ตอนที่ 62 ฉันมาแล้ว! ทวีปดึกดำบรรพ์
ตอนที่ 62 ฉันมาแล้ว! ทวีปดึกดำบรรพ์
เสียงนี้จู่ก็ปรากฏขึ้นอย่างกระทันหัน
ฝูงชนที่ยังคงพูดคุยกัน ได้มองไปยังต้นตอของเสียง
พวกเขาเห็นชายชราเดียวที่ไม่เข้ามาเชิญราชันระดับ C เข้าร่วม
เขาลุกขึ้นและ ถือไม้ค้ำ มองไปที่ หลิน ยู ด้วยรอยยิ้มที่เต็มบนใบหน้าของเขา
"เหล่า โม่ เจ้าต้องการให้เขาไปเข้าร่วมกับอาณาจักรหวงหวู่ ของเจ้าจริงๆงั้นหรือ ?"
ตัวแทนของ อาณาจักร เยว่ฮวา ถามด้วยความประหลาดใจ ดูเหมือนเขาจะรู้จักกับชายชราคนนั้น
แม้แต่ หลิน ยู เองก็ยังประหลาดใจ
ผมการประเมินของเขาต่ำมาก ยังมีคนยินดีรับเข้าไว้ด้วย
ด้วยความสงสัยนี้ เขาจึงอดไมไ่ด้ที่จะถาม "คุณแน่ใจระว่าจะให้ฉันเข้าร่วมด้วย?"
"แน่นอน" ใบหน้าของชรายังเต็มไปด้วยรอมยิ้ม "และเช่นเดียวกับพวกเขา ฉันไม่สามารถให้ทรัพยากรกับคุณได้มากเกินไป หากคุณรับ ก็ให้มาที่ อาณาจักรหวงหวู่ ของเรา"
คำพูดที่ดูจริงใจนี้ ทำให้ หลิน ยู ประทับใจในชายชรา
หลังจากนั้นชายชราเฝ้าดูเงียบๆอยูครู่หนึ่ง เขาพยักหน้า
"ผมจะไป"
หลังจากพูดจบเขาก็เดินออกจากลำแสงไปหาชายชรา
ชายชนะไม่ได้มีท่าทีรังเกียจแม้แต่น้อยเขาประเมินความสามารถของ หลิน ยู อีกครั้ง
เขาพูดด้วยยอมยิ้ม "อย่าไปสนใจสิ่งที่คนอื่นพูดมากเกินไป ตอนที่ฉันมาที่นี้ครั้งแรก ฉันก็เหมือนกับคุณ ฉันไม่ได้อยู่ที่นี้มาตั้งแต่แรกหรอกนะ"
หลิน ยู ตกตะลึง
"ใช่แล้ว ไม่ใช่เพียงแค่ฉัน ราชันทั่วทวีปดึกดำบรรพ์ทั้งหมดถูกรวบรวมมาจากโลกที่แตกสลายจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ช่วงเวลาที่เดินทางมานั้นแตกต่างกันไป"
เหล่า โม่ ดูเหมือนจะพอใจกับมารยาทของ หลิน ยู มากมันเป็นเรื่องยากที่จะหาใครอธิบายเรื่องของโลกนี้ให้ฟัง
"ในตอนที่ฉันมาที่นี้ครั้งแรก อันที่จริงฉันก็ถูกประเมินไปอยู่แรงค์ F เช่นเดียวกับคุณ ฉันสามารถไต่ขึ้นมาได้จากจุดนั้นทีละขั้นๆ ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องรีบร้อน"
"ท่านปู่ก็เหมือนผม?"
ใบหน้าของ หลิน ยู เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ชายชราซึ่งดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าเขามาก ได้รับการประเมินแรงค์เดียวกับเขา มันไม่น่าเชื่อ
ในขณะเดียวกัน เขาก็ได้เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงมาเชิญเขา
"ขอบคุณ ผมจะบุญคุณนี้ไว้ไม่มีวันลืม"
"เอาละ ฉันไม่แน่ใจว่าเราจะได้พบกันอีกไหมในอนาคต รับสิ่งนี้วไว้และเข้าไปในประตูมิติ คุณรู้เองว่าต้องทำอะไรเมื่อไปถึงที่นั้น"
เหล่า โม มอบหินคริสตัสมัวๆ ให้ หลิน ยู โบกมือให้กับเขา
เหมือนกับที่ หลิน ยู คิด
เหตุผลที่เขาเชิญ หลิน ยู เพียงเพราะเขาทนไม่ได้ที่เห็น หลิน ยู ที่เหมือนกับเขาสมัยก่อนโดนกระทำแบบนั้น
เห็นได้ชัดว่านี้เป็นไปไม่ได้ที่จะให้ทำให้คนระดับเขาสนใจ
ท้ายที่สุดแล้ว แต่ละคนก็เป็นถึงตัวแทนของอาณาจักรของตน พวกเขาได้รับภารกิจให้สรรหาผู้มีความสามารถพิเศษ
การเพิ่มเข้าไป หลิน ยู เป็นเพียงการเลือกของเขา มันเป้นการปลอบโยนหัวใจของเขา ในตอนที่เขานั้นยังอ่อนแอนอยู่
หลิน ยู รับรู้เรื่องนี้โดยธรรมชาติ ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไรมาก
เขารีบคริสตัลไป หันหลังกลับและเดินเข้าไปที่ประตูมิติที่เขียนว่า "อาณาจักรหวงหวู่" และหายเข้าไปในพริบตา
เสียงหัวเราะหยุดลงพร้อมกับการจากไปของเขา
.....
ทวีปดึกดำบรรพ์
หากมองจากมุมไกลๆ มันเหมือนเป็นเศษทรายที่อยู่ตามสุดขอบโลก ซึ่งมีแสงแดดคอยเผาไหม้อยู่
แม่และลูกสาวเนื้อตัวมอมแมมคู่หนึ่งยืนกอดกันแน่น เดินอย่างระมัดระวังออกไปที่ด้านเมืองดินเหลือง มันมีหลังคาที่หักลงและกำแพงที่พังทลาย
"ท่านแม่ ท่านคิดว่าปีนี้เจ้าแห่งอาณาจักรจะส่งราชันมาหาพวกเราไหม"
เสียงของเด็กน้อยตัวเล็กๆ แผ่วเบา เธอเงยหน้าขึ้นมองผู้หญิงที่ใส่ชุดผ้าขี้ริ้วข้างเธอปวดใจ
เธอดูเหมือนจะอายุเพียง 7 หรือ 8 ขวบเท่านั้น ตัวเธอซีดเซียว ดูซูบผอม จะเหมือนจะโดนลมพักปลิวไปตามสายลม
แม้แต่ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเธอก็แก้มตอบเลยทีเดียวพวกเขาผอมมาก สั่นสะท้านทุกครั้งที่เดิน
เมื่อได้ยินคำถามของลูกสาว ผู้หญิงคนนั้นก็ฝืดยิ้มออกมาอย่างเจ็บปวด ก้มศรีษะลงแล้วเอื้อมมือไปลูบหัวของลูกสาว
"คงอีกไม่นานนัก พระองศ์ท่าน คงส่ง ราชันมาช่วยให้พวกเรามีชีวิตที่ดีขึ้น"
"แต่แม่ แม่พูดแบบเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว?"
เด็กหญิงตัวเล็กเม้มปากราวกับเธอรู้ว่าแม่ของเธอกำลังโกหกเธออยู่
รอยยิ้มของหญิงสาวกลายเป็นเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม...
ในตาของเธอที่บอบช้ำ มันเป็นร่องรอยของความทุกข์ใจ
เธอพาลูกสาวมานั่งข้างๆ และพูดว่า "แม่จะโกหกหนูได้ยังไง หนูไม่เห็นหรอว่าก็มีราชันมาเมื่อปีที่ไหนแล้ว"
"แต่หนูได้ยินมาจาก เอ้อ กุน ที่อยู่ข้างบ้านเขาบอกว่าราชันนั้นได้จากไปภายในเวลาเพียง 1 เดือน" เด็กสาวเงยหน้าขึ้น
แม่ของเธอมองที่การแสดงออกที่ไร้เดียงสาของเธอ ดวงตาของเธอสั่นไหว และแอบซ่อนมันไว้อย่างรวดเร็ว
เธอแตะที่หลังศรีษะของเด็กสาว "หย่าหย่า อย่าไปฟังไอ้ลูกหมา 2 ตัวนั้น เข้าเมืองไปฉลองปีใหม่เถิด เสร็จแล้วแม่จะพาไปกินขนม"
"จริงเหรอ เยี่ยมมม งั้นเรามาอธิษฐานกันเถอะ"
ทันที่ได้เยอะว่าจะกินขนม หย่าหย่ากระโดนโลดเต้นด้วยความดีใจ และเรื่องนายเหนือหัวไปทันที สีหน้าของเธอดูสดใสและไม่อ่อนแออีกต่อไป
ผู้หญิงคนนั้นมองดูลูกสาวของเธอด้วยสีหน้าที่สิ้นหวัง และสุดท้ายมันก็กลายเป็นรอยยิ้มที่ขมขื่น
เธอกับมือเล็กๆของ หย่าหย่า เดินต่อไปในเมืองที่ทรุดโทรม
เมื่องนี้ไม่ใหญ๋มากนัก
มีแค่รัศมีเพียงไม่กี่ไมค์ก็เรียกว่าเมืองไม่ได้แล้ว
กำแพงและอาคารโดยรอบทำขึ้นมาจากโคลน ส่วนใหญ่มันได้รับความเสียงจากลมและทรายที่ทับถมลงมา ไม่มียามแค่เฝ้าคุ้มกัน
ทางเดินบนถนนจะเห็นทรายอยู่เป็นระยะๆ
ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายแบบนี้ ในทุกๆวันผู้คนจำนวนมากต่างพาครอบครัวมากราบไหว้ขอพรกับรูปปั้นนายเหนือหัวที่กลางจัตรัสใจกลางเมือง
พวกเขาหวังว่าจะมีราชันลงมายังดินแดนของพวกเขาในปีนี้ นำพาพวกเขาไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ทำให้พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้น
บนถนนเต็มไปด้วยชีวิตชีวา เหล่าผู้คนทักทายกันในวันปีใหม่
"ไง คุณคือหวังเกา ใช่ไหม ฉันไม่ได้เจอคุณแค่ 2 3 วัน ทำเสื้อผ้าคุณถึงขาดแบบนั้นหล่ะ"
"ดูเธอซิ วันนี้เป็นวันขอพร ช่วยแต่งตัวให้มันดีๆหน่อยได้ไหม"
"ฮ่าๆ ใช่แล้ว บางทีอาจจะมีราชันซักคนถูกใจคุณ เขาอาจจะมาหาพวกเราจริงๆ"
"ได้ได้ๆ พวกเธอไปก่อนเลย ฉันรีบตามไปหลังจากที่เก็บของเสร็จแล้ว"
ในการสนทนา หลายคนรีบเร่งไปที่ใจกลางเมือง
ในเวลานี้รูปปั้นขนาดใหญ่ที่ทรุดโทรม ณ ใจกลางเมืองเต็มไปด้วยผู้คนที่มาสวดมนต์
ทุกคนท่องบางอย่างในใจ คุกเขาคำนับรูปปั้นอย่างเคร่งครัด
ภาพแบบนี้จะปรากฏขึ้นปีละครั้ง มันเป็นความเคยชินของพวกเขามาช้านาน กลายเป็นธรรมเนียมไปแล้ว
เป็นบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
พริบตาเดียวก็มาถึงเที่ยงวัน
ดวงอาทิตย์ลุกโชนหัวเหนือหัวพวกเขาบนท้องฟ้า พื้นดินถูกรังสีความร้อนแผดเผา
แต่น่าแปลกที่ฝูงชนกลางจัตตุรัสไม่คิดจะแยกย้ายกันออกไป
พวกเขามารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ รอบรูปปั้น แหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับกำลังรอบางอย่าง
อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปท้องฟ้าก็ซึ่งวี่แววใดๆ
ดวงตาของพวกเขาก็ค่อยๆปรากฏความผิดหวัง
"อนิจจา... ดูเหมือนจะไม่มีราชันคนใดถูกส่งมาหาพวกเราอีกแล้วในปีนี้"
ชายชราที่พิงไม้เท้าเฝ้ามองท้องฟ้าอย่างสั่นเทา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
ในสถานที่ห่างไกลและแห้งแล้งเช่งนี้ นับประสาอะไรกับเหล่าราชัน แม้แต่คนธรรมดายังไม่อยากมาอยู่
ชายชราถอนหายใจ ค่อยๆหันหลังเตรียมตัวออกจากที่นี้
"ท่านปู่!! ดูนั้นมีแสงตกลงมาจากท้องฟ้า!!"
ทันใดนั้น ก็มีอุทานของเด็กน้อยดังขึ้น