บทที่64
“พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ!”
นามิยื่นหน้าออกมาจากห้องโดยสารและตะโกนเรียกคนบนเรือ
“กำลังไป!” มากิโนะตอบกลับ
“ได้เวลากินข้าวแล้ว!” รอนก็ยืนขึ้นเช่นกัน เขามองไปที่ทาชิงิ ซึ่งมีเหงื่อโชกบนร่างกาย เธอกำลังฝึกดาบอยูไม่ไกล “ทาชิงิ ไปกินข้าวก่อน การฝึกดาบไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ในชั่วข้ามคืน ไม่ต้องรีบร้อน เธอจะต้องฝึกฝนร่างกายก่อน”
“ฟู่!”
ทาชิงิพ่นลมหายใจแล้วหยุดฝึก เธอเก็บดาบเข้าฝักแล้วเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก สายตาของทาชิงิมองไปที่รอนแล้วถามว่า “ไม่สามารถฝึกได้ในชั่วข้ามคืนเหรอ? ทำไมนายเก่งได้ตั้งแต่อายุยังน้อยล่ะ?”
“โอ้... เราไม่เหมือนกัน!”
เราไม่เหมือนกัน...
รอนยักไหล่ เขาไม่มีทางบอกทาชิงิตรง ๆหรอกว่าเขามีระบบ จริงไหม?
“ทำไม? ทำไมถึงแตกต่าง? ฉันพยายามไม่พอเหรอ” หญิงสาวขมวดคิ้ว หน้าผากของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อและสีหน้ามีแต่ความทุกข์ใจ
“ไม่!” รอนส่ายหัว “เธอน่าจะรู้ว่ามีอัจฉริยะในโลกนี้ มีนักดาบมากมายในโลกและมีนักดาบชั้นยอดมากมาย แต่มีนักดาบชั้นเลิศเพียงไม่กี่คนบนโลก แถมนักดาบอันดับหนึ่งของโลกในตอนนี้มีเพียง ตาเหยี่ยวมิฮอร์คคนเดียว หลายคนเรียนวิชาดาบทว่ามีเพียงไม่กี่คนที่ปีนไปถึงจุดสูงสุด บางคนก็เกิดมาเพื่อเป็นนักดาบ มันง่ายสำหรับคนแบบนั้นมาก”
“นายหมายถึง นายก็เป็นอัจฉริยะ?” ทาชิงิมองไปที่รอนด้วยสายตาฉายแววสงสัย หากจะบอกว่าชายคนนี้เป็นคนเก่ง ทาชิงิเชื่อสุดใจ แต่หากเป็นอัจฉริยะด้านวิชาดาบ แม้ว่ารอนจะมีหลักฐานแต่เธอก็ยังไม่อยากจะเชื่ออยู่ดี
“แน่นอน!” รอนยอมรับอย่างหน้าไม่อาย “ฉันคือนักดาบอัจฉริยะที่หาได้ยากในโลก”
เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่หนาของรอน ทาชิงิก็ถอนหายใจ “แม้ว่าความแข็งแกร่งของนายจะดีเทียบเท่านักดาบชั้นยอด แต่ฉันก็ยังไม่เห็นความแข็งแกร่งของนายขนาดนั้น ลองไปประดาบกับตาเหยี่ยวดูสิ”
“นี่ยังไม่เห็นอีกเหรอ?” รอนผายมือ “เมื่อเธอเจอมิฮอร์ค ฉันจะเอาชนะเขาให้เธอเห็นเอง”
“มันก็เป็นแค่คำพูด!” ฉันจะรอให้นายเจอกับตาเหยี่ยว ทาชิงิตะคอก เธอไม่เชื่อว่ารอนจะเอาชนะมิฮอร์คได้ แม้ว่ารอนจะแข็งแกร่งมากก็ตาม แต่มิฮอร์คคือใคร?
เขาเป็นหนึ่งในเจ็ดเทพโจรสลัดและความแข็งแกร่งของเขาก็แข็งแกร่งที่สุดในเจ็ดเทพโจรสลัด เกือบจะเทียบเท่าสี่จักรพรรดิ
รอนเดินไปหาทาชิงิด้วยแววตาใส “เธอจะพนันกับฉันไหม ถ้าฉันเอาชนะตาเหยี่ยวได้ เธอจะให้รางวัลอะไรกับฉัน?”
“ฉัน...” ทาชิงิหรี่ตาลง “ฉันสัญญาว่าจะเดิมพันกับนายตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“เธอควรจะพนันนะ!” รอนถอนหายใจ “ช่างมันเถอะ เธอไม่มีความกล้าเลยแม้แต่น้อย เธอสามารถฝึกวิชาดาบได้แต่เธอไม่มีแรงผลักดันที่จะก้าวไปข้างหน้า... เฮ้อ ฉันกำลังคิดอยู่เลยว่าถ้าฉันแพ้พนัน ฉันจะบอกความลับว่าทำไมฉันถึงสามารถไปถึงขอบเขตนักดาบชั้นยอดได้ในวัยนี้ ในเมื่อเธอไม่สนใจก็ช่างเถอะ”
“อะไรนะ?” ทาชิงิเบิกตากว้าง แม้แต่ปากกอัาไม่หุบ
“ถ้านายแพ้ นายจะบอกเคล็ดลับการฝึกฝนการเป็นนักดาบชั้นยอดของนายในอายุเท่านี้จริงเหรอ?”
“แน่นอน เธอต้องการพนันไหม?” รอนยิ้มถาม “กล้าหรือไม่กล้าล่ะ?”
ทาชิงิครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง โดยเธอคิดว่าแม้รอนจะแข็งแกร่ง แต่เขาก็ไม่สามารถสู้หนึ่งในเจ็ดเทพโจรสลัดอย่างตาเหยี่ยวมิฮอร์คได้แน่ ดังนั้นเธอจึงเงยหน้าขึ้นแล้วพูด “ตกลง ฉันพนันว่านายจะแพ้ ถ้าฉันถูกนายจะต้องบอกเคล็ดลับการฝึกเกี่ยวกับนักดาบชั้นยอด”
“มั่นใจได้เลย” รอนพยักหน้า เขามีความคิดดี ๆแม้ว่าเขาจะแพ้จริง ๆหลังจากไปที่แกรนด์ไลน์และเรียนรู้วิชาหกรูปแบบ จากนั้นเขาก็จะเพิ่มค่าสถานะให้เท่ากับนักดาบชั้นเลิศได้
“แล้ว... ถ้านายชนะล่ะ?” คำถามนี้เธอต้องการถามให้ชัดเจน
“ถ้าฉันชนะ?” ใบหน้าของรอนเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ใจดี “ถ้าฉันชนะ ฉันอยากให้เธอจูบฉัน มันไม่มากเกินไปใช่ไหม?”
“ไอ้บ้า!! ไอ้คนทะลึ่ง!!”
เมื่อทาชิงิได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของเธอก็หรี่ลง เธอตวาดรอนอย่างโกรธเกรี้ยวแล้วหันหลังเดินไปที่ห้องครัว
“เฮ้!... ถ้าอย่างนั้นเธอก็ตัดสินใจเองแล้วกัน” รอนตะโกนไปบอก
“ฉันตัดสินใจแล้ว นายไม่มีทางชนะนักดาบอันดับหนึ่งของโลกแน่นอน” ทาชิงิตะคอกแล้วเดินเข้าไปห้องครัวทันที
ที่โต๊ะอาหาร รอนนั่งหัวโต๊ะที่ฐานะกับตัน และสองฝั่งของเขาก็มีนามิ โนจิโกะ มากิโนะ ทาชิงิ รวมไปถึงคายะและอาปิสที่อุ้มลูกมังกรอยู่ด้วย
คายะและอาปิสแกล้งมันกรเด็กขณะที่กำลังกิน แล้วพวกเธอก็หัวเราะคิกคักกัน เสียงพวกเธอเหมือนกับกระดิ่งเงินที่ใสแจ๋ว
ขณะที่กินอาหาร นามิก็ถามทาชิงิด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ฉันได้ยินรอนบอกว่าเธอพนันกับรอน พวกเธอพนันว่าอะไร เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“ไม่... ไม่มีอะไร” ทาชิงิคิดถึงการเดิมพันนี้ หากเธอแพ้ เธออาจจะต้องเสียจูบแรกไป ดังนั้นเธอจึงไม่อยากพูดเรื่องนี้กับนามิ
“มันมีปัญหาแน่!” นามิเปิดตากลมโตของเธอ ความฉลาดของเธอ ทำให้เธอรู้ทันทีว่าการเดิมพันนี้มันไร้สาระแน่ ทาชิงิไม่ต้องการตอบและเธอก็ไม่สามารถบังคับให้อีกฝ่ายพูดได้
ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในการกินอาหาร พวกเขาก็ยังคงมุ่งหน้าไปที่รีเวิร์สเม้าท์เทนต่อไป แต่ในที่สุดแมรี่ก็ใช้เวลาครึ่งวันเดินทางมาถึงด้านล่างของรีเวิร์สเม้าท์เทน
“พายุใหญ่อะไรแบบนี้!” นามิยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือและยื่นมือมาป้องตาของตัวเองป้องกันลมพายุ
“อากาศที่นี่แย่จริง ๆ” รอนมองท้องฟ้าที่ีมืดครึ้มแล้วบ่นอุบ
“แล้วแบบนี้จะทำยังไง?” ทาชิงิจับเชือกแล้วมองไปที่คลื่นที่สูงชัน
“รีเวิร์สเม้าท์เทนอยู่ข้างหน้า พวกนายเห็นไหม?” นามิชี้ไปที่ภูเขาสีแดงข้างหน้าเธอแล้วพูดต่อ “นั่นคือรีเวิร์สม้าท์เทน ซึ่งตั้งอยู่ที่ปากทางเข้าทะเลทั้งสี่ กระแสน้ำจากน่านน้ำทั้งสี่ทิศได้ไหลเข้ามาที่ทางผ่านนี้ เราจะต้องฝ่าทางแคบ ๆนี่ไปสู่แกรนด์ไลน์”
“กระแสน้ำสูงและแรงขนาดนี้ มันไม่อันตรายเกินไปเหรอ?” โนจิโกะยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องโดยสาร เกาะแผ่นไม้บนเรือแน่นแล้วตะโกน ส่วนมากิโนะ คายะและอาปิสซ่อนตัวอยู่ที่ห้องโดยสารไม่กล้าออกมา
“ไปกันเถอะ!” รอนสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เขาโบกมือ “เรารีบไปที่แกรนด์ไลน์กันเถอะ!”
“รับทราบกัปตัน!” นามิมองไปที่คลื่นยักษ์อย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็เตรียมที่จะคุมแมรี่ให้แล่นไปข้างหน้า
และทันใดนั้นเอง บนโขดหินที่ห่างออกไปไม่ไกล ลำแสงดาบก็สว่างวาบพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและก็มีเสียงเย็นชาดังขึ้น
“รอน... กัปตันกลุ่มโจรสลัดดาบกุหลาบ ฉันคือหนึ่งในเจ็ดเทพโจรสลัด จูราคิล มิฮอร์ค ฉันมาที่นี่เพื่อดูว่าวิชาดาบของนายจะดีเหมือนในข่าวหรือไม่ นายกล้าประดาบกับฉันหรือเปล่า?”