ตอนที่ 65 ฟักทองแห่งความขลาด
ตอนที่ 65 ฟักทองแห่งความขลาด
หลังจากเปิดหน้าต่างอัญเชิญทหารแล้ว หลิน ยู ก็ตรวจสอบดู
ทหารที่อัญเชิญออกมาได้ยังคงเป็นหน่วยเดิมอยู่ แต่ขีดจำกัดเพิ่มขึ้นเป็น 120 ตัว มันเพิ่มเป็น 2 เท่าจากเมื่อก่อน
เมื่อพิจราณาว่าหลังจากที่เขาเลื่อนระดับ หอคอยทหารเป็นระดับ 6 แล้วเขาสามารถวิจัยและอัญเชิญมันออกมาได้โดยตรง
เขาจะไม่ได้ใช้พลังเวทย์ ทั้งหมดไปกับการอัญเชิญ
ท้ายที่สุด ตอนนี้เขาเหลือพลังเวทย์เพียง 3000 แต้ม เขาต้องประหยัดพลังเวทย์เอาไว้ก่อน
หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก็มีพืชเพียง 10 ตัวที่ได้รับการอัญเชิญออกมา
เมื่อมองไปที่กลุ่มแสงด้านหน้าหลิน ยู เขาก็ได้ใช้ความสามารถกลายพันธุ์กับ 1 ในนั้นทันที
[คุณได้ใช้ความสามารถกลายพันธุ์กับทหารระดับ 5 ใช้พลังเวทย์ 100 แต้ม คุณต้องการดำเนินการต่อหรือไม่ ? ]
"ใช่"
แสงสว่างห่อหุ้มเหล่ากลุ่มแสงที่อยู่ตรงหน้าหลิน ยู ได้เปลี่ยนรูปของมันให้กลายฟักทอง
เขาตกตะลึงทันที ไม่คาดคิดว่าจะได้เป็นทหารประเภทใหม่ที่ยังไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน
เขารีบตรวจสอบข้อมูลของมันทันที
[ชื่อ : ฟักทองแห่งความขลาด]
[เผ่าพันธุ์ : พฤกษา ]
[ระดับ : ระดับ 5 (0/250)]
[ความแข็งแกร่ง : 0]
[ร่างกาย : 50]
[ความว่องไว : 200]
[วิญญาณ : 150]
[สกิล : ฟักทองหลบหลีก (ถอนรากออกและกลิ้งหลบด้วยความเร็วสูง) , หว่านเมล็ด (กระจากเมล็ดฟักทองไปยังพื้นที่ๆกำหนด มันสามารถเติบโตได้แม้ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย สามารถนำมากินได้)]
[หมายเหตุ : มันขี้ขลาดอย่างมากจะวิ่งหนีทันทีเมื่อเจออันตราย]
หลิน ยู "..."
เมื่อเห็นค่าสถานะของฟักทองแห่งความขลาดตรงหน้าเขา ในหน้าของ หลิน ยู ก็ปรากฏเส้นเลือดดำ
ฟักทองแห่งความขลาด
มันเป็นพืชที่ขี้กลัว
เพื่อที่ให้มันหลบหนีง่าย ตัวมันเลยมีแต่ความว่องไว
เขาไม่คิดเลยว่าจะมีพืชที่แปลกแบบนี้อยู่ทหารพื้นฐานที่ถูกปลดล๊อก นี้มันเรื่องบ้าอะไรเนี้ย
แต่ทันใดนั้น หลิน ยู ก็ค้นพบข้อดีของฟักทองแหละความขลาดนี้
สกิล หว่านเมล็ด
แถมมันยังเติบโตได้แม้สภาพแวดล้อมที่เลวร้าย
นี้มันสิ่งที่เขาขาดมากที่สุดในดินแดนของเขาไม่ใช่หรือ?
แม้ว่าฟักทองจะไม่ใช่อาหารหลัก แต่ว่ามันก็ถือว่าเป็นอาหารอยู่
อีกทั้งยังมีปริมาณน้ำตาลสูงมากจึงเหมาะกับนำไปปลูกให้ฝูงชน
"งั้นเรา มาลองหว่านเมล็ดที่นี้กัน!"
หลิน ยู ชี้ไปที่พื้นที่โล่งข้างๆ เขาบอกกับเจ้าฟักทองจอมขลาดนี้
หลังจากได้รับคำสั่งฟักทองแห่งความขลาดก็ถอนรากของมันออกจากพื้น กลิ้นมาที่เท้าของ หลิน ยู หว่านเมล็กสีเหลืองออกมาตรงหน้าเขา มันหายจมไปในดิน
จากนั้นเจ้าฟักทองก็นำรากของมันก็แทงลงไปในดินบิดไปมาอยู่ข้างๆแปลงฟักทอง ดูมีความสุขนิ่งนัก
หลิน ยู มองไปยังฟักทองเหล่านั้นด้วยท่าที ประหลาดใจ
ใข้เวลาเพียงไม่กี่นาที ดอกตูมๆก็โผล่ขึ้นมาจากพื้นมันโตขึ้นอย่างช้าๆ ภายใต้แสงแดดอ่อนๆ
หลิน ยู รู้ว่าเพราะเมล็ดพวกนี้มันถูกปลูกอยู่รอบๆต้นไม้แห่งชีวิต มันจึงเติบโตได้อย่างรวดเร็จ
ถ้าหากเขานำไปปลูกในเมืองหวงซา มันคงไม่เติบโตไวแบบนี้
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็คิดที่จะให้ชาวเมืองปลูกอยู่ดี
เพราะท้ายที่สุดแล้ว พืชธรรมดาไม่มีทางที่โตขึ้นที่นี้ได้ มีเพียงเมล็ดพันธุ์จากเขาเท่านั้นถึงสามารถปลูกได้
หลิน ยู ไม่คาดคิดว่าสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายแบบนี้ จะถูกข้อดีของเผ่าพฤกษาของเขาแก่ปัญหาได้อย่างง่ายดาย
ต่อไป
หลิน ยู ยังคงกลายพันธุ์วิญญาณพืนที่เหลืออีก 9 ตัว
ผลลัพธ์มันเป็นไปตามที่เขาคาดการณ์ไว้ มันมีความหลากหลายมากขึ้นในการกลายพันธุ์ มีทั้งข้าวสาลีที่กลายพันธุ์ มันฝรั่งกลายพันธุ์ แม้แต่ฟักทองก็มีมาเพิ่ม
พวกมันสามารถเติบโตได้แม้ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย ซึ่งพวกจะมาช่วยขยายแปลงเพาะปลูกให้กับเขาได้
ส่วนที่เหลืออีกครึ่งพวกมันกลายพันธุ์เป็นพืชสายต่อสู้ที่เขาคุ้นเคย แต่ไม่มีพืชชนิดใหม่ออกมา
คาดว่าเพราะจำนวนทหารที่เขากลายพันธุ์น้อยเกินไป
ดูเมื่อวานเราจะทดลองเรื่องนี้ได้อีกครั้ง หลังจากที่เรารวบรวมพลังเวทย์ได้มากกว่านี้ในอนาคต
สำหรับพลังเวทย์ที่เหลืออีก 1000 แต้ม เขาก็เก็บไว้ก่อนเผื่อกรณีฉุกเฉิน
ในกรณีฉุกเฉินนั้น เขาสามารถอัญเชิญมังกรปิศาจพฤกษาระดับ 5 และ แม่มดลวงตา ระดับ 5 ออกมาได้เลย
ในตอนนี้ปัญหาเรื่องของความปลอดภัยและอาหารได้รับการแก้ไขแล้ว
ต่อไปคือเรื่องของการสร้างเมืองหวงซาขึ้นมาใหม่รวมถึงสำรวจทรัพยากรต่างๆ การรวบรวมข้อมูล พร้อมทั้งสำรวจบริเวณโดยรอบ
มีหลายสิ่งที่ต้องทำมากมาย หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกลนัก
ถ้าพูดถึงเรื่องดีๆ หลังจากที่สะสมค่าประกบการณ์อยู่ในดินแดนมาหลายวัน ชิงถัง ก็ได้รับการเลื่อนขึ้นเป็นระดับ 6 ได้สำเร็จ ราชาปิศาจเห็ดก็ก้าวขึ้นสู่ระดับ 5 เช่นกัน
จากการที่ ชิงถัง เลื่อนเป็นระดับ 6 ทำให้ป่าเถาวัลย์ขยายออกไปเพิ่มจาก 100 เมตรเป็น 200 เมตรก่อตัวเป็นป่าที่น่าหวาดกลัวล้อมรอบดินแดนของเขาเอาไว้
ถ้ามองจากระยะไกล เขาต้องคิดว่ามันเป็นรากของต้นไม้แห่งชีวิตแน่ๆ ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
มาพูดถึงราชาปิศาจเห็ด
ความรุนแรงของระเบิดเห็ดของมันเพิ่มขึ้นอย่างมาก ระเบิดของมันทำให้เกิดหลุดขนาดยักษ์ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
และด้วยความตื่นเต้นของมัน ถ้าหาก หลิน ยู ไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นมันคงได้ระเบิดเมืองหวงซาเป็นจุลไปแล้ว
เขามองไปที่ราชาปิศาจเห็ดที่กำลังกระโดดโลดเต้นอยู่ไกลๆ
หลิน ยู ยิ้มกว้างออกมา เข้าส่งมังกรปิศาจพฤกษา ออกไป เพื่อแจ้งกับ เซียว ฉางกุ้ย ว่าให้ส่งผู้ช่วยของเขาเข้ามา ขณะเดียวกันก็ให้เหล่าพืชกลายพันธุ์ทั้งหลายเริ่มผลิตเมล็ดออกมาให้พร้อมที่จะแจกจ่ายให้กับชาวเมืองนำไปเพาะปลูก
ผ่านไป 10 นาที
เซียว ฉางกุ้ย พาลูกน้องเขามารอที่ด้านนอกของป่าเถาวัลย์เขาเดินเข้าไปข้างในด้วยความหวาดกลัว
เถาวัลย์ที่ดูน่าสะพรึงกลัวเหล่านี้ ได้หลีกทางให้พวกเขาเดินเข้ายังดินแดนของ หลิน ยู
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้ง 2 ก็เข้ามาถึงในดินแดน
"ทำไมคุณถึงมาอยู๋ที่ ผมบอกให้ผู้ช่วยของคุณมาไม่ใช่หรือ?"
หลิน ยู ที่กำลังเก็บเมล็ดอยู่มองไปที่พวกเขา 2 คน
"เรียกนายท่าน ถ้าหากเป็นเรื่องนี้เกี่ยวกับท่านแน่นอนว่าข้าต้องมาด้วยตัวเอง"
เซียว ฉางกุ้ย ชอบพูดอย่างเป็นทางการขณะแอบสังเกตสภาพแวดล้อม ดวงตาของเขาก็ตกตะลึง
ที่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นดินแดนยิ่งใหญ่ขนาดนี้ แม้แต่ราชันคนก่อนหน้านี้ดินแดนของเขาก็ยังไม่ถึงขนาดนี้
โดยเฉพาะพืชแปลกๆ จำนวนมากในดินแดน ทำให้ดวงตาของเขาเบิกกว้าง รีบโค้งคำนับ หลิน ยู ด้วยความเคารพทันที
"ข้าไม่ทราบว่าทำไมนายท่านถึงเรียกข้ามาที่นี้"
"ออ ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่จะให้เมล็ดพันธุ์กับคุณ เพื่อให้คุณนำกลับไปแจกให้ชาวเมือง เพื่อให้พวกเขาเริ่มทำการเพาะปลูก"
เมื่อพูดจบ หลิน ยู หยิบกระเป๋าใหญ่ขึ้น 2 3 ใบพวกมันทำจากหนังสัตว์ วางไว้ที่ด้านหน้าของ เซียว ฉางกุ้ย
"นี้มัน..."
เซียว ฉางกุ้ย และผู้ช่วยของเขามองไปที่ หลิน ยู ด้วยสีหน้าที่มึนงง
"นี้คือเมล็ดข้าวสาลี ฟักทอง และมันฝรั่ง ที่ฉันทำขึ้นมาเป็นพิเศษ พวกมันสามารถปลูกได้แม้ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย"
"ห่ะ.. มันสามารถปลูกที่นี้ได้!?"
เซียว ฉางกุ้ย และผู้ช่วยของเขาตกใจมากมองไปเมล็ดที่อยู่ในกระเป๋า 3 ใบนี้ด้วยความเหลือเชื่อ
ต้องเข้าใจก่อนว่าทำไมพวกเขาถึงมีชีวิตที่ย่ำแย่
สาเหตุหลักๆมาจากสถาพแวดล้อม
ตอนนี้ หลิน ยู ได้มอบเมล็ดพันธุ์ที่สามารถปลูกได้ในสถาพแวดล้อมแบบนี้ ดังนั้นจะไม่ทำให้พวกเขาตื่นเต้นได้ยังไงกัน มันตื่นเต้นซะจนแทบจะพูดไม่ออก
"อ้อ ใช่ ฉันยังมีซากมอนสเตอร์เหลืออยู่อีก 2 3 ที่นี้ คุณคงต้องให้ใครพามันกลับไปด้วย คืนนี้เราจะมาทำอาหารให้ชาวเมืองกันเถอะ"
เมื่อพูดแบบนั้น หลิน ยู ก็นำซากของมอนเตอร์ที่เขาเก็บไว้ก่อนหน้านี้ในกระเป๋ามิติออกมาด้วยเสียงโครมคราม ออกมาหลายตัวกองเป็นเนินอยู่ตรงหน้าเขา
ด้วยขนาดที่ใหญ๋ขนาดนี้มันจึงไม่เป็นปัญหาเลยที่จะเลี้ยงคนมากกว่า 500 คน
สิ่งนี้ทำให้ เซียว ฉางกุ้ย และพวกช่วยของเขาอยู่ในอาการตกใจ
เขาพูดอย่างตื่นเต้น "ได้ ได้เลย ผมจะไปเรียกคนเอาเกวียนลากไป ขอบคุณนายท่านสำหรับรางวัล!"
หลังจากที่ขอบคุณเขาเสร็จแล้ว เขาก็รีบจากไปอย่างมีความสุข
หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็กลับไปที่เมืองเพื่อกระจายข่าวเรื่องนี้ออกไป ก่อให้เกิดความโกลาหกไปทั่วทั้งเมือง พวกเขาทั้งหมดระดมกำลังกันไปลากเจ้าเนื้อยักษ์ออกมา!