ตอนที่ 63 เมืองร้าง
ตอนที่ 63 เมืองร้าง
[ขอแสดงความยินดีด้วย คุณเดินทางมาถึงทวีปดึกดำบรรพ์ได้สำเร็จ]
[ช่องแชทโลกเปิด เนื่องจากภูมิภาคเปลี่ยน ภูมิภาคปัจจุบัน : อาณาจักรหวงหวู่]
[ตรวจสอบราชัน ปลดล๊อกเผ่ารอง ข้อจำกัดเกี่ยวกับทหารขั้นพื้นฐานถูกยกเลิก ขีดจำกัดของทหารเพิ่มขึ้น]
[อัพเกรดกระเป๋ามิติ , ปลดล๊อคพลังศรัทธา , ปลดล๊อคฟังก์ชั่นผู้คนในดินแดน , ปลดล๊อคฟังก์ชั่นการสร้าง , ปลดล๊อคฟังก์ชั่นการจัดการอาณาเขต....]
[เนื้อหาอาณาเขตใหม่ โปรดตรวจสอบอาณาเขตของท่านด้วยตัวเอง]
......
เมื่อฟังจากข้อมูลจำนวนมากที่ก้องอยู่ในหัวของเขา หลิน ยู ที่เพิ่งมาถึงก็มึนงงอย่างสมบูรณ์
พวกนี้มันคืออะไรกัน
ทำไมจู่ๆ ถึงปลดล็อคอะไรใหม่ๆมากมายขนาดนี้
สิ่งที่ทำให้เขางุนงงยิ่งกว่านั้นคือ
ขณะที่เขายืนอยู่นั้น คนกลุ่มใหญ่ก็มาปรากฏต่อหน้าเขาทันที คุกเข่าคำนับเขาอย่างตื่นเต้น พร้อมตะโกน "ยินดีต้อนรับ นายท่านของข้า"
หลิน ยู ยอมรับว่าเขานั้นหล่อเหลา
แต่เขาไม่ได้หล่อถึงขนาดดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมากได้ขนาดนี้ทันทีที่เขาปรากฏตัว
ในขณะที่เขากำลังสับสนอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นในหัวของเขา
[ตรวจพบอาณาเขตที่ยังไม่มีเจ้าของ คุณต้องการโอนย้ายดินแดนมาที่นี้หรือไม่?]
และอื่นๆอีกมากมาย
อาณาเขตที่ยังไม่มีอ้างสิทธิ์
เป็นไปได้ไหมว่า..นี้คือพื้นที่ๆจัดสรรให้เขา
หลิน ยู นำคริสตัสที่ เหล่า โม่ มอบให้เข้าออกมาจากกระเป๋ามิติ มันเปล่งแสงออกมา
เหล่าผู้คนที่คุกเขาอยู่กับพื้นถึงกับร้องอุทานออกมา เมื่อเห้นคริสตัลในมือของเขา
"นั้นมัน!! คริสตัลรับรอง มันคือคริสตัลรับรองที่ได้รับมาจากกษัตริย์"
"ราชันนโอวว ราชันทรงโปรดด!! ราชันที่รักท่านมาหาพวกเราจริงๆ!"
"ยินดีต้อนรับนายท่าน"
ในพริบตา คนกลุ่มใหญ๋ที่อยู่ด้านหน้าพวกเขาก็คุกเขาลงอีกครั้งด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้นอย่างมาก
เมื่อเห็นสิ่งนี้ หลิน ยู ก็ยังไม่รู้ว่านี้คือพื้นที่ๆถูกจัดสรรไว้ให้เขาจริงๆ
ที่แห่งนี้มัน...
สภาพมันแย่เกินไปแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงฝุ่นทรายที่ลอยมากับสายลม
กำแพงเมืองที่เป็นรูนี้มันคืออะไรกัน อาคารและถนนที่ทรุดโทรมนี้อีก มันทำจากโคลนงั้นเหรอ?
คนเหล่านี้ที่ถูกห่อด้วยผ้าขี้ริ้ว หน้าเหลือง ผิวบาง ผอมแห้งราวกับจะถูกลมพัดปลิวไป?
เหมือนกับ หลิน ยู อาศัยอยู่ในพื้นที่กันดานของจริง
ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าทำคนเหล่านั้นถึงมองเขาด้วยความสงสาร
ด้วยสภาพที่เลวร้ายแบบนี้ เกรงว่าคงมีเพียงไม่กี่คนที่เต็มใจมาที่นี้
"ท่านแม่ ทำไมนายท่านไม่พูดอะไรกับเราเลยละ ท่านเกียจพวกเรางั้นเหรอ"
ด้านล่าง เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ มองมาที่ หลิน ยู อย่างสงสัยขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่บนจัตุรัส ถามแม่ของเธอที่อยู่ข้างๆ
คำถามของเด็กน้อยได้ลอยเข้ามาถึงหูของ หลิน ยู
เขาเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก กำตุ๊กตาที่ทำจากเศษผ้าสกปรกในมือแน่น ถอยหลังเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของมารดาด้วยความหวาดกลัว
เมื่อหญิงสาวเห็นเช่นนั้นเธอก็หวาดกลัวทันที
"นายท่าน โปรดยกโทษให้ด้วย! โปรดยกโทษให้กับลูกสาวตัวน้อยผู้โง่เขลา ของดิฉันด้วย นายท่าน!"
ในขณะที่ถูก เธอก้มลงคุกเข่าด้วยความหวาดกลัว
นี้มันทำให้ หลิน ยู ถึงกับพูดไม่ออก
เขาไม่ได้กินคนซักหน่อย? ทำไมถึงต้องกลัวขนาดนั้น
แต่เป็นเพราะคู่แม่ลูกทำให้เข้าฟื้นคืนความรู้สึกและเข้าใจสถานการณ์ของเขาอย่างถ่องแท้
เมื่อเห็นสีหน้าที่หวาดกลัวของผู้คนโดยรอบ เขาก็ยิ้มทันที "ไม่เป็นไร เธอไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องกลัวฉันขนาดนั้น ฉันไม่ได้กินคนซักหน่อย"
"ขอบคุณนายท่านสำหรับความเมตตา ขอบคุณ!"
เมื่อหญิงสาวได้ยินเธอดีใจอย่างมากและรีบขอบคุณเขา
"เอาละ ทุกคนลุกขึ้นก่อน ใครเป็นผู้นำที่นี้" หลิน ยู มองไปในฝูนชน
หลังจากนั้นไม่นาน ชายชราที่ถือไม้ค้ำ ก็ยืนขึ้นอย่างสั่นเทาด้วยความช่วยเหลือจากคนอื่น ค่อยๆเดินมาที่หน้าจัตุรัส
"นายท่าน เป็นข้าเอง ผู้รักษาการณแทนเจ้าเมือง หวงซา เซียว ฉางกุ้ย"
เมื่อมองไปที่เขา หลิน ยู กลัวว่าเขาจะล้มลง จึงรีบไปพยุงเขาขึ้นมา
"นายท่านไม่ได้ ไม่ได้ขอรับ"
เซียว ฉางกุ้ย ผลักมือของเขาออกครั้งแล้วครั้งเล่า ก้าวถอยหลังไปด้วยความกลัว โชคดีที่ชายหนุ่มที่อยู่ข้างพยุงเขาไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นเขาคงได้ล้มลงกับพื้นไปแล้ว
หลิน ยู ยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ละพูดว่า "เอาละงั้นเราไปหาสถานที่คุยกัน ฉันอยากรู้สถานการณ์ในตอนนี้ของเมืองหวงซา สะดวกที่จะคุยตอนนี้ไหม?"
"สะดวก สะดวกแน่นอน นายท่านโปรดมากับข้า"
เซียว ฉางกุ้ย ตอบเขาด้วยท่าทางเคารพ
เห็นได้ชัดว่าเทียบกับคนอื่นๆ เซียว ฉางกุ้ย นั้นดีกว่าเยอะ
ภายใต้การนำของเขา หลิน ยู ก็ออกจากจัตุรัสอย่างรวดเร็ว
เมื่อราชันของพวกเขาจากไป เหล่าฝูงชนด้านล่างต่างลุกขึ้นยืนทีละคนด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้น
"เยี่ยม! ในที่สุดพวกเราก็มีราชันแล้ว
"นี้คือราชันคนใหม่ของพวกเราเมืองหวงซา? เขาดูสง่างามยิ่มนัก"
"เมื่อกี้ฉันกลัวจนแข้งขาอ่อนแรงไปหมด"
"ฉันก็เหมือน เมื่อคืนแทบจะไม่ได้นอนเลย"
"ฉันไม่รู้จริงๆว่าท่านเจ้าเมือง จะบอกอะไรกับนายท่านบ้าง"
"ชู่! อย่าพูดไป รีบเอาข่าวกลับไปบอกที่บ้านกันเถอะ"
"ใช่ พวกเรากลับบ้านเถอะ"
เหล่าฝูงชนต่างพากันแยกย้ายจากไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาหายไปจากจัตุรัสในพริบตาเดียว
ณ อีกด้านหนึ่ง หลิน ยู และ เซียว ฉางกุ้ย ก็ถึงบ้านหลังใหญ่เขาสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของที่นี้
เขาถึงกับหมดคำพูด
หลิน ยู ครุ่นคิด
จากที่ เซียว ฉางกุ้ย บอก
เมืองหวงซานี้ตั้งอยู่ในจุดที่ห่างไกลและกันดานที่สุดของ อาณาจักรหวงหวู่
ไม่เพียงขาดแคลนทรัพยากรเท่านั้น มันมีผู้คนน้อยมาก มีคนแก่และพวกที่อ่อนแอ ผู้หญิงและเด็ก และคนอีกส่วนหนึ่งที่ไม่อยากจากไป
รวมกันแล้วไม่เกิน 500
มันเป็นเมืองที่ตายแล้ว
ราชันคนสุดท้าย เขาทนสภาพอันโหดร้ายของที่นี้ ไม่ได้ เพิ่งย้ายเข้ามาได้เพียง 1 เดือน ก็ย้ายดินแดนออกไป
สามปีเต็มๆผ่านไปในที่สุด หลิน ยู ก็มาถึง
หลิน ยู คิดว่าเหตุผลที่ราชันคนก่อนต้องใช้เวลาถึง 1 เดือนในการจากไปนั้นน่าจะเพื่อรวบรวมพลังเวทย์ให้เพียงพอต่อการย้ายดินแดน
นี้ก็เช่นกัน...
คราวนี้เขาไม่มีอะไรจะพูดแล้วจริงๆ
แม้ว่าเขาจะคาดไว้แล้วว่าพื้นที่ๆเขาได้รับมอบหมายให้มาดูแลนั้นมันต้องสภาพย่ำแย่ แต่เขาไม่ได้คิดว่าสภาพมันจะเลวร้ายขนาดนี้
เขาต้องรวบรวมพลังเวทย์ให้ถึง 60000 แต้มแล้วย้ายดินแดนไปที่อื่นเหมือนกับราชันคนก่อนดีหรือไม่?
พูดตามตรง หลิน ยู ทนไม่ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้เห็น เซียว ฉางกุ้ย และสายตาแห่งความหวังของผู้คนที่อยู่ข้างๆเขา มองมาที่เขา เช่นเดียวกับท่าทางหวาดกลัวและความเคารพที่พวกเขามีให้ เขาไม่สามารถพูดมันออกมาได้
เห็นได้ชัดว่าพวกเขายังหวังว่าจะมีราชันเข้ามาเพื่อนำพวกเขาไปสู่ความเจริญ
ไม่ต้องพูดถึงความมั่งคั่ง แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่เหมือนกับคนที่ทิ้งบ้านเกิดของเขา และหนีออกไปจากที่นี้
หึ..
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาก็ไม่มีที่อื่นให้ไปอยู่ดี ดูเหมือนว่าเขาต้องปักหลักอยู่ที่นี้เท่านั้น
หลิน ยู ถอนหายใจเขารู้สึกสงสาร
เขาเหลือบมองไปที่ผู้คนเพียงไม่กี่คนที่อยู่รอบตัวเขา และ เซียว ฉางกุ้ย มองดูเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งของพวกเขา และพูดขึ้นว่า "ติดต่อไปยังคนที่รับผิดชอบเมืองทั้งหมด ฉันมีเรื่องที่จะบอกพวกเขา"
"นายท่าน ท่านจะยอมอยู่ต่องั้นเหรอ!?"
เซียว ฉางกุ้ย ตกตะลึงดวงตาที่ขุ่นมัวของเขากลับมามีความหวังอีกครั้ง
คนไม่กี่คนที่อยู่ข้างๆเขาต่างมองหน้ากันด้วยความตื่นเต้น ยิ้มออกมาด้วยความยินดี
เมื่อเห็น หลิน ยู พยักหน้า เซียว ฉางกุ้ย ก็ตอบทันที "ฉันจะไปบอกพวกเขาทันที นายท่านโปรดรอซักครู่!"