ตอนที่แล้วตอนที่ 1238 อย่าอาย ถ้าจะเป็นคนดี!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1240 กลับบ้าน กลับสู่หอทงเทียน!

ตอนที่ 1239 ความนิรันดร์ที่แท้จริง


โลกคัมภีร์

“นี่ต้องเป็นของปลอมอย่างแน่นอน!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนสรุปในคราวเดียว “อย่าว่าแต่ใช้หัวคิดเลย แค่ใช้หัวแม่เท้าตรองดู เจ้าก็รู้ได้แล้วว่าเป็นของปลอม!  หากเจ้าไม่เคยเห็นคัมภีร์เทพก็ว่าไปอย่าง  แต่อย่างไรก็ตามที่หอทงเทียนก็มีคัมภีร์เทพอยู่เจ้าก็เห็นว่าราชาเฮยอวี้ใช้ค้อนวิเศษหวดอยู่ทุกวันเขาก็ยังไม่สามารถเข้าไปเอามาได้ ภายในคัมภีร์เทพก็มีม่านพลังป้องกันและเจ้าดูว่าคัมภีร์เทพที่อยู่ในมือเจ้าเป็นยังไง?  ข้าเคยเห็นคนโง่มามากแล้ว  แต่ข้าไม่เคยเห็นคนโง่อย่างเจ้ามาก่อน!”

“คัมภีร์เทพก็ควรมีความเป็นเทพให้จับเค้าบ้าง  นอกจากเจ้าของไม่ได้ถูกโจมตีจากภายนอก  อย่างน้อยก็ควรมีโล่ทองหนึ่งชั้นแล้วคัมภีร์ในมือของเจ้าเป็นอย่างไร?” สาวงามโล่วฮัวรู้สึกไม่ต่างกัน

“จำได้ว่าดูเหมือนว่าคัมภีร์เทพจะต้องมีลักษณะพลังเทพให้เห็น”ราชันย์ปีศาจใต้คิดว่าคัมภีร์เงินนี้ไม่มีอะไร ดูน่าสงสัย

“พูดอย่างนี้แล้วนับว่ามีข้อน่าสงสัยมากมายจริงๆ” เย่ว์หยางเกาหลังศีรษะทำท่าทางโง่งม

“เหตุผลหลักก็คือสามสาวเทวทูตวางความคิดที่ฉลาดไว้ ดังนั้นจึงมีเหตุผลมากว่าจะเกิดข้อผิดพลาดเล็กน้อยโดยพลั้งเผลอ!”  นางเซียนหงส์ฟ้าเหมือนกับจะร่วมด้วยช่วยเผาเด็กหนุ่มจากโลกอื่น! ครั้งนี้ทุกคนรู้สึกตระหนักได้ว่าเกิดอะไรขึ้น  ความสงสัยทั้งหมดได้รับการคลี่คลาย

“เฮ้..พูดอย่างนี้ไม่ยุติธรรมเลย!” เย่ว์หยางรู้สึกว่าเขาขายหน้าจึงรีบปรับตัวอย่างรวดเร็ว “ข้ายอมรับว่าหลังจากผ่านด่านได้อย่างยากลำบาก  ข้ามีความภูมิใจอยู่เล็กน้อยและนี่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้หลังที่ได้ฝึกฝนกันยาวนาน ในที่สุดก็ผ่านด่านได้แล้วจะบอกว่าข้าไม่มีความสุขเชียวหรือ? มีความสุขจะตื่นเต้นบ้างไม่ได้หรือ?  ตื่นเต้นแล้วพวกเจ้าจะลืมมันได้ไหม? ข้ากล้าพูดได้ว่าข้าไม่ได้คิดเรื่องสาวงามแต่อย่างใด  ส่วนใหญ่คัมภีร์เทพในฝันนี้ อย่ามองว่าต้องเหมือนหรือต่างจากคัมภีร์เทพอื่น  แต่บางทีอาจจะเป็นกฎเทพดั้งเดิมจริงๆ   และไม่ว่าจะเป็นคัมภีร์เทพหรือไม่ก็ตามการได้ผลเก็บเกี่ยวก็เป็นสิ่งที่ถูกที่สมควรเราพากเพียรพยายามอย่างหนักจนกระทั่งได้มา ก็ควรจะถนอมเอาไว้ให้ดี!”

“แต่ละหน้าแสดงถึงระดับการผ่านด่านดินแดนทดสอบฝีมืออย่างแท้จริง”  อู๋เหินสนับสนุนสามีของนาง

“เสี่ยวซานแม้ว่าจะน่าสงสัยเล็กน้อย แต่พี่ยังคงเชื่อเจ้า!”  คนที่ให้ความเห็นดีที่สุดก็ยังเป็นเย่ว์หวี่

“นั่นยังไม่ถูกต้อง  หนังสือที่บอกว่าเป็นคัมภีร์เทพนี้มีเพียงเจ็ดหน้าเจ็ดด่าน ไม่มีด่านหุบเขาโลกธาตุ และด่านหุบเขาสวรรค์รวมทั้งไม่มีด่านในตำนาน...” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตั้งข้อสังเกตใหม่ทันที

“เจ้าอธิบายได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?” จุ้ยมาวอี้ยิ้มและเติมเชื้อไฟ

“อ่า...ข้าอธิบายไม่ได้เหมือนกัน  เย่ว์หยางยังไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดความจริงนี่เป็นครั้งที่สองที่เขาพลิกเปิดดู เมื่อเขาเริ่มดูครั้งแรก เขาพลิกเปิดเพียงไม่กี่หน้าแต่เขาไม่ได้ตรวจดูอย่างระมัดระวัง

“อย่างนั้นเจ้าต้องมีคำอธิบาย  เจ้าเอาสิ่งที่เรียกว่าคัมภีร์อัญเชิญชั้นเทพกลับมาแล้วทำไมถึงต้องพาสาวงามสามคนกลับมาบ้านด้วย?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเพิ่งพูดความคิดของนางและความสงสัยใหญ่ที่สุดของนางเกี่ยวกับคัมภีร์เทพในตอนนี้เพราะมีเด็กหญิงน้อยผู้น่ารักสามคนถูกหลอกให้มาชมปลาทองที่บ้าน  แน่นอนว่าหลังจากออกจากโลกไร้ที่สิ้นสุดแล้วพวกนางไม่ใช่เด็กหญิงน้อยผู้น่ารักอีกต่อไป (ฉากก่อนหน้านี้สามสาวเทวทูตอยู่ในร่างเด็กหญิง)พวกนางคือหญิงงามสามคน!

คนหนึ่งเป็นหญิงสาวหน้ากลมแก้มเป็นพวงยิ้มหวาน  ต่อให้เป็นคนที่หงุดหงิดน่าโมโหที่สุดเชื่อได้ว่านางยังคงอารมณ์ไม่แสดงอารมณ์ที่รู้สึกเกลียดแต่อย่างใด

อีกคนหนึ่งเป็นสาวห้าวมีจิตใจกล้าหาญอีกคนหนึ่งดูมีสติปัญญา ราวกับว่ามองเห็นความสับสนของโลกทั้งหมดได้ออก

แน่นอนว่าหญิงงามที่เคลื่อนไหวอย่างงดงามอ่อนช้อยที่สุดคือสตรีงามคนกลางที่ปกติจะถือคัมภีร์ไว้เสมอ ความงามที่ละเอียดอ่อนของนางทำให้คนอื่นรู้สึกด้อยกว่าอย่างเต็มที่ หญิงงามคนกลางไม่เพียงแต่รูปร่างหน้าตางามเท่านั้นแต่ที่สำคัญคือนางสามารถแสดงภูมิปัญญาและจิตวิญญาณจากภายในถ่ายทอดออกมาภายนอกปรากฏออกมาเป็นรัศมีปัญญาที่งดงามบริสุทธิ์ที่สุดในโลก  ความงามทั้งหมดรวมอยู่ในตัวนาง

นางไม่ได้ยิ้มแต่ทุกคนสัมผัสถึงความอ่อนโยนในหัวใจนางได้

และเป็นพลังทางปัญญาที่ไม่มีใครมีไม่มีใครต้านได้โดยธรรมชาติ

ไม่ใช่จากความเป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่จากประสบการณ์สะสม ไม่ว่ารูปร่าง หน้าตาลักษณะดูเป็นสิ่งที่คงอยู่ตามธรรมชาติไม่มีใดเหมือน

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่สามารถโกรธทั้งสามนางได้แต่นางจะไม่ยอมปล่อยให้เย่ว์หยางย่ามใจได้ง่ายๆ

เย่ว์หยางกุมศีรษะอย่างระมัดระวังและอธิบายอย่างชัดเจน “ความจริงพวกนางสามคนคือเด็กหญิงผู้น่ารักในตอนนั้น  ข้าเห็นว่าพวกหนูๆ ในตอนนั้นไร้บ้านน่าสงสารก็อดช่วยพวกนางมิได้และพาพวกนางกลับมาด้วย”

เมื่อได้เห็นเด็กหญิงผู้น่ารักหมาป่าหนุ่มจากโลกอื่นจอมเจ้าเล่ห์ย่อมต้องการรวบรวมไว้ด้วยเป็นธรรมดา

หูแมวและอุปกรณ์เสริมรสนิยมลามกอื่นๆเตรียมไว้พร้อม

เมื่อจะฝึกฝนผู้คนต่างๆ  อย่าว่าแต่เด็กหญิงตัวน้อยๆ เลย  ต่อให้เป็นลูกแมวลูกสุนัขที่น่ารักสาวๆผู้มีจิตใจเมตตามีหรือจะไม่เก็บมาเลี้ยงดู? ว่ากันตามตรง สาวน้อยผู้ยอดเยี่ยมเหล่านี้หากไม่รับเข้าบ้านนั่นเป็นเรื่องไร้เหตุผล เย่ว์หยางไม่ต้องการตำหนิด่าตนเองภายหลัง ดังนั้นเขาจึงต้องทำแม้จะโดนองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้!

“ทำไมข้ามองไม่เห็นว่าพวกนางเหมือนกับเด็กหญิงน้อยๆเล่า?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมองดูสัดส่วนโค้งเว้าของเทวทูตสาวทั้งสามบางจุดบางที่ดูโดดเด่นเกินวัย

“ทันทีที่พวกนางออกจากโลกไร้ที่สิ้นสุดพวกนางก็เติบโตทันที ข้าไม่รู้เหตุผลเหมือนกัน” เย่ว์หยางเองก็ไม่เข้าใจเหตุผลตรงนี้

“เจ้าคิดว่าคำอธิบายเช่นนี้จะโน้มน้าวให้เราเชื่อหรือ?”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนโกรธกว่าเดิม

“เขาพูดจริง”  เทวทูตสาวผู้ฉลาดรับรอง

“นี่คือร่างกายที่เราแสดงออกในร่างมนุษย์จะแตกต่างจากในโลกไร้ที่สิ้นสุดอยู่บ้าง” เทวทูตสาวหน้ากลมผู้น่ารักมักจะเข้าข้างเย่ว์หยางอยู่เสมอ

“แม้ถ้าไม่เป็นเช่นนี้เจ้าจะไม่ให้คัมภีร์เทพเขาหรือ? เจ้ามาที่นี่กับเขาทำไม? ภารกิจของพวกเจ้าเสร็จสิ้นแล้วพวกเจ้าควรกลับไปที่ดินแดนสวรรค์บนหรือโลกอื่นไม่ใช่หรือ?”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่เข้าใจแม้ว่าพวกนางจะเป็นเด็กหญิงจากโลกไร้ที่สิ้นสุดก็ตาม แต่เมื่ออยู่ภายนอกโลกพวกนางเป็นผู้ใหญ่  และมาที่นี่จะไม่เป็นอันตรายหรือ?ในโลกคัมภีร์นี้ ยกเว้นเย่ว์หยางที่เป็นบุรุษคนเดียว ที่เหลือนอกนั้นเป็นสตรีล้วนๆ!

“มีลุงคนหนึ่งบอกว่าจะพาเราไปชมดูปลาทอง...” เทวทูตสาวผู้กล้าหาญที่มักไม่ค่อยเกรงใจเย่ว์หยางเปิดความในใจของนาง

“พรวดดดดด”  จุ้ยมาวอี้กำลังดื่มน้ำถึงกับสำลักน้ำทันที

อู๋เหินถึงกับพูดไม่ออก

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรี่เข้าหาเย่ว์หยางโดยไม่มีเวลาชักดาบเทพพยัคฆราชนางชูกำปั้นเตรียมทุบจอมลามกที่หลอกเด็กสาวมาดูปลาทอง  เป็นธรรมดาที่เย่ว์หยางจะไม่ยอมนิ่งเฉยเขารีบเปิดประตูแล้วเผ่นหนีทันที แม่เสือสาวน่ากลัวมาก เผ่นก่อนดีกว่า ลูกผู้ชายยืดได้หดได้ตอนนี้เขาควรจะหนีไปซ่อนตัวเสียก่อน จากนั้นค่อยกลับมาเจรจากันใหม่

เทวทูตสาวเจ้าปัญญาที่ยืนอยู่คนกลางนางยิ้มเล็กน้อย  “ข้าขอแนะนำตัวอีกครั้งข้าชื่อ หย่งเหิง (ผู้อมตะ) น้องสาวคนซ้ายมือชื่อว่า ช่วงจ้าว (ผู้สร้าง)ส่วนน้องสาวคนขวามือมีชื่อว่า หุ่ยเมี่ย (ผู้ทำลาย) เราสามคนมาจากหน่วยงานเดียวกันแต่ในร่างมนุษย์นั้นเราเป็นบุคคลที่แยกจากกัน สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญเหตุผลแท้จริงที่เรามาที่นี่เพื่อต้องการช่วยให้บุรุษในดวงใจของเจ้าได้เป็นเจ้าของคัมภีร์เทพ  บางทีพวกเจ้าอาจมีข้อสงสัยว่าทำไมทั้งที่เขาผ่านการทดสอบได้สำเร็จแล้วแต่คัมภีร์เทพยังไม่ยอมรับเขา? บางทีพวกเจ้าบางคนก็คงคาดเดาได้แล้วและบางคนก็สงสัยเช่นกัน แต่ข้ายังไม่แน่ใจ  ถูกแล้วเหตุผลที่คัมภีร์เทพไม่ยอมรับเขาเป็นเจ้าของ เป็นเพราะเขามีคัมภีร์เทพอยู่ก่อนแล้ว!”

พวกอู๋เหินมองหน้ากันเอง

ข่าวนี้

พวกนางสงสัยและพูดคุยกันเป็นส่วนตัวแต่พวกนางไม่แน่ใจ

ที่สำคัญก่อนเย่ว์หยางจะมานั้นเป็นเวลาหลายหมื่นปีที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ไม่ว่าจะเป็นแดนสวรรค์หรือหอทงเทียนไม่เคยมีใครที่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้  คนเดียวมีคัมภีร์เทพถึงสองเล่ม ทุกคนรู้ว่าคัมภีร์อัญเชิญของเย่ว์หยางเลื่อนระดับเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์และในบางช่วงเวลาพิเศษพวกนางสัมผัสได้ถึงอีกคัมภีร์หนึ่ง บางครั้งก็รู้จากเสี่ยวเหวินหลีและตั่วตั่วจึงรู้ว่ามีคัมภีร์อัญเชิญพิเศษอีกเล่มหนึ่ง!

ไม่เคยมีใครเป็นเจ้าของคัมภีร์ถึงสองเล่ม

นอกจากเย่ว์หยาง

ตอนนี้เขามีคัมภีร์เล่มที่สามและคัมภีร์อัญเชิญนี้ก็เป็นคัมภีร์อัญเชิญระดับเทพ

ตรงจุดนี้ทุกคนคิดถึงความเป็นไปได้หลายอย่างซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ในตอนนี้ เขาต้องเผชิญหน้ากับความจริง แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นคำสาปหรือพรจากสวรรค์กันแน่ หัวใจของทุกคนอึดอัดและพวกนางก็รู้ว่าสามสาวนี้ก็ตึงเครียดเหมือนกัน พวกนางคือผู้พิทักษ์คัมภีร์เทพ!

เด็กสาวหุ่ยเมี่ยที่เป็นตัวแทนของผู้ทำลายพูดอย่างจริงจัง“เราไม่คาดว่าจะมีสถานการณ์เช่นนี้ ถ้าหากเปลี่ยนเป็นคนอื่นผู้นั้นจะไม่ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอนและจะไม่ได้รับการยอมรับ  ปัญหาก็คือทุกอย่างเกินความคาดหมายแต่มันกลายเป็นความจริงแล้ว  เราต้องทำตามกฎสวรรค์และมอบคัมภีร์เทพให้กับเขา”

เย่ว์หวี่บิดมือไปมาอย่างกระวนกระวาย  “แล้วเขาจะตกอยู่ในอันตรายไหม?”

“เราไม่รู้ดังนั้นเราจึงต้องการอยู่และเฝ้าดู” หญิงสาวหย่งเหิงที่เป็นตัวแทนของความนิรันดร์พยักหน้าให้เย่ว์หวี่เล็กน้อยพยายามปลอบใจเท่าที่ทำได้  นางรู้ว่าพลังงานและสติปัญญาทั้งสองนั้นมีทั้งจำกัดและมีทั้งไม่สิ้นสุด  ตามทฤษฎีแล้วเจตจำนงและประกายเทพสามารถใช้ได้แค่สร้างโลกบางทีเขาอาจเป็นสิ่งมีชีวิตพิเศษ บางทีเขาอาจถูกสร้างมาเกินมาตรฐานปัจจุบันสามารถพัฒนาตัวเองโดยอัตโนมัติอีกครั้งและสร้างโลกใหม่ในที่สุดบางทีเขาอาจจะยังไม่เติบโตเต็มที่ยังไม่มั่นคง จำเป็นต้องพัฒนารากฐานในการเลื่อนระดับ”

“ถ้าเป็นอย่างนี้อย่างนั้นเรายินดีต้อนรับและขอให้พวกเจ้าอยู่ต่อไป”  อู๋เหินตัดสินใจเป็นตัวแทนรับรอง  “เขาเป็นอย่างที่พวกเจ้าพูดเราไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ และเราไม่ยินดีจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงการเติบโตของเขา เราได้แต่ติดตามหรือพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยเหลือในกระบวนการนี้เรายินดีต้อนรับพวกเจ้าเต็มที่ ข้าหวังว่าพวกเจ้าสามารถเป็นเทพพิทักษ์เขาในฐานะเจ้าของคัมภีร์คนใหม่ได้”

“เทพพิทักษ์  เบื้องหลังเขายังมีเทพพิทักษ์ที่สูงส่งยิ่งกว่า!”  หย่งเหิงยิ้มเล็กน้อย  “บางทีเราอาจเหมือนพวกเจ้ามีบางอย่างที่ไม่รู้”

“อยู่ที่นี่มีชีวิตชีวิตดีจริง  ข้ามีความสุข” ช่วงจ้าวหญิงสาวหน้ากลมผู้น่ารักเผยความในใจ

“ข้าต้องการที่เงียบสงบแต่เจ้านั่นเอะอะหนวกหู”  หุ่ยเมี่ย(ทำลาย) ก็ยินดีจะอยู่ แต่ปากนางไม่ยอมรับเย่ว์หยางโดยง่าย

เมื่อเย่ว์หวี่จงใจพาพวกนางเข้าไปพักโล่วฮัวจะถามทันที

แต่นางเริ่มลังเล

อย่างไรก็ตามในที่สุดนางไม่อาจห้ามใจได้นางถามต่อ  “ดินแดนมิติฝึกฝนไม่มีด่านที่แปดหุบเขาโลกธาตุ และด่านที่เก้าหุบเขาสวรรค์หรือ?”

เทวทูตสาวเจ้าปัญญาตัวแทนความนิรันดร์ยิ้ม  “ที่เจ้าสงสัยนั้นใช่ว่าไม่มีเหตุผลหอคอยเหนือหอคอยของหุบเขามนุษย์อยู่ตรงข้ามกับที่ผนึกไว้  หอคอยเหนือหอคอยที่แท้จริง  การดำรงคงอยู่ของฟ้าเหนือฟ้า ขุนเขาเหนือขุนเขาหอคอยเหนือหอคอยนั่นคือการทดสอบอื่นที่ขยายออกมาจากด่านที่เจ็ด คนที่ไปหุบเขาโลกธาตุและหุบเขาสวรรค์คือบุคคลที่ถึงขีดจำกัดแล้วจริงๆ และหุบเขาโลกธาตุและหุบเขาสวรรค์ไม่ได้เป็นของดินแดนมิติทดสอบอีกต่อไปและที่เหล่านั้นจะไม่ถูกผูกมัดโดยกฎสวรรค์แห่งดินแดนมิติฝึกฝนอีกต่อไปพวกเจ้าจะเห็นได้ว่าคนจำนวนมากยังคงยุ่งเหยิงหัวหมุนไม่เข้าใจ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผู้ท้าทายผ่านด่านที่ไปยังหุบเขาโลกธาตุและหุบเขาสวรรค์ความจริงแล้วเป็นผู้แพ้ที่ถูกกำจัดออกไปโดยดินแดนมิติฝึกฝน มีแต่คนที่เข้าสู่โลกไร้ที่สิ้นสุดเท่านั้นที่จะรู้ว่าการทดสอบคืออะไร  การทดสอบของด่านที่แปดก็คือ ‘ไม่มี’  จากการสร้างหรือทำลาย กลายเป็นความนิรันดร์ ไม่มีอยู่ในการฝึกฝนขณะที่ด่านที่เก้าคือฝึกเรื่อง ‘มี’ความนิรันดร์ การสร้าง การทำลายด้วยตนเอง และความนิรันดร์นั้น จะกลายเป็นความนิรันดร์ของตนเองนั่นคือการผ่านด่านที่เก้า”

“ด่านที่เก้านั้นก่อนที่เย่ว์หยางจะมาไม่มีใครเคยสร้างความนิรันดร์เองได้และกลายเป็นความนิรันดร์ของตนเอง”  ใบหน้าของเทวทูตสาวห้าวอ่อนหวานทันที “แม้แต่นางพญาผู้พิชิตที่พวกเจ้าชื่นชมนักหนาก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนเป็นความนิรันดร์ด้วยตนเองได้  มิฉะนั้นนางจะไม่ถูกผนึกมานานหลายปีนี่เป็นงานสร้างที่ยากจริงๆ”

“สำหรับด่านที่สิบนั้นสำหรับเราเข้าใจโดยผิวเผินว่าคือความนิรันดร์ แต่จริงๆ แล้วยังไม่ทราบเช่นกัน”

หุ่ยเมี่ยผู้มีบุคลิกห้าวหาญย้อนรอยความทรงจำในอดีตของนาง“บางทีก่อนที่เราได้รับแต่งตั้ง บางทีนายท่านผู้สร้างทุกอย่างคงรู้จุดสิ้นสุดรู้ทุกอย่างในวันนี้และรู้ถึงการดำรงคงอยู่อย่างพิเศษดังนั้นมหาเทพคงจะสร้างด่านที่สิบเพื่อให้เขามีวิธีผ่านด่านเข้าไปสำรวจได้บางทีเราอาจจะเดาผิดแต่เรารู้ว่าตราบเท่าที่วันหนึ่งที่เขาทำให้คัมภีร์เทพยอมรับเขาได้ด่านทดสอบและกฎสวรรค์ที่เทพผนึกไว้ คงจะได้สำแดงพลังแท้จริงออกมา...”

หย่งเหิงสตรีชุดขาวเจ้าปัญญาพยักหน้าเล็กน้อยเช่นกัน“สำหรับด่านทดสอบเจ็ดด่านแรก ถือเป็นการทดสอบที่เพียงพอแล้วด่านที่แปดและด่านที่เก้า เป็นด่านที่คัมภีร์เทพอาจเลือกเอง ส่วนด่านที่สิบจะเป็นมรดกตกทอดที่แท้จริงและเขาคงได้รับความนิรันดร์อย่างแท้จริงได้”

++++++++++++++

* ด่านที่แปด = ทำลาย

*  ด่านที่เก้า = สร้าง

* ด่านที่สิบ = นิรันดร์

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด