้รับข่าวสารเดียวกัน
“มิน่าเล่า ข้าถึงได้ฝันในวันนั้น!” เย่ว์หยางเรียกคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ออกมาและพบว่ามีข้อความหนาแน่นหลายร้อยข้อความของคนที่คุ้นเคยกันทุกคนส่งมาแจ้งเตือนไม่ว่าจะเป็นสหายเก่าจากหอทงเทียน และสหายใหม่ในแดนสวรรค์อย่างหมิงลี่ฮ่าว
“ดินแดนมิติฝึกฝนนี้ เจ้าไม่ต้องกังวลสามารถปล่อยไว้สักชั่วระยะหนึ่งได้” เสวี่ยอู๋เสียเพิ่งกลับมาจากโลกหิมะน้ำแข็งของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีทั้งนางยังได้หารือกับนางพญาอีกด้วย
“ก็ดี เรากลับไปหอทงเทียนกันเดี๋ยวนี้เจ้าพวกตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์บังอาจโจมตีหอทงเทียนขณะที่ข้ากำลังฝึกวิชาน่ารังเกียจจริงๆ! หัวใจของเย่ว์หยางร้อนรนแทบลุกเป็นไฟ เขาคิดว่าเขาเข้าใจผิดและดำเนินการในแดนสวรรค์เงียบๆไม่เคยตอแยตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์โดยตรง คาดไม่ถึงว่าคลื่นเหตุการณ์ของจ้าวสุริยาจะแผ่ขยายไปไกลจนแทบทำลายดินแดนมาตุภูมิ
โชคดีที่การฝึกฝนเสร็จสิ้นแล้วทั้งยังได้รับคัมภีร์ในภารกิจนี้มาด้วย
มิฉะนั้นก็จะไร้ประโยชน์เหมือนใช้เข่งตักน้ำ
ไม่เพียงแต่ไม่ได้รับคัมภีร์เทพเท่านั้น
ทั้งจะต้องสูญเสียหอทงเทียนซึ่งเป็นฐานหนุนหลังของตนเองไปด้วย
ใครกันที่น่ากลัวและอำมหิตอย่างนี้? เขาสามารถหาข้อบกพร่องและใช้ประโยชน์จากตรงนั้นได้หรือ? เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเป็นเจ้าตำหนักสูงสุดคนลึกลับที่ไม่เคยปรากฏตัวมาก่อนแต่สร้างแรงกดดันได้ทั่วแดนสวรรค์? อีกทางหนึ่งเขาอาจส่งจีอู๋ลี่ให้มาเผชิญหน้ากับตัวเขาและต้องการกำจัดตัวเขาให้เร็วที่สุดอีกทางหนึ่งก็ส่งกองทัพแดนสวรรค์เข้ารุกรานหอทงเทียนในช่วงเวลาไม่ห่างกัน.... คนผู้นี้อยากจะเอาชนะได้แดนล่มสลายแห่งทวยเทพไม่ใช่หรือ?
เย่ว์ยหยางตกอยู่ในภวังค์ความคิดชั่วครู่หนึ่ง
เสวี่ยอู๋เสียรอให้เขาตื่นจากภวังค์ความคิดก่อนนางยิ้มอ่อนโยนให้เขาพร้อมกับปลอบใจ “อย่าลืมว่าเราทุกคนอยู่เคียงข้างเจ้า ไม่ว่าจะเป็นพี่หวี่ เชี่ยนเชี่ยนข้าและทุกคน แม้แต่นางพญาก็ยังจะช่วยเจ้า!”
มีนาง มีทุกคน
เย่ว์หยางมองดูรอบๆ มองดูพวกนาง สาวๆทุกคนมีสีหน้ากังวล พวกนางพยักหน้าหนักแน่น “ถูกแล้วไม่ว่าจะเป็นศัตรูแบบไหน เราจะต้องต้อนให้พวกเขากลับไป!”
เขายื่นมือออกและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนแรกที่ตอบสนอง แต่นางมองมาทางเสวี่ยอู๋เสียและชะงักเพื่อให้โอกาสเสวี่ยอู๋เสีย
เสวี่ยอู๋เสียหันหน้ามองนาง และยิ้มให้มือขาวผ่องของนางจับมือของเย่ว์หยาง
พวกนางทุกคนรวมทั้งองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเย่ว์หวี่ โล่วฮัว อู๋เหิน นางเซียนหงส์ฟ้าและราชันย์ปีศาจใต้ร่วมจับมือกันทุกคน
ทับซ้อนต่อๆ กันขึ้นไป
ทุกคนเชื่อมโยงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ในขณะนั้นเองเย่ว์หยางสามารถรู้สึกได้ถึงจิตใจและการสนับสนุนของพวกนางได้เต็มที่ เขาสูดหายใจลึกวางมืออีกข้างไว้ด้านบน แม้ว่าเขาจะไม่พูดอะไรสักคำแต่ใจของให้คำตอบที่มั่นใจที่สุดแก่พวกนางทุกคนแล้ว! ในบรรดาพวกนางหลิวเย่ที่รู้สึกเขินอายที่สุดแต่นางก็ยังเอื้อมมือออกมาอย่างกล้าหาญ เซี่ยอีก็คลายความวิตกลงได้มากแน่นอนว่ารวมทั้งเป่าเอ๋อที่เหมือนกับปลาได้น้ำด้วยเช่นกัน
สาวน้อยนางนี้หัวเราะร่วนอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว สำหรับเอลฟ์ทองที่ไม่รู้สึกถึงเหตุวิกฤต ผู้บุกรุกเข้าหอทงเทียนก็เหมือนกับเมฆล่องลอยนั่นเอง และผู้บุกรุกเป็นเทพอัสดรหรือเปล่า?
เย่ว์หยางเปิดการทำงานของเข็มทิศสามพิภพเขาต้องการกลับไปยังวังเทียนหลัวเป็นอันดับแรกเพื่อเยี่ยมแม่สี่ผู้บริสุทธิ์
อย่างไรก็ตามเขารู้ว่ามีคนส่วนใหญ่คาดหวังรอคอยให้เขากลับไปยังหอทงเทียน และแม่สี่ไม่ต้องการให้เขาทำสิ่งนี้ แม้ว่านางจะคิดถึงตัวนางเอง แต่นางจะไม่ใช้สิทธิ์นี้ก่อนใคร พวกองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเข้าใจเย่ว์หยางพวกนางพยักหน้า และเมื่อเสี่ยวเหวินหลีพาเย่ว์หยางออกมาจากโลกคัมภีร์ ทุกคนต่างก็เคลื่อนไหวเช่นกันพวกนางเปิดใช้งานชุดรบจันทราหรือไม่ก็เรียกอสูรศึกออกมาเตรียมพร้อมออกศึก
เสี่ยวเหวินหลีพาเย่ว์หยางออกมาจากโลกคัมภีร์และกลายร่างเป็นรุ้งพันรอบตัวผสานกับเขาทันที
และเย่ว์หยางไม่มีเวลาดูว่าที่นี่เป็นส่วนใดของแดนสวรรค์
เขาเปิดทำงานเข็มทิศสามภพทันที
วินาทีต่อมาเย่ว์หยางข้ามแดนสวรรค์และหอทงเทียนมาปรากฏตัวที่ค่ายซางอู่หอทงเทียนชั้นหนึ่ง จุนอู๋โหย่วเย่ว์ไห่และคนอื่นๆ กำลังตั้งตารอคอย นับแต่หอทงเทียนถูกแดนสวรรค์รุกรานพวกเขาพบว่ามีแสงเทพพุ่งลงมาจากท้องฟ้าและลงยังพื้นที่ใจกลางค่ายซางอู่อย่างรวดเร็วและเมื่อมองเห็นชัดพวกเขาพบว่าเป็นลูกหลานที่พวกเขาหวังจะได้พบเจอเป็นพันครั้งกระโดดออกมาจากแสงเทพศักดิ์สิทธิ์
ทันใดนั้นแม้ว่าชายชราจะมีจิตใจแข็งแกร่งดุจเหล็กในยามสงครามก็อดหลั่งน้ำตาไม่ได้
เขากลับมาแล้ว
ในที่สุดเขาก็กลับมา
ตราบเท่าที่มีเขาปรากฏตัวปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตราบเท่าที่เขาปรากฏตัว เขาจะบุกตะลุยคว้าชัยชนะกลับมาจนได้!
นักรบหอทงเทียนหลายพันคนเข้าแถวกันอย่างรวดเร็วทุกคนยืนตัวตรงและยกมือแสดงความเคารพเมื่อเขาเดินผ่านไป แม้ว่าจะเงียบแต่พวกเขาต้องการคุยกับบุรุษหนุ่มผ่านการทักทายไม่ว่าจะเป็นคนแปลกหน้าหรือคนที่รู้จักก็ตาม พวกเขาคือนักรบหอทงเทียน ตราบใดที่เขาออกคำสั่งทุกคนสมัครใจอยู่ภายใต้การนำของเขา ไม่ว่าจะเป็นศัตรูประเภทใด กองทัพตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์หรือทหารรับจ้างแดนสวรรค์จำนวนมาก พวกเขาจะบุกใส่ศัตรูโดยไม่หันหลังกลับการกลับมาของเย่ว์หยางทำให้ฮุยไท่หลางที่กำลังไล่กินนักสู้ปราณฟ้าที่บุกมาทางทวีปกวงหมิงเชิดหัวส่งเสียงหอนด้วยความดีใจ
เสียงคำรามของมันน่าหวาดหวั่นจนภูเขาแม่น้ำสะเทือน
ทันทีที่มันบ้าคลั่งมันกลายร่างเป็นพายุหมุนบุกเข้าตะลุยศัตรูทันที อสูรปราณฟ้านับไม่ถ้วนเมื่อพบกับหมาป่าปีศาจล้างโลก ต่างหวาดกลัวแทบตาย
ผู้ที่เห็นชมเหตุการณ์อยู่ภายใต้การนำของนักสู้ระดับราชา
ตลอดแนวสนามรบ
มีเพียงอสูรตัวเดียวที่หอนร้องขึ้นมา นั่นคือหมาป่าปีศาจล้างโลก!
เจ้าอ้วนไห่ต่างจากฮุยไท่หลางที่ไม่รู้สึกถึงการกลับมาของเย่ว์หยาง เขาถูกคุณชายหลี่หมิงซัดทุบตีถึง 1098ครั้ง ต่อหน้าศัตรูที่แข็งแกร่งมากมายอย่างคุณชายหลี่หมิงไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น แต่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มอย่างเสวี่ยทันหลางก็ยังถูกทุบจนลงไปนอนไม่ต่ำกว่าร้อยครั้ง
“เจ้าสามารถทุบข้าจนลงไปนอนได้ อย่างไรก็ตามเจ้าจะไม่มีทางเอาชนะข้าได้!” เจ้าอ้วนไห่ที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยบาดแผลฟกช้ำตะกายขึ้นมาจากหลุมลึก
ทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือดและโคลนร่างอ้วนของเขาสั่นและพยายามอย่างดีที่สุดที่จะทรงตัวไว้
เขาไม่รู้ว่าเป็นภาพลวงตา
เขามีใบหน้าที่บวม
ดวงตาแดงฉาน
มีรัศมีแปลกประหลาด
รัศมีชนิดนี้คุณชายหลี่หมิงรู้สึกว่าปรากฏขึ้นกับเขาผู้ชนะย่อมควบคุมทุกอย่าง!
ขณะมองดูรอบๆ คนที่อยู่ใกล้เคียงกันอย่างเย่คงไม่สามารถสู้ได้อีกต่อไป เสวี่ยทันหลางยังคงเย็นชาเหมือนก้อนน้ำแข็ง องค์ชายเทียนหลัวผู้ที่ยังฝืนตัวยืนมาได้ถึงตอนนี้ เขาจะไม่ยอมปล่อยให้ความบ้าคลั่งครอบงำความมีเหตุผลพี่น้องตระกูลหลี่ที่แทบจะเหมือนกัน ไม่มีทางแยกพวกเขาออกจากกันได้ แน่นอนว่ายังมีอสูรศึกที่ขโมยธงเทพเพลิงทองหลังจากแกล้งเสนอให้ทำสัญญา แต่นางจะไม่ยอมภักดีอย่างแท้จริง เมื่อพวกเขาตกอยู่ในอันตรายหญิงสาวเท้าเปล่าจะช่วยพ่นลมหายใจทันที หลังจากลงมือทุบตีเอาชนะเขาได้เสมอ แต่ไม่มีใครยอมแพ้ ไม่มีใครยอมรับความล้มเหลว
คนที่ผ่านการอบรมแนวคิดอย่างนี้มาเย่ว์ไตตันบ้าไปหรือเปล่า?
คุณชายหลี่หมิงเหมือนเห็นภาพลวงตา ดูเหมือนเขาเห็นว่าศัตรูมีอาการบาดเจ็บสาหัส หน้าของเขาเปล่งประกายเหมือนกับเทพศึก
ยังจะมีใครเอาชนะคนบ้าเหล่านี้ได้หรือ?
จะสามารถกำจัดศัตรูนี้ได้เหมือนกับสงครามเทพหรือไม่
เวลาผ่านไปช่วงหนึ่ง คุณชายหลี่หมิงค่อยๆ ยิ้ม ก่อนหน้านี้เขาไม่คิดว่าจะกลายเป็นเช่นนี้ได้เลย