ตอนที่ 975 หม่า เสี่ยวหลี?
เมื่อหลายเดือนก่อน เมื่อครั้งที่ หลินฟาน ยังเป็นคนส่งอาหาร เขาไม่กล้าคิดจินตนาการเลยว่าเขา ..จะกลายมาเป็นแขกของ นายกเทศมนตรีในเมืองหลวงระดับเขตมณฑล
หางโจว เป็นเมืองหลวงของมณฑลเจียงหนาน ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลเจียงหนาน และเป็นเมืองที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจมากที่สุด..
เมื่อ หลินฟาน ได้เข้าร่วมการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ตัวเลือกแรกของเขาก็คือ หางโจว เพราะทาง หางโจว มีมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเขตมณฑลเจียงหนาน และจํานวนมหาวิทยาลัยก็มีมากที่สุดด้วย และถือได้ว่าเป็นแหล่งรวบรวมผู้มีความสามารถมากมาย
เมืองเทียนไห่ บ้านเกิดของ หลินฟาน ก็เป็นเมืองระดับจังหวัดที่มีเศรษฐกิจค่อนข้างล้าหลัง ..ในมณฑลเจียงหนาน นักเรียนที่นี่ล้วนปรารถนาที่จะได้เข้าไปเรียนที่เมืองใหญ่ เมืองหางโจว เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลนี้ และมันก็ได้กลายมาเป็นตัวเลือกในอุดมคติของคนจํานวนมาก หลินฟาน ในเวลานั้น ..ก็ไม่มีข้อยกเว้น
แต่แล้ว.. ในที่สุด หลินฟาน ก็ไม่ได้สอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในหางโจว แต่กลับไปที่หยุนเฉิง ครั้งหนึ่ง.. มันก็เคยกลายมาเป็นความเสียใจของ หลินฟาน และหลังจาก หลินฟาน ได้สําเร็จการศึกษา เขาก็ได้เริ่มทํางานในหยุนเฉิง ส่วนหางโจว มันก็ค่อยๆ ได้กลายมาเป็นสถานที่ที่ห่างไกล ภายในความทรงจําของเขา
หลินฟาน เคยคิดว่า ในชีวิตนี้.. เขาไม่จําเป็นต้องมาที่เมืองหางโจว ถึงแม้จะมา ..ก็แค่มาเที่ยวในฐานะนักท่องเที่ยว ก็เท่านั้น
แต่เขาก็ไม่เคยได้คิดเลยว่า ครั้งนี้.. เขามาเพื่อทำธุรกิจ หรือมาตกลงธุรกิจกับ ท่านนายกเทศมนตรี?
เมื่อก่อน สิ่งนี้เขาเองก็ไม่กล้าแม้แต่จะคิด แต่ตอนนี้ ..มันกลับกลายมาเป็นข้อเท็จจริงที่มีชีวิต… (หมายถึง สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า)
ทันทีที่ หลินฟาน มาถึงเทศบาลเมือง เขาก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น เลขาเฉิน ได้เดินเข้ามาทักทายเขาที่หน้าประตูเป็นการส่วนตัว เมื่อเห็น หลินฟาน เขาก็ได้รีบเดินเข้ามาทักทายในทันที ทั้งนี้นี่มันก็เป็นคำสั่งของ นายกเทศมนตรี และปรากฏว่าเขาได้กลัวว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่หน้าประตูจะเผลอล่วงเกิน หลินฟาน..
จริงๆ แล้ว นี่มันก็เป็นครั้งแรกที่ หลินฟาน ได้มาที่เมืองหางโจว มันก็เป็นธรรมดาที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะไม่รู้จัก หลินฟาน และมันก็มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะขัดขวาง หลินฟาน ไม่ให้เข้าไป หรือไม่ อาจจะทําให้ หลินฟาน เกิดความไม่พอใจขึ้นมาได้…
อาจกล่าวได้ว่า นายกเทศมนตรี ได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว และเห็นถึงความสำคัญของ หลินฟาน ทั้งได้ยกเขาขึ้น หรืออาจกล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่า หลินฟาน ไม่ใช่แค่แขกที่ได้เชิญมาโดยทั่วๆ ไป.. แต่เขากลับเป็นแขกผู้มีเกียรติ ในหมู่แขกผู้มีเกียรติ อีกด้วย…
ถ้าหากไม่มีเขา ชิป ที่ถือได้ว่าเป็นอนาคตของชาติ ก็จะไม่มีอยู่.. หลินฟาน ในตอนนี้ได้นั่งอยู่ในตำแหน่ง เจ้าของโรงงานผลิตชิป เฉาฟาน หรือก็คือ เขาได้กุมอนาคตทั้งหมดเอาไว้ในกำมือ อาจกล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่า.. หลินฟาน ไม่ว่าเขาจะไปที่เมืองไหน ก็จะได้รับการปฏิบัติเช่นนี้
“คุณหลิน ในที่สุดคุณก็มาถึงแล้ว ท่านนายกเทศมนตรี กำลังรอคุณอยู่ตั้งแต่เช้า.. เขาเพิ่งได้บ่นออกมาอยู่เมื่อครู่นี้เองว่า ‘ไม่รู้เมื่อไหร่ คุณหลินจะมา’!” เลขาเฉิน ได้กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
หลินฟาน ยิ้ม แล้วได้พูดว่า : “ต้องขอโทษจริงๆ ผมเองได้มีเรื่องบางอย่างที่ทำให้ล่าช้าไปเล็กน้อย ตอนนี้ผมก็ได้มาอยู่ที่นี่แล้ว ให้ ท่านนายกเทศมนตรี รอนานก็คงจะไม่ดี ตอนนี้ผมยังคงต้องขอให้ เลขาเฉิน ช่วยนําทาง…..”
“คุณหลิน โปรดตามมาได้เลยครับ” เลขาเฉิน ได้ยิ้มออกมา จากนั้นเขาก็ได้นำทางเดินเข้าไปในอาคารเทศบาล
ในฐานะผู้ประกอบการชั้นเลิศ ที่ได้รับเชิญมายังเทศบาลเมืองหางโจว.. สิ่งนี้ซึ่งเป็นสิ่งที่ หลินฟาน คนก่อน ไม่กล้าคิดจินตนาการ แต่ในขณะนี้ หลินฟาน จิตใจของเขานั้น มันกลับดูสงบมาก และนี่มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้เข้าพบกับ ข้าราชการระดับ นายกเทศมนตรี…
ในเมืองเทียนไห่ เขาได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเมือง และนายกเทศมนตรี
ในเมืองหยุนเฉิง หลินฟาน ก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงภายในสายตาของ นายกเทศมนตรี มานานแล้ว..
ยิ่งไปกว่านั้น หลินฟาน ก็เป็นเช่นนี้เสมอ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีตําแหน่งสูง และมีน้ำหนักมากแค่ไหน หรือแม้สถานะของอีกฝ่ายจะดีแค่ไหนก็ตาม หลินฟาน ก็จะไม่เลือกที่จะก้มหัว และจะไม่คิดหยิ่งผยองต่ออีกฝ่าย…
ตอนนี้ หลินฟาน เป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหยุนเฉิง ส่วนใหญ่ทุกการกระทำของเขา มันก็เป็นเช่นนี้.. และมันก็เป็นเช่นเดียวกันกับในอดีต ในตอนที่ หลินฟาน ยังเป็นคนส่งอาหาร…
อย่าถ่อมตัว อย่าหยิ่งผยอง!
นี่คือทัศนคติในชีวิตที่มีมาตั้งแต่กําเนิดของ หลินฟาน..
“คุณหลิน คุณรอสักครู่ เชิญนั่งลงก่อนครับ ท่านนายกเทศมนตรี กําลังคุยโทรศัพท์อยู่ รอให้ ท่านนายกเทศมนตรี คุยโทรศัพท์เสร็จ ท่านก็จะออกมาพบ คุณหลิน ครับ” เลขาเฉิน ได้กล่าว
หลินฟาน ได้ส่งเสียงตอบรับ และได้นั่งลงข้างๆ เขา
เลขาเฉิน กล่าวว่า : “คุณหลิน โปรดนั่งรอสักครู่นะครับ ผมเองมีบางอย่างที่ต้องไปทำ ไม่ช้าผมจะรีบกลับมาในทันที”
เลขาเฉิน มีธุระก็ได้รีบเดินจากไปก่อน หลินฟาน ก็ได้นั่งอยู่ในห้องโถงคนเดียว และรอต่อไป…
“หลินฟาน นั่นคุณเหรอ? นี่ใช่คุณจริงๆ ใช่ไหม?”
ทันใดนั้น ก็เห็นผู้หญิงที่สวมแว่นตาคนหนึ่ง เดินเข้ามาจากข้างๆ และได้มองมาที่ หลินฟาน
หลินฟาน ได้เงยหน้าขึ้น และจําผู้หญิงคนนี้ได้ทันที เธอคนนี้เป็นเพื่อนร่วมชั้นเก่า ในสมัยมัธยมปลายของเขาจริงๆ!
“หม่า เสี่ยวหลี!” หลินฟาน ได้หัวเราะขึ้นมาก่อนจะพูดว่า “คุณมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
ผู้หญิงที่สวมแว่นตา ก็ได้พูดด้วยความดีใจว่า : “เป็นคุณจริงๆ ด้วย หลินฟาน ฉันแทบจะจำคุณไม่ได้เลย เราเองไม่ได้เจอกันมานานหลายปีแล้ว นี่คุณเปลี่ยนไปนิดหน่อยนะ แต่ก็ยังคงหล่อเหมือนเดิมเลย!”
หลินฟาน ได้ยิ้ม แล้วพูดว่า : “คุณทํางานที่นี่เหรอ?”
หม่า เสี่ยวหลี กล่าวว่า : “ใช่ ฉันได้พยายามสอบเข้าข้าราชการมาได้สองปีแล้ว สุดท้ายก็สอบเข้ามาได้แล้ว ถึงตอนนี้ฉันก็ยังงงๆ อยู่เลย”
หลินฟาน ได้ร้องโอ้ ออกมา ก่อนพูดว่า : “นั่นมันก็เยี่ยมไปเลยไม่ใช่หรือไง ผมเองจําคำที่คุณเคยกล่าวเอาไว้ได้ว่า อนาคตคุณอยากที่จะเข้ามาทํางานในหางโจว ทั้งตอนนั้นคุณเองก็อยากเป็นข้าราชการด้วย เช่นนี้ ผมเองก็ต้องขอแสดงความยินดีกับคุณที่สามารถทำก้าวแรกของตัวเองได้สําเร็จ”
โหยหาเมืองใหญ่ อยากเป็นคนรวย อยากถือชามข้าวเหล็ก(หมายถึง งานที่มั่นคง) ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นความฝันของ “คนตัวเล็กๆ ในท้องถิ่น” ส่วนใหญ่.. หลินฟาน เองก็ได้ออกมาจากหมู่บ้านเล็กๆ เมื่อก่อนเขาก็ได้คิดเช่นนี้ เพียงแต่ช่วงหลังเขาได้เผชิญเข้ากับบทเรียนชีวิต จึงได้เลิกล้มจินตนาการที่เป็นดั่งภาพลวงตา และกลายมาเป็นคนทำงาน ด้วยความซื่อตรง โดยสุจริต…
หม่า เสี่ยวหลี กล่าวว่า “โอ้.. คุณก็อย่าได้มาชมฉันนักเลย ฉันเป็นข้าราชการอะไรกันล่ะ ตัวฉันตอนนี้เป็นได้แค่เสมียนตัวเล็กๆ แต่มันก็พูดได้ว่าเป็นความโชคดีของฉัน แต่เดิมที ตําแหน่งนี้ ..ไม่ใช่ของฉัน ตอนนั้นคนที่อยู่ข้างหน้าฉัน ได้ถอนตัวออกไป พวกเขาจึงได้หยิบยกฉันเข้ามา”
แม้ว่าเธอจะเป็นเพียงเสมียน แต่เมื่อได้เข้ามาทํางานในเทศบาล เธอก็ได้รู้สึกว่าเธอ ..โชคดี และค่อนข้างภูมิใจแล้ว
ตอนเรียนมัธยมปลาย หม่า เสี่ยวหลี และหลินฟาน เคยนั่งโต๊ะเดียวกันมาระยะหนึ่ง ทั้งสองเข้ากันได้ค่อนข้างดี หม่า เสี่ยวหลี เองก็มักที่จะบอกความฝันของตัวเอง ให้กับ หลินฟาน ได้ฟังอยู่เสมอ…
และตอนนี้ ดูเหมือนว่าความฝันของ หม่า เสี่ยวหลี จะเป็นจริงแล้ว.. หลินฟาน เองก็ดีใจไปกับเธอด้วย
“เอาล่ะ หยุดพูดเรื่องฉันได้แล้ว หลินฟาน แล้วคุณล่ะ ตอนนี้คุณกําลังทํางานอะไรอยู่ จริงสิ.. คุณมาที่เทศบาลเมืองได้ยังไง?” หม่า เสี่ยวหลี ได้พูดอย่างอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย
หลินฟาน กําลังที่จะพูดออกไป แต่..
“เสี่ยวหลี นี่คุณกำลังทําอะไรอยู่? เอกสารที่ฉันบอกให้คุณไปจัดการให้เรียบร้อย คุณจัดการมันเรียบร้อยหรือยัง?” ในเวลานี้ ชายวัยกลางคนที่มีพุงใหญ่ ได้เดินเข้ามาด้วยสีหน้าหงุดหงิด..
หม่า เสี่ยวหลี ได้แลบลิ้นออกมา และได้ขยิบตาไปให้กับ หลินฟาน เพื่อส่งสัญญาณให้หยุดพูดคุยกันก่อน เมื่อนั้นเธอจึงได้รีบออกไป
“หัวหน้าส่วน ฉันได้จัดเอกสารให้เรียบร้อยตามคําสั่งของคุณแล้ว โปรดดู..” หม่า เสี่ยวหลี ได้ส่งเอกสารฉบับหนึ่งไปให้อีกฝ่าย
ชายวัยกลางคนที่พุงใหญ่ ได้รับเอกสารแล้ว เขาก็ได้เปิดมองปราดเดียวก็ได้มีสีหน้าจมลงทันที : “นี่คุณมันทํางานยังไง! ฉันมองแวบเดียวก็เห็นข้อผิดพลาดแล้ว!”
หม่า เสี่ยวหลี ตกใจ และได้พูดว่า : “หัวหน้าส่วน นี่.. มันผิดตรงไหน?”
ชายวัยกลางคนที่มีพุงใหญ่ ได้กล่าวว่า : “คุณดูข้อมูลตรงนี้ เอาดู คุณดูด้วยตาตัวเอง ฉันเห็นว่าคุณมันจําเป็นต้องเปลี่ยนแว่นตาใหม่ได้แล้วมั้ง ไม่งั้นคุณมันก็จะตาบอดอยู่อย่างงี้! แล้วนี่แค่ข้อมูลง่ายๆ แบบนี้ ก็เข้าใจผิดเสียหมด คุณมันช่วยใช้สมองหน่อยได้ไหมหะ!”
ในขณะที่กำลังดุด่าอยู่ ชายวัยกลางคนก็ได้ยื่นนิ้วมาจิ้มที่หน้าผากของ หม่า เสี่ยวหลี ไปพลาง..
เมื่อเห็นสิ่งนี้ หลินฟาน ก็ได้ขมวดคิ้ว …หัวหน้าส่วนคนนี้ ดูอารมณ์รุนแรงจริงๆ
หม่า เสี่ยวหลี ที่ได้ดูข้อมูลนี้แล้วนั้น เธอก็ได้พูดอย่างไม่พอใจเล็กน้อยไปว่า : “ก็.. ข้อมูลนี้ เป็นข้อมูลที่คุณส่งมาให้ฉัน ฉันไม่ได้ตกทศนิยมแม้แต่จุดเดียว หากไม่เชื่อ ฉันจะแสดงข้อมูลในประวัติแชทที่คุณส่งมาให้ดู”
พูดพลาง หม่า เสี่ยวหลี ก็ได้หยิบโทรศัพท์ออกมาเปิด..
ชายวัยกลางคนที่มีพุงใหญ่ ก็ได้พูดด้วยความโกรธออกไปว่า : “ดูบ้าดูบออะไร! ดูสิ ฉันบอกว่าคุณผิด มันก็คือผิด ฉันดูแล้ว.. คุณมันไม่ฉลาดเลยสักนิด!”
เมื่อนั้นก็ได้เห็นว่า ชายวัยกลางคน ได้ยกมือขึ้น เหมือนราวกำลังจะตบหน้า หม่า เสี่ยวหลี ผู้หญิงคนนี้มันน่ารำคาญมากจริงๆ นี่ถ้าเธอพิสูจน์ได้ว่าตัวเลขที่เขาได้ให้ไปนั้น มันผิดจริงๆ แบบนั้นเขาจะยังเอาหน้าไปไว้ที่ไหนได้อีก?
ภายในวงการข้าราชการนั้นมันก็ดูออกจะซับซ้อน คนทั่วไปยังไม่สามารถทำอะไรได้ แล้ว หัวหน้า แบบเขาจะไปผิดได้อย่างไรกันล่ะ ถูกไหม? ความผิดของหัวหน้า มันก็ต้องเป็นความผิดของลูกน้อง ..เหตุผลแค่นี้ หม่า เสี่ยวหลี ที่เพิ่งเข้ามาจึงดูเหมือนจะยังไม่เข้าใจ ในข้อนี้…
ในสายตาของ ชายวัยกลางคนคนนี้ หม่า เสี่ยวหลี เป็นคนที่ไม่ฉลาด และเขาก็ต้องการจะสั่งสอนให้เธอรู้ถึง ..วิธีการปฏิบัติ
“เฮ้ๆ พูดก็พูดไป แต่.. อย่าได้ลงมือ”
ทันใดนั้น จู่ๆ ก็ได้มีเสียงดังมาจากด้านข้าง
หลินฟาน!
ชายวัยกลางคนที่มีพุงใหญ่ ก็ได้หันมามอง หลินฟาน ดูเหมือนว่าเขาเพิ่งจะสังเกตเห็นการมีอยู่ของ หลินฟาน หลังจากอึ้งไปครู่หนึ่ง เขาก็ได้รู้สึกรําคาญขึ้นมาทันที : “คุณ ..เป็นใคร?”