ตอนที่ 1233 เวทีทอง
เด็กหนุ่มจากโลกอื่นพบกับเทพปีศาจเว่ยกวงแต่กลับไม่ได้รับอันตราย
เพราะเขาไม่ได้มีแค่เสวี่ยอู๋เสียช่วยเหลือเท่านั้น แต่ยังมีนางพญาผู้พิชิตผู้เคยกวาดไปทั่วแดนสวรรค์คอยหนุนหลังเขา ดังนั้นเทพปีศาจเว่ยกวง เทพรุ่นเก่าที่มีความหยิ่งยโสต่อหน้าเด็กหนุ่มข้ามโลกต้องเข้าไปในอยู่ในโลกใบเล็กถูกผนึกไว้ในหน้าของคัมภีร์อัญเชิญระดับศักดิ์สิทธิ์รอจนนางพญาเฟ่ยเหวินหลีนึกออกจึงจะยอมปล่อยเขาไปคาดว่าคงเป็นลูกหลานเย่ว์หยางรุ่นที่1008
มีคำกล่าวที่ว่าคนเหมือนกันแต่มีชีวิตแตกต่าง
ในทางตรงกันข้าม
เย่คงเจ้าอ้วนไห่ และเสวี่ยทันหลางเผชิญกับศัตรูแข็งแกร่งไม่สามารถผ่านได้ง่ายๆ
หอทงเทียนพื้นที่ปะทะฝีมือกว้างใหญ่ไพศาลดินแดนที่อาจารย์จารย์จิ้งจอกเฒ่าได้พัฒนาขึ้นมามากตอนนี้มีสองฝ่ายกำลังเผชิญหน้ากัน
ฝั่งซ้ายเป็นบุรุษหนุ่มที่ดูคล้ายเทพเจ้าที่ยืนอยู่ฝั่งเขาเป็นชายชราสวมชุดคลุมดำและบัณฑิตวัยกลางคนด้านหลังมีหัวหน้าหัวสิงห์ หัวแรด และหัวหน้าร่างผอมหัวหน้านักสู้จากแดนสวรรค์ที่คุกเข่าด้วยความกลัวตรงข้ามกับสามคนคือเจ้าอ้วนไห่เย่คง เสวี่ยทันหลาง องค์ชายเทียนหลัวและพี่น้องตระกูลหลี่ พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับกลุ่มศัตรูนักสู้แดนสวรรค์ที่อยู่ข้างหน้าเขา...แม้ว่าจะเข้าสู่สนามประลองในมิติของอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าจะไม่มีใครนอกจากพวกเขาเองจะเข้ามาช่วยได้ เพื่อหลอกล่อศัตรู เจ้าอ้วนไห่เย่คงและพวกยอมให้ตนเองตกอยู่ในอันตราย
มีผลเพียงสองประการ
หนึ่งคือตาย
หรืออีกข้อหนึ่งคือเอาชนะศัตรูที่แข็งแกร่งและออกมาจากมิติต่อสู้
ถ้าเจ้าอ้วนไห่และเย่คงกับพวกพลาดท่าล้มเหลวในการเอาชนะศัตรู พวกเขาทั้งหมดจะตายจากนั้นอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าจะผนึกดินแดนกว้างใหญ่นี้เว้นแต่เย่ว์หยางกลับมาหอทงเทียนจึงค่อยเปิดผนึกล้างแค้นให้เจ้าอ้วนไห่และพวก มิฉะนั้นพื้นที่นี้จะไม่มีวันเปิดออกมาได้อีกเลย
“ไม่เลว! ทุกอย่างที่นี่น่าทึ่งอย่างคาดไม่ถึง ถ้าเจ้ามองเพียงมิติพื้นที่ พวกเจ้าจะมองไม่เห็นการพัฒนาการของนักสู้ที่มิใช่ระดับเทพมีสายตาที่เฉียบคมเลือกมิติพื้นที่ได้เด็ดขาดมาก มิติประลองนี้ด้วยพลังต่ำกว่าปราณฟ้าระดับสามพวกเจ้าสามารถเปิดมิติประลองแบบนี้ได้ผู้อำนวยการสุ่ยตงหลิวเป็นอาจารย์ของเย่ว์ไตตันได้จริงๆ เมื่อเทียบกับระดับผู้นำของแดนสวรรค์ระดับเจ้าเมืองเจ้าแคว้นที่เอาแต่ดื่มด่ำกับทรัพยากรที่น่าขยะแขยงอย่างไม่มีความละอายหากพวกเจ้าเป็นอย่างนั้นคงเป็นเรื่องน่าขายหน้าอยู่บ้าง เขายิ้มขณะมองดูเจ้าอ้วนไห่เย่คงและคนอื่นๆ ”ถ้าข้าไม่ใช่ลูกของท่านพ่อ แต่เป็นผู้บัญชาการอื่นของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นก็คงจะพ่ายแพ้แผนการออกแบบของพวกเจ้าอย่างสิ้นเชิง รู้สึกเป็นเกียรติที่พวกเจ้าวางแผนกับข้าโดยตรงแต่ข้าไม่มีทางถูกหลอก ที่น่าสมเพชก็คือพวกเจ้าละเลยการทำงานของสมบัติพิเศษ”
“การทำงานของสมบัติวิเศษอะไร?” เย่คงขมวดคิ้ว
“ถูกต้อง”บุรุษหนุ่มยังคงทำเป็นมีมารยาทเหมือนกับเพิ่งพบเย่คงและเจ้าอ้วนไห่และคนอื่น “ขอเวลาให้ข้าได้แนะนำตัวเองเล็กน้อยข้าเรียกว่าตงฟางซี เรียกสั้นๆ ว่าเฉินซีมิตรสหายบางคนให้ฉายาข้าว่าคุณชายหลี่หมิง ความจริงทั้งหมดนี้ไม่ใช่พลังของข้า แต่โจรขโมยหลายคนกระทำการปล้นบ้านข้า มันทำให้พูดไม่ออกจริงๆ”
“ข้าขอโทษด้วยที่ต้องพูดอย่างตรงไปตรงมา เราไม่เคยได้ยินชื่อคุณชายหลี่หมิงมาก่อน!” เย่คงอดย้อนถามไม่ได้
“เราไม่ต้องการรู้ว่าบิดาของเจ้าเป็นใคร” เจ้าอ้วนไห่ขัดคอฝ่ายตรงข้าม
“เฉินซีไม่อยากคุยโม้โอ้อวดเรื่องตัวเองเพราะครอบครัวของเขาแยกออกมาจากหอทงเทียนดังนั้นโอ้อวดไปจะทำให้เจ้าหัวเราะเสียเปล่าๆ” หลี่หมิงไม่ตื่นเต้นแต่ยังคงยืนยิ้ม “ท่านพ่อข้าตงฟางเจ้าตำหนักใหญ่มองผิวเผินเป็นคนของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ แต่เขาก็เคยเป็นคนของหอทงเทียน หลังจากออกมาจากหอทงเทียนข้าเคยถามถึงหอทงเทียนมาเป็นเวลาหลายพันปีตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว และในฐานะลูกเขามักถอนหายใจไม่หยุดหย่อน แม้ว่าท่านพ่อของข้าจะเกลียดทุกอย่างในหอทงเทียน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกอย่างในหอทงเทียนนั้นอยู่ในสายเลือดของเขามานาน แม้จะผ่านเวลามานานเป็นพันปีแล้วก็ตามก็ไม่ได้ลดลงเลยสักนิด”
“กลายเป็นว่าบิดาของเจ้าก็คือตงฟางคนทรยศหอทงเทียนใช่ไหม?” เย่คงบอกว่าเขาเข้าใจแล้ว
“อะไรนะ?ตงฟาง? เจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์?ชื่อนี้ทำให้ข้ากลัวแทบตายเลยจริงๆ!” เจ้าอ้วนไห่แสร้งทำเป็นกลัว
“ถ้าไม่ใช่เพราะทางเลือกที่ผิดพลาดของปีนั้นท่านพ่อรักหอทงเทียนเข้าเส้นเลือด เข้าไปอยู่ในจิตและวิญญาณเขายอมทรยศเพื่อยกระดับตนเอง ยกระดับบ้านเกิดที่สวยงามของเขา กี่ปีมาแล้วที่ข้าได้เห็นความคิดความเจ็บปวดของเขาไม่ได้ลดลงตามกาลเวลาที่ผ่านมาเลยมีแต่จะทวีมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าบ้านเกิดของเขาคือฝันร้าย และข้ารู้สึกเห็นใจเขา” คุณชายหลี่หมิงถอนหายใจยาว
“ข้าเห็นแย้งนิดหน่อย” เสวี่ยทันหลางส่ายหน้า
“เห็นต่างเรื่องอะไร?” องค์ชายเทียนหลัวถามกลับ
“ในเมื่อรักหอทงเทียนอย่างลึกล้ำและนี่คือแดนมาตุภูมิที่งดงาม ทำไมจึงต้องทรยศ?” เสวี่ยทันหลางเป็นคนแรกที่เข้าใจ
“เจ้าต้องการเหตุผลของการเป็นคนหักหลังหรือ?” เจ้าอ้วนไห่เมื่อได้ยินก็หัวเราะลั่นพลางตบต้นขา “ถ้าตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ยอมให้หญิงงาม และสมบัติวิเศษกับข้า ข้าคงกบฎต่อหอทงเทียนเป็นคนแรก ใครจะทรยศหักหลังกันได้ง่ายๆเล่าหากไม่ได้รับผลประโยชน์! รักลึกซึ้งหรือ? รักดินแดนมาตุภูมิอย่างลึกซึ้ง ผายลมชัดๆ กลัวคนอื่นตราหน้าจึงตั้งชื่อหาข้ออ้างอย่างสวยงาม คนทรยศ ยังไงก็เป็นคนทรยศวันยังค่ำไม่ใช่หรือ?ถ้าจะพูดกันอย่างนี้ ข้าก็สามารถข่มขืนสาวๆ แล้วบอกว่ารักลึกซึ้งก็คงได้อย่างนั้นหรือ?”
“เข้าใจแล้ว,เดิมก็คือซุ้มประตูที่หญิงคณิกาสร้างไว้ระลึกถึงวันเสียความบริสุทธิ์!” เย่คงผายมือและพูดว่าเขาเข้าใจเต็มที่
“ไม่ว่ายังไงก็ตามดินแดนมาตุภูมิของบิดาข้า มิอาจไม่ทำลายได้ข้าเข้าใจดีว่าพวกเจ้าคือนักรบผู้ภักดีคอยกำจัดผู้ทรยศ แม้ว่าข้าจะชื่นชมพวกเจ้าในระดับหนึ่งเพราะแม้จะเป็นความภักดีที่ไร้สาระก็ตามก็ถือว่าเป็นจิตวิญญาณที่คู่ควรแก่การยกย่อง!” หลี่หมิงผู้เกิดมาพร้อมกับความอารมณ์ดีมิได้โกรธ
“โอ้อวดบิดาของเจ้าแล้ว ยังมีอะไรที่เจ้าอยากจะอวดอีก?” เจ้าอ้วนไห่เอานิ้วไชจมูกมองหน้าอีกฝ่ายอย่างดูแคลน
“ความจริงการแสดงออกของข้าไม่ใช่เป็นการโอ้อวดข้าสามารถคว่ำพวกเจ้าทุกคนได้หมด มองดูพวกเจ้าคร่ำครวญและหัวเราะเยาะพวกเจ้า นั่นคือการลงมือที่แท้จริง ตอนนี้ข้าแค่บอกความจริงอย่างอดทนนั่นคือไม่ว่าพวกเจ้าจะพยายามอย่างหนักเพียงไหนก็ตาม จะใช้ของวิเศษแบบไหนก็ช่างเจ้าไม่มีโอกาสสู้หน้าข้าผู้คุ้นเคยกับกลยุทธ์ของหอทงเทียนพวกเจ้าไม่มีทางทำได้สำเร็จ เกี่ยวกับมิติที่พวกเจ้าพัฒนาขึ้นมานี้ บางทีคนอื่นอาจไม่สามารถทำอะไรได้ แต่สำหรับข้ามีวิธีออกไปจากที่นี่ได้อย่างน้อยร้อยวิธี มีสมบัติวิเศษ 99อย่างก็ทำให้ข้าออกไปจากที่นี่ได้อย่างง่ายดาย” สีหน้าของคุณชายหลี่หมิงไม่มีความรู้สึกว่าต้องใช้ความอดทน หรือว่าโกรธเขากล่าวราวกับว่ากำลังพูดเรื่องธรรมดาๆ
“รู้แล้วว่าบิดาทรยศของเจ้ามีความรู้น่ากลัวตระกูลของเจ้าสร้างสิ่งของที่พวกกบฏต้องใช้มากมายมาขู่ขวัญพวกข้าให้กลัวแทบตาย ตอนนี้เจ้ารู้สึกพอใจหรือยัง?” เจ้าอ้วนไห่สั่งขี้มูกและอ้าปากหาวอย่างไม่ใส่ใจ
“ดีมาก” คุณชายหลี่หมิงปรบมือและชื่นชมทันที
“รีบลงมือเร็วๆเข้า เอาแต่พร่ำบ่นเป็นยายแก่ฟันหักอายุ 180 ปีคงไม่ดีแน่ เจ้าเริ่มลงมือได้เลย เรารอจนทนไม่ไหวแล้ว! ถ้าเจ้าคิดว่าเจ้าคุยโม้ต่ออีกสองสามคำและทำท่าโกรธออกมาอีกเล็กน้อยจะทำให้เราตกใจกลัวทรุดกับพื้นกอดขาร้องขอความเมตตาจากเจ้า อย่างนั้นเจ้าก็คิดผิด!” เจ้าอ้วนไห่ยักไหล่ทำให้พุงเป็นลอนของเขาสั่นกระเพื่อมตามไปด้วย
“เขาแค่ถ่วงเวลา”องค์ชายเทียนหลัวแค่นเสียงเย็นชา “เขาเริ่มลงมือแล้วตั้งแต่เข้ามาในนี้เขาใช้ทักษะแฝงเร้นจัดกระบวนรบฝ่ายพวกเขาแล้วไอ้เรื่องพูดไร้สาระมากมายนั้นเป็นแค่การถ่วงเวลา”
“ข้ายอมรับว่าเป็นเรื่องจริง” คุณชายหลี่หมิงยิ้มอย่างไม่รู้สึกอะไร “แต่ข้าก็ต้องการทดสอบผู้พิทักษ์หอทงเทียนว่ามีเล่ห์เหลี่ยมไหวพริบเพียงไหน! ข้าต้องบอกว่าไม่เลวแต่ไม่ใช่เป็นการเยินยอพวกเจ้า แต่เป็นการชื่นชมเย่ว์ไตตันจากใจจริง ตั้งแต่เขารุ่งเรืองขึ้นมาหอทงเทียนทั้งหมดเหมือนเปลี่ยนโฉมหน้าใหม่ แต่ก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจ ข้ารู้สึกตกใจกับการกระทำของผู้เยาว์อย่างพวกเจ้า บางทีข้าอาจจะโกรธทุ่มเทกำลังบดขยี้และหวังว่าหลังจากนั้นข้ายังจะสงบอยู่ได้”
“เจ้ากำลังจะบอกว่าเย่ว์หยางส่งผลเสียต่อเราหรือ?” องค์ชายเทียนหลัวส่ายหน้า “เย่ว์หยางไม่ได้ทำให้เราฉลาดเจ้าเล่ห์แต่อย่างใดนอกจากทำให้เรามั่นใจในตนเอง”
“แน่นอนว่าเรื่องเชื่อมั่นในตนเองนั้นข้าเห็นด้วย! ภายใต้อิทธิพลของเย่ว์ไตตัน พวกเจ้ากลายเป็นคนมั่นใจในตนเอง!” คุณชายหลี่หมิงพยักหน้า
“คุณชายหลี่หมิง, ข้าบอกได้ไหมว่าเจ้ารอให้เย่ว์หยางกลับมาแล้วค่อยสรรเสริญชื่นชมเราได้ไหม?มาพูดเอาตอนนี้เขาไม่ได้ยินเจ้าพูด!” เจ้าอ้วนไห่หวังว่าจะได้บันทึกคำพูดคุณชายหลี่หมิงไว้ออกอากาศไว้ให้เย่ว์หยางได้ยิน เป็นเรื่องยากที่จะมีบางคนชื่นชมเขา แม้ว่าจะไม่มีประโยชน์ แต่ก็เป็นคำชื่นชม
“ลงมือได้แล้ว! ไร้สาระ เปล่าประโยชน์สำหรับข้า!” เย่คงเรียกคัมภีร์อัญเชิญอย่างใจเย็น
“เอาของวิเศษออกมาเพิ่มได้เลยเราคุณชายกลัวแล้ว” เจ้าอ้วนไห่อยู่กับเย่ว์หยางมาเป็นเวลานานพวกเขาฆ่าอสูรและยึดสมบัติเป็นของตน นั่นเป็นเรื่องปกติวิสัยของพวกเขา พวกเขาไม่เคยกลัวสมบัติวิเศษ บัดนี้พอพบกับคุณชายหลี่หมิงผู้เป็นเหมือนเทพสมบัตินั่นเป็นเรื่องที่พวกเขาชอบใจพอดี
“ระวังตัวไว้ให้ดี”พี่น้องตระกูลหลี่ฝึกฝนมานานแล้ว เขาจะเตือนทุกคนให้ระวังก่อนต่อสู้
“พลังน้ำแข็ง!” เสวี่ยทันหลางชูมือขึ้นท้องฟ้าอากาศที่อยู่รอบตัวเขากลายเป็นโลกหิมะน้ำแข็งทันที
ยักษ์วายุอสูรพิทักษ์ของเขายืนอยู่ด้านหลังของเขา และเขากดฝ่ามือลงกับพื้นทำให้พื้นที่โดยรอบกลายสภาพเป็นน้ำแข็งทันที
ไม่ต้องพูดถึงทาสจากแดนสวรรค์ แม้แต่หัวหน้านักสู้หัวสิงห์ หัวแรด และคนอื่นๆร่างกายพากันแข็งทื่อกันหมด ความเคลื่อนไหวของพวกเขาช้าลงอย่างมากยกเว้นคุณชายหลี่หมิงบัณฑิตวัยกลางคนและชายชราชุดดำสามคนนี้ไม่ได้รับผลกระทบอะไร ส่วนที่เหลือได้รับบาดเจ็บจากพายุหิมะนี้ในระดับแตกต่างกัน
คนอ่อนแอจำนวนเล็กน้อยร่างแข็งเป็นเป็นตุ๊กตาน้ำแข็ง
พวกเขาเสียชีวิตไปอย่างเงียบๆ
เมื่อยักษ์น้ำแข็งยกมือกดพื้น
สิ่งที่ปรากฏอยู่ข้างหน้าไม่ใช่หิมะน้ำแข็ง แต่เป็นพื้นทองคำบริสุทธิ์
มีเส้นแบ่งลายอิฐสีทองปรากฏเป็นแนวมองดูเหมือนเป็นธรรมชาติเวทีทองคำไม่ต่างจากเวทีธรรมดามากนักทำจากทองคำบริสุทธิ์มีขนาดใหญ่กว่าเวทีธรรมดาเป็นร้อยๆ เท่า
กว้างยาวเกินกว่าหมื่นเมตร
มีความสูงกว่าสิบเมตร
พื้นอิฐทองคำ
ไม่รู้ว่ามันถูกสร้างไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่ในดินแดนกันดารนี้แต่เดิม
“ถ้าข้าบอกว่านี่คืออสูรระดับทองและเป็นเวทีทองที่จะช่วยพัฒนาในการรบแค่หนึ่งในวิธีรบชนะของพวกเรา เจ้าผู้พิทักษ์หอทงเทียนผู้ซื่อสัตย์คิดว่าอย่างไรบ้าง?” คุณชายหลี่หมิงยังคงยิ้ม และจ้องมองเจ้าอ้วนไห่เย่คงและพวก สีหน้าฉลาดเจ้าเล่ห์เหมือนสุนัขจิ้งจอกมองดูลูกไก่สองตัวอยู่ข้างหน้าเขา