ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 589 คำเตือมจากนายซือ (ฟรี)
ท่านซือ….ชื่อนี้ซู่เสี่ยวไป่เคยได้ยินในสมัยที่เขาพึ่งเข้าไปสืบหาข้อมูลในอาณาจักคลื่นโบราณ
เท่าที่ซู่เสี่ยวไป่จำได้ตัวตนนี้คือที่ปรึกษาให้กับตัวตนระดับภัยพิบัติ และเตือนถึงผลร้ายของการตัดขาด และเป็นที่ไว้วางใจของอาณาจักร เรียกได้ว่าเป็นที่ปรึกษาของอาณาจักรเลยก็ได้
แล้วไหนตัวตนนี้กลับมาปรากฏตัวต่อหน้าซู่เสี่ยวไป่ในจักรวาลทวีปใหญ่แบบนี้ หรือว่าเขายังมีจุดมุ่งหมายที่จะยึดครองจักรวาลนี้อยู่
เมื่อนายซือคนนี้เห็นว่าซู่เสี่ยวไป่แสดงสีหน้าที่เป็นกังวลเขาจึงกล่าวต่อไป
“ไม่ต้องกังวล ข้าเป็นราชฑูตมาอย่างสันติไม่ได้มีเจตนาร้าย โปรดวางใจ”
“เมื่อใดก็ตามที่จ้าวจักรวาลคนใหม่ถือกำเนิดขึ้น ข้าจะปรากฏตัวเพื่อเป็นที่ปรึกษาและให้ข่าวสารจากจักรวาลอื่น”
ซู่เสี่ยวไป่อยากจะยิ้ม แต่ก็ยิ้มไม่ออก
“ผู้ปกครองจักรวาล ข้างั้นหรอ?”
“ใช่แล้วท่านจ้าวจักรวาล ท่านได้จัดการกับอาณาจักรคลื่นโบราณไป และปกป้องจักรวาลแห่งนี้เอาไว้ด้วยตัวคนเดียว”
สีหน้าของนายซือนั้นดูไม่ลังเล หรือเขินอายเลยที่จะชมซู่เสี่ยวไป่ หรืออีกนัยหนึ่งคือเขานั้นชื่นชมจากใจจริง
ซู่เสี่ยวไป่ไม่กล้าที่จะตอบหรือทำอะไร ซู่เสี่ยวไป่พานายซือผู้นี้ เข้าไปพักในนิกายวังจิตวิญญาณเหนือภพที่กำลังสร้างขึ้นใหม่ และเตรียมการตอนรับอย่างดี ทั้งสุรา ชาชั้นดี อาหารเลิศรส
ก่อนที่เขาจะปิดกั้นพื้นที่รอบๆ ด้วยเส้นทางสู่สวรรค์ที่มี และพูดขึ้นอย่างระมัดระวัง
“หากว่ามีข้อเสนอ หรือข่าวสารใดข้าพร้อมจะรับฟังแล้ว”
ข้อมูล และข่าวสารจากจักรวาลอื่นนั้นมีค่ามาก
ข้อมูลของเขตแดนภัยพิบัติ การจะทะลวงเขตแดนนี้ต้องทำเช่นไร
และการตัดขาดมันคืออะไรกันแน่ แล้วจะตัดขาดได้อย่างไร นี้คือคำถามที่ซู่เสี่ยวไป่หาคำตอบมาตลอด แต่ไม่เคยเจอคำตอบเลยสักครั้งเดียว
การที่ราชฑูตจากจักรวาลอื่นมาบอกเล่าข้อมูลให้แบบนี้เป็นโอกาสที่หาได้ยากมาก ซู่เสี่ยวไป่ไม่เคยคิดเคยฝันมาก่อนว่าจะเจอตัวตนแบบนี้เลยด้วยซ้ำ
-“อื้มงั้นเริ่มพูดจากตรงไหนก่อนดีเอาเป็นว่าข้าเกริ่นให้ท่านฟังก่อนแล้วกัน ที่จริงแล้วพื้นที่ทั้งจักรวาลทวีปใหญ่กับอาณาจักรคลื่นโบราณนั้นไม่ได้แตกต่างกันมากนัก”
“แต่การตัดขาดนั้นทำให้สามารถหลุดพ้นจากอายุขัยของจักรวาลหรือต้นกำเนิดได้ และหากผู้ที่ตัดขาดได้แล้วเขาจะคงอยู่ตลอดไป หรือจักรวาลใดที่ตัดขาดได้แล้วจะไม่มีวันดับสูญและคงอยู่ตลอดไป”
นายซือนั้นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเรียบดูสุภาพอย่างมาก แต่ทุกคำพูดมันทำให้หัวใจของซู่เสี่ยวไป่เต้นแรง เพราะคำว่าคงอยู่ตลอดไปมันเป็นสิ่งที่ซู่เสี่ยวไป่สนใจมาก
เพราะทั้งจักรวาลทวีปใหญ่หรืออาณาจักรคลื่นโบราณก็ล้วนมีอายุขัยของมัน การที่จะหลุดพ้นจากอายุขัยของกาลเวลานั้นต้องทำการตัดขาดเท่านั้น ไม่งั้นต่อให้เป็นผู้ที่ทรงพลังแค่ไหนก็ตามสุดท้ายหากตัดขาดไม่ได้ก็จะตายไปพร้อมกับจักรวาลหรือสถานที่ให้กำเนิดไปอยู่ดี
การตัดขาดนั้นก็ไม่ต่างจากการหลุดพ้นจากสิ่งที่ผูกมัดตัวของพวกเขาไว้ ต่อให้จักรวาลล้มสลายไป หรือดาราจักรชีวิตพังทลาย ขอแค่หลงเหลือจิตวิญญาณเพียงเล็กน้อยก็สามารถฟื้นคืนชีพได้
ซู่เสี่ยวไป่พยายามสงบสติอารมณ์และแสดงว่าตัวเองไม่ตื่นเต้น ก่อนที่เขาจะถามกับนายซือ
“ถ้าเกิดว่าการตัดขาดคือการคงอยู่ตลอดไป ทำไมท่านถึงไม่สอนวิธีการตัดขาดให้กับทุกคน เพื่อที่พวกเขาจะได้อยู่อย่างเป็นอมตะตลอดไป มันเป็นเรื่องที่ดีกว่าไม่ใช่งั้นหรอ?”
นายซือนั้นยิ้มก่อนจะตอบกลับมา
“สิ่งที่ท่านพูดคือสิ่งที่พวกข้าเคยประสบพบเจอมาก่อน เราเรียกมันว่ากฏของนาฬิกา”
“กฏของนาฬิกา?? มันคืออะไร การวนเวียน หรือการเกิดใหม่ งั้นหรอ”
ซู่เสี่ยวไป่นั้นคิดไปมากมาย และนึกไปถึงดาราจักชีวิตทั้ง 12 ของเขาด้วย ว่ามันอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพราะดาราจักรชีวิตที่ 12 นั้นเป็นการคงอยู่ที่สมบูรณ์แบบไม่ต่างจากการวนเวียนกลับมาเกิดใหม่ที่ทรงพลังเช่นเดิมไม่เคยเปลี่ยน
“ก็ประมาณนั้น”
นายซือตอบก่อนจะพูดต่อ
“เพื่อที่จะปกป้องไม่ให้ทุกคนสามารถตัดขาดได้ เพราะฟ้าดินไม่ยอมให้ใครฝ่าฝืนชะตากรรม ทำให้ผู้ที่ตัดขาดได้จำเป็นต้องมีดาราจักรชีวิตที่ 12 ซึ่งเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ แต่ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ในจักรวาล หรือเอกภพ”
“ที่โลกหลังการตัดขาดนั้นมันจะเป็นโลกอีกชนชั้นหนึ่ง และผู้ที่จะเข้าถึงโลกนั้นได้ต่ำสุดต้องมีดาราจักรชีวิตที่ 11”
“แล้วตัวตนที่มีดาราจักรชีวิตที่ 12 อย่างท่านได้ปรากฏตัวขึ้น การที่จะไปยังโลกที่สูงส่งกว่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอีกต่อไป แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือแม่น้ำโลหิตนับพันสาย สิ่งมีชีวิตมากมายจะล้มตายไม่ต่างจากใบไม้ แม้แต่ตัวตนภัยพิบัติก็ยังต้องร้องขอชีวิต”
ซู่เสี่ยวไป่นั่งฟังพร้อมกับกำแก้วชาในมือแน่น
“คงจะหมายถึงความพินาศหลังจากการตัดขาดสินะ”
แล้วซู่เสี่ยวไป่ก็ได้ถามต่อไปว่า
“ถ้างั้นอะไรคือสิ่งมีชีวิตที่ตัดขาดแล้ว อะไรคือความพินาศที่อาณาจักรคลื่นโบราณพบเจอมา?”
…….
แล้วน้ำเสียงของนายซือก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ข้าคงบอกท่านได้เพียงเท่านี้ เพราะบางอย่างข้าก็พูดมันออกไปไม่ได้เหมือนกัน บางอย่างมันก็อยู่เหนือกว่าอำนาจที่ข้าจะพูดได้ สิ่งที่ท่านต้องรู้ตอนนี้คือ อย่าได้พึ่งทำการตัดขาดในเวลานี้ ขนาดอดีตศัตรูของท่านอย่างอาณาจักรคลื่นโบราณที่ครั้งหนึ่งมีตัวตนภัยพิบัติที่เรียกได้ว่าทรงพลังแล้ว ได้ฝืนตัดขาดจนล้มเหลว เกิดความพินาศไปทั้งดินแดน หากไม่อยากเดินตามซ้ำรอยอาณาจักรคลื่นโบราณโปรดเชื่อคำข้า”
ซู่เสี่ยวไป่ยิ้มเล็กๆ
“ได้ข้าเข้าใจแล้ว และเห็นด้วยกับความคิดนี้ หากข้าเป็นท่านคงพูดแบบเดียวกัน”
ซู่เสี่ยวไป่เองก็ได้เห็นแล้วว่า ความพินาศของการตัดขาดที่ไม่สำเร็จเป็นเช่นไร
การกระทำนี้เสี่ยงเกินไปมันอาจจะส่งผลกระทบกับคนอื่นได้ ซึ่งซู่เสี่ยวไป่ไม่ค่อยชอบสักเท่าไร
เมื่อเห็นซู่เสี่ยวไป่ตอบเช่นนี้ นายซือเองก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ดี หากว่าท่านรับปากข้าแบบนี้ จะไม่เกิดเรื่องซ้ำรอยอย่างอาณาจักรคลื่นโบราณ ที่ต้องกลายเป็นดินแดนที่ไม่มีต้นกำเนิดของตัวเอง และต้องไล่ยึดครองจักรวาลอื่นเพื่อต่ออายุของตัวเองออกไป”
เมื่อนายซือพูดจบเขาก็ลุกขึ้นและจางหายไป ทิ้งซู่เสี่ยวไป่ไว้เบื้องหลังเพียงคนเดียว
ซู่เสี่ยวไป่นั้นก็ยังมีข้อสงสัยในสิ่งที่นายซือบอกเมื่อครู่ ในเงื้อนไขของการตัดขาด เพราะหากซู่เสี่ยวไป่เป็นผู้ฝึกตนทั่วไป คงจะเชื่อนายซืออย่างไม่สงสัย
แต่เขานั้นไม่ใช่ผู้ฝึกตนทั่วไปธรรมดาๆ
เขามีระบบที่ช่วยในเรื่องการฝึกฝนหรือบ่มพาะ
พลังของเขาถูกขัดเกลาขึ้นโดยระบบทั้งหมด ซึ่งแข็งแกร่งกว่ายอย่างสิ้นเชิง
หากว่าเขาไม่ได้ใช้พลังในการฝืนตัดขาดเพียงอย่างเดียวล่ะ หากเขาใช้ระบบในการช่วยตัดขาด มันจะหลีกเลี่ยงความพินาศที่จะเกิดขึ้นได้หรือไม่
“โลกระดับสูง คงไม่ชอบที่โลกเบื้องล่างอย่างเราจะก้าวข้ามและตัดขาด เพราะมันคงเกิดเรื่องวุ่นวายสำหรับพวกเขาแน่ๆ ไม่งั้นพวกเขาคงไม่ออกน่ามาเตือนแบบนี้”
ข้อสงสัยภายในใจของซู่เสี่ยวไป่มากขึ้น แต่ก่อนที่เขาจะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ เขาก็ได้รับข่าวสารใหม่จากพื้นที่เก่าแก่ ซึ่งน่าสนใจไม่แพ้กัน!
(วันนี้ตอนเดียวนะครับ แปลไม่ทันติดประชุม)