ตอนที่ 1228 สมบัติมากสีสัน
เปลี่ยนเป็นคนอื่นมายืนตะโกนแบบนั้นคงเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์
ตรวจสอบเรียกเก็บค่าน้ำเป็นเรื่องแย่มาก
แต่ไม่มีใครสามารถตรวจสอบได้เรื่องนี้ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจึงจะแสดงอำนาจตรวจสอบได้
เย่ว์หยางตะโกนเช่นนี้แม้ว่าจะไม่มีอำนาจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่อย่างน้อยก็สามารถทำให้สาวน้อยผู้นอนหลับอุตุเป็นหมูอยู่ในบ้านทั้งวันต้องสะดุ้ง ทำไมกัน? เพราะเขาเป็นเจ้าของบ้านจะตรวจสอบเรียกเก็บค่าน้ำค่าไฟนับเป็นเรื่องปกติ!
“น่ารำคาญชะมัดคนกำลังจะอาบน้ำ เตรียมตัวเข้านอนแท้ๆ!” เสียงผู้หญิงที่น่ารักแค่นเสียงเหนื่อยหน่ายผ่านจมูกบนศีรษะของนางโพกผ้าเช็ดตัวและบนร่างนางพันด้วยผ้าขนหนูเตรียมอาบน้ำปรากฏตัวอยู่ที่ด้านหลังเย่ว์หยางแผ่นหลังสีขาวราวกับรากบัวของนางมีเม็ดหยดน้ำเกาะพราว ขณะเดินมีน้ำหยดลงตามรายทางตลอด
“ช่วยข้าหน่อย ข้ากลัวจริงๆ!” เย่ว์หยางเตรียมก้มหน้าดมผ้าเช็ดตัวนาง
“บังอาจ,เจ้าลามก!” ไม่รอให้เด็กหนุ่มจากโลกอื่นตั้งตัว เด็กสาวรีบจับผ้าเช็ดตัวไว้แน่นและเตะเขากระเด็นลอยทันที
อย่างไรก็ตาม
ทันทีที่นางปรากฏตัวพลังกดดันของเทพปีศาจเว่ยกวงและกลุ่มแสงเขียวชั่วร้ายของร่างเงาสูญเสียประสิทธิภาพไปในทันที
แรงกดดันที่อัดใส่เย่ว์หยางจนแทบหายใจไม่ออกตอนนี้เหมือนกับได้รับสายลมฤดูใบไม้ผลิ เหมือนสายฝนโปรยปรายที่มองไม่เห็น และในที่สุดก็อ่อนกำลังลง แม้แต่เทพปีศาจเว่ยกวงเองก็ไม่รู้สึกว่าจะอธิบายอะไรได้? สตรีตัวเล็กๆ มาถึงพร้อมกับนุ่งผ้าเช็ดตัวนางไม่ใช่นักสู้ระดับเทพแน่นอน พลังกดดันของนักสู้ระดับเทพไม่ส่งผล? พลังแสงโรคระบาดก็ไม่คงอยู่ต่อไป
ทำไมเมื่อครู่นี้ถึงไม่มีผลอะไรเลย?
ตั้งแต่สาวน้อยแปลกประหลาดวิ่งออกมากลุ่มแสงเขียวไม่เพียงแต่ไม่สามารถเคลื่อนเข้าไปข้างหน้าได้ แม้แต่เย่ว์หยางจะเดินหน้าเข้ามาพลังโรคระบาดก็ไร้ประโยชน์ไม่สามารถทำอะไรได้
เงาดำรู้สึกตกใจ
มีแต่นาง
ไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้?
เนื่องจากกิเลนเป็นอสูรบูรพาอมตะมีพลังวิญญาณที่บริสุทธิ์โดยกำเนิดสามารถสลายกำจัดอุบาท และพลังกาฬกิณีได้ทั้งหมด
เวทโรคระบาดมีผลต่อนักรบหรือพลังป้องกันเป็นเรื่องยากที่จะใช้ของวิเศษและอสูรเพื่อกำจัดผลร้ายเช่นนี้ได้อย่างเด็ดขาด อย่างไรก็ตามมันกลับไม่มีผลต่อสาวกิเลนนี้เพราะนางมีพลังบริสุทธิ์โดยกำเนิดสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเวทโรคระบาดความจริงเป็นเวทจากดินแดนบูรพา หลังจากมีการปรับเปลี่ยนปรับปรุงบางอย่างเมื่อรวมกับอสูรร้ายและทักษะแฝงเร้นพิเศษทำให้พัฒนาไปสู่พลังโจมตีในปัจจุบัน.... เป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้เคล็ดวิชาแบบนี้เพื่อจัดการกับอสูรอมตะอย่างกิเลน
โชคดีที่สาวกิเลนนี้ยังเด็กถ้านางเป็นผู้ใหญ่เกรงว่าฝ่ายตรงข้ามคงได้รับผลสะท้อนกลับ
เย่ว์หยางหล่นลงมาจากท้องฟ้า
กระแทกกับพื้น
เขาอยากดูทิวทัศน์งดงามใต้ผ้าเช็ดตัวของสาวกิเลน แต่มันน่าขายหน้าเล็กน้อยดังนั้นเขาแสร้งทำเป็นกระแอมไอทำตัวเป็นสุภาพบุรุษชี้นิ้วไปที่เงาดำ “จะทำยังไงดี ดูนังแม่มดเฒ่าชั่วร้ายอยู่ฝ่ายเดียวกับเจ้าหรือเปล่า?นางมารังแกข้าถึงหน้าบ้านแล้ว เจ้ากลับไม่สนใจเลย!”
สาวกิเลนยังคงโกรธเขานางเชิดหน้าแค่นเสียงออกจมูก “ไม่ใช่คนของเราแน่นอน ส่วนใหญ่เป็นลูกหลานเผ่าพันธุ์ปีศาจแดนสวรรค์สำคัญอะไรกับเราด้วย! ระดับก็ไม่สูง อย่าดึงพวกมีพลังชั่วร้ายมาเหมารวมกับเรา เราทั้งสองต่างกันห่างไกลเจ้าไม่รู้อย่าพูดดีกว่า!”
เย่ว์หยางได้ยินแล้วมีความสุข “อย่างนั้นเจ้าหมายความว่า ฆ่าไปก็ไม่เกี่ยวกันใช่ไหม?”
สาวกิเลนชายตามองเขา “นี่เจ้าโง่หรือเปล่า? พวกเราทั้งหมดรักสงบเราจะโจมตีเจ้าได้อย่างไร?”
“เจ้าขี้เกียจมากกว่า คร้านเกินกว่าจะทำอะไร ไม่ใช่รักสงบ” เย่ว์หยางคิดว่าอาจเป็นเช่นนี้
“ว่าไงนะ?” สาวกิเลนโมโห
“ถ้าไม่อย่างนั้นเจ้าต้องพิสูจน์โค่นเจ้าตัวใหญ่ลง” เย่ว์หยางคิดว่าไม่จำเป็นต้องให้นางทำงานยากเกินไป ตราบใดที่นางฆ่าเทพปีศาจเว่ยกวงเขาจึงจะเชื่อว่าเผ่าบูรพาอมตะไม่ขี้เกียจ แต่รักสงบ
“ไม่” สาวกิเลนผู้ฉลาดปฏิเสธอย่างเดียวนี่จะหลอกให้คนโจมตีแทนตนเอง คิดสวยหรูจริงๆ
“ถ้าเจ้าไม่ต้องการให้ข้าหวดก้นบวมก็ช่วยกันหน่อย!” เย่ว์หยางโมโห แพนดอราออกมาก็สร้างปัญหา แม้แต่นางก็คิดจะยืนดูกันเฉยๆ หรือ?
“ก็ได้!” ภายใต้สายตาแข็งกร้าวเด็ดขาดของเย่ว์หยาง สาวกิเลนพยักหน้าน้ำตาคลอเบ้าท่าทางน่าสงสารเล็กน้อยใครผ่านไปมาจะรู้สึกใจอ่อน โชคดีที่เย่ว์หวี่และสาวๆคนอื่นไม่ได้อยู่ที่นี่มิฉะนั้นพวกนางคงวิจารณ์เย่ว์หยางและห้ามไม่ให้เขาแกล้งเด็กสาวสาวใช้เอลฟ์ที่อยู่ใกล้ๆ เป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ก็ยังช่วยปลอบใจสาวกิเลน เพราะว่าถ้าเจ้านายโกรธขึ้นมาผลที่ตามมาจะร้ายแรงมากดังนั้นควรจะเชื่อฟังดีกว่า กฎครอบครัวเป็นเรื่องที่น่าเศร้า พวกเจ้านายมักใช้ข้ออ้างนี้เพื่อลงโทษลูกบ้านและทุกคนก็กลัวกันมาก ด้วยวิธีนี้เองสาวกิเลนจึงต้องสัญญาทั้งน้ำตาตีหน้าเศร้าอีกเล็กน้อยราวกับว่านางคือนางเอกดราม่าที่ถูกกลั่นแกล้งโดยหัวหน้าครอบครัวผู้ชั่วร้าย
“ความจริงแล้วข้า...” ความคิดเย่ว์หยางสัมผัสได้ถึงการไม่ยินยอมพร้อมใจ แต่ในกรณีนี้เขาพูดไม่ออก
นิ้วของสาวกิเลนมีสีแดงขึ้น และเล็งไปที่เงามืดในระยะไกล
รังสีสายหนึ่งพุ่งออกจากนิ้วของนาง
จุดที่ลำแสงผ่านไปทำให้กลุ่มแสงเขียวละลายระเหยหายไปในอากาศ
กลุ่มแสงเขียวที่รายล้อมถูกลำแสงบริสุทธิ์ชำระหายไปและลำแสงยังพุ่งตรงไปยังร่างเงาที่หยิ่งยโสทันที
เงาร่างดำไม่สามารถหลบแสงชำระนี้ได้พ้นราวกับว่าคอของนางถูกมือข้างหนึ่งบีบรวบไว้ นางพยายามดิ้นรนอย่างเจ็บปวดจากนั้นคำรามออกมาจากลำคอ “เจ้าทำลายโรคระบาดของข้า! เจ้ารู้หรือเปล่าว่าข้าต้องทุ่มเททุ่มราคาไปเท่าใดกว่าจะฝึกขึ้นมาได้? เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าฝึกมาเป็นเวลากี่ปี? เจ้ากลับทำลายมัน!”
สำหรับข้อกล่าวหาเช่นนี้สาวกิเลนปิงหยินแค่นเสียง “เจ้าไม่ใช่คนครอบครัวข้า ข้าแค่ปิดทักษะฝีมือเผ่าของข้าไว้เพื่อไม่ให้เผ่าของข้าเสื่อมเสียชื่อเสียง!”
ในท้องฟ้า
ร่างอวตารของเทพปีศาจเว่ยกวงบดบังฟ้าและดิน
ถ้าไม่ใช่เพราะพลังแรงกดดันหายไปร่างอวตารนี้ก็จะใช้ลูกไม้ที่เย่ว์หยางไม่สามารถคลี่คลายได้ไม่สามารถหลบหนีได้ มีฝนดาวตกกลุ่มดาวราชสีห์คอยอยู่ด้านหลังเขา แม้ว่าเขาไม่ตาย แต่เทพปีศาจเว่ยกวงจะถูกฝังไว้ในที่แห่งนี้
ตอนนี้พอสาวกิเลนปิงหยินปรากฎตัวและกำจัดแรงกดดันได้สถานการณ์กลับเดินหน้าไปเป็นอีกอย่างหนึ่ง
แม้ว่าเขาไม่สามารถเอาชนะได้ แต่การหลบหนีย่อมไม่เป็นปัญหา
ใบหน้าน้อยๆของสาวกิเลนปิงหยินมองดูจริงจังเป็นครั้งแรก
แม้แต่กับบุรุษลึกลับก่อนนั้นนางก็ยังไม่จริงจังมากนัก เวลานั้นนางทำร้ายบุรุษลึกลับนั้น ตอนนี้นางไม่ได้ใช้กลวิธีนั้นทดลองทดสอบพลังวิญญาณ แต่นางมองดูท้องฟ้าเป็นเวลานาน ร่างอวตารของเทพปีศาจเว่ยกวงที่กำลังใกล้เข้ามา ยิ่งเข้ามาใกล้เท่าใดร่างยักษ์อวตารลุกไม้อยู่เต็มท้องฟ้า เย่ว์หยางรู้สึกปวดหัวใจการสู้ของมนุษย์ยักษ์จะทำให้นางที่เป็นสาวน้อยทนได้อย่างไร?
นี่คือความรับผิดชอบของเขานี่คือศึกของตัวเขาเอง!
เย่ว์หยางสูดหายใจลึก
เขาเตรียมให้แพนดอราและสาวกิเลนปิงหยินกลับไปและเขาจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้สู้กับเทพปีศาจเว่ยกวง
แต่สาวกิเลนปิงหยินยื่นมือขวางเขาอย่างจริงจัง “ให้ข้าลงมือก่อนแล้วค่อยถึงรอบเจ้า!”
รัศมีสดใสเหมือนรุ้งปรากฏบนร่างนางกลิ่นกายหอมระเหยออกมาจากร่างของนางผ่านผ้าเช็ดตัวที่นางนุ่งและผ้าขนหนูที่โพกศีรษะคลี่ออกโดยอัตโนมัติเกราะรบสวมร่างของนางโดยอัตโนมัติพลังปราณวิญญาณที่ละเอียดอ่อนคลุมเครือยากจำแนกขยายออกจากร่างของนาง พลังคลื่นที่ไม่ธรรมดากวาดไปทั่วพื้นปฐพีเหมือนสายลมโปรยปราย โลกเต็มไปด้วยพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่ยากพบเจอ
“ข้าไม่มีความตั้งใจจะสู้กับเผ่าบูรพาอมตะ แต่เจ้าฝ่าฝืนแทรกแซงหลักสันติภาพที่พวกเจ้าได้กำหนดไว้ ดังนั้นข้าจะไม่รามืออยู่เฉยๆ แน่นอน” เทพปีศาจเว่ยกวงพูดเป็นครั้งแรก เสียงของเขาเหมือนกับสายฟ้าฟาดระหว่างโลกและสวรรค์ทำให้ภูเขาและแม่น้ำสั่นสะเทือน
“ย่อร่าง!” คำตอบของสาวกิเลนปิงหยินชัดเจนมือทั้งสองมีประกายระยิบระยับชูขึ้นเหนือศีรษะ
“ต่อต้านข้าต้องตาย!” เทพปีศาจเว่ยกวงโกรธเขากดมือลงพื้นอย่างรวดเร็ว
แสงสดใสไม่รู้หมดสิ้น
ตั้งแต่ปิงหยินผลักฝ่ามือค้ำฟ้าลำแสงกลายเป็นแม่น้ำแสงมีสีสันชัดเจนราวกับมีชีวิตหรือม่านแสงสีที่สวยงามยิงขึ้นไปบนท้องฟ้าที่กำลังลุกไหม้
แสงเจ็ดสีสว่างสร้างให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ไม่ว่าจะเป็นอุกกาบาตหรือร่างอวตารเทพปีศาจเว่ยกวงที่ไฟลุกโชติช่วงหดตัวลงในระดับที่เห็นชัดด้วยตาเปล่า
แม้ว่าเทพปีศาจเว่ยกวงจะระเบิดพลังเทพและเจตจำนงเทพอย่างบ้าคลั่งแต่ไม่สามารถขัดขวางป้องกันผลกระทบจากรัศมีเจิดจ้าที่ไม่ธรรมดาเจ็ดสีนี้
ภายใต้สายตาจ้องมองของเย่ว์หยางเขาเห็นร่างอวตารขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถมองเห็นแม้ฝ่ามือได้ตอนนี้มองเห็นขนาดร่างกายครึ่งหนึ่ง ร่างอวตารมีขนาดเล็กลงอย่างน้อยร้อยเท่าเย่ว์หยางไม่สามารถจินตนาการได้ว่าพลังชนิดนี้เป็นอย่างไรภายใต้การขัดขวางของเทพปีศาจเว่ยกวงแสงรุ้งเจ็ดสีสามารถลดขนาดของร่างอวตารลงได้ร้อยเท่า ถ้าอย่างนั้นลำแสงเจ็ดสีย่อขนาดของปิงหยินนับว่าเป็นสมบัติวิเศษหรือไม่?
ขณะที่มีความรู้สึกว่ายังไม่พอปิงหยินหยิบน้ำเต้าหยกออกมา
การพุ่งลงมาของร่างอวตารนั้นทำให้ร่างของเขาบดบังเต็มท้องฟ้า
ปรากฏว่า
ปากน้ำเต้าหยกฉายแสงชนิดหนึ่ง
สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางและอดีตเทพธิดาหายนะตะลึงมองก็คือตอนนี้ร่างอวตารมีขนาดหดเล็กลงอีกครั้งด้วยความเร็วกว่าเดิมถึงสิบเท่า ในเวลาไม่ถึงร้อยวินาทีร่างอวตารไร้ศีรษะหดร่างลงมาเหลือขนาดหมื่นเมตรตอนนี้มันมิใช่อวตารขนาดดาวเคราะห์อีกต่อไป
เย่ว์หยางสังเกตว่าใบหน้าน้อยๆของปิงหยินไม่ได้ลดความจริงจังลงเลย เขาลอบถอนหายใจโล่งอก ดูเหมือนว่าความเปลี่ยนแปลงนี้ยากที่นางจะทำได้สำเร็จไม่ง่ายเลยสำหรับนางเหมือนอย่างที่มองเห็นโดยผิวเผิน
“มีแต่ต้องใช้เสาขนาดยักษ์หวดเขาโดยเร็ว” ปิงหยินให้เย่ว์หยางปล่อยเด็กสาวไตตันเสี่ยวเสี่ยวเอินออกมา
เด็กสาวยักษ์ออกมาต่อสู้ได้ลำบากเพราะมีการรบหลายครั้งที่ไม่เหมาะกับขนาดร่างกายของนาง
อย่างไรก็ตามคิดว่าตอนนี้ได้แล้ว
เป็นช่วงเวลาที่นางมีขนาดร่างกายใหญ่โตที่สุด
สาวกิเลนปิงหยินถือกลุ่มแสงสีไว้ในมือซ้ายขวาและกดมือซ้ายคือแสงเพชร มือขวาเป็นพลังวิญญาณ
เมื่อได้รับพรวิเศษสองชนิดของหนุนเสริมเด็กสาวยักษ์เสี่ยวเสี่ยวเอินตวาดลั่นร่างของนางขยายเพิ่มอีกสิบเท่าพลังแสงสีทองช่วยเสริมพลังต่อสู้ของนางนอกจากนั้นเกราะไตตันทองของนางก็มีพลังเพิ่มขึ้นหลังจากนั้นเย่ว์หยางเสริมเงายักษ์เพิ่มเข้าไปอีกพลังสาวไตตันยักษ์เสี่ยวเสี่ยวเอินพุ่งทะยานเกินขีดจำกัดเหมือนกับภูเขาไฟระเบิดที่ไม่มีทางระบายออก
นางตวาดราวกับสายฟ้าและพุ่งทะยานไปทางร่างอวตารเทพปีศาจเว่ยกวงที่กำลังร่วงลงพื้นและขนาดหดเล็กลงอีกสองสามเท่า
เดิมทีเย่ว์หยางต้องการวิ่งเข้าไปช่วย
แต่พอเหลียวหลังหันกลับเขาพบว่าปิงหยินใช้พลังไปแทบไม่เหลือ นางค่อยๆ ล้มลงกับพื้น
นอกจากตอนทำลายผนึกออกมาเย่ว์หยางไม่เคยเห็นสาวน้อยอยู่ในสภาพอ่อนแอแม้แต่น้อยใจของเขาเจ็บปวดเหมือนถูกเข็มแทงเขากอดนางไว้ในอ้อมแขน
“เจ้าทึ่ม! รีบฆ่าศัตรูเรามีเวลาชั่วธูปไหม้” สาวกิเลนปิงหยินโกรธและต้องการจะทุบตีเขาแต่นางไม่สามารถยกแขนขึ้นได้แม้แต่น้อย แม้แต่เสียงก็ยังอ่อนล้าเหมือนมด เย่ว์หยางจูบหน้านางและให้คำรับประกัน “อย่าว่าแต่มีเวลาชั่วธูปไหม้เลยต่อให้มีเวลาสิบวินาที ข้าจะต้องฆ่าเขาให้ได้ เจ้ารอข้ากับมาได้!”
เด็กหนุ่มหน้าด้านจากโลกอื่นพาสาวกิเลนปิงหยินกลับไปในโลกคัมภีร์ เขาก้มหน้าแอบขโมยจูบปากนาง
ทำให้สาวกิเลนผู้บริสุทธิ์สะท้านเหมือนถูกไฟดูด
อ่อนไปทั้งตัว